ตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียน การที่นักเรียนสองคนสวมชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมฟู่ซิ่งปรากฏตัวอยู่ในร้านกาแฟเป็นที่สะดุดตามากๆ
ดังนั้น สายตาของลูกค้าร้านกาแฟที่นั่งดื่มกาแฟนั่งอ่านหนังสืออยู่ต่างก็จับจ้องไปที่หลู่มู่หยางและชุยเสี่ยวซิน
อีกอย่าง ชุยเสี่ยวซินที่สวยมากๆมาอยู่กับหลี่มู่หยางที่ทั้งดำทั้งหน้าเกลียด ในสายตาของพวกเขาแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคุ้มค่าต่อการศึกษาเอาไว้
มีคู่รักคู่หนึ่งกำลังทำเรื่องที่น่าเบื่ออยู่
"มันเป็นเรื่องปกติที่คางคกอยากจะกินเนื้อหงส์ ผู้ชายน่าจอยากสารภาพรัก ช่วงเวลาที่ผู้หญิงแข็งแกร่งและผู้ชายอ่อนแอ ผู้ชายอย่าได้ปริปากพูดออกมาเชียวนะ……….."
"อ้อ ผู้หญิงโกรธแล้ว…………"
"ผู้หญิงเดินออกไปแล้ว ถูกผู้ชายยื้อไว้ …………ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร? ชุยซุ่นซิน? เป็นชื่อที่ดี แต่ดูจากท่าทางของผู้ชายแล้วดูเหมือนเขาอยากจะยื้อไว้ เป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักดูตัวเองจริงๆเลย………"
"อะไร? เขาพูดอะไรนะ? ผมม้าของเธอสวยมาก…….โทษความโง่ของฉัน คิดไม่ถึงว่าเขาจะมืออาชีพขนาดนี้……….."
ชุยเสี่ยวซินกระพริบตา มือข้างหนึ่งจับราวประตูไว้ เท้าหยุดเดินไม่ได้ผลักประตูออกไป
เธอมองหลี่มู่หยางที่มีท่าทางสับสน สายตาลุกลี้ลุกลน อ้าปากอยากจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี เขาต้องการจะสารภาพรักกับเธอ?
แต่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอก็ไม่มีทางตอบตกลงแน่นอน
ไม่น่าค้นหา!
"เมื่อกี้ฉันลืมบอกไป….เธอรวบผมม้าแบบนี้สวยมากๆ" หลี่มู่หยางพูดกับชุยเสี่ยวซินแบบนี้ เพราะว่าเขาตื่นเต้นมาก เวลาพูดจึงติดๆขัดๆ
นี่ทำให้เขาหงุดหงิด กลัวว่าการพูดติดๆขัดๆจะไปทำลายประสิทธิผลของประโยคนั้น หลี่ซือเหนียนย้ำเขาหลายครั้งว่าต้องพูดออกมาแบบสบายๆ อย่าให้คนอื่นรู้สึกว่าเรพูดคลุมเครือไม่ชัดเจน
การแสดงออกของเขาในวันนี้………คงไม่ทำให้เธอรู้สึกคลุมเครือหรอกมั้ง?
ชุยเสี่ยวซินหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง และเธอก็หันหลังและเดินมาหาหลี่มู่หยาง
นี่ทำให้คนในร้านกาแฟตกใจกับสิ่งที่เห็น คิดไม่ถึงจริงๆว่าเด็กหนุ่มตัวดำคนนั้นจพมีความสามารถแบบนี้ แค่ประโยคเดียวจะทำให้ผู้หญิงสวยยอมแพ้กับความโกรธ
เธอกลับไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับหลี่มู่หยางอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเหิดขึ้นมาก่อน
พนักงานเอากาแฟลาเต้ที่เธอสั่งมาเสิร์ฟ เธอพยักหน้าเป็นการขอบคุณให้กับพนักงาน พนักงานโค้งคำนับตามธรรมเนียมทั่วไปของประเทศ ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ชุยเสี่ยวซินอาจจะไม่ได้สังเกต
หลี่มู่หยางยังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าขั้นต่อไปจะทำอะไรดี
ชุยเสี่ยวซินดื่มกาแฟลาเต้ และพูดกับหลี่มู่หยางว่า "นายลองชิมดู ถึงแม้รสชาติจะหวานไปหน่อย ทำให้เบี่ยงเบนรสชาติตวามขมของลาเต้ แต่ก็เป็นสไตล์ของเจียงหนาน…….ถือว่าเป็นกาแฟลาเต้ที่รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว"
หลี่มู่หยางกลับมานั่งอย่างเชื่อฟัง เขาหยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม พยักหน้าและพูดว่า "รสชาติไม่เลวเลยจิงๆ"
สิ่งที่เขาดื่มมากที่สุดก็คือยาจีน กาแฟเป็นของต้องห้ามของที่บ้าน เพราะว่านักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นบอกว่าจะไปกระตุ้นหัวใจ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มอะไรที่อร่อยกว่ายาจีนเขาก็จะพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ชุยเสี่ยวซินมองดูรูปหัวใจที่ถูกวาดด้วยฟองนมในแห้วกาแฟ และถามเบาๆว่า " นายพูดแบบนี้กับผู้หญิงครั้งแรกหรอ?"
หน้าดำๆของหลี่มู่หยางเปลี่ยนเป็นสีแดง
แน่นอนว่า เพราะหน้าดำๆของเขาดำมาก ต่อให้เปลี่ยนเป็นสีแดงก็จะกลายเป็นสีดำแดง
"ยังมีน้องสาวของฉัน " หลี่มู่หยางพูดด้วยความเขินอาย " ทุกครั้งที่ฉันทำให้เธอโกรธ เพียงแค่ฉันชมเธอว่าเธอสวย ชมเธอว่าดวงตาของเธอเหมือนไข่มุกในทะเล ชมเธอว่าผิวของเธอขาวเหมือนหิมะ ชมเธอว่าไม่ว่าเธอจะสวมชุดอะไรก็เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำแฟชั่นของเมืองเจียงหนาน เธอก็จะรีบดึงมืออกจากคอเสื้อของฉันและถามฉัยว่าจริงมั้ย ที่ฉันพูดจริงมั้ย……………"
"เธอบอกว่าวิธีนี้เรียกว่า เส้นโค้งช่วยชาติ เวลามีผู้หญิงโกรธด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ อย่าพยายามพูดอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นกับเธอและอย่าพูดปกป้องตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ให้หาวิธีที่การสิ่อสารที่ดีกว่านั้น นี่เป็นสิ่งที่น้องสาวฉันสอนมา"
ชุยเสี่ยวซินเงยหน้าตั้งใจมองหน้าของหลี่มู่หยาง
ตอนที่หลี่มู่หยางพูดถึงน้องสาวของตัวเอง น้ำเสียงของเขาจะนุ่มนวลอ่อนหวานมากขึ้น นั่นเรียกว่าความสุขที่แสดงออกมาทางสีหน้าท่าทางและน้ำเสียง
ทำให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่สงพี่ชายน้องสาวของพวกเขาดีมากๆ
ชุยเสี่ยวซินรู้สึกสะเทือนอารมณ์ เธอนึกถึงผู้ชายร่างกายสูงใหญ่ที่พูดไม่ค่อยเป็นแต่เวลาเจอเหตุการณ์ที่คุกคามเขาก็จะเอาตัวเธอไปซ่อนไว้ด้านหลังของเขา ชุยเสี่ยวซินถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "นายรักน้องสาวของนายมากเลยใช่มั้ย?"
"ใช่ " หลี่มู่หยางพยักหน้าและพูดว่า "แต่ฉันกลับรู้สึกว่าน้องรักฉันมากกว่า"
ชุยเสี่ยวซินยิ้มมุมปากและพูดว่า "งั้นนายก็คงต้องตามใจเธอมากๆเลยสินะ?"
หลี่มู่หยางส่ายหน้า สูดลมหายใจและพูดว่า " ที่จริงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ พี่ชายปกป้องดูแลน้องสาว มีอะไรอร่อยๆต้องแบ่งให้น้องกินก่อน มีอะไรสนุกๆต้องให้น้องเล่นก่อน ถ้ามีคนมารังแกเธอก็ควรต้องไปแก้แค้นแทนเธอ ถ้าเธอไปรังแกใครก็ต้องไปช่วย………เห็นได้ชัดว่า ฉันไม่เหมาะสมกับสถานะพี่ชาย ส่วนใหญ่แล้ว เป็นน้องสาวที่คอยดูแลฉัน"
"เธอฉลาดกว่าฉันมาก และก็เก่งกว่าฉันมาก ตอนเด็กๆเธอก็มักจะพูดว่าจะปกป้องดูแลฉัน และเธอก็พยายามทำแบบนั้นมาตลอด ในตอนที่คะแนนของฉันรั้งที่สุดท้ายของโรงเรียน คะแนนของเธอกลับเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน เธอพูดจาโอ้อวดกับคนอื่นๆว่าพี่ชายของเธอไม่ได้โง่ เพียงแค่ฉันไม่อยากเรียนเท่านั้นเอง ตอนที่เธอเห็นฉันถูกคนอื่นผลักจนล้มลงไปกับพื้น เธอก็เลยไปเรียนกังฟูกับนักบวชลัทธิเต๋าที่เรียกว่าวิชาระเบิดลมปราน และฝึกฝนอย่างหนัก หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวันเธอไม่เคยขาดเรียนเลย……………"
ตอนที่นักบวชลัทธิเต๋าช่วยรักษาหลี่มู่หยาง หลี่ซือเหนียนก็จะไปดึงแขนเสื้อมันๆของเขาให้มาช่วยสอนกังฟูเธอ
นักบวชลัทธิเต๋าจะมีท่าทางที่อบอุ่นกับหลี่ซือเหนียนมากกว่าหลี่มู่หยาง ทุกครั้งที่เขามาก็จะเอาของอร่อยๆมาให้เธอ เวลาหลี่ซือเหนียนเลิกเรียนกลับบ้านใบหน้าของเขาก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่อยากจะปฏิเสธคำร้องขอทุกๆอย่างของหลี่ซือเหนียน หลังจากพูดตุยกับพ่อแม่ของหลี่มู่หยางแล้ว เขาก็รับหลี่ซือเหนียนเป็นลูกศิษย์
ต่อมา หลี่มู่หยางเห็นกับตาตัวเองว่าหลี่ซือเหนียนต่อยออกไปแค่หมัดเดียวทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในสนามมีความหนาประมาณปากถ้วยหัก
หลี่ซือหยางเองก็อยากเรียนเหมือนกัน ฝืนใจดึงแขนเสื้อที่น่ารังเกียจของนักบวชเพื่อขอร้อง
และยังพูดอ้อนเหมือนน้องสาว เขาพูดว่า "ปู่นักบวช ปู่นักบวช สอนผมด้วยนะ………"
"พูดจาดีดี" นักบวชสะบัดแขนเสื้อ พูดตะคอก
หลี่ซือเหนียนหัวเราะจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
"วิชาระเบิดลมปราน?" ชุยเสี่ยวซินๆคิดๆ ยิ้มและพูดว่า "ฟังคุ้นๆหู"
"หมอจีนท่านหนึ่งเป็นคนสอนเธอ อาจจะเป็นชื่อที่เขาตั้งขึ้นมาเองก็ได้" หลี่มู่หยางยิ้มและพูดว่า " ถ้ามีคนมาดูถูกสติปัญญาของฉัน เธอก็จะเอาคะแนนของเธอมาพูดดูถูกกลับไป ถ้ามัคนมารังแกฉันที่อ่อนแอไม่มีแรง เธอก็จะใช้กังฟูที่เธอเรียนมาโจมตีกลับไป……….ฉันเป็นพี่ชายที่ล้มเหลวใช่มั้ย?"
ชุยเสี่ยวซินส่ายหน้าและพูดว่า " กลับกันต่างหาก นายเป็นพี่ชายที่ประสบความสำเร็จมากๆ……….เพราะนายมีน้องสาวที่รักนายมากขนาดนี้"
"ดังนั้น ก่อนหน้าที่จะเป็นเธอ น้องสาวของฉันเป็นผู้หญิงวัยรุ่นคนแรกและคนเดียวที่ทำกับฉันแบบนี้………." หลี่มู่หยางมองชุยเสี่ยวซินด้วยสายตาที่ชัดเจนและพูดว่า " ถึงแม้ฉันจะไม่อยากเห็นเธอมีปัญหากับคุณครูจ้าวเพียงเพราะนักเรียนที่ไร้ประโยชน์อย่างฉัน แต่เธอทำแบบนั้นลงไปแล้ว………….ฉันซาบซึ้งใจมากๆ เวลาที่ฉันเดินออกมาอย่างโดดเดี่ยวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วได้ยินเสียงริมฝีเท้าตามมาจากด้านหลัง ฉันรอคอยมากขนาดไหน ว่าเสียงฝีเท้านั้นจะเป็นเสียงที่ตามฉันออกมา…………….."
ชุยเสี่ยวซินหวั่นไหวเพราะหลี่มู่หยางอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าเขามีพรสวรรค์ที่จะไปแสดงเป็นพระเอกละครดราม่า…………….ถ้าปิดหน้าเขาไว้
"รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงหันหลังกลับมา?" ชุยเสี่ยวซินถามขึ้นมาอย่างสบายๆ นิ้วมือสวยๆของเธอเล่นช้อนสแตนเลสที่อยู่ในกาแฟ
"ไม่รู้" หลี่มู่หยางส่ายหน้า
"เพราะฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่ชมคนอื่นได้ห่วยเท่านายมาก่อน"ชุยเสี่ยวซินพูดออกมาตรงๆ
หลี่มู่หยางหน้าแดง เขาพูดติดๆขัดๆอีกครั้ง และรีบพูดอธิบายว่า "ฉันไม่มีประสบการณ์………….เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่ายากกว่าจะทำมันออกมาได้หรอ?"
"ที่จริงก็ยากอยู่กว่าจะทำได้ " ชุยเสี่ยวซินพูดว่า "แต่เด็กผู้ชายมักจะชอบท้าทายจุดอ่อนของตัวเอง…………ลองท้าทายหลายๆครั้ง เดี่ยวก็จะชินไปเอง"
"………………….."
"งั้นนายเล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังหน่อยสิ" ชุยเสี่ยวซินเห็นท่าทางของหลี่มู่หยางอ้ำๆ อึ้งๆ เธอก็เลยยิ้มตาหรี่และพูดว่า "เล่าเรื่องที่นายถูกฟ้าผ่า ฉันแปลกใจกับเรื่องนี้มากจริงๆ เพราะไม่ใช่คนทุกๆคนที่จะได้เจอเรื่องแบบนี้ ถ้านายไม่รีบไปไหนล่ะก็"
"……………………"
MANGA DISCUSSION