ข้อห้าม - ตอนที่ 25 คุณชายร่ำรวย!
เหยียนเซียงหม่าประหลาดใจ เขาตกใจมาก ในใจมีคำว่าเชี่ยเอ้ยเป็นหมื่นล้านคำ
บทละครผิดแน่ๆ เนื้อเรื่องมันไม่ควรดำเนินมาเป็นแบบนี้ ในฐานะที่เป็นคุณชายจากตระกูลที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง หลังจากที่เขาพูดและแสดงปฏิกิริยาที่เหนือกว่าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าผู้ชายผิวสีดำตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าควรจะต้องขอโทษด้วยความนอบน้อมหลังจากนั้นตอบตกลงว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชุยเสี่ยวซินอีก หลังจากนั้นเขาก็จะตบไหล่หลี่มู่หยางด้วยความเมตตาและรักษาภาพลักษณ์ของพี่ชายไว้ จากวันนี้เป็นต้นไปทุกคนก็จะไม่ต้องเจอกัน และชื่อของหลี่มู่หยางจะไม่ปรากฏขึ้นมาในชีวิตของเขาอีก……….
เขาใช้มือแยกก้อนหินหมายความว่าอย่างไร?
เขาไม่ยอม? เขาแสดงพลังเพื่อโต้ตอบกลับมา?
“ผมไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่จะให้ใครมาบีบก็ได้ ถ้ามีใครมาบังคับให้ผมต้อทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบ งั้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องยอมแลกกับการกระทำของคุณ”
เหยียนเซียงหม่าคิดบทพูดให้หลี่มู่หยาง
เหยียนเซียงหม่าใช้พัดแตะที่ก้อนหินดูว่ามันแข็งขนาดไหน เขามองไปที่มุมโต๊ะหินสีฟ้าที่ถูกหลี่มู่หยางแยกออกมา และพูดว่า “ฉันคิดว่าฉันให้คนไปสืบมาชัดเจนแล้ว ดูท่าทางพวกเรายังรูจักนายไม่ดีเท่าที่ควร”
“คุณรู้จักผมดีมากแล้ว” หลี่มู่หยางพูด “เพียงแค่พวกเรามีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆวัน ถูกมั้ย?”
“นายทำได้อย่างไร?” เหยียนเซียงหม่ามองหลี่มู่หยางและถามขึ้น
“ผมอยากทำ ผมก็ทำได้แล้ว”
“คำตอบนี้โน้มน้าวฉันไม่ได้”
หลี่มู่หยางหรี่ตายิ้มและพูดว่า ” ผมไม่ได้จะพูดเพื่อโน้มน้าวคุณ ผมก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ที่จริงผมเองก็ยังคิดคำตอบไม่ออก”
เหยียนเซียงหม่าสะบัดเปิดพัด เขาพูดว่า ” พัดอันนี้ของฉันมีชื่อว่ากระดูกสันหลังมังกร มันทำมาจากเหล็กของเทพ ทำโดยปรมาจารย์ด้านอาวุธแห่งภูเขาโม่กานที่มีชื่อว่าโม่เหลียง ส่วนฉันก็ฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ตอนนี้ฉันอยู่ในขั้นเกาซางระดับกลาง…………..ดังนั้น ฉันสามารถใช้พัดสันหลังมังกรอันนี้ตัดโต๊ะหินสีฟ้านี้ให้ขาดได้ง่ายๆ แล้วนายหล่ะ? นายก็เป็นแค่นีกเรียนที่ร่างกายไม่มีแรงอ่อนแอเป็นโรค นายทำได้อย่างไร?”
“การที่คุณอยากจะรู้ว่าผมทำได้อย่างไรมันมีประโยชน์อะไรกัน? ผมสามารถทำมันได้ นี่ต่างหากที่ควรจะเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ถูกมั้ย?”
เหยียนเซียงหม่าจ้องหลี่มู่หยางครู่ใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ถามว่า ” ยังมีแตงโมอีกมั้ย?”
“มี” หลี่มู่หยางพยักหน้า
“เอามาให้ฉันอีกสองชิ้น” เหยียนเซียงหม่าพูด ” อากาศร้อนมาก ฉันกระหาย”
“ครับ” หลี่มู่หยางพูดยิ้มๆ
เมื่อได้กินแตงโมไปอีกสองชิ้น เหยียนเซียงหม่ายืนขึ้นด้วยความพอใจ เขามองหลี่มู่หยางและพูดว่า “ฉันแนะนำนายด้วยใจจริงนะ คำแนะนำที่ฉันพูดไปนายลองเอากลับไปคิดดู อย่าทำเรื่องโง่ๆ โอเคมั้ย?”
“ขอบคุณความจริงใจของพี่ชายครับ แต่ผมคิดดีแล้ว” หลี่มู่หยางพูดยิ้มๆ
เหยียนเซียงหม่าส่ายหน้าถอนหายใจและพูดว่า “อย่าคิดว่าตัวเองพอจะต่อสู้เป็นแล้วจะปกป้องตัวเองได้ คนบางคนนายก็ไม่ควรเข้าไปหาเรื่อง”
“ผมไม่ได้อยากจะไปหาเรื่องใคร” หลี่มู่หยางยิ้มอายๆและพูดว่า “ผมก็แค่ภาวนาไม่ให้มีใครมาหาเรื่องผม”
“ไม่รับความเมตตาจากผู้อื่น” เหยียนเซียงหม่าส่ายหน้า เขาใช้พัดพัดลมและเดินออกไป ” ฉันจะบอกนายให้นะ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจียงหนาน ฉันสามารถทำได้ทุกเรื่อง”
หลี่มู่หยางออกไปส่งเขาที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็หันกลับเข้ามาดูโต๊ะหินที่ฟ้าที่แบ่งออกเป็นสี่ห้าส่วน
เขาหยิบชิ้นที่ถูกเหยียนเซียงหม่าใช้พัดตัดขึ้นมา หลังจากนั้นก็ใช้นิ้วลูบเบาๆ
ต่อมาเขาก็หยิบชิ้นที่ถูกตัวเองออกแรงใช้มือหักออกมา และใช้มือลูบเบาๆ………
“ห่าย………” หลี่มู่หยางส่งเสียงเบาๆ นิ้วถูกขูดจนเป็นแผล เลือดไหลออกมา แต่เพิ่งจะเป็นแผลสีแดง ปากแผลนั้นก็ติดกันและหาย
“ใช้พัดตัดเรียบกว่าเยอะ ” หลี่มู่หยางพูดด้วยความอิจฉา
เหยียนเซียงหม่านั่งในสวนดอกไม้หลังบ้าน ในศาลาแปดเหลียมในสวนดอกไม้ก็มีโต๊ะหินสีฟ้าหนึ่งตัว
เหยียนเซียงหม่าเอาพัดสันหลังมังกรวางไว้อีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เอามือไปจับมุมโต๊ะไว้
“อือ………” เหยียงเซียงหม่าส่งเสียงคำราม ออกแรงจนสุดแรง แต่แผ่นหินสีฟ้าแข็งมากๆ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เหยียนเซียงหม่ารวบรวมพลังลมปราณชีพจรสำคัญที่อยู่ใต้สะดือประมาณสามนิ้ว มีลมวิ่งไปทั่วร่างกาย
มือขวาของเขาที่จับโต๊ะหินเปล่งประกายเป็นแสงสีแดง มันเหมือนกับเปลวไฟในการล่าสัตว์
หมัดเปลวไฟ!
วิชาความรู้ที่สืบทอดกันมาของตระกูลชุย และก็เป็นสิ่งที่ทำให้ตระกูลชุยปกป้องตัวเองและยืนหยัดอยู่ในจักรวรรดิประเทศเป็นพันๆปี
หัวไหล่ของเหยียนเซียงหม่าสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาฉีกครึ่งหนึ่งของโต๊ะหินสีฟ้าออกมา
หินสีฟ้าถูกเผาด้วยหมัดของเขา เหมือนก้อนหินที่สามารถเผาไฟได้
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบนลวดลายของแผ่นหิน ชิ้นส่วนที่อยู่ใกล้ฝ่ามือของเขาถูกเผาเป็นขี้เถ้า มีลมพัดมา พาขี้เถ้าลอยไป
ปัง…………..
ชิ้นส่วนของแผ่นหินที่เหลือตกลงสู่พื้น แตกออกเป็นสี่ห้าส่วน
“เซียงหม่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก หมัวเปลวไฟเป็นการเข้าสู้ขั้นเกาซางระดับกลาง เกรงว่าใช้เวลาอีกซักครึ่งปีก็คงได้เลื่อนไปอยู่ในระดับสูงแล้วมั้ง? ถึงตอนนั้นคุณก็คงเป็นผู้ที่มีฝีมือศิละการต่อสู้ที่หนุ่มที่สุดอันดับหนึ่งของเมืองเจียงหนาน ” ผู้ชายสวมชุดคลุมสีเขียวยืนอยู่ประตูทางเข้าสวนดอกไม้ เขามองเหยียนเซียงหม่าและพูดยิ้มๆ
“อาจารย์หนิง” เหยียนเซียงหม่าโค้งคำนับแสดงความเคารพต่อหนิงซินไห่ ไม่มีความเย่อหยิงขอบคุณชายเหมือนที่ใครๆพูดกันไว้ “อาจารย์ไม่ได้ไปไหว้พระที่วัดหย่งชิ่งกับคุณแม่และเสี่ยวซินหรอครับ?”
“มีเหยียนโบไปด้วย มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกหล่ะ?” หนิงซินไห่พูดยิ้มๆ และมีท่าทางที่เคาระต่อคนชื่อเหยียนโบที่เขาพูดถึง “คุณหนูเสี่ยวซินรู้สึกว่าช่วงนี้ผมต้องคอยคุ้มกันอย่างหนัก วันนี้เธอเลยบอกให้ผมพักผ่อนอยู่บ้าน”
“ก็จริง” เหยียนเซียงหม่าพูดยิ้มๆว่า ” ก็เพราะเรื่องที่นักฆ่าหวูยามาบุกโจมตี ช่วงหลายวันที่ผ่านมาก็เลยทำให้อาจารย์หนิงต้องเหนื่อยเลย ต้องคอยคุ้มกันข้างๆน้องสาวผม ไม่ได้พักผ่อน น้องสาวผมนี่เอาใจใส่จริงๆ รู้จักคิดให้อาจารย์ได้หยุดพักผ่อน”
“คุณหนูเสี่ยวซินเป็นคนดี ฉลาด น่ารัก ความคิดรอบคอบ ถือเป็นความโชคดีของคนที่ได้ทำงานใกล้ชิดอย่างพวกผม” หนิงซินไห่พูด เขามองก้อนหินที่ถูกเผาบนพื้นและพูดว่า ยังดีดีอยู่เลย ทำไมถึงได้มาหักโต๊ะหินที่หลังบ้านได้หล่ะ?”
“เพราะเขาทำได้” เหยียนเซียงหม่าพูดด้ยความเคร่งขรึม
“อะไร? ใครทำได้?”
“หลี่มู่หยาง คนไร้ประโยชน์ที่พวกคุณเรียกกัน……” เหยียนเซียงหม่ามองหนิงไห่ซินและพูดว่า ” อาจารย์ได้เจอเขาบ่อย อาจารย์น่าจะพอรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไรมั้ย?”
“มองไม่ขาด” หนิงซินไห่ส่ายหน้าและพูดว่า ” ครั้งที่แล้วตอนที่หวูยาบุกโจมตี ตอนนั้นผมกลับอยู่นอกร้านกาแฟ ต้องการจะเข้าไปช่วยก็ไม่ทัน….ก็มีแต่หลี่มู่หยางคนที่พวกเราเห็นว่าเป็นคนธรรมดาๆโผตัวเข้าไป ใช้เลือดเนื้อของตัวเองขัดขวางหวูยาไว้”
“แต่เขายังมีชีวิตอยู่” แววตาของเหยียนเซียงหม่าเปล่งประกาย เขามีสีหน่าท่าทางครุ่นคิด และพูดว่า ” หวูยาเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงอันดับที่ยี่สิบของประเทศ เขาใช้เลือดเนื้อขัดขวางหวูยา……..แต่เขายังมีชีวิตอยู่ อาจารย์ไม่คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกๆหรอ?”
“ผมเองก็รู้สึกว่าแปลก” หนิงซินไห่ทำหน้าตาครุ่นคิด เขาพูดว่า ” ตอนนั้นสถานการณ์เร่งรีบมาก เขาขัดขวางการโจมตีของหวูยาครั้งแล้วครั้งเล่า……ผมเคยได้ยินคุณหนูเสี่ยวซินพูดว่า เขายื่นมือเข้ามาขวางดาบของหวูยาไว้สองครั้ง ทุกครั้งที่หวูยาต้องการจะแทงคุณหนู ผลสรุปกลับแทงเข้าที่ฝ่ามือของหลี่มู่ยางแทน”
“หวูยาเห็นการฆ่าคนเป็นศิลปะ ช่วงหลังๆเวลาเขาบุกโจมตีเขาจะใช้วิชาดอกซากุระล่วง…..อาจารย์ ผมมีคำถามอยากจะถาม ถ้าเป็นอาจารย์ อาจารย์จะสามารถขัดขวางวิชาดอกซากุระล่วงของเขาได้มั้ย?”
หนิงซินไห่คิดๆ หลังจากนั้นก็พูดว่า “ผมสามารถขัดขวางได้ แต่…..ผมไม่แน่ใจว่าผมจะสามารถขัดขวางได้ทุกครั้ง วิชาดอกซากุระล่วงเหมือนน้ำฝน ดาบของเขาเร็วดั่งลมพัด มันก็เลยมีชื่อเรียกว่าวิชาดอกซากุระล่วง ดาบเล่มนั้นของเขาสีสันสวยงามมาก และรวดเร็วดั่งฟ้าผ่า ผมไม่สามารถคาดเดาทุกการเปลี่ยนแปลงของเขาได้”
“แต่เขาขัดขวางไว้ได้” เหยียนเซียงหม่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาชี้ไปที่โต๊ะหินสีฟ้าที่อยู่บนพื้นและพูดว่า “เหมือนกับที่เขาใช้มือแยกหินออกจากกัน”
“เซียงหม่าเองก็ทำได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
“มันไม่เหมือนกัน ” เหยียนเซียงหม่าส่ายหน้าและพูดว่า “ผมใช้เปลวไฟของหมัดเปลวไฟที่สืบทอดกันมาในตระกูล ผมใช้ลมปราณ……..แต่เขาไม่มี เขานั่งนิ่งๆเฉยๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆแยกมันออกมาอย่างเบาๆ …ตอนนั้นผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา สีหน้าของเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วเขาก็แยกแผ่นหินออกจากกัน อาจารย์ อาจารย์คิดว่าน่ากลัวมั้ย?”
“น่ากลัวมาก” หนิงซินไห่ขมวดคิ้ว “ดูเหมือนหลี่มู่หยางจะซับซ้อนมากกว่าที่พวกเราคิด ก่อนหน้านี้ผมเคยเตือนคุณหนูแล้ว บอกว่าเพื่อนคนนี้ของคุณหนูเป็นคนอันตราย แต่คุณก็รู้จักนิสัยของคุณหนูดี เรื่องที่เธอตั้งมั่นเอาไว้ไม่มีใครสามารถไปบังคับได้……และผมก็เคยแอบสังเกตเขา ไม่พบร่องรอบหรือเบาะแสอะไรบนตัวของหลี่มู่หยาง เขาดูไม่เหมือนคนที่ฝึกบำเพ็ญฌาน”
“ใช่ แรกเริ่มคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาๆที่เป็นกบอยากจะกินเนื้อหงส์ ดังนั้นพวกเราก็เลยไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ ถึงขนาดที่ใช้วิธีประนีประนอมในการจัดการแก้ไขเรื่องนี้ ตอนนี้เท่าที่ดูเรื่องมันเกินจากสิ่งที่พวกเราคิดไว้ ถ้าปล่อยให้ผู้ชายที่จงใจซ่อนพลังของเขาและมีเจตนาแอบแฝงอยู่ข้างๆเสี่ยวซิน สำหรับพวกเราแล้วถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ยังมีเวลาอีกสองเดือนเสี่ยวซินก็จะกลับเมืองเทียนตูแล้ว ตอนนี้ที่เมืองหลวงสถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับเธอในเวลานี้ ผมกลัวว่าจักรวรรดิประเทศจะเข้าสู่การขัดแย้งและการปะทะกันรอบใหม่………….”
“ความหมายของเซียงหม่าก็คือ?” หนิงซินไห่มองผู้ชายรูปงามที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง และเอ่ยปากถามขึ้น
“ผมเตือนเขาไปแล้ว ว่าในฐานะที่ผมเป็นลูกชายตระกูลร่ำรวยที่สุดของเมืองเจียงหนาน ผมสามารถทำอะไรก็ได้” เหยียนเซียงหม่าพูดยิ้มๆ ” คุณคิดว่า คุณฟังเข้าใจมั้ย?”