ข้ามมิติมาทั้งที ก็กลายเป็นตัวร้ายลูกเศรษฐีผู้ร่ำรวยไปซะแล้ว - ตอนที่ 46
ซูมู่หยานที่อยู่ด้านข้างได้ยินแม่อธิบาย ก็รู้สึกตกใจ
เธอไม่เคยคิดเลยว่าหวังฮ่าวหลานจะลาหยุดทั้งบ่าย แต่กลับมีเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นด้วย
“พ่อคะ หนูบอกแล้วว่าพ่อเข้าใจหวังฮ่าวหลานผิดไป เขาต่างจากลูกเศรษฐีคนอื่นๆ ตอนนี้พ่อเชื่อไหม?” ซูมู่หยานแค่นเสียง
“เฒ่าซู ฉันว่าคุณคงเข้าใจผิดแน่ๆ หยานหยานยังเอาโทรศัพท์มือถือคนอื่นโทรมาหาฉัน จะไปมีความคิดไม่ดีได้ยังไง?” ทนายอันพูด
ซูเจิ้งเหลือบมองไปที่ฉู่ป๋าย
“แต่พ่อได้ยินเขาบอกว่าหวังฮ่าวหลานเข้าไปพัวพันกับกลุ่มลูกเพื่อข่มเหงคนในโรงเรียนตลอดทั้งวันแถมยังพูดถึงแฟนสาวอีกหลายคนด้วย”
ได้ยินดังนั้น ซูมู่หยานก็ชําเลืองมองฉู่ป๋ายอย่างตกตะลึง แล้วพูดกับซูเจิ้งว่า
“ที่ไหนกัน? นักเรียนจำนวนมากปฏิบัติตามแบบอย่างของหวังฮ่าวหลาน เรื่องใช้ความรุนแรงอะไรนั่นไหนเลยจะเป็นจริงได้ หวังฮ่าวหลานมีผลการเรียนดีไม่ด้อยไปกว่าหนู จะเอาเวลาไหนไปทําอะไรกับลูกน้องของเขา ส่วนเรื่องการคบแฟนหลายคนน่ะมันไร้สาระมาก”
“จริงเหรอ?” ซูเจิ้งถามฉู่ป๋าย
ฉู่ป๋ายก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
เขาเคยทําให้หวังฮ่าวหลานเสื่อมเสียชื่อเสียงแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าซูเจิ้งจะถามออกมาในทันที
“ผมพูดเกินจริงไปหน่อย” ฉู่ป๋ายฝืนใจตอบอย่างกระอักกระอ่วน
ซูเจิ้งขมวดคิ้ว
เขาดูออกว่าฉู่ป๋ายชอบลูกสาวของตน แต่เพราะเหตุนี้ฉู่ป๋ายจึงไปใส่ร้ายผู้อื่น นี่ช่างไร้คุณธรรมเสียจริง
“ฉู่ป๋าย เจ้าทำตัวไม่ดีเลย” ซูเจิ้งกล่าวหาฉู่ป๋ายเล็กน้อย
“ท่านลุงซู เมื่อเทียบกับเขาที่เกือบจะฆ่าคนไปแล้ว นี่ไม่นับว่าเป็นอะไร” หวังฮ่าวหลานช่วยไม่ได้ที่จะซ้ำเติมให้กับฉู่ป๋ายอีก
“เกือบฆ่าคนไปแล้ว?” ซูเจิ้งประหลาดใจมาก
“ทั้งสองยังไม่รู้ใช่ไหม? มันเป็นแบบนี้…” หวังฮ่าวหลานเล่าถึงพฤติกรรมของฉู่ป๋ายที่โรงงานหยกในช่วงบ่าย
“ฉันได้ยินประธานถังพูดถึงเรื่องนี้ ตอนแรกประธานถังอยากจะฟ้องเขา แต่เพราะครูใหญ่ออกหน้าให้ ประธานถังจึงยกเลิกเรื่องนี้ไป” ทนายอันพูด
ซูเจิ้งมองไปที่ฉู่ป๋ายและเปลี่ยนมุมมองของเขาทันที
[ติ๊ง โฮสต์ซ้ำเติมสําเร็จ ตัวประกอบซูเจิ้งลดความรู้สึกที่มีต่อตัวเอกฉู่ป๋ายลงเหลือศูนย์ ซูเจิ้งออกจากฝ่ายตัวเอก ตอนนี้เป็นกลาง ]
[ติ๊ง โฮสต์มีผลต่อทิศทางของเนื้อเรื่อง ได้รับแต้มตัวร้าย 100 แต้ม]
เมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ หวังฮ่าวหลานก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
นี่เป็นเพียงการซ้ำเติมอย่างแรกเท่านั้น อย่างที่สองกำลังตามมา
เมื่อคํานวณเวลาแล้ว ฟ่านเจี้ยนน่าจะมาแล้วใช่ไหม
เจ้าหมอนั่น จักรยานคงไม่โซ่ตกหรอกนะ?
หวังฮ่าวหลานรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เขาอยากโทษนักเขียนนิยายบัดซบที่สร้างนิยายเรื่องนี้โดยออกแบบลูกน้องให้สมองพิการ
แอ๊ด!
ในเวลานี้เสียงเบรกของจักรยานดังขึ้นข้างถนน
ฟ่านเจี้ยนมาถึงแล้ว
เขาจอดรถจักรยานของเขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเดินไปที่แม่น้ํา
“เงินที่ข้าทำหายไปมันอยู่กับเจ้าใช่ไหม?” ฟ่านเจี้ยนถามฉู่ป๋าย
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้าเอาเงินอะไรของเจ้าไป เงินของเจ้าหายไปดันมาหาข้า ช่างน่าขันจริงๆ” ฉู่ป๋ายรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ภายนอกกลับสงบนิ่ง
“ข้าขับมาตามทางเล็กๆ ระหว่างทางไม่เจอใครเลย แต่แล้วก็เจอเจ้า ข้าจำได้ชัดเจนว่าเงินยังคงอยู่บนตัวข้าก่อนที่ข้าจะพบเจ้า แล้วพอเจอเจ้าเงินก็หายไป เจ้าต้องเก็บมันขึ้นมาแน่ๆ เจ้าซ่อนมันไว้ในกระเป๋าใช่ไหม?” ฟ่านเจี้ยนชําเลืองมองด้านหลังฉู่ป๋าย
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากําลังพูดถึงอะไร” ฉู่ป๋ายเบ้ปากอย่างดูแคลน แต่มือกลับคว้ากระเป๋านักเรียนโดยไม่รู้ตัว
“เปิดกระเป๋าให้ข้าดูซะ ถ้าไม่มี ข้าก็จะขอโทษเจ้า”
“ไม่จําเป็น กระเป๋าข้าก็ไม่มีอะไรให้เจ้าดู”
“เปิดให้ข้าดู!” ฟ่านเจี้ยนร้อนใจและพุ่งเข้าไปสู้กับฉู่ป๋าย
แต่ตัวของฟ่านเจี้ยนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่ป๋าย
โชคดีที่ซูเจิ้งดึงทั้งสองคนออกไปได้ทันเวลา ฟ่านเจี้ยนจึงรอดจากการถูกทุบตี
หวังฮ่าวหลานยืนขึ้นและกล่าวว่า
“ฟ่านเจี้ยน เงินของนาบหายไประหว่างทาง จะไปรู้ว่าใครเก็บมันไป นายมาขอดูกับฉู่ป๋ายเลย นี่มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ”
คําพูดนี้ฟังแล้วยุติธรรมมาก ฉู่ป๋ายประหลาดใจ อดลดความระมัดระวังลงไม่ได้
แต่ในเวลานี้หวังฮ่าวหลานก็คว้ากระเป๋าของฉู่ป๋ายไป
“ฉันเชื่อว่าฉู่ป๋ายไม่ได้เอาไป ถ้าไม่เชื่อ ฉันจะเปิดกระเป๋าให้นายดู!”
เขามีหมัดหวิงชุนระดับปรมาจารย์ เขาสามารถชกได้มากกว่าสิบหมัดในหนึ่งวินาที และโจมตีได้รวดเร็วดั่งสายฟ้า การแย่งกระเป๋ามาย่อมเป็นเรื่องง่าย
ฉู่ป๋ายหยุดไม่ทัน
เมื่อกระเป๋าถูกเปิดออก แบงก์สีแดงก็ปรากฏออกมา
“เอ่อ นี่…” หวังฮ่าวหลานพูดไม่ออก
ฟ่านเจี้ยนรู้ว่าถึงเวลาการแสดงของเขาแล้ว เขาจึงรีบพูดว่า
“นี่คือเงินของข้า ข้าบอกแล้วไงว่าฉู่ป๋ายเก็บมันไป แต่มันยังเถียงอยู่อีก”
เขาชี้ไปที่จมูกของฉู่ป๋าย เสียงตะโกนดังกึกก้อง
“ข้าจะเอาเงินนี้ไปรักษาย่าข้า แต่เจ้ากลับเอาเงินข้าเข้ากระเป๋าตัวเอง เจ้ารู้ไหมว่าถ้าย่าข้าไม่ได้ใช้เงินนี้รักษาพยาบาล ก็อาจจะตายได้”
คําพูดที่ว่าย่าป่วยนั้นเป็นคําพูดที่ฟ่านเจี้ยนคิดเอง
เมื่อเขาขอลาเขามักจะใช้เหตุผลนี้อย่าง ย่าล้มป่วย ปู่ล้มป่วย พ่อล้มป่วย
อย่างไรก็ตาม ญาติที่มีความสัมพันธ์กับฟานเจี้ยนมักจะ “เจ็บป่วย”เสมอ
ยิ่งโกหกเรื่องเดิมๆ มากเท่าไหร่ ยิ่งสะสมประสบการณ์ได้มากเท่านั้น
นอกจากหวังฮ่าวหลานที่รู้สถานการณ์ภายในแล้ว คนอื่นๆก็เชื่อคําพูดของฟ่านเจี้ยนกันหมด
ครอบครัวของซูมู่หยานทั้งสามคน ต่างมองฉู่ป๋ายด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
[ติ๊ง การควบคุมเบื้องหลังของโฮสต์ ตัวประกอบซูเจิ้งลดความรู้สึกที่มีต่อตัวเอกฉู่ป๋าย ตอนนี้สถานะรังเกียจ]
[ติ๊ง โฮสต์มีผลต่อทิศทางของเนื้อเรื่อง ได้รับแต้มตัวร้าย 100 แต้ม!]
หวังฮ่าวหลานได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบ
มีเพียงซูเจิ้งเท่านั้นที่ให้รางวัลตัวร้าย
ไม่มีซูมู่หยานและทนายอัน
นี่เป็นเพราะซูมู่หยานรู้สึกรังเกียจฉู่ป๋ายก่อนหน้านี้ ซึ่งหวังฮ่าวหลานได้รับรางวัลมาแล้วครั้งหนึ่ง
รางวัลนี้ไม่สามารถทําซ้ําได้
ทนายอันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตัวเอก เธออยู่ในฝ่ายของหวังฮ่าวหลานอยู่แล้ว
ดังนั้นแม้ว่าทนายอันจะเกลียดฉู่ป๋าย แต่เธอก็จะไม่ให้รางวัลตัวร้าย
“ข้าเป็นคนเก็บเงินนี้มา แต่ที่จริงข้าไม่ได้ตั้งใจจะคืนเจ้า และข้าอยากทำร้ายเจ้า ใครใช้ให้เจ้าหยิ่งผยองมาก่อน?” ฉู่ป๋ายปลดปล่อยตัวเอง
แต่คําอธิบายนี้มันช่างไร้เรี่ยวแรงและดูซีดเผือด
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรังเกียจที่ครอบครัวของซูมู่หยานมีต่อเขา
หวังฮ่าวหลานยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสถานการณ์แบบนี้
ตราบใดที่ฉู่ป๋ายไม่มีโอกาสได้คะแนนนิยมจากครอบครัวซูมู่หยาน ความรังเกียจก็จะคงอยู่ตลอดไป
“ซี๊ด”
ทันใดนั้นซูเจิ้งก็เซไปเล็กน้อยก่อนจะกุมหน้าท้องของเขาไว้เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด
ซูมู่หยานกับแม่เห็นดังนั้นก็ตกใจรีบถาม
แต่ไม่นานซูเจิ้งก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“เมื่อกี้ท้องด้านซ้ายมีอาการปวด แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ อยากไปตรวจที่โรงพยาบาลไหม?” ซูมู่หยานไม่วางใจ
“พ่อของลูกแข็งแรงดีมาก เรื่องแค่นี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก” ซูเจิ้งปฏิเสธทันที
“คุณคะ คุณไปลองตรวจดูดีกว่า” ทนายอันก็ทําตาม
“ไม่ไป บอกว่าไม่เป็นไร” ซูเจิ้งตัดสินใจแล้ว
ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก ตลอดทั้งปีเขาแทบจะไม่เป็นหวัดแม้แต่ครั้งเดียว และเกือบจะไม่ถูกกับสถานที่อย่างโรงพยาบาล
หวังฮ่าวหลานที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวของซูเจิ้ง เขาก็ครุ่นคิดบางอย่าง
ตอนนี้ครอบครัวของซูมู่หยานมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อฉู่ป๋าย เรื่องที่เกิดขึ้นกับซูเจิ้งนั้นไม่ใช่เพราะออร่าตัวเอกของฉู่ป๋ายหรอกนะ?
หวังฮ่าวหลานเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
แต่ความสามารถของฉู่ป๋ายคือมองทะลุ และไม่ใช่ตัวเอกหมอเทวดา หรือว่าเขาจะสามารถช่วยซูเจิ้งรักษาอาการป่วยได้?
โอ้ ใช่ มองทะลุ!
หวังฮ่าวหลานตื่นขึ้นมาและเพ่งสมาธิออกมาทันทีเพื่อตรวจสอบตําแหน่งที่ซูเจิ้งกําลังเอามือกุมหน้าท้องของเขาอยู่