บทที่ 12 นี่คือจดหมายรักที่เธอเขียนถึงฉันใช่ไหม?
ช่วงพักกลางวัน
หวังฮ่าวหลานฉวยโอกาสตอนที่ซูมู่หยานไม่อยู่ มาอยู่ตรงหน้าเหวินจิง
“ซูมู่หยานถูกครูเรียกไปแก้ไขการบ้านแล้ว” เหวินจิงเอ่ยปากบอกก่อน
ทุกครั้งที่หวังฮ่าวหลานมาที่นี่ เขามักจะไปหาซูมู่หยาน เหวินจิงคุ้นเคยกับกิจวัตรเช่นนี้มานานแล้ว
“ฉันมาเธอน่ะ” หวังฮ่าวหลานยิ้มและมองไปที่เหวินจิงด้วยดวงตาดอกท้อของเขา
ใบหน้าอันอบอุ่นพลันแดงระเรื่อ
“มาหาฉันทําไม?”
“นี่เธอเขียนเองใช่ไหม?” หวังฮ่าวหลานแสดงจดหมายรักที่ไม่ได้ลงชื่อไว้ให้เหวินจิงดู
เหวินจิงตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบพูดปฏิเสธว่า
“ไม่ใช่จดหมายรักที่ฉันเขียน ไม่ใช่ฉันนะ”
“จริงเหรอ แต่ลายมือในจดหมายรักนี้มันเหมือนกับลายมือของเธอได้อย่างไร? “หวังฮ่าวหลานดึงไม้จิ้มฟันจากโต๊ะของเหวินจิง
ลายมือนั้น ดูก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากคนคนเดียวกัน
เหวินจิงรู้ว่าไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป
“ฉัน… ถ้าฉันสร้างปัญหาให้เธอ ฉันจะขอโทษเธอ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ฉันขอโทษขอโทษ…”
น้ําเสียงและท่าทางนอบน้อมอันไร้ที่เปรียบ
นั่นคือการแอบรัก
ยิ่งชอบใครสักคนมากเท่าไหร่ท่าทางก็จะยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้นเท่านั้น
จากทัศนคติของหวังฮ่าวหลานในอดีต เธอรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีความหมายต่อเธอ
เหตุผลหลักที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันเล็กน้อยก็เพราะตนเองและซูมู่หยานเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน
จดหมายรักฉบับนั้นเป็นเพียงแค่เธอไม่อาจระงับอารมณ์ของตนเองเองได้ จึงอยากจะส่งออกไปเท่านั้นเอง
ไม่ได้ลงชื่อไว้
ตั้งแต่ต้นจนจบเหวินจิงไม่มีความหวังแม้แต่น้อย
“ลายมือของเธอดูไม่เลวเลย” หวังฮ่าวหลานกล่าวชื่นชมอย่างลวก ๆ จากนั้นเขาก็เข้ามาใกล้ๆ หูของเหวินจิงและกล่าวเบาๆว่า
“หลังจากชั่วโมงเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำนี้ ฉันจะรอเธอที่หน้าประตูโรงเรียน แต่อย่าบอกใครล่ะ”
เหวินจิงก้มหน้าลง เตรียมใจรับสายตาเย็นชากระทั่งสายตาดูถูก
แต่พอได้ยินคําพูดกระซิบข้างหู เธอก็ตะลึงงันไปทั้งตัว
“หลังจากชั่วโมงเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำ เขารอฉันเหรอ? หมายความว่าไง มันหมายความว่าไง? ”
เหวินจิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ เธอแค่คิดว่ามันเป็นฝัน แต่เมื่อเหยิกต้นขาของตนเอง
ความเจ็บปวดที่ต้นขาของเธอตอบสนองกลับมาอย่างชัดเจน
นี่ไม่ใช่ฝัน
ตลอดช่วงบ่ายไปจนถึงชั่วโมงเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำเหวินจิงนั้นกําลังดื่มด่ํากับความสุขที่ไม่อาจลบล้างได้
เมื่อซูมู่หยานพบว่าเพื่อนร่วมโตํะเดียวกันคนนี้ มักจะยิ้มโง่งมโดยไม่ตั้งใจ เธอจึงถามออกมาด้วยความสงสัย
แต่แน่นอนว่าเหวินจิงไม่มีทางบอกความจริงได้
แม้ว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีกับซูมู่หยาน
แต่เรื่องแอบชอบหวังฮ่าวหลานนั้นย่อมถูกฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
นอกจากนี้หวังฮ่าวหลานยังบอกอีกว่าอย่าบอกใคร
เหวินจิงยิ่งพูดไม่ได้
ท่ามกลางความคาดหวังอันของเหวิงจัง ในที่สุดเสียงกริ่งเลิกเรียนในตอนเย็นก็ดังขึ้น
เหวินจิงไม่ได้ออกไปทันที แต่แสร้งทําเป็นจัดหนังสือเรียน รอจนทุกคนเดินออกไปกันจนเกือบหมดแล้ว จึงเข็นจักรยานออกไป
ที่ประตูโรงเรียน
คัลลิแนนรออยู่ข้างถนน
เหวินจิงรู้ว่ามันเป็นรถที่รับส่งหวังฮ่าวหลานโดยเฉพาะ
เธอแอบชอบหวังฮ่าวหลานมาเป็นเวลานาน แน่นอนว่าเธอมักจะจดจําเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาไว้
ราคาของรถคัลลิแนนนั้นเหวินจิงตรวจสอบในอินเตอร์เน็ตแล้ว ดูเหมือนว่าราคาจะเจ็ดถึงแปดล้าน
ครอบครัวของหวังฮ่าวหลานนั้นร่ำรวยมาก
ในทางกลับกันครอบครัวของเธอไม่มีแม้แต่รถราคาคันละแสนด้วยซ้ำ
ความแตกต่างระหว่างเเธอและหวังฮ่าวหลานเป็นเหมือนผู้หญิงธรรมดาและเจ้าชายขุนนาง
ช่องว่างมันช่างใหญ่โต
เหวินจิงก้มหน้าลง รู้สึกด้อยกว่ามาก
หวังฮ่าวหลานเห็นร่างของเหวินจิงจากในรถคูรินาเม
เธอเดินเข้ามา
“จักรยานก็เอาไว้ที่โรงเรียนเถอะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง”
“จะไปไหน?”
“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
หวังฮ่าวหลานพาเหวินจิงเข้าไปในรถ
คัลลิแนนมาถึงประตูโรงแรมระดับห้าดาว
หวังฮ่าวหลานพาเหวินจิงลงจากรถและสั่งให้คนขับกลับไป
“มาทําอะไรที่นี่เหรอ?” ใบหน้าของเหวินจิงแดงระเรื่อ รู้สึกประหม่าและหวาดกลัวเล็กน้อย
“ทําการบ้านด้วยกัน” หวังฮ่าวหลานกระพริบตาและพูดกับเหวินจิง
“หืม? โอเค โอเค “เหวินจิงพยักหน้าอย่างโง่งม
จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในโรงแรม
หวังฮ่าวหลานจองห้องไว้เมื่อตอนกลางวัน หลังจากหยิบบัตรที่แผนกต้อนรับแล้ว เขาก็ตรงไปที่ห้องกับพร้อมเหวินจิงทันที
ห้องพักเป็นห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีทและจัดแต่งอย่างหรูหรา
แน่นอนว่าราคาก็ไม่ใช่ที่ถูกๆ
พักหนึ่งคืนราคา 18,000 หยวน
เมื่อมาถึงห้องเหวินจิงรู้สึกระมัดระวังและอึดอัดมาก ดังนั้นเธอจึงหยิบสมุดการบ้านออกมาและทําการบ้านบนโต๊ะ
หวังฮ่าวหลานคว้าสมุดการบ้านของเธอและทิ้งมันไป
เปิดห้องหรูขนาดนี้เพื่อทำการบ้านเหรอ?
อย่าล้อเล่นน่า
เป็นไปได้ยังไง?
“เธอชอบฉันมากใช่ไหม?” หวังฮ่าวหลานถาม
“อืม” เหวินจิงพยักหน้าอย่างเขินอาย
“ชอบมากขนาดไหน?” หวังห้าวหรานจ้องมองเหวินจิงด้วยดวงตาดอกท้อที่น่าหลงใหล
“มันอยู่ในจดหมายรักที่ฉันเขียนถึงเธอทั้งหมดแล้ว” เหวินจิงก้มมองปลายเท้าใบหน้าแดงหูแดง
“ขอแค่ได้เป็นแฟน เธอจะยอดทำอะไรให้ฉันก็ได้ใช่มั้ย?” หวังฮ่าวหลานสรุปสาระหลักของจดหมายรัก
เหวินจิงพยักหน้า
หวังฮ่าวหลานรู้สึกว่ามันเกือบจะบรรจุจุดประสงค์แล้ว ดังนั้นเขาจึงถามออกมาว่า
“ฉันไม่กลัวที่จะบอกเธอว่า ฉันไม่ใช่คนดี เพราฉันไม่คิดที่จะมีแฟนคนเดียว ถึงอย่างนั้นเธอยังจะชอบฉันอยู่อีกมั้ย?”
เหวินจิงตกใจเล็กน้อย เธอนิ่งไปประมาณห้าวินาที ก่อนจะพยักหน้าอย่างมั่นใจว่า “ชอบ”
หวังฮ่าวหลานรู้สึกว่าเขาน่าจะเข้าใจถึงระดับการยอมรับของเหวินจิง หรือระดับความชื่นชอบที่เธอมีต่อเขา
พูดจาไพเราะและนอบน้อม
พูดตรงๆ คือ ประจบสอพลอ
แต่นั่นก็เป็นความตั้งใจของหวังฮ่าวหลาน
“มีผู้หญิงที่ชอบฉันเยอะมากและฉันก็มีตัวเลือกมากเกินไป และสำหรับเธอไม่ได้มีความได้เปรียบใด ๆ ทั้งนั้น
แต่ถ้าเธออยากเป็นแฟนของฉัน
อย่างไรก็ตาม ฉันก็มีคําขอบางอย่าง
ซึ่งถ้าเธอละเมิดข้อใดข้อหนึ่ง เราสองคนก็จบกัน ”
หวังฮ่าวหลานพูดเสร็จและรอการตอบกลับจากเหวินจิง
“พูดมาสิ”
นี่เป็นเรื่องที่เหวินจิงตั้งตารออยู่หลายครั้ง แน่นอนว่าเธอต้องคว้าโอกาสเช่นนี้เอาไว้ให้ได้
“ประการแรกความสัมพันธ์ของเราสองคนจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
ประการที่สองเมื่อฉันมีแฟนคนอื่นที่นอกเหนือจากเธอได้ เธอต้องใส่ใจและซื่อสัตย์ต่อฉันเท่านั้น
ประการที่สามเมื่อฉันตามจีบผู้หญิงคนอื่น เธอจะไม่สร้างปัญหาและถ้าจําเป็นฉันอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
ประการที่สี่มีแค่ฉันที่ทิ้งเธอได้ แต่ไม่อนุญาตให้เธอทิ้งฉัน
ประการที่ห้าฉันยังไม่ได้คิด เอาไว้หลังจากนี้ค่อยว่ากันอีกที ”
เมื่อหวังฮ่าวหลานพูดจบ เหวินจิงก็ตกตะลึงและโกรธเล็กน้อย
คําขอเหล่านี้มากเกินไป!
เธอชอบผู้ชายคนนี้มาตั้งนาน
แต่แท้จริงแล้วก็เป็นเศษสวะนี่เอง…
หวังฮ่าวหลานกล่าวเสริมว่า
“แน่นอน ตราบใดที่ฉันมีเวลา ฉันจะเดทกับเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ และฉันจะให้ของขวัญในวันเกิดของเธอ และฉันจะให้เงินค่าขนมเธอตามกำหนดเวลา อย่าถามว่าจะให้เท่าไหร่ แต่เธอจะต้องพอใจแน่นอน
นอกจากนี้ผลการเรียนของเธอค่อนข้างดี แต่คะแนนะขาดไปเล็กน้อยในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่สําคัญ ซึ่งฉันช่วยเธอได้ และแน่นอนจะทําให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยในอุดมคติของเธอ
และตราบใดที่เธอไม่ได้ละเมิดคําขอของฉันแม้ว่าฉันจะทิ้งเธอไปเพราะความเบื่อหน่ายฉันจะหางานที่มีเงินเดือนอย่างน้อย 50,000 หยวนต่อเดือนหลังจากจบมหาลัยสำหรับเธอได้ ”
“ฉันพูดเสร็จแล้วถ้าเธอไม่ต้องการ ประตูอยู่ตรงนั้น ถ้าต้องการก็… อยู่ต่อซะ ”
เหวินจิงลังเลอยู่หลายวินาทีก่อนจะเดินไปที่ประตู
แต่เธอไม่ได้จากไป แค่ล็อคประตู
จากนั้นเธอก็โทรหาครอบครัวและบอกว่าเธออยู่ที่บ้านของเพื่อนร่วมชั้นหญิงและจะไม่กลับไปคืนนี้
หากเป็นความสัมพันปกติ เหวินจิงรู้ว่าเรื่องราวของทั้งสองจะไม่มีวันเป็นไปได้
เพราะช่องว่างระหว่างทั้งสองคนนั้นใหญ่เกินไป
แต่การได้อยู่กับชายตรงหน้าเธอ มันคือความฝันของเธอเรื่อยมา
ความฝันนี้สามารถเป็นจริงได้เสียที
แล้วฉันเองจะเจียมตัวไปทำไม?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสัญญาจะให้ประโยชน์มากมายแก่ฉัน
ทําไมจะไม่ตอบตกลงล่ะ?
แม้ว่าจะไม่ยืนยาว แต่อย่างน้อยเขาก็จะทําให้ตัวเธอมีความทรงจําที่ดีซึ่งจะจดจำตลอดชีวิต
ด้วยวิธีนี้เธอจะไม่เสียใจ
เมื่อเห็นทางเลือกของเหวินจิง หวังฮ่าวหลานก็หัวเราะออกมา
หากต้องการทําลายความสัมพันธ์ของชูป๋ายและเฉินจื่อสือ หมากตัวนี้สําคัญเกินไป
หวังฮ่าวหลานต้องถือหมากตัวนี้ไว้ในมือของเขาให้แน่น และต้องแน่ใจว่าหมากตัวนี้จะไม่ทรยศต่อเขา
จนกว่าหัวใจของเธอจะรับไม่ไหว
เขาเป็นคนเลวเหรอ?
แน่นอน
แต่นี่เป็นเพียงคุณสมบัติพื้นฐานของตัวร้าย
อย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ตัวร้ายใช้ทุกวิถีทางเพื่อรับมือกับตัวเอก แต่ในท้ายที่สุดตัวร้ายก็หนีไม่พ้นจุดจบอันน่าอนาถ
ถ้าหวังฮ่าวหลานเป็นคนดีและใช้วิธีการปกติในการตอบโต้ แล้วเขาจะต่อสู้กับตัวเอกได้อย่างไร?
ถ้าทำแบบนั้นมันแค่การนอนรอความตาย!
******************************
ติดตามอัพเดทตอนใหม่ๆ ได้ที่แฟนเพจ Doublewaen Translate นิยายแปล
https://web.facebook.com/doublewaentranslate
MANGA DISCUSSION