บทที่ 15 ทักษะการวาดเขียนระดับปรมาจารย์
“ขอโทษที่รบกวน” หวังฮ่าวหลานมองไปที่ซินเหลียงฉ้าย
“ครูซิน เห็นได้ชัดว่าครูซ่งไม่สนใจคุณ ทําไมยังต้องตามตื้ออยู่อีกล่ะ?”
“สหายหวัง มันเป็นเรื่องระหว่างครู มันไม่เกี่ยวกับนายเลยนะ?” ซินเหลียงฉ้ายถูกช่วงเวลาดีๆ เขาไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าเผยออกมา
“คุยกันดีๆ ดูท่าจะไม่ฟังกันสินะ?”
หวังฮ่าวหลานเดินตรงไปหาซินเหลียงฉ้ายและคว้าช่อดอกไม้ ยัดมันลงไปในถังขยะ
“ถ้ายังกล้ามาก่อกวนครูซ่งอีก ฉันไม่เพียงแต่บอกให้นายออกไปจากโรงเรียน แต่ยังหาคนมาหักขาสุนัขของนายด้วย!”
“ไสหัวไปซะ!”
เป็นคําพูดที่น่าเกรงขามและทรงอํานาจ
ในฐานะครู ซินเหลียงฉ้ายถูกนักเรียนข่มขู่ย่อมสึกหงุดหงิดมาก แต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะผายลมและจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
เขาเป็นแค่ครูสอนพละและไม่มีภูมิหลัง
เทียบกับครอบครัวของหวังฮ่าวหลาน การจะจัดการกับครูพละตัวเล็กๆ อย่างเขานั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก
ซินเหลียงฉ้ายจะกล้าทําตัวโอหังได้อย่างไร
[ติ๊งโฮสต์จัดการตัวกลางทั่วไปที่ช่วยเหลือตัวเอกและนางเอก เปลี่ยนทิศทางของเนื้อเรื่องดั้งเดิม และได้รับแต้มตัวร้าย 100] 】
หวังฮ่าวหลานที่ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบไม่พอใจกับการเก็บเกี่ยวเหล่านี้
100 แต้มร้าย มันน้อยไปไหม?
คนกลางทั่วไป มีค่าแค่นี้เองเหรอ?
นอกจากนี้เหตุผลที่เขาช่วยซ่งเจินอวี่ไล่คนตามจีบที่น่ารังเกียจไป ทําไมซ่งเจินอวี่ถึงไม่ประทับใจเขาเลย?
มันเป็นที่ซ่งเจินอวี่เข้าถึงได้ยากหรือเป็นเพราะอิทธิพลของความสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียนกัน?
หรือคําพูดเมื่อครู่ของเขาไม่เพียงแต่ทําให้ซินเหลียงฉ้ายตกใจ เท่านั้น แต่ยังทําให้ซ่งเจินอวี่กลัวด้วย?
ซ่งเจินอวี่คิดว่าตัวเขาเองเป็นคนเลว?
หวังฮ่าวหลานไม่เข้าใจว่าทําไม เขาจึงคร้านที่จะคิดในตอนนี้
แต่สิ่งที่แน่นอนคือซินเหลียงฉ้ายจะไม่จีบซ่งเจินอวี่อีกต่อไป
เรื่องนี้ทําให้หวังฮ่าวหลานอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
ตัวร้ายยังมีข้อได้เปรียบของตัวร้ายอยู่ เลยพูดคําหยาบออกมาไม่กี่คํา อีกฝ่ายก็หนีไปทันทีทันที
ถ้านี่ปลี่ยนเป็นตัวเอกล่ะก็ ต่อให้ไล่ซินเหลียงฉ้ายออกไป แต่อีกฝ่ายก็ต้องตามจีบซ่งเจินอวี่ต่อไป
และมันจะรุนแรงขึ้น
หวังฮ่าวหลานต้องลงมือทันที!
ซ่งเจินอวี่ตะลึงงันไปชั่วขณะก่อนจะรู้สึกตัว
ซินเหลียงฉ้ายก่อกวนเธอมานาน เธอแสดงท่าทีไม่ใยดีกับซินเหลียงฉ้ายมานานแล้ว แต่อีกฝ่ายเอาแต่ตามตื๊อไม่ยอมปล่อย เขามักจะมารับกวนเธอหลังเลิกงานอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้เขาถึงใจกล้าตามมาที่ออฟฟิต
อย่างไรก็ตามหลังจากการข่มขู่ของหวังฮ่าวหลานเขาคงไม่กล้าที่จะตามจีบเธออีกต่อไป
“หวังฮ่าวหลาน ขอบคุณมาก” ซ่งเจินอวี่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมเป็นผู้ชาย การปกป้องผู้หญิงก็สมควรทำอยู่แล้ว” หวังฮ่าวหลานหัวเราะ
“ลูกผู้ชายอะไรกัน? เธอก็เป็นแค่เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ํานม” ซ่งเจินอวี่ปิดปากและยิ้ม
“ผมไม่ใช่เด็ก ผมอายุสิบแปดแล้วและไม่ใช่เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ํานม” หวังฮ่าวหลาน เลิกคิ้วขึ้น
ซ่งเจินอวี่ตกใจและมองไปที่หวังฮ่าวหลานอย่างระมัดระวัง
ผู้ชายคนนี้หล่อเหลามากโดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้น
ส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น ราวกับมีความรู้สึกว่าอายุสิบแปดปีมันผ่านกาลเวลามามากแล้ว
มันมีเสน่ห์มาก
ซ่งเจินอวี่จ้องมองหวังฮ่าวหลานอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ผ่านไปเนิ่นนาน เธอรู้สึกตกใจที่ควบคุมตัวเองไม่ได้และรีบหลบตา
เธอเป็นครู ทำไมถึงจ้องมองนักเรียนแบบนั้น?
ซ่งเจินอวี่ตําหนิตัวเองในใจ ไอออกมาเพื่อบรรเทาความกระอักกระอ่วน
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่พูดแล้วว่าเธอเป็นเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ํานม เธอเป็นลูกผู้ชาย โอเคไหม”
หลังจากยิ้มแล้ว ซ่งเจินอวี่ก็มองไปที่หวังฮ่าวหลานอย่างแปลกใจ “สิ่งที่เธอพูดกับครูซินเมื่อครู่นี้น่ะ แม้แต่ครูเองก็ยังตกใจ ”
ปกติแล้วหวังฮ่าวหลานจะให้ความรู้สึกที่ดีต่อเธอ
“ครูซ่ง ผมเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง ทําไมถึงทําเรื่องไม่ดีอย่างการจ้างวานทำร้ายร่างกายคนได้ แค่ทําให้เขากลัวเท่านั้นเอง” หวังฮ่าวหลานทําหน้าใสซื่อ
“งั้นก็ดีแล้ว” ซ่งเจินอวี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เธอยังคงหวังว่านักเรียนของเธอเป็นเด็กดี
“ครูซ่ง ผมเห็นว่าก่อนที่ครูซินจะจากไป สายตาที่เขามองครูมันยังคงน้ําลายสออยู่เลย
เขายังไม่ตัดใจ และจะยังคงตามตื๊อเจ้าต่อไปแน่นอน ไม่แน่บางทีเมื่อครูกลับมาถึงบ้านในตอนกลางคืนเขาอาจก่อกวนครูกลางทางก็ได้ หากคิดบ้าๆ ขึ้นมาล่ะก็ เขาอาจ…” หวังฮ่าวหลานกล่าวเสียงหลง
เมื่อซ่งเจินอวี่ได้ยินดังนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันใด
ก่อนหน้านี้ซินเหลียงฉ้ายได้ก่อกวนเธอหลายครั้งระหว่างทางกลับบ้าน
ในความคิดของเธอสิ่งที่หวังฮ่าวหลานพูดสามารถเกิดขึ้นได้
“ครูซ่ง ต่อไปหลังจากหมดชั่วโมงเรียนด้วยตัวเองแล้ว ผมจะไปส่งครูที่บ้านเอง ไม่ต้องกลัวหรอกครับ!” หวังฮ่าวหลานตบหน้าอกตัวเองเบาๆ
“อ่า นี่… โอเค โอเค ”
แม้ว่าการจะให้นักเรียนไปส่งเธอเองที่บ้านนั้นจะไม่เหมาะสม แต่ซ่งเจินอวี่ก็กลัวการถูกซินเหลียงฉ้ายก่อกวน
เมื่อซ่งเจินอวี่อยู่ต่อหน้านักเรียน เธอจะมีอารมณ์ร้อน และตบโต๊ะอยู่ตลอด
แต่ที่จริงแล้วเธอแค่แกล้งทําเพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้กับนักเรียนที่อายุพอๆ กับเธอ
ในความเป็นจริงเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอและมีบุคลิกที่อ่อนโยน
——
หวังฮ่าวหลานกลับมาที่ห้องเรียนอย่างสบายๆ
เขาหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาและเปิดหน้าหนังสืออย่างลวกๆ แสร้งทำเป็นพร้อมที่จะอ่าน
แต่แอบเปิดหน้าต่างร้านค้าระบบ
แต้มวายร้ายของเขาได้สะสม 900 แต้ม และถึงเวลาที่จะสุ่มรางวัล
เขาดูวงล้อรางวัลของร้านค้าระบบหมุนอยู่เล็กน้อย
ไม่กี่วินาทีต่อมาผลของการสุ่มก็ออกมา
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโชคของโฮสต์ ได้รับ “ทักษะการวาดเขียนระดับปรมาจารย์” มูลค่า 1,000 แต้ม จะเปิดใช้งานทันทีหรือไม่? 】
“ทักษะการวาดเขียนประดับปรมาจารย์?”
เมื่อเห็นการสุ่มรางวัลหวังฮ่าวหลานก็ตกใจและตอบกลับไปยังระบบว่า “ใช่”
ในวินาทีถัดมา หวังฮ่าวหลาน รู้สึกเพียงว่ากระแสไฟฟ้าได้ไหลผ่านร่างกายของเขา แต่ไม่นานเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เขาพบว่ามีบางอย่างที่เหมือนจิตสํานึกในหัว นอกเหนือจากนั้นร่างกายของเขายังมีความทรงจําเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบางส่วนอย่างแขนและขา
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลของการใช้ “ทักษะการวาดเขียนระดับปรมาจารย์”
ในเวลานี้หวังฮ่าวหลานเข้าใจดีว่าทักษะเหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร
พูดง่ายๆ ก็คือเขาสามารถคัดลอกการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดใดๆ ก็ตามที่เขาเห็นในตอนนี้ และระดับของการจำลองก็สูงถึง 99%
“คัดลอกภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงมาขายเพื่อหาเงิน?”
หวังฮ่าวหลานเกิดความคิดนี้ขึ้นในหัวของเขา
ภาพวาดโบราณเหล่านั้นมีค่ามากที่สุด
เพียงคัดลอกบางส่วนและนำมาขายเป็นของแท้ ซึ่งก็อย่าทำเงินมากเกินไป
แต่พอคิดอีกที เขาไม่ได้ขาดเงิน
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะทําเช่นนั้น
นอกจากนี้ของจำลองระดับ 99% ก็ยังคงเป็นของจำลอง
เมื่อขายเป็ยของจริงยังคงมีความเสี่ยงอยู่เล็กน้อย
ทักษะนี้มันไร้ประโยชน์เกินไปใช่ไหม?
สิ่งที่ฉันต้องการคือทักษะที่จัดการกับตัวละครได้!
หวังฮ่าวหลานบ่นในใจ แต่ไม่นานสมองของหวังฮ่าวหลานก็เปลี่ยนไป
ทักษะนี้ไม่จําเป็นต้องเป็นต้องคัดลอกของศิลปินที่มีชื่อเสียง แต่ต้องคัดลอกลายมือของผู้คนทั่วไป
ความคล้ายคลึงกัน 99% ก็เพียงพอที่จะปลอมแปลง
ถ้าใช้ดีอาจจะได้ผลมหัศจรรย์
หวังฮ่าวหลานเริ่มคิดถึงการใช้ทักษะการงาดเขียนในขณะที่ตรวจสอบหน้าต่างสถานะ
“โฮสต์: หวังฮ่าวหลาน”
“พลังต่อสู้: 89”
[ค่าเสน่ห์: 268]
[ออร่าตัวร้าย: 179]
[แต้มตัวร้าย: 400″]
“ทักษะ: ทักษะการวาดเขียนระดับปรมาจารย์”
ทักษะนั้นในที่สุดก็ไม่ใช่ “ไม่มี” อีกต่อไป
——
ฉู่ป๋ายได้รับเงินรางวัล 40,000 หยวน และได้คืนเงิน 1,000 หยวนให้กับเฉินซี
ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ป๋ายกับเฉินจื่อสือได้ผ่อนคลายลงมาก แต่เพียงการผ่อนคลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เจ้าอ้วน ก่อนหน้านี้ข้าขอโทษที แต่ตอนนี้เจ้าคงไม่ได้โกรธข้าหรอกใช่ไหม?” ฉู่ป๋ายกระซิบกระซาบกับเฉินจื่อสือ
เฉินจื่อสือมองไปที่ฉู่ป๋ายและไม่ได้พูดอะไร
วันนี้เขาทะเลาะกับฉู่ป๋าย ถูกฉู่ป๋ายผลักไหล่กระแทกเข้ากับกําแพง จนถึงตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เลย ในใจย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
สถานการณ์ในตอนนั้น เฉินจื่อสือบอกได้เลยว่า ถ้าฉู่ป๋ายไม่ได้จําเขาได้เมื่อครั้งก่อน ตามอารมณ์ของเขามันไม่ใช่แค่การผลักแต่จะเป็นการโดนทุบตี
ฉู่ป๋ายมักจะมีเรื่องกับวัยรุ่น
เฉินจื่อสือห่างไกลจากการชกต่อย ถ้าได้สู้กันจริงๆ เขาคือเป็นกระสอบทราย
ฉู่ป๋ายเห็นท่าทางของเฉินจื่อสือ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
นี่ก็ลดความโกรธลงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง นี่เอ็งยังโกรธพี่ชายคนนี้อีกเหรอ?
ช่างมันเถอะ คร้านจะสนใจเรื่องราวโง่ๆ นี้แล้ว
ฉู่ป๋ายมองแผ่นหลังของซูมู่หยานที่นั่งอยู่ไกลๆ
สาวงามประจำโรงเรียนก็ยังเป็นสาวงาม แม้แต่เงาก็งดงามมาก
ฉู่ป๋ายรู้สึกคันไม้คันมือ
ไม่นานเขาก็นั่งไม่ติด เขาแกล้งทําเป็นถามซูมู่หยานเรื่องการเรียน และใกล้ชิดกับสาวงามประจำโรงเรียน
ฉู่ป๋ายอยากนั่งโต๊ะเดียวกับซูมู่หยาน ซึ่งนั่นคือการเปลี่ยนที่นั่งกับเหวินจิง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉู่ป๋ายก็ตบไหล่เฉินจื่อสือแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ข้าจะไปเปลี่ยนที่นั่งกับเหวินจิง ให้เธอมานั่งตรงนี้เพื่อสร้างโอกาสให้เจ้า”
******************************
ติดตามอัพเดทตอนใหม่ๆ ได้ที่แฟนเพจ Doublewaen Translate นิยายแปล
https://web.facebook.com/doublewaentranslate
MANGA DISCUSSION