ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 56 อย่าไปหาเรื่องตายเลยจะดีกว่า
ในกลางดึก รถทั้งสองคันก็ได้มาถึงทะเลสาบเยี่ยนกุยของเมืองเจียงหนัน
ทะเลสาบเยี่ยนกุยแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเจียงหนัน ที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก และการมาถึงในเวลานี้ ก็สามารถเห็นพระจันทร์ที่สะท้อนกับพื้นทะเลสาบที่สวยงาม
ท่ามกลางทะเลสาบนั้นมีเกาะเล็กๆ ขนาดร้อยตารางเมตร และบนเกาะแห่งนั้นยังมีศาลาหลายหลังเพื่อให้ผู้คนมาพักชมวิวของทะเลสาบและนั่งตกปลากัน
หลิวชิงพาลูกน้องสองคนมา ส่วนจ้างตงก็พาลูกศิษย์มาสองคน และถ้ารวมเย่เทียนด้วย ทั้งหมดก็รวมเป็นเจ็ดคนที่มาที่นี่
“ปรมาจารย์จ้างครับ ฆาตกรคนนั้นคือคู่อริของผมเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาถูกผมไล่ออกไปจากเจียงหนัน และสิบกว่าปีมันเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปเรียนทักษะต่างๆ มาจากไหน ถึงได้ฆ่าลูกน้องคนของผมไปนับสิบคน ผมว่าเราระวังไว้หน่อยก็ดีนะครับ”
ขณะที่เดินอยู่บนสะพานเส้นเดียวที่มีอยู่ หลิวชิงพูดกับจ้างตงอย่างเคร่งเครียด
เมื่อจ้างตงได้ยินอย่างนั้น เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าผมสามารถเปิดยิมสอนศิลปะการต่อสู้ในเจียงหนันได้ แน่นอนว่าผมต้องแข็งแกร่งพอตัวอยู่แล้วต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุด ถ้าอยู่ต่อหน้าผมแล้วล่ะก็ มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมอยู่แล้ว!”
เมื่อฟังคำพูดนี้ เย่เทียนก็เหลือบมองไปที่จ้างตง
จ้างตงคนนี้ไม่ใช่คนเก่งแต่ปาก เขานั้นเป็นคนที่พอมีกำลังภายในอยู่บ้าง และถ้าพูดถึงฝีมือนั้น เขาก็พอเป็นนักบู๊ที่มีระดับได้
แต่ถ้าอีกฝ่ายกล้านำหลิวชิงมาถึงที่นี่อย่างไม่เกรงกลัวใคร ซึ่งบอกได้อีกนัยว่าเขาต้องมีที่พึ่งอย่างแน่นอน
แต่เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเขาถูกหลิวชิงเชิญมา ไม่ว่าเรื่องมันจะจบอย่างไง เงินที่ตกลงกันไว้เขาต้องได้อย่างแน่นอน
ในเมื่อมีผู้นำอยู่แล้ว เขาก็ขี้เกียจรับบทเป็นตัวเด่นเหมือนกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งเจ็ดคนก็เดินมาถึงเกาะเล็กๆ ในทะเลสาบแห่งนั้น
“โย่ว หลิวชิง ไม่นึกเลยนะว่านายยังกล้ามาที่นี่อีก!”
ในขณะนั้น เสียงตะโกนที่มีชีวิตชีวาก็ดังมาทางนี้
ทุกคนหันไปมองทันที และเห็นชายที่มีอายุประมาณสามถึงสี่สิบยืนอยู่ตรงศาลาที่อยู่ไม่ไกล
เขาสวมใส่ชุดซามูไรพร้อมกับใบหน้าที่อวบอ้วน และบนใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่ซึ่งดูแล้วน่ากลัวมาก
“เหล่ยซิงไห่ อย่าบอกนะว่าความคับแค้นใจนับสิบกว่าปีนี้นายยังไม่คิดจะลืมมันอีก? ข้ายอมรับในความเป็นลูกผู้ชายของนายนะ แต่ข้าอยากบอกนายว่า เรามาวางมือกัน แล้วมาร่วมมือกันเพื่อตามหาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในเจียงหนันนี้ดีกว่าไหม?”
หลิวชิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพูดคำนี้ออกมา
หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาถูกโจรก่อกวนอย่างไม่รู้จบสิ้น และไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เขาก็ตามหาเบาะแสของอีกฝ่ายไม่ได้
และสิ่งนี้ก็ทำให้หลิวชิงรู้ว่าเหล่ยซิงไห่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ฝีมือเขาไม่ได้เหมือนคนทั่วไปอีก และใจจริงเขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
เมื่อชายที่ชื่อเหล่ยซิงไห่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขากระทืบเท้าและกระโดดลงมาจากศาลาราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นและค่อยๆ สัมผัสกับพื้น
และต่อมาเขาเอามือไขว้หลังแล้วค่อยเดินไปข้างหน้า
“นายอยากให้ข้าวางมือ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่นายต้องจ่ายด้วยมือข้างหนึ่งของนาย และให้ข้าฝากบาดแผลบนใบหน้าของนาย แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
สีหน้าของหลิวชิงเคร่งขรึมลงทันที “หมายความว่าเราคุยกันไม่เข้าใจสินะ?”
“เหอะ คืนนี้นายต้องตายที่นี่!”
เหล่ยซิงไห่ฮึดฮัดไม่พอใจพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
หลิวชิงไม่พูดอะไรมาก และมองไปที่จ้างตงแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์จ้าง ต้องรบกวนคุณแล้วครับ”
“แค่เรื่องเล็ก!”
จ้างตงยักไหล่ เขาสังเกตวเหล่ยซิงไห่คนนี้แล้ว แม้อีกฝ่ายจะดูแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลย
“เสี่ยวเหว่ย ไปลองฝีมือกับมันหน่อย”
ทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กระโดดออกมาแล้วประสานกำปั้นทั้งคู่ของเขาต่อหน้าเหล่ยซิงไห่และพูดว่า “ผมหวงเหว่ยจากยิมมวยตงเชิ่ง โปรดชี้แนะด้วยครับ”
เมื่อเห็นหวงเหว่ยก้าวออกมา เหล่ยซิงไห่ก็มองดูเขาอยู่สักพักและหัวเราะเยาะออกมาทันที “ไอ้โง่ไร้สมองยังกล้ามาท้าทายข้างั้นเหรอ? ในเมื่อนายจะใช้กฎของยุทธจักร งั้นข้าจะเล่นกับนายก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ข้าจะเก็บศพที่ครบสามสิบสองประการของนายไว้!”
“กล้าดูถูกข้างั้นเหรอ?”
แม้หวงเหว่ยจะเป็นชายอายุ20กว่าปี แต่เมื่อเผชิญกับการถูกดูถูกแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจนสุดขีด!
เขาไม่พูอะไรมาก จากนั้นกระทืบเท้าและทั้งตัวของเขาเหมือนระเบิดที่พุ่งตรงเข้าใส่เหล่ยซิงไห่
เมื่อเห็นแบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้น และทุกสายตาก็มองไปอย่างใจจดใจจ่อ
มีเพียงแค่เย่เทียนเท่านั้นที่ส่ายหัวอย่างไม่หยุด หวงเหว่ยคนนี้ยังไม่ถึงระดับเหลืองเลยด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเหล่ยซิงไห่ได้หรอก
เป็นอย่างที่คิด ขณะที่หวงเหว่ยพุ่งเข้าไปนั้น เหล่ยซิงไห่ก็ออกหมัดด้วยความเร็วที่เท่ากับสายฟ้าและความแรงเหมือนภูเขาถล่ม!
มีเพียงเสียงดังสนั่นขึ้นเท่านั้น หวงเหว่ยไม่มีโอกาสตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ เขาได้แต่กระเด็นออกไปหลายเมตรแล้วฟาดลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมา
“หือ……”
ผู้คนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต่างก็จับจ้องไปที่หวงเหว่ย
ในขณะนี้ หน้าอกของหวงเหว่ยบุบยุบลงไป เพราะหมัดเดียวของอีกฝ่ายทำให้กระดูกหน้าอกของเขาเละเป็นเสี่ยงๆ!
เมื่อเห็นอย่างนี้ ผู้คนก็ต่างคิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว
แม้แต่จ้างตงสีหน้าก็หม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด
เขานึกไม่ถึงเลยว่าเหล่ยซิงไห่คนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ แค่พละกำลังของกล้ามเนื้อเท่านั้นก็สามารถหักกระดูกของคนเป็นเสี่ยงๆ ได้!
สิ่งนี้ทำให้จ้างตงรู้ทันทีว่า ความแข็งแกร่งของศัตรูไม่ได้น้อยกว่าเขาอย่างแน่นอน!
“ปรมาจารย์จ้าง……”
หลิวชิงก็ตกใจเช่นกัน และสายตาของเขากวาดมองไปที่จ้างตงอย่างไม่รู้ตัว
“คนนี้มันแข็งแกร่งเกินไป เกรงว่าฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยกว่าผมด้วยซ้ำ คืนนี้ต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่นอน!”
จ้างตงยิ้มพูดอย่างขมขื่นและสีหน้าก็เคร่งขรึมเป็นพิเศษ
ถึงอย่างไรแล้วเขามาเพราะถูกรับเชิญ และยังมีผลตอบแทนที่ดีด้วย ฉะนั้นยังไงเขาก็ต้องยืนหยัดที่จะประลองในครั้งนี้
“ไม่ทราบว่าคุณสืบทอดวิชามาจากอาจารย์ท่านใด? ผมจ้างตง มาจากแก๊งซิงยี่ในจงโจว!”
คำพูดของจ้างตงเป็นไปตามกฎของยุทธจักรใต้หล้า
แนะนำที่มาของแหล่งวิทยายุทธของตนก่อน แล้วค่อยประลองกัน!
แต่แล้ว เหล่ยซิงไห่แค่หัวเราะเยาะแล้วมองไปที่จ้างตงอย่างดูถูกว่า “อย่างแกน่ะเหรอ จะมีสิทธิ์ที่จะรู้จักอาจารย์ของข้า!”
หลังจากที่พูดจบจ้างตงก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นนักบู๊ที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงหนัน ในใจของเขาโกรธจนลุกเป็นไฟ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าดูถูกเขาแบบนี้เลย
“ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคงต้องเอาจริงเพื่อชนะคุณแล้วล่ะ!”
“ลูกศิษย์ของแกถูกข้าทุบตายด้วยหมัดเดียว ส่วนแกน่ะเหรอ ไม่เกินสามหมัดหรอก!”
เหล่ยซิงไห่หัวเราะออกมาอย่างได้ใจ
ในใจจ้างตงเยือกเย็นลง ความกระหายในการต่อสู้เพิ่มมากขึ้น ในฐานะนักบู๊คนหนึ่ง เมื่อต้องเจอกับนักสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ เขาไม่มีทางปฏิเสธที่จะต่อสู้อย่างแน่นอน!
“ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะเก่งแค่ไหน!”
จ้างตงตะโกนออกมาพร้อมกับตั้งท่าพร้อมต่อสู้
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดกำลังจะเกิดขึ้น ทันใดนั้น เสียงที่ขัดหูก็ดังขึ้น
“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก อย่าหาที่ตายเลยจะดีกว่า”
เมื่อมองไปก็เห็นเพียงเย่เทียนที่เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินออกมาจากผู้คนอย่างสบายใจเฉิบ
ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงของเขาและหันมองไปที่เขาด้วยสีหน้างงงวยทันที
แม้แต่ปรมาจารย์จ้างยังบอกว่าศัตรูคนนี้แข็งแกร่งมาก แล้วไอ้เด็กเปรตคนนี้แสดงหน้าออกมาทำไม?
รนหาที่ตายงั้นหรือ?