หลี่มู่หยางเป็นคนดี ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยรังแกใครเลย
ในความทรงจำของเขา ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และเขายังโดนคนอื่นรังแกมาโดยตลอด นี่เป็นส่วนช่วยในการบรรเทาอาชญากรรมเยาวชนของประเทศขนาดไหน?
ถ้าวัยรุ่นที่มีพลังหุนหันพลันแล่นมาดูถูกและระบายกับเขาบ่อยๆ เกรงว่าเขาคงต้องทำอะไรบางอย่างที่มันน่ากลัวกว่าคนอื่น
ดังนั้น หลี่มู่หยางก็เลยอดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้…………..ผู้ชายที่เหมือนเทวดา ทำไมถึงโดนฟ้าผ้าหล่ะ?
เรื่องที่โดนฟ้าผ่าเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจหลี่มู่หยางมาตลอด ทำให้เขารู้สึกถึงความด้อยที่รุนแรง
คุณลองคิดดู สวรรค์เพิ่งส่งคุณลงมาเกิดบนโลกใบนี้ แล้วกลับรู้สึกเสียดายต้องการตัวคุณกลับไป เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครก็คงทำให้รู้สึกเหยียดหยาม?
ก็เป็นเพราะว่าถูกฟ้าผ่า ร่างกายของหลี่มู่หยางเมื่อคลอดออกมาแล้วก็เลยไม่ดีเอามากๆ
เด็กบ้านอื่นๆโตขึ้นมาในขวดน้ำผึ้ง แต่หลี่มู่หยางโตมาในขวดยา
ตั้งแต่หลี่มู่หยางจำความได้ ที่บ้านมักจะมีนักบวชลัทธิเต๋าที่มาจากแม่น้ำเจียงหู
เขาสวมชุดเสื้อคลุมสกปรกเป็นเวลานาน แขนเสื้อมันๆเหมือนข้างในซ่อนไก่ย่างเอาไว้ ทุกครั้งที่มาก็จะถือถุงยาถุงใหญ่มาด้วย เขาจะเข้าไปในครัวอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็จะออกมาด้วยยาที่น่ารังเกียจมากกว่าแขนเสื้อของเขาซะอีกและจะมาบังคับให้หลี่มู่หยางดื่ม
แรกเริ่มหลี่มู่หยางจะปฏิเสธ นักบวชก็ไม่เคี่ยวเข็ญ หลังจากโดนเคาะนิ้วแล้ว หลี่มู่หยางก็จะรับยาไปดื่มจนหมด………….
หลี่มู่หยางรู้สึกไม่พอใจที่ตัวเองต้องทำเรื่องแบบนั้น แต่เขายังเด็กจนไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกในตอนนั้น
ต่อมาเขาพบคำคำหนึ่ง ที่ทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว : ไม่เจียมตัว!
จนกระทั่งหลี่มู่หยางอายุสิบเอ็ดขวบ นักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นรู้สึกสับสนกับร่างกายของเขา นักบวชพูดกับพ่อแม่ของหลี่มู่หยางด้วยใบหน้าปลื้มใจว่า "โชคดีที่ข้าไม่ได้ทำให้พวกท่านผิดหวัง ในที่สุดก็ช่วยชีวิตของคุณชายน้อยเอาไว้ได้ สายฟ้าเข้าไปในร่างกาย มันเป็นปาฏิหาริย์ที่ร่างกายมนุษย์ที่อ่อนแอสามารถทนได้ คุณชายเป็นคนมีบุญยิ่งใหญ่มาก ต่อไปข้างหน้าเขาจะมีความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างบอกไม่พูด ถึงแม้จะสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้แล้ว แต่คุณภาพร่างกายของเขาจะแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างมาก ศิลปะการต่อสู้ การฟันดาบเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ส่วนสวมอง…………….."
"สมองเสียแล้ว?" หลี่เหยียนพ่อของหลี่มู่หยางถามขึ้น
"ไม่ใช่" นักบวชพูดพร้อมส่ายหน้า เป็นการบอกให้หลี่เหยียนไม่ต้องตกอกตกใจ เขาพูดว่า " เพียงแค่เป็นผลกระทบของฟ้าผ่า ทำให้สมองของเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก อาจจะทำให้เขาโง่หน่อย……………….หรือาจจะโตขึ้นตามอายุ คุณชายน้อยอาจจะค่อยๆเติบโตเจริญรุ่งเรืองขึ้น ร่างกายค่อยๆฟื้นฟูขึ้น อันนี้ก็ไม่แน่ใจ"
"งั้นสมองก็เสียไปแล้ว" สีหน้าของหลี่เหยียนหม่นหมองเหมือนคนตาย " ท่านอาจารย์ ท่านพอจะมีวิธีอื่นอีกมั้ย? เด็กคนนี้ชีวิตลำบาก เพิ่งเกิดมาก็ต้องมาเจอกับเรื่องที่เคราะห์หามยามร้าย……..ท่านช่วยหน่อยจะได้มั้ย? ท่านช่วยอยู่เจียงหนานต่ออีกสองสามปี ผมรับประกันว่าทุกๆวันจะมีเหล้าดีดีเนื้อดีดี…ไม่ ไม่ไม่ พวกเรารับประกันว่าท่านจะได้อยู่อย่างสบาย ได้มั้ย?"
"ฟ้ากำหนดไว้แล้ว" นักบวชยิ้มและพูดปฏิเสธว่า " ช่วงนี้มีการปล้นบ่อยๆ ข้าต้องไปเตรียมตัวให้พร้อม ถ้ามีโอกาสพวกเราจะได้พบกันภายหลัง"
นักบวชไปแล้ว หลี่มู่หยางคิดถึงเขามากๆ
เพราะมีเพียงแค่เขาที่เรียกลูกชายของเจ้าของร้านซาลาเปาเล็กๆว่าคุณชายน้อย หลี่มู่หยางชอบคำเรียกนี้มาก น่าเสียดายที่หลังจากนี้จะไม่มีใครเรียกเขาแบบนี้อีกแล้ว
คนส่วนใหญ่เรียกเขาว่า ถ่านดำ
ไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าคุณทำติดต่อกันสามปีขึ้นไป คุณสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยนชาญในด้านนั้น หลี่มู่หยางกินยาจีนเป็นระยะเวลาสิบกว่าปี ดังนั้นเขาจึงสามารถรู้ว่ากลิ่นที่จางเฉินผายลมออกมานั้นประกอบไปด้วยยาอะไรบ้าง……………
ฎคนสมัยนี้ไม่ได้ดีไม่ได้เรียบง่ายเหมือนคนสมัยโบราณ จางเฉิน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้มาเอาคืนฉัน…….ทุกครั้งล้วนเป็นนายที่แกล้งฉันก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นที่ทะเลสาบต้องโทษฉันหรอ? นายมาต่อยฉัน ฉันก็แค่เอามือขึ้นมาบัง นายก็ลอยออกไป………..นี่โทษฉันได้หรอ?"
หลี่มู่หยางพูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะเขาเห็นว่าจางเฉินร้องไห้
เขาร้องไห้จริงๆ น้ำตาไหลลงมาเป็นหยดๆ ราวกับว่ามีคนลากเข้าออกมาดูถูกอย่างนั้นแหละ
หลี่มู่หยางชะงักไปครู่หนึ่ง และถามด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า "นายเป็นอะไร?"
"ไม่ต้องพูดแล้ว…………" จางเฉินเช็ดน้ำตาและพูดว่า "ขอร้องนายหล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว………"
หลี่มู่หยางทำสีหน้าตื่นตัวและพูดว่า " นายไม่ได้ตั้งใจจะเล่นบทเศร้าใช่มั้ย?"
"หลี่มู่หยาง…….." จางเฉินจับท้องของตัวเอง ร่างกายยืดตรงไม่ได้แล้ว "ฉันไม่เหมือนนายที่จะแกล้งใครจนถึงตายหรอกนะ"
หลี่มู่หยางกวาดสายตาไปรอบๆ พบว่าสายตาของทุกคนในชันเรียนต่างก็มารวมอยู่ที่พวกเขาสองคน
หลี่มู่หย่างรู้สึกลุกลี้ลุกลน รีบพูดอธิบายว่า " เพื่อนๆทุกคนเห็นหมดแล้ว ว่าเขาเป็นคนมารังแกฉันก่อน ฉัรยังไม่ได้ทำอะไรเลย………."
"นายพูดว่าตดของจางเฉินมีพิษ" มีคนพูดออกมา
ในตอนนั้นเอง ก็เริ่มมีคนสงสารจางเฉิน
ถึงแม้ปกติพวกเขาจะไม่ค่อยชอบจางเฉิน รู้สึกว่าจางเฉินชอบทำตัวเหนือคนอื่น และเขาก็ชอบรังแกเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ
แต่ปกติเห็นแต่เขาดูถูกคนอื่น ไม่เคยเห็นเขาโดดนดูถูกจนเป็นแบบนี้
"ในตดของเขามีหลิ่นของอู่หลิงจื่อจริงๆ ไม่เชื่อทุกคนลองดมดู " หลี่มู่หยางพูดด้วยหน้าตาจริงจัง เดิมทีเขาเองก็เป็นคนจริงจังอยู่แล้ว เขาจริงจังกับการนอน เวลาพูดอธิบายเขาก็จริงจังอย่างนั้น "เขาไม่ไปหาใครเลย ตั้งใจจะมาอยู่ข้างๆฉันไม่ไปไหน ………ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากจะเอาคืนฉันเพราะเรื่องครั้งที่แล้วหรอ?"
"………………………."
จางเฉินรู้สึกเหมือนตัวเองโดนมีดแทงอีกครั้ง
ติง ตอง………………..
เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น
ครูสอนประวัติศาสตร์ที่ชื่อจ้าวหมิงจูเดินเข้ามาในห้องเรียน เธอยืนอยู่หน้าชั้นเรียนเพื่อเตรียมสอน พบว่าจางเฉินนักเรียนที่เขารักยืน้องไห้อยู่ข้างๆหลี่มู่หยาง ทำให้เธอโกรธมาก เธอตะโกนเสียงดังว่า " หลี่มู่หยาง นายทำเรื่องอะไรไม่ดีไว้อีก?"
เมื่อหลี่มู่หยางเป็นจ้าวหมิงจูโกรธ ซึ่งตรงกับสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ เขาต้องจางเฉินด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า "ฉันว่าแล้วว่านายต้องตั้งใจเล่นบทโศกเศร้า……………"
"…………….."
หลี่มู่หยางเงยหน้าขึ้นไปสบตาจ้าวหมิงจู และพูดออกมาว่า " ครูจ้าวครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย"
จ้าวหมิงจูยิ่งโกรธมากขึ้น เธอสอนมาสิบกว่าปี ไม่เคยเจอนักเรียนที่โง่และไม่มีความคิดแบบหลี่มู่หยาง
เธอเดินมาตรงหน้าของหลี่มู่หยาง และใช้ฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะของเขา พูดด้วยเสียงแหลมว่า " หลี่มู่หยาง นายเห็นฉันปัญญาอ่อนหรือไง? ถ้านายไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วจางเฉินจะเป็นแบบนี้มั้ย? จางเฉินจะยืนร้องไห้ต่อหน้าเธอแบบนี้หรอ? นายฉลาดหน่อยได้มั้ย? นายช่วยฉลาดเหมือนที่พวกเราคิดหน่อยได้มั้ย?"
"คุณครูครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ" หลี่มู่หยางยิ้มเจื่อนและพูดว่า " จางเฉินบุกมาที่โต๊ะของผมและตบโต๊ะของผม แถมยังด่าว่าผมเลวทรามอีก……………"
"งั้นก็แสดงว่านายเลวทรามจริงๆ" จ้าวหมิงจูพูดขัดการอธิบายของหลี่มู่หยาง "นายเป็นคนยังไง คิดว่าฉันยังไม่รู้อีกหรอ? ครั้งแรกที่ฉันเจอนาย ฉันก็รู้ว่านายนิสัยไม่ดี……."
ครูจ้าวหมิงจูเป็นครูที่เจียงหนาน และย้ายมาเป็นครูประวัติศาสตร์ของชั้นม.6ที่โรงเรียนฟู่ซิ่ง ก็เพื่อจะมาสอนนักเรียนที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยให้มีคะแนนที่ดีขึ้น
คิดไม่ถึงว่า วันแรกที่เธอย้ายมาจะต้องมาเจอกับเรื่องที่ทำให้เธอไม่พอใจ มีคนกล้านอนหลับในคาบเรียนของเธอ
นี่ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเธออย่างมาก และถือเป็นการดูถูกและยั่วยุเธอ
หลังจากที่จ้าวหมิงจูตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีการตอบรับใดใด เธอก็เลยเอาแปรงลบกระดานขึ้นมาเคาะทั้งคาบ จนกระทั่งแปรงลบกระดานหัก………..
จ้าวหมิงจูถามหลี่มู่หยางว่าไม่นอนในคาบเรียนของเธอได้มั้ย คิดไม่ถึงว่าหลี่มู่หยางส่ายหน้าและพูดว่าไม่ได้
ตั้งแต่วันนั้น เธอก็ยิ่งไม่สบายตาเวลาเห็นนักเรียนคนนี้ ถ้ามีโอกาสเธอก็จะมาพูดจาดูถูกเขา และยกให้เขาเป็นตัวอย่างของเด็กไม่ดี แม้แต่คำว่าโง่เหมือนหมูก็ออกมาจากปากของเธอก่อนเป็นคนแรก
ไม่ว่าเธอจะใช้คำดูถูกโจมตีหลี่มู่หยางมากขนาดไหน หลี่มู่หยางก็จะยิ้มโง่ๆ หลังจากนั้นก็จะเข้านอนตามเดิม
"คุณครูจ้าวครับ ผมว่าคุฯครูเข้าใจผมผิดอยู่ คุณครูไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น………."
"เข้าใจผิด?" จ้าวหมิงจูหัวเราะเย็นชา เธอหันหลังกลับไปและถามนักเรียนคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังว่า " ฉันเข้าใจหลี่มู่หยางผิดหรอ?"
ไม่มีใครกล้าตอบ
ใครๆก็ดูออกว่าจ้าวหมิงจูไม่มีทางปล่อยหลี่มู่หยางไปแน่นอน ใครจะกล้าลุกขึ้นมาพูดเพื่อช่วยหลี่มู่หยางแก้ปมคิ้วที่ขมวดกันแน่นของแม่มดกันหล่ะ?
"หลี่มู่หยาง นายรู้มั่ยใครเป็นจักรพรรดิที่ก่อตั้งประเทศมหาอำนาจซีเฟิงของพวกเรา? นายรู้มั้ยว่าพระจันทร์ที่เกิดขึ้นใหม่ที่มีผลกระทบต่อทั้งทวีปเกิดขึ้นเมื่อไหร่? รู้มั้ยว่านักปราชญ์สองคนที่เก่งทังวิชาการและการต่อสู้คือใคร?"
"หลี่มู่หยาง นายไม่รู้อะไรเลย……..ทั้งวันนายเอาแต่กินแล้วนอน นอนแล้วกิน…..ฉันแปลกใจจริงๆ พ่อแม่ให้เงินนายมาเพื่อให้นายมานอนที่โรงเรียนหรือไง? ถ้านายชอยนอนหลับขนาดนั้น งั้นนายก็รีบกลับไปนอนให้พอเลย….จะได้ไม่มีคนส่งเสียงดังรบกวนนาย แถมยังไม่เปลืองเงินค่าเหงื่อของพ่อแม่อีกด้วย……………"
"คุณครูจ้าว………………….."
"ออกไปเดี๋ยวนี้"
"คุณครูครับ………….."
"ออกไป"
"คุณครูคะ คุณครูผิดแล้ว" มีเสียงที่ชัดเจนและนุ่มนวลดังขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงบของห้องเรียน
MANGA DISCUSSION