ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 61 งานรวมตัว
หลังช่วยซูเหมยนวดเสร็จ ซูเหมยดูเหมือนหมดเรี่ยวแรงตั้งแต่นานแล้ว นอนอยู่บนโซฟาหายใจหอบหนัก ใบหน้าดุจดอกท้อ คล้ายว่าผ่านศึกใหญ่มาฉากหนึ่ง
เย่เทียนมองท่าทีสวยพราวเสน่ห์สมบูรณ์โดยธรรมชาตินี้ของเธออยู่ ในใจอดมีปฏิกิริยาขึ้นมานิดหนึ่งไม่ได้
แต่ดีที่ไม่นานเขาก็สงบใจลงมาได้ แอบคิดในใจว่ายัยปีศาจนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ กลัวแต่ว่าคงกระโจนขึ้นไปตั้งนานแล้ว
เย่เทียนหัวเราะอย่างขมขื่น ลุกขึ้นยืน บอกว่า “เสร็จแล้ว ต่อจากนี้ไป อาการปวดประจำเดือนคงไม่กำเริบอีกแล้ว”
“อืม”
ซูเหมยพึมพำเบาๆ แบบหมดแรงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน เธอยังคงยากจะปรับตัวเข้ากับความรู้สึกที่ทั้งแปลกหน้าทั้งปลุกเร้านั้นได้
แม้แต่สายตาที่มองทางเย่เทียน ยังดูเปลี่ยนไปซับซ้อนขึ้นมา
แสงไฟในห้องทำงานส่องลงมา สาดส่องไปบนหน้าด้านข้างของเย่เทียนพอดี ใบหน้าที่คมแจ่มชัด ดูขึ้นมาเต็มไปบุคลิกลักษณะแข็งแกร่งแบบชายชาตรี
ผู้ชายแบบนี้ เดินออกไปรับรองว่าสามารถดึงดูดหญิงสาวได้ไม่น้อยแน่
ต่อให้เป็นซูเหมย เวลานี้อดหัวใจเต้นเร็วขึ้นไม่ได้ รีบสะบัดความคิดเหลวไหลพวกนั้นออกจากหัวสมอง
และในเวลานี้ มือถือของเย่เทียนดังขึ้นกะทันหัน พอหยิบออกมาดู ก็คือเห่าเหรินโทรเข้ามา
เย่เทียนไม่ได้คิดอะไรมาก ออกไปรับสายโทรศัพท์แล้ว “มีธุระ?”
“นิดหน่อย เมี่ยวเสว๋ปินแจ้งเรื่องหนึ่งในกลุ่มเพื่อนนักเรียน บอกว่าพรุ่งนี้อยากจัดงานรวมตัวเพื่อนนักเรียนขึ้น นายจะมารึเปล่า?”
เห่าเหรินพูดขึ้นในสายโทรศัพท์ทางนั้น
“งานรวมตัวเพื่อนนักเรียน? เมี่ยวเสว๋ปิน?”
เย่เทียนได้ยิน ขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่ ถึงนึกได้ว่าเมี่ยวเสว๋ปินคนนี้เป็นใครกัน
เดือนของมหาวิทยาลัยเจียงหนันตอนนั้น หัวหน้าสหภาพนักศึกษา อายุน้อยและร่ำรวย เป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจในโรงเรียนมาโดยตลอด
แต่ว่า เย่เทียนในตอนนั้น ยังมีเรื่องบาดหมางใจกับเมี่ยวเสว๋ปินคนนี้อยู่นิดหน่อย
นึกย้อนขึ้นมาตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าน่าตลกอยู่บ้าง ทะเลาะกันโดยใช้อารมณ์ช่วงสมัยวัยรุ่น ตอนนี้กลับไปนึกดูแล้ว เหมือนเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเลย
“ช่างเถอะ นายไม่ใช่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของเมี่ยวเสว๋ปินคนนี้กับฉัน ฉันไม่ไปแล้ว”
เย่เทียนคิดแล้ว จึงปฏิเสธไป เพื่อนนักเรียนสมัยก่อน เขาไม่ได้มีความหมายอยากติดต่อด้วย
“อย่าสิ!”
เห่าเหรินพูดโน้มน้าว “ในเพื่อนสมัยเรียนของพวกเรา มีหลายคนที่ไปได้ไม่เลว แถมยังทำงานอยู่ในระบบด้วย เย่เทียนนายถึงแม้จะไปได้ไม่เลวในตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าอาจมีตอนที่ต้องใช้พวกเขาไม่ใช่เหรอ? คิดเสียว่ารำลึกความหลัง พูดคุยกันเล่น”
ขณะพูดอยู่ เขาไม่รอให้เย่เทียนปฏิเสธ เอ่ยต่อไป “อีกอย่างฉันได้ยินมาว่าดาวโรงเรียนในตอนนั้นของพวกเรา ก็จะเข้ามาด้วยนะ ตอนนั้นนายไม่ใช่มีความสัมพันธ์ลับลมคมในกับดาวโรงเรียนอยู่นิดหน่อยเหรอ ตอนนี้ไปสานต่อพรหมลิขิตได้พอดี!”
“ดาวโรงเรียนในตอนนั้น?”
เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้น ในหัวสมองปรากฏความทรงจำก่อนหน้าซึ่งนานมากส่วนหนึ่ง เขาถอนหายใจทันที ไม่ได้ฉีกหน้าเห่าเหรินไป ตอบตกลงแล้ว
ช่วงบ่ายวันต่อมา เย่เทียนใส่เสื้อผ้าลำลองชุดหนึ่ง ออกมาข้างนอกเตรียมตัวไปเข้าร่วมงานรวมตัวเพื่อนนักเรียนที่ว่านั้น
แต่ทว่าเขาเพิ่งเดินออกจากประตู คาดไม่ถึงเชิ่งหู่จะยืนอยู่ข้างทาง
พอเขามองเห็นเย่เทียนออกมา จึงรีบเข้าไปต้อนรับอย่างเคารพนบนอบทันที ท่าทางเอาอกเอาใจ
“ท่านเทียน!”
“นายมาทำอะไร?”
เย่เทียนมองเขาอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรมากมายครับ เข้ามาเยี่ยมเยือนท่านเทียนโดยเฉพาะครับ สำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ ผมเสียมารยาทเอามากๆ ยังขอให้ท่านเทียนอภัยให้ด้วยครับ”
เรื่องเมื่อวานนี้ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว เย่เทียนก็บอกว่าปล่อยเขาไปแล้วด้วย
แต่เชิ่งหู่ยังคงยากจะสงบอารมณ์ลง คิดว่าจะชดเชยความสัมพันธ์ระหว่างเย่เทียนอย่างไรดี
ดังนั้น เขาจึงรีบเข้ามาตั้งแต่ช่วงสาย แต่กลับไม่กล้าเข้าไปรบกวน รอจนถึงช่วงกลางวัน
ในใจเย่เทียนรู้สึกตลก มองความคิดของเขาออก แต่ไม่ได้เปิดโปง พูดว่า “เยี่ยมก็มาเยี่ยมแล้ว ฉันยังมีธุระ ต้องออกไปสักหน่อย”
“ออกไปข้างนอก? พอดีเลยครับ ผมเพิ่งถอยไมบัคคันหนึ่งมา เอาไว้ที่ผมก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์มากมาย เอามาให้ท่านเทียนใช้ดีกว่าเดินไปคงเหมาะสมพอดีครับ!”
ระหว่างที่พูด เชิ่งหู่ยกมือขึ้น ชี้ไปยังรถหรูไมบัคสีดำที่จอดอยู่ข้างทาง
เย่เทียนมองรถคันนั้นสภาพใหม่มาก เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถอยออกมา ใช้จมูกคิดก็รู้ว่าเชิ่งหู่คนนี้มีแผนการอะไร
ราคาของไมบัคคันหนึ่งไม่ถือว่าสูง หรูหราและมีความเฉพาะตัวอยู่ที่ประมาณสามล้าน โดยเฉพาะยุคสมัยในตอนนี้ โดยพื้นฐานเลิกผลิตแล้ว ต่อให้มีเงิน หากไม่มีเส้นสายก็ซื้อไม่ได้
เขามองเชิ่งหู่แล้ว รู้ว่าถ้าตนเองไม่รับ เชิ่งหู่ต้องยากจะสงบใจลงได้ จึงพูดว่า “ฉันรู้ความตั้งใจของนาย พอแล้ว รถคันนี้ฉันรับไว้แล้ว”
เชิ่งหู่ได้ยินคำพูดนี้ ชั่วพริบตาเดียวหัวใจที่พะว้าพะวังอยู่ก็ผ่อนคลายลงมา มอบรถคันหนึ่งให้ไป เขาไม่เพียงไม่เสียดาย แต่กลับดีใจจนเกือบจะกระโดดโลดเต้น
ไม่นานเย่เทียนถือกุญแจไว้ อย่างไรเสียก็ต้องไปเข้าร่วมงานรวมตัวเพื่อนนักเรียนนั้น ถือโอกาสไม่ต้องขี้เกียจยุ่งยาก ขับรถไปโดยตรงเลย
ตอนที่มาถึงสถานที่ พอดีว่าเป็นที่สโมสรหาดน้ำหนาว
สโมสรหาดน้ำหนาวคือสโมสรระดับสูงภายในเมืองเจียงหนัน ขอเพียงอยากจัดงานอะไร สโมสรหาดน้ำหนาวย่อมเป็นตัวเลือกแรกแน่นอน
เย่เทียนขับรถมาจอด เพิ่งลงรถมา พอพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูมองเห็นเย่เทียน ในใจเต้นตึกตักทันที รีบเข้ามาต้อนรับ
ก่อนหน้านี้เย่เทียนมาก่อเรื่องใหญ่ไว้ หลังจบเรื่องเชิ่งหู่ไม่ได้ตามเอาเรื่องเย่เทียนอย่างคาดไม่ถึง นี่อธิบายได้ว่าเบื้องหลังของเย่เทียนลึกและหนาไร้ที่เปรียบ
โดยเฉพาะ ตัวสโมสรหาดน้ำหนาวเองคือหนึ่งในกิจการภายใต้สังกัดของแก๊งเสือดำ สำหรับสถานะของเย่เทียน ช่วงกลางคืนเมื่อวานนี้ แก๊งเสือดำทั้งหมดล้วนรู้สถานการณ์ภายในตั้งแต่แรกแล้ว
“ท่านเทียน ท่านมาแล้ว”
พนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ต่อหน้าเย่เทียน ทำหน้าประจบสอพลอ
“อืม ฉันมีงานรวมตัวเพื่อนนักเรียน เหมือนว่าอยู่ด้านในนี้” เย่เทียนมองเขาแวบหนึ่ง พูดจาเรียบเฉย
พนักงานรักษาความปลอดภัยกระตือรือร้นขึ้นมา แสดงออกอย่างเคารพนับถือ “ท่านเทียน ให้ผมนำทางท่านเข้าไปไหมครับ?”
“ช่างเถอะ ฉันเข้าไปเองได้”
เย่เทียนโบกมือให้ ไม่พูดกับเขามาก เดินมาถึงด้านในสโมสร
พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นมองภาพด้านหลังของเย่เทียนจากไป คิดแล้ว ยังตัดสินใจแจ้งผู้รับผิดชอบทั้งหมดของสโมสรหาดน้ำหนาวให้ทราบ เลี่ยงที่จะต้อนรับเย่เทียนได้ไม่ดี
ไม่นานนัก เย่เทียนมาถึงห้องหรูหราที่จัดงานรวมตัว
ด้านในห้องเวลานี้ มีคนอยู่สิบกว่าคน
สามในสี่รวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนล้อมอยู่ตรงชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังส่งรอยยิ้ม
เห็นได้ชัดมากว่าในบรรดาคนพวกนี้ คือชายหนุ่มคนนั้นที่เป็นผู้นำ
บนตัวเขาใส่ชุดสูทอาร์มานี่ตัวหนึ่ง ทรงผมแต่งแบบจริงจัง รูปร่างสูงโปร่ง ดูขึ้นมาท่วงทีสะโอดสะอง บนโต๊ะยังวางกุญแจรถเบนซ์อันหนึ่งและบุหรี่จีน เหมือนจงใจโอ้อวดอยู่ตรงนั้น
คนนี้ คือเมี่ยวเสว๋ปินที่เห่าเหรินพูดถึง
เย่เทียนมองแวบหนึ่ง พบว่าเห่าเหรินยังมาไม่ถึง จึงเก็บสายตากลับ ไม่มีความหมายอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา
ถึงแม้เขาจะไม่อยากคบค้าสมาคมกับอีกฝ่าย แต่ไม่นานก็มีคนในฝูงชนเห็นเย่เทียนเข้า ชั่วขณะนั้นส่งเสียงหัวเราะออกมา
“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่เย่เทียนเหรอ? ทำไมนายถึงมาด้วยล่ะ?”
เสียงคนนี้เห็นได้ชัดว่าสะดุดหูเป็นพิเศษ เหมือนจงใจพูดจาเสียงดัง อยากดึงดูดความสนใจของคนอื่น
หลังจากเขาพูดจบ คนในงานทั้งหมดล้วนพบว่าเย่เทียนมาถึงแล้ว สีหน้าแต่ละคนแตกต่างกันไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งล้วนเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน ทุกคนต่างรู้ว่าเย่เทียนและเมี่ยวเสว๋ปินมีเรื่องบาดหมางกัน