ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 17 เข้ามาหาเรื่องแล้ว
ตวาดออกไปเสร็จ พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่สนใจเย่เทียนโดยสิ้นเชิง
หมุนตัวกลับมา พูดอย่างหมดความอดทน “ยังอึ้งทำอะไรกัน รีบพาคนไข้ไปส่งโรงพยาบาลสิ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว พวกนายรับผิดชอบไหม!”
คำพูดนี้ออกมา พนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งไม่กล้าชักช้า อยากลงมือยกผู้อาวุโสที่นอนบนพื้นขึ้นมา
เย่เทียนมองจนขมวดคิ้วหนัก เขาไม่ใช่หมอ แต่เขาที่ฝึกฝนคัมภีร์หวงมา เดิมทีรู้สึกต่อพลังชีวิตลมหายใจไวมาก
เขาที่ยืนอยู่ที่ไกล มองออกว่าผู้อาวุโสลมหายใจอ่อนแรง หากไม่ระวังสักนิดคงต้องตายไปแน่ คนพวกนี้ยังกล้าทำมั่วซั่ว!
ช่วยชีวิตคนเหมือนดับไฟ เย่เทียนไม่อยากพูดกับพวกเขามากนัก ลงมือขยับทันที จากนั้นตบบนหน้าหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยไปป้าบหนึ่ง
ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่ทันตอบสนองเข้ามา เย่เทียนก็ขยับอีกครั้ง ดุร้ายดุจเสือชีตาห์ ด้านซ้ายต่อยด้านขวาเตะ จัดการสองคนจนคว่ำไป
คนที่เหลืออยู่นั้นหน้าตางงงวย มองเย่เทียนที่พลังดุเดือด ยืนนิ่งอยู่กับที่ ขยับก็ไม่ได้ ไม่ขยับก็ไม่ได้
“ถ้าไม่อยากให้ผู้สูงอายุคนนั้นตายอยู่ที่นี่ นายก็อย่ามาวุ่นวายกับฉัน!”
เย่เทียนกวาดสายตาที่หนาวเย็นผ่านไป พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นสั่นเทาไปทั้งตัว หนาวเย็นถึงขั้วหัวใจ
สายตาของเจ้าหนุ่มคนนี้ ทำไมถึงน่าสยองขวัญขนาดนั้น!
ชั่วพริบตาเดียวสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ทำให้ทุกคนไม่ได้ตอบสนองเข้ามาทันท่วงที
เด็กสาวที่เดิมทียังจับมือผู้อาวุโสไว้แน่นสัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย หันหน้ามองเข้ามาทันที ในลูกตาเต็มไปด้วยความระแวง
“คุณ คุณอยากทำอะไร?”
“เธอไม่ต้องกลัว ฉันเป็นคนที่มารักษาปู่เธอ!”
เย่เทียนยิ้มบอกกับเธอไปประโยคหนึ่ง
“รักษา?”
เด็กสาวตกตะลึงในใจ เมื่อสักครู่เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยกับเย่เทียนแล้ว
เจ้าหนุ่มคนนี้ทั้งที่บอกว่าตนเองไม่ใช่หมอ เขาจะเอาอะไรมารักษา?
“ปู่ของเธออยู่ในอาการช็อก สถานการณ์อันตรายอย่างมาก เดิมทีทนไปไม่ถึงโรงพยาบาล ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ฉันสามารถหมุนตัวจากไปได้เดี๋ยวนี้เลย”
เย่เทียนสัมผัสถึงความระแวงของเธอ อดพูดมาประโยคหนึ่งไม่ได้
เด็กสาวที่ได้ยินคำพูดนี้ในใจเต้นตุบๆ นิดหน่อย น้ำตาในเบ้าตากำลังจะไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่
เวลานี้เดิมทีเธอไม่มีวิธีอื่น ได้เพียงพูดกับเย่เทียนเหมือนขอให้ช่วยชีวิต “ขอเพียงคุณช่วยชีวิตปู่ฉันได้ ฉันฉินโล่หยินจะตอบแทนอย่างดีแน่!”
“ตระกูลฉินแห่งเจียงหนัน?”
สายตาเย่เทียนเป็นประกาย เหมือนว่านึกอะไรบางอย่างได้
แต่ว่าตอนนี้เขาขี้เกียจพูดมาก รีบเดินมาตรงหน้าผู้อาวุโสแล้วนั่งยองลงมา ใช้มือประคองผู้อาวุโสขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
เมื่อสักครู่ยืนอยู่ไกล เขาจึงมองไม่ค่อยชัด เวลานี้หลังเดินเข้ามามอง เย่เทียนอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เลย
“คุณปู่ฉันเป็นยังไงบ้าง?”
เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่าฉินโล่หยินยื่นหน้าเข้ามา มองเย่เทียนแบบตาปริบๆ
“ไม่เป็นอะไรมาก”
เย่เทียนตอบไปโดยไม่คิด รีบยื่นมือทันที รวบรวมพลังชี่แท้เล็กน้อยไว้ที่ฝ่ามือ ตบบนหน้าอกของผู้อาวุโสเบาๆ
แค่ก!
ผู้อาวุโสพ่นเสมหะข้นออกมาทันที จากนั้นไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ตาเห็นว่าจะฟื้นขึ้น
ทุกคนมองดูฉากนี้ ต่างเบิกดวงตาโต หลุดปากตะโกนแบบไม่อยากเชื่อ
“ฝีมือการแพทย์ของชายหนุ่มคนนั้นวิเศษมาก!”
“จริงด้วย แค่ตบครั้งสองครั้งก็ช่วยชีวิตผู้สูงอายุคนนี้ได้ ลูกที่บ้านฉันนั้น ถ้ามีความสามารถได้ครึ่งหนึ่งของคนอื่นเขา ฉันคงตายตาหลับแล้ว!”
“เมื่อกี้ที่เขาใช้คือแพทย์แผนจีนเหรอ? แพทย์แผนจีนมหัศจรรย์ขนาดนี้?”
ทุกคนส่งเสียงถกเถียง แสดงการชมเชยต่อเย่เทียนสูงส่งอย่างยิ่ง
“คุณปู่!”
ฉินโล่หยินยิ่งดีใจอย่างมาก จับมือของผู้อาวุโสไว้แน่น
“ฉัน……ฉันเป็นลมลงไปอีกแล้วเหรอ?”
ระหว่างที่สะลึมสะลือผู้อาวุโสลืมตาขึ้น ระหว่างพูดจาก็ไอสองทีไม่หยุด
“คุณปู่คะ ท่านทำหนูตกใจแทบแย่เลย หนูผิดไปแล้ว ไม่กล้าพาคุณปู่ออกมามั่วๆ อีกแล้วค่ะ”
ฉินโล่หยินพูดแบบน้ำตาไหล ดีใจจนร้องไห้เพราะปู่ของตนเองฟื้นขึ้นมา
“ยัยเด็กโง่ นี่คือโรคภัยของปู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับแกเลย……ใช่แล้ว เป็นใครช่วยปู่ไว้? รีบแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อย ฉันอยากขอบใจผู้มีบุญคุณด้วยตัวเอง!”
ผู้อาวุโสหัวเราะนิดหน่อย ในดวงตาที่ขุ่นมัวประกายความมันวาวที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ
อาการของเขาตนเองรู้ดี เดิมทีไม่ใช่คนทั่วไปสามารถรักษาได้ แต่ตอนนี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้คาดไม่ถึงมีคนสามารถช่วยชีวิตเขาได้ พอจะอธิบายได้ว่าฝีมือการแพทย์ของอีกฝ่ายเหนือชั้นมากๆ เลย!
คนแบบนี้ จะไม่ให้พวกเขาตระกูลฉินสร้างความสัมพันธ์ดีๆ ได้อย่างไร
“คนที่ช่วยชีวิตท่านก็อยู่……”
ฉินโล่หยินหันหน้ามา ทันใดนั้นพบว่า ไม่เห็นแม้แต่เงาเย่เทียน จึงอุทานเบาๆ “อ้าว ทำไมไม่เจอตัวคนแล้ว?”
“ไปแล้ว?”
ผู้อาวุโสขมวดคิ้วขึ้นลึก กลายเป็นรูปสามขีดตรงใหญ่ๆ
เขาหัวเราะอย่างผ่อนคลายทันที บอกว่า “คนมีความสามารถสูงระดับนี้ แต่ไหนแต่ไรก็ทำตัวลึกลับไม่เปิดเผยตัวจริง ในเมื่อไปแล้ว งั้นช่างเถอะ มีวาสนาคงได้เจอกัน ถึงตอนนั้นค่อยขอบคุณผู้มีบุญคุณก็ได้!”
“อืม!”
ฉินโล่หยินพยักหน้าอย่างหนักแน่น ถึงแม้ปู่ของตนเองไม่พูด เธอก็จะทำแบบนี้
ในขณะเดียวกัน มีเสียงดังลั่นลอยมาจากด้านนอกประตู ผู้ชายสูงใหญ่ที่ทั้งตัวสวมชุดพรางตาก้าวใหญ่ๆ เดินมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม เหมือนทหารม้าผ่านแดน ทำให้คนไม่กล้าสัมผัสใกล้ๆ
ทุกคนเห็นแบบนี้ ต่างหลบทางให้
ฉากอันสง่างามเช่นนี้ ในโลกของคนธรรมดาทั่วไปเจอได้น้อยมาก
“พ่อครับ ท่านไม่เป็นไรนะครับ?”
ผู้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดทหารคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าผู้อาวุโส ถามด้วยความประหม่า
ผู้อาวุโสภายใต้การประคองของฉินโล่หยินลุกขึ้นมา “ชิงหู่ แกมาได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ยัยเด็กคนนี้ แอบพาท่านหนีออกมาแบบกะทันหัน ในบ้านวุ่นวายกันยกใหญ่ ผมไม่รีบเข้ามาได้เหรอครับ?”
ฉินชิงหู่หลังหัวเราะขมขื่นและพูดจบก็รีบถลึงตาใส่ฉินโล่หยิน คนที่โดนจ้องหดศีรษะ เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวคนจ้องอยู่บ้าง
“เอาล่ะ ไม่เกี่ยวกับโล่หยิน เป็นฉันดึงดันอยากออกมาเอง อยู่ในบ้านทั้งวัน ทำกระดูกฉันจะขึ้นสนิมหมดแล้ว!”
ผู้อาวุโสปกป้องฉินโล่หยิน ได้สติกลับมาทันที ก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อแกมาแล้ว มีเรื่องอยากให้แกไปทำพอดี แกไปตรวจสอบสักหน่อย เมื่อกี้ผู้มีพระคุณของฉันไปทาง……”
เย่เทียนไม่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น หลังออกมาจากห้างสรรพสินค้า เขาก็รีบมุ่งหน้าไปร้านขายยาในเมือง ซื้อตัวยาเจ็ดแปดหมื่นเต็มๆ ก่อนจะกลับไปด้านในหอพักของตนเอง ต้มยาออกมาเตรียมไว้ให้ตนเองบำเพ็ญฌาน
เวลาช่วงกลางวันผ่านไป ตอนที่ใกล้พลบค่ำ เย่เทียนฟื้นขึ้นมาจากสภาวะเข้าฌาน พ่นลมหายใจต่ำออกมาอย่างหนัก
“ระดับบำเพ็ญฌานนี้ยังถือว่าไม่เลว ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด ตัวยาพวกนี้ เพียงพอฉันบำเพ็ญฌานจนถึงฝึกพลังชั้นสองเลย!”
เย่เทียนลุกขึ้นมา แอบบ่นพึมพำในใจ ขอเพียงบรรลุฝึกพลังชั้นสอง ความคิดบางส่วนของเขา ก็สามารถประยุกต์ใช้จริงได้แล้ว!
แต่ในเวลานี้ เกิดเสียงดังขึ้นฉับพลัน ประตูใหญ่หอพักโดนคนชนเปิดอย่างบุ่มบ่าม คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก
มีเกือบยี่สิบคนเต็มๆ ล้อมรอบทั้งหอพักเอาไว้โดยตรง เหลือเพียงที่ว่างส่วนเล็กๆ ไว้
ผู้ที่เป็นคนนำ โผล่พรวดมาคือหลิวจื่อหยังที่เมื่อกลางวันถูกเย่เทียนด่าทอมายกหนึ่ง
เห็นเพียงหลิวจื่อหยังหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง ยืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียนอย่างกำเริบเสิบสานไร้ที่เปรียบ หัวเราะชั่วร้ายพูดว่า
“เย่เทียน แกคงนึกไม่ถึงว่าพวกเราจะเจอกันไวขนาดนี้มั้ง? ตอนกลางวันยังกล้าด่าฉัน ตอนนี้ฉันจะดูแกสิว่า แกจะทำยังไง!”