ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 111 หลี่เฟิงวางแผนร้าย
ยี่สิบนาทีต่อมา เล็กซัสจอดสนิทอยู่ที่หน้าประตูฉินโหลวแล้ว
“ไอ้หนุ่ม ในเมื่อแกตามเข้ามาแบบหนังหน้าหนาขนาดนี้ งั้นวันนี้ฉันจะทำให้แกรู้ อะไรที่เรียกว่าความแตกต่างระหว่างคนเรา!”
หลี่เฟิงที่จอดรถเรียบร้อยจงใจก้าวฝีเท้าช้าลง ให้จ้าวเสว่เฟินและซูเหมยเดินไปข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ข้างกายเย่เทียนแล้วพูดถากถางเสียงเบาๆ
“ความแตกต่างระหว่างคนเรามันมากนักเหรอ?”
เย่เทียนเบ้ปาก “ไม่ใช่ว่ามีหนึ่งปากสองตาเหมือนกันหมด?”
“ไอ้หนุ่ม วันนี้ฉันจะถือว่าแกได้อาศัยใบบุญเสี่ยวเหมยไว้ ไม่อย่างนั้นทั้งชาตินี้แกอย่าคิดจะได้มากินข้าวสักมื้อหนึ่งที่ฉินโหลวเลย”
หลี่เฟิงบ่นพึมพำอย่างเหยียดหยาม
เย่เทียนถามแบบฉงนสนเท่ห์ “ที่นี่แพงมาก?”
“สั่งแบบง่ายๆ ยังตั้งสองสามหมื่น คือเงินเดือนหลายเดือนของแก แกว่าแพงไม่แพงล่ะ?”
หลี่เฟิงพูดแบบเสียดสี “แน่นอน นี่ก็จำกัดอยู่แค่แก คนอย่างฉันที่มีรายได้ต่อปีเกินล้าน ได้เพียงพูดว่าไม่แย่เท่าไร”
“เสี่ยวเฟิงนายเร็วหน่อยสิ!” ด้านหน้ามีเสียงร้องเรียกของจ้าวเสว่เฟิน
“ได้เลยครับ น้าจ้าว”
หลี่เฟิงตอบรับเสียงดังไปประโยคหนึ่ง กดเสียงต่ำพูดทางเย่เทียนว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันจะทำให้แกรู้ว่าคนขี้แพ้อย่างแก ไม่มีสิทธิ์คบกันกับเสี่ยวเหมยหรอก!”
พูดจบ หลี่เฟิงรีบตามฝีเท้าของจ้าวเสว่เฟินและซูเหมยไปทันที เข้าสู่ด้านในของฉินโหลวแล้ว
ทั้งสี่คนเพิ่งเข้ามาในฉินโหลวเมื่อสักครู่นี้ ก็มีพนักงานต้อนรับชายเข้ามาหาทันทีเลย
“ทุกท่านครับ ตอนนี้ร้านอาหารของพวกเราที่นั่งเต็มแล้วครับ นอกจากว่าก่อนหน้านี้พวกคุณจองล่วงหน้าเอาไว้ ถ้าไม่อย่างนั้น เกรงว่าทุกท่านต้องรับคิวต่อแถวรอสักหน่อยแล้วครับ”
“พวกฉันจองไว้ล่วงหน้า”
หลี่เฟิงพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส “นายค้นดูหน่อยหมายเลขจองล่วงหน้าของฉัน 1xx……”
พนักงานต้อนรับชายรีบพยักหน้า ดึงคอมพิวเตอร์ออกมาค้นหาสักรอบ ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่ดีขึ้นมาพอสมควร พูดแบบกระอักกระอ่วน “คุณผู้ชายครับ ผมทางนี้ค้นเจอว่าก่อนหน้านี้คุณจองที่นั่งทางนี้ของพวกเราไว้ล่วงหน้า……”
หลี่เฟิงพูดอย่างมั่นใจในตนเอง “ในเมื่อนายหาเจอแล้วยังงงอยู่ทำอะไร? รีบพาพวกฉันเข้าไปสิ!”
“คุณผู้ชายครับ คุณฟังผมพูดให้จบก่อนครับ”
พนักงานต้อนรับชายพูดแบบลำบากใจ “คุณไม่ได้เข้ามาสักที ดังนั้นพวกเราเลยนำที่นั่งนั้น ให้ลูกค้าคนอื่นแล้วครับ”
“อะไรนะ? เอาที่นั่งให้คนอื่นไปแล้ว?”
หลี่เฟิงหน้าเผยความโกรธแค้น จะยอมขายขี้หน้าต่อหน้าแม่ยายในอนาคตได้ที่ไหนกัน ยกข้อมือขึ้นดูเวลาสักนิด เอะอะโวยวายขึ้นมา
“ที่ฉันจองไว้คือเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งถึงเที่ยงครึ่ง ตอนนี้ยังเหลืออีกสิบนาที พวกแกเอาที่นั่งของฉันให้คนอื่นใช้แล้ว? นี่มันหมายความว่ายังไง!”
“คุณผู้ชายครับ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณรอก่อนสักครู่ ขอเพียงมีที่นั่งแล้ว ผมจะรีบจัดเตรียมให้พวกคุณเลยครับ?”
พนักงานต้อนรับชายรีบพูดเกลี้ยกล่อม “อีกอย่างพวกเราจะส่งไวน์ให้พวกคุณเพิ่มอีกหนึ่งขวดด้วยครับ”
“เล่นไม้นี้กับฉันให้น้อยๆ หน่อย! แกคิดว่าฉันเป็นคนที่แม้แต่เหล้าขวดหนึ่งยังซื้อไม่ได้เหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เมื่อสักครู่ยังโอ้อวดกับเย่เทียนอยู่ว่าอยากทำให้เขารู้ว่าอะไรคือความแตกต่าง หลี่เฟิงจะยินยอมเลิกราด้วยดีแค่นี้ได้ที่ไหน คลำหาการ์ดใบหนึ่งออกจากในกระเป๋าเสื้อวางเข้าไปแล้ว
“แหกตาต่ำๆ ของแกดูให้ชัด ฉันเป็นถึงสมาชิกชั้นเงิน! รีบไปเรียกคนพวกนั้นที่แย่งที่นั่งของฉันให้ไสหัวไป”
เพียงแต่ ตอนที่สายตาของเขากวาดมองจ้าวเสว่เฟินที่หน้าผิดหวังเต็มที่และซูเหมยที่ขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้หญิงที่ตนเองชอบ ชั่วขณะนั้นจึงขมวดคิ้วบอกว่า “นี่คือท่าทีของพวกแกเหรอ? นี่คือวิธีการต้อนรับลูกค้าของกิจการตระกูลฉินอย่างพวกแกทำเหรอ?”
“ทั้งที่เป็นที่นั่งที่ฉันจองเอาไว้ล่วงหน้า และยังไม่เลยเวลาที่จองเอาไว้ด้วย พวกแกกลับเอาที่นั่งของฉันยกให้คนอื่นไป นี่มันหมายความว่าอะไร! ดูถูกฉันหลี่เฟิงงั้นเหรอ?”
“คือว่า……”
พนักงานต้อนรับชายพินิจพิเคราะห์การ์ดในมืออย่างละเอียด พูดอย่างขมขื่น “คุณผู้ชายครับ ตอนนี้ลูกค้าที่นั่งอยู่ในห้องอาหารที่คุณจองไว้ล่วงหน้าเป็นสมาชิกชั้นทองครับ”
ชั่วพริบตาเดียวหลี่เฟิงที่เหมือนกับไก่ชนเงียบปากลง คนที่สามารถเป็นสมาชิกชั้นทองที่ฉินโหลวได้ ต้องไม่ใช่พวกธรรมดา เป็นคนที่เขาล่วงเกินได้ที่ไหนกัน?
เย่เทียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้ยิน‘กิจการตระกูลฉิน’คำพูดนี้ ชั่วขณะนั้นสีหน้าดูแปลกประหลาดขึ้นมา
นี่คือกิจการของตระกูลฉิน? เฉินเจิ้งเหมือนเคยส่งการ์ดดำอะไรให้เขามาอยู่นะ!
นึกถึงตรงนี้ เย่เทียนคิดแล้ว ยังคลำหาการ์ดดำใบนั้นออกมาจากในกระเป๋าสตางค์ยื่นเข้าไปแล้ว
“การ์ดใบนี้น่าจะระดับสูงกว่าสมาชิกชั้นทองอันนั้นมั้ง?”
หลี่เฟิงที่กำลังโวยวายงงงวยในใจ เส้นสายตาตกไปบนการ์ดมังกรดำในมือของเย่เทียนแบบควบคุมไม่ได้
เห็นเพียงเป็นการ์ดสีดำที่เดินขอบทองใบหนึ่ง ด้านบนยังมีลายมังกรทองสะท้อนแสงตัวหนึ่งด้วย ดูขึ้นมาเหมือนมั่งคั่งมาก วัสดุเหมือนทองทว่าไม่ใช่ทอง
แวบหนึ่ง เขาหัวเราะแล้ว
“ไอ้น้อง แกอย่าออกมาปล่อยไก่เลย ฉันมากินข้าวที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่รู้จริงๆ เลยว่าฉินโหลวมีการ์ดสมาชิกที่ดูจนดูไม่ได้แบบนี้ด้วย”
ในความเป็นจริง อย่าว่าแต่หลี่เฟิงเลย พนักงานต้อนรับชายในฐานะพนักงานของฉินโหลวเองยังทำหน้ากลัดกลุ้ม เดิมทีในหัวสมองก็ไม่มีภาพจำของการ์ดมังกรดำใบนี้
พนักงานต้อนรับชายชายตามองเย่เทียนแวบหนึ่ง มองเขาแต่งตัวธรรมดา จึงไม่สนใจแต่อย่างใด
“คุณผู้ชายท่านนี้ครับ คุณอย่าก่อกวนเลย ฉินโหลวของพวกเรา เดิมทีไม่มีการ์ดสมาชิกแบบนี้ครับ!”
“ไม่มีการ์ดสมาชิกแบบนี้?”
เย่เทียนตะลึงค้างเช่นกัน คิดในใจหรือว่าเฉินเจิ้งกำลังหลอกลวงเขา?
แต่หลังคิดดูรอบหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ งั้นมีเพียงความเป็นได้อย่างหนึ่ง
ได้เพียงอธิบายว่าการ์ดใบนี้อยู่ระดับสูงเกินไป สถานะของพนักงานต้อนรับชายคนนี้ ยังไม่มีสิทธิ์รู้การมีอยู่ของการ์ดสมาชิกใบนี้
“เหอะ ยังอยากใช้การ์ดที่ไม่รู้ว่าทำมาจากไหนใบหนึ่งมาหลอกฉัน?”
พนักงานต้อนรับชายเหยียดหยามอยู่ในใจ สายตาที่มองทางเย่เทียนก็ค่อยๆ เปลี่ยนความรู้สึกไป
“นายก็จริงๆ เลย ไม่เคยมาก็แล้วไป เป็นหนุ่มเป็นแน่นแท้ๆ ทำไมถึงชอบขี้โม้ขนาดนี้?”
จ้าวเสว่เฟินคว้าโอกาสไว้ ในคำพูดมีการเหน็บแนม และหันหน้ามองทางซูเหมย “เสี่ยวเหมย ลูกดูเถอะนี่ลูกหาใครมากัน! ขายขี้หน้าแย่เลย!”
ซูเหมยจำใจ เธอกลับไม่คิดว่าเย่เทียนจะพูดโอ้อวด แต่ก็ไม่เข้าใจสาเหตุ ได้เพียงใช้สายตาสื่อสารกับเย่เทียน ขอโทษทางเขา
เย่เทียนไม่ได้ใส่ใจจุดนี้แม้แต่น้อย ยักไหล่แล้ว
พนักงานต้องรับชายคนนั้นก็ส่ายหน้า ไม่สนใจเขา พูดกับหลี่เฟิงต่อไปว่า “คุณผู้ชายครับ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ได้เพียงให้พวกคุณรอสักหน่อยแล้ว ถ้าพวกคุณรอไม่ไหวกันจริง ดีที่สุดเปลี่ยนร้านอาหารทานข้าวเถอะครับ!”
หลี่เฟิงชำเลืองมองจ้าวเสว่เฟินและลูกสาว สะกิดพนักงานต้อนรับชายขยับไปยังมุมหนึ่ง
“ไอ้น้อง พวกฉันรอกันได้ แต่นายต้องรับรองว่าพอมีที่นั่งแล้วต้องจัดเตรียมให้พวกฉัน”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหาครับ”
พนักงานต้อนรับชายพยักหน้ายืนยัน “โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นร้านอาหารพวกเราทำผิดก่อน หากมีที่นั่งพวกเราต้องจัดเตรียมให้พวกคุณแน่นอนครับ”
“ไอ้น้อง ฉันยังต้องให้นายช่วยเหลือสักอย่าง……”
หลี่เฟิงฉวยโอกาสอยู่ในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น ยัดธนบัตรใบใหญ่สี่ห้าใบเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพนักงานต้อนรับชายแบบไม่ทิ้งร่องรอย กดเสียงต่ำพูดว่า “นายช่วยไล่ผู้ชายที่ก่อกวนคนนั้นออกไปที”
ภายใต้ความยั่วยวนของเงินทอง พนักงานต้อนรับชายไม่ได้ลังเลสักนิดเดียว พยักหน้าเล็กน้อยตอบรับไป
ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่เป็นพนักงานนานขนาดนี้ เรื่องที่ลูกค้าก่อเรื่องแล้วไล่ลูกค้าไปเดิมทีไม่ได้ทำน้อยเสียเมื่อไร ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังมีรายรับพิเศษด้วย!