“เรื่องของการจัดการลงทะเบียนเรียนของนายจะต้องเลื่อนออกไปอีกสองสามวัน” ฉินไคกล่าว
“คงต้องรอต่อไป” เสี่ยวอี้เฟิงผิดหวังเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะตั้งคําถามว่า:
“ด้วยทรัพยากรทางการเงินและเส้นสายของลุงฉิน มันยากมากนักเหรอ”
“แน่นอนว่ามันไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาในการรอขั้นตอนการรับลงทะเบียน” ฉินไคแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเสี่ยวอี้เฟิงและกะพริบตา
ที่จริงแล้ววันนี้เขาไปที่บริษัทของถังปิงหยุนเพื่อตามหาเธอ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเห็นตัวของถังปิงหยุนได้ด้วยซ้ำ
ฉินไคยังคิดไม่ออกว่าเขาไปทำให้ถังปิงหยุนขุ่นเคืองตอนไหน
ถึงเธอจะบล็อกเบอร์โทรของตัวเขาเอง แต่การไปหาด้วยตัวเอง เขายังไม่เห็นเธอแม้แต่เงา
เป็นไปได้ไง!
คิดว่าตัวเองยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหลิงแล้ว แต่นี่ยังไม่พออีกเหรอ?
ตอนนี้ฉินไคล้มเลิกในแผนการตามหาถังปิงหยุน
เขากําลังจะมองข้ามถังปิงหยุนและไปหาตระกูลถังแทน
ถึงถังปิงหยุนจะเป็นผู้ดูแลกลุ่มการศึกษาสุ่ยเจ๋อ แต่ตระกูลถังก็ไม่ได้ถูกกําหนดโดยถังปิงหยุนคนเดียว
เขาไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถเหนือกว่าสาวตัวเล็กๆ อายุยี่สิบคนนี้ได้
“แล้วฉินหยุนหานที่พักอยู่ที่โรงเรียนล่ะ ลุงฉินจะปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ” เสี่ยวอี้เฟิงยังคงดื้อรั้นและต้องการอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับคุณหนูแสนสวย
“หยุนหานเป็นลูกสาวของฉัน ฉันรู้จักเธอดีเกินไป เธอไม่เคยอาศัยอยู่ในหอพัก เธอจะไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนั้น และเธอยังไม่ได้กลับมาที่วิลล่าเพื่อเอาของของจำเป็นและเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนทุกวัน เธอจะต้องกลับมาแต่โดยดีในอีกไม่กี่วัน”
ฉินไคพูดและได้เริ่มสร้างอิมเมจลูกสาวนิสัยเสียของตัวเองที่บ่นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่พักอันย่ำแย่ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูหงุดหงิด
——
“ฮัดชิ่ว!”
ในห้องพักครูที่ตกแต่งอย่างดีฉินหยุนหานที่เพิ่งอาบน้ําอดไม่ได้ที่จะจาม
“พี่หยุนหาน ที่นี่ดีกว่าหอพักเยอะเลย” มู่เจาเจาเอนกายลงบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเทียบกับหอพักหญิงเมื่อวานสภาพแวดล้อมที่นี่ดีกว่ามาก
แม้จะห้องไม่ใหญ่ แต่มีทุกอย่างครบครัน
นอกจากนี้ยังมีห้องอาบน้ําแยกเป็นสัดส่วนและยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นเครื่องซักผ้าและเครื่องปรับอากาศ
“ที่นี่ไม่เลวนะ ถ้าพ่อไม่ไล่ไอ้คนบ้านนอกนั่นกลับไป ฉันจะอยู่ที่นี่จนเรียนจบ” ฉินหยุนหานค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมใหม่
“แหงอยู่แล้ว แล้วพวกเธอรู้ไหมว่าฉันใช้จ่ายไปมากเท่าไหร่?”
หวังฮ่าวหลานอดไม่ได้ที่บ่นอุบเมื่อได้ยินเสียงการสนทนาที่มาจากโทรศัพท์มือถือของฉินหยุนหาน
ห้องนี้เขาได้มาเมื่อตอนบ่าย ต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ครูหญิงยอมย้ายออก
ในแง่ของความกว้างขวางและการตกแต่งนี่เกือบจะดีที่สุดของห้องพักครู
อย่างไรก็ตามในสายตาของ ฉินหยุนหานในฐานะคุณหนูมันเป็นเพียง “ไม่เลว”
อย่างไรก็ตามก็แค่บ่นไปนั่น หวังฮ่าวหลานรู้สึกว่ามันยังคงคุ้มค่า
ท้ายที่สุดเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ฉินหยุนหานและมู่เจาเจากลับไปที่วิลล่าหลังเล็กเพื่อให้เสี่ยวอี้เฟิงและทั้งสองมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว
การที่ฉินหยุนหานและมู่เจาเจาในโรงเรียนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ครูอธิบายในระหว่างวันว่าจะมีการประชุมผู้ปกครอง-ครูในวันพรุ่งนี้ และผู้อํานวยการโรงเรียนจะกล่าวสุนทรพจน์เป็นการส่วนตัว นักเรียนทุกคนจะเรียกผู้ปกครองให้มา พี่จะทําอย่างไร” ในชุดหูฟังบลูทูธ เสียงของมู่เจาเจากลับมาดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันเป็นแค่ญาติของพ่อ ฉันสามารถโทรหาใครก็ได้ยกเว้นเขา ซึ่งยังไงเขาก็ไม่มาอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยมางานประชุมผู้ปกครอง-ครูของฉันเลยสักครั้งเดียว และฉันขี้เกียจที่จะโทรหาใครด้วย พรุ่งนี้ฉันจะไปแต่จะอยู่นอกห้องเรียนทั้งวัน!”
น้ําเสียงของฉินหยุนหานนั้นทั้งดูหงุดหงิด ทั้งโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัดและมีคําใบ้จาง ๆ ของการสะอื้นไห้เล็กน้อย
มู่เจาเจาต้องการปลอบโยนเธอ แต่ก็ได้แค่อ้าปากหลายครั้งและทุกครั้งก็กลืนคำพูดลงไปโดยไม่แม้แต่จะพูดสักครึ่งคํา
ในที่สุดเสียงฝ่ามือกระทบบนผิวก็สามารถได้ยินเบา ๆ
คาดว่ามู่เจาเจาเสียใจที่พูดถึงหัวข้อนี้และตบปากตัวเอง
ทันใดนั้นเสียงก็เงียบลง
ขณะนั้นหวังฮ่าวหลานก็คิดเกี่ยวกับมัน
แม้ว่าฉินหยุนหานนี้จะเต็มไปด้วยโรคเจ้าหญิง การแสดงตามปกติของเธอก็เห็นตัวเองเป็นศูนย์กลาง และไม่แยแสความคิดคนอื่นมากนัก
คนที่มีบุคลิกแบบนี้มักจะไร้กังวล
แต่ตัดสินจากสิ่งที่เธอเพิ่งพูดก็ยังคงมีด้านที่เปราะบางมากในหัวใจ
เพราะงั้นเราจะหาโอกาสโจมตีเธอจากด้านนี้ได้ไหม?
——
เที่ยงคืน
ฟางซวนกลับไปที่อาคารที่พักของครอบครัวซึ่งตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม
เพราะงานยุ่งมากฟางซวนจึงจ้างพยาบาลมาดูแลพ่อของเธอในระหว่างวัน
ณ เวลานี้พ่อคงหลับไปแล้ว
เธอกลัวที่จะปลุกพ่อและเมื่อเธอเดินผ่านประตูก็เตรียมที่จะแอบเข้าไปในห้องของเธอเบา ๆ
แต่ในขณะนั้น ก็มีเสียงปลดล็อกที่ประตู
ทันใดนั้นฟางซวนก็หยุดและรอดูที่ประตู
ไม่นานฟางเฮิงก็ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตา
“เสี่ยวเฮิง ทําไมกลับมาช้าจัง ไปร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อีกแล้วเหรอ” ฟางซวนเงยหน้าสวยขึ้นและตําหนิเล็กน้อย
“พี่ ฉันไม่ได้ไปเล่นเน็ต แต่ฉันไปทําเงินมา!” ใบหน้าของฟางเฮิงเป็นสีแดงเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
“นายไม่มีแม้แต่งานฝีมือ นายจะไปทําเงินได้ที่ไหน” ฟางซวนพึมพำเบาๆ
หลังจากฟางเฮิงเรียนจบจากม.ปลายตามปกติ เขาไม่ได้ไปทํางานและทันทีที่มีเวลาเขาก็ไปเล่นเกมออนไลน์
ฟางซวนบ่นเรื่องนี้ เธอเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้งว่าต้องการให้ฟางเฮิงเรียนรู้งานฝีมือ แต่ฟางเฮิงไม่เต็มใจที่จะไป
“ใครว่าฉันไม่มีงานฝีมือ ด้วยฝีมือของฉันมันทำให้ได้รับมาแบบจัดเต็ม!” ฟางซวนภูมิใจและชูห้านิ้ว
“ห้าหยวน?” ฟางซวนยิ้มสบายๆ
“ไม่”
“ห้าสิบ?”
“ไม่ใช่”
“ห้าร้อย?”
“ห้าล้าน!” ฟางเฮิงแทบรอไม่ไหวและเปิดปากพูดออกมาโดยตรง
“ห้าล้านฉันคิดว่านายได้ห้าล้านเหรียญทองเพราะเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดซะมากกว่านะ (เกมไพ่ของจีนที่คนนิยมเล่นกัน)” ฟางซวนอดไม่ได้ที่จะตำหนิเขาเล็กน้อย แต่ทันทีที่เธอพูดแบบนี้เธอก็ตระหนักถึงบางสิ่งและถามอย่างจริงจังอีกครั้ง:
“นายหาเงินได้ 5 ล้านจริงๆเหรอ”
“ใช่! ห้าล้านจริงๆ!” เมื่อฟางเฮิงควักเอาข้อมูลบัญชีธนาคารจากโทรศัพท์มือถือให้พี่สาวของเขาดู
ฟางซวนนับและพบว่าเป็นเงินห้าล้านแน่นอน!
นี่คือสิ่งที่หวังเฮารันพูด เป็นวิธีที่จะให้เงินตัวเธอเองเหรอ?
เธอตกใจ แต่ไม่แน่ใจดังนั้นเธอจึงถามว่า:
“นายได้เงินนี้มาได้ยังไง”
“ก็คือว่า ฉันอ่านตำราโบราณเมื่อไม่นานมานี้ และได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ฉันเลยไปที่ถนนกู่เหอเพื่อลองวิชาและผลที่ตามมาคือด้วยความรู้ที่ฉันได้เรียนไปเลยได้เจอชามเครื่องลายครามโบราณและ 5 ล้านหยวนนี้เป็นเงินสําหรับการขายชามเครื่องลายครามโบราณนั่นไงล่ะ!” ฟางเหิงซวนอธิบายอย่างจริงจัง
ถ้าพูดถึงนิ้วทองคำนั้นมันจะน่าตกใจเกินไป และฟางเฮิงก็กลัวว่าพี่จะไม่เชื่อ เขาจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา
“นายอ่านตำราโบราณแล้วหาสมบัติได้?” ฟางซวนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี
บรรดานักล่าสมบัติเหล่านั้นเขาไม่ได้ปุบปับเรียนรู้กันได้ง่ายๆ แบบนี้แต่เขาใช้เวลากันเป็นหลายทศวรรษต่างหาก
น้องชายของฉันหาสมบัติได้หลังจากอ่านตำราโบราณสองสามวันเป็นไปได้อย่างไร?
มีแต่คนโง่ที่เชื่อมัน
“พี่สาวนี่เรื่องจริงนะ ฉันไม่ได้โกหก เงินนี้หามาได้เองจริงๆ ไม่ได้ขโมยหรือปล้นใครมา ถ้าไม่เชื่อฉันก็สาบานได้!” ฟางเฮิงสาบาน
MANGA DISCUSSION