ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 639 “ไอ้คนโกหก”
เสียงเพลงดังขึ้น เพลงประกอบไม่ได้ชวนสนุกหรือชวนเศร้า บอกได้แค่ว่าเป็นเพลงที่ลื่นไหลไป กับการบรรยายของตัวเอกและภาพเหตุการณ์ต่างๆ บนจอ “พ่อผมเป็นผู้ใจบุญและผู้ก่อตั้งแบรนด์หรู พ่อเคยเป็นคนร่าเริงและมักได้ไป ออกทีวีและขึ้นปกนิตยสารอยู่บ่อยๆ เพราะหน้าตาอันหล่อเหลา “จนเกิดเหตุปล้นจี้ก่อนผมลืมตาดูโลก “หลังจากนั้น พ่อแม่ผมก็เก็บเนื้อเก็บตัวสุดๆ ผมได้รับการปกป้องอย่างดี เยี่ยม และแทบจะไม่ถูกกล่าวถึงโดยสื่อ ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวัน ของเราเป็นยังไง “หลังผมเกิดได้ไม่นาน แม่ก็ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลผมเต็มเวลา ไม่ว่ายุ่ง ขนาดไหน พ่อก็จะหาเวลามาให้ผมตลอดด้วยเหมือนกัน “พ่อผมเจอโรงเรียนอนุบาลดีๆ แต่อยู่ไกลจากบ้านมาก ใช้เวลาเดินทาง ประมาณสี่สิบห้านาที ซึ่งพ่อผมจะจ้างคนขับรถก็ได้ แต่พ่อก็ยังเลือกไปรับไปส่ง ผมสัปดาห์ละสองครั้ง ทำอยู่แบบนั้นอยู่สามปีจนผมขึ้นชั้นประถม “พ่อมักเล่านิทานให้ผมฟัง ช่วยผมทำการบ้าน ไปร่วมกิจกรรมครอบครัวที่ โรงเรียน และเตรียมอาหารเย็นให้เป็นประจำหลังเลิกงาน “ผมเลยไม่เข้าใจเวลาเพื่อนบอกว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้
“มีใครยุ่งกว่า CEO บริษัทด้วยเหรอ”
ระหว่างการบรรยายของตัวเอก ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นบนจอ
เป็นภาพเหตุการณ์ตอนตัวเอกเกิดในห้องคลอดสุดหรู
ห้องพื้นที่กว้างขวาง มีโซฟายาวและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ดูเหมือนห้องสวีตของ โรงแรม พยาบาลรุ่นอาวุโส นักโภชนาการ และพยาบาลเดินไปมาขวักไขว่ โต๊ะ เต็มไปด้วยอาหารมากโภชนาการ ราวกับอาหารงานเลี้ยงฉลอง
พ่อของตัวเอกอุ้มทารกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
มีภาพชีวิตตัวเอกตอนเป็นทารก
ในวิลล่าพร้อมหาดและท่าเรือส่วนตัว คนงานเดินไปมาช่วยดูแลตัวเอกที่ยัง เป็นเด็กอ่อนอยู่ แม่ของตัวเอกยิ้มอยู่ข้างๆ
มีภาพตอนสมัยเรียนชั้นอนุบาล
พ่อตัวเอกขับรถหรู ทิวทัศน์เมืองใหญ่เคลื่อนผ่านหน้าจอไปอย่างรวดเร็ว ใน โรงเรียนอนุบาลเอกชนระดับไฮเอนด์ ตัวเอกได้เรียนวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอื่นๆ
การเรียนการสอนเข้มข้นและน่าสนใจ เด็กๆ ได้เห็นไข่ฟักตัวออกมาเป็น ลูกเจี๊ยบในเครื่องฟัก และเห็นหนอนผีเสื้อกลายเป็นผีเสื้อ
ที่นี่มีครูมืออาชีพสอนเรื่องศิลปะให้กับเด็กๆ แต่ละเดือนมีตีมให้เรียนรู้ เกี่ยวกับศิลปิน ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลงานของศิลปินคนนั้นๆ นอกจากนี้
ยังได้เลียนแบบทักษะด้านศิลปะที่ใช้ในผลงานของศิลปินด้วย ไม่ว่ารูปจะออกมา สวยหรือไม่สวย ผลงานของทุกคนจะได้รับคำชมและนำไปแขวนไว้บนผนัง
แม้แต่ของเล่นที่ให้เล่นในช่วงพักผ่อนยังดูแพงมาก
“ตอนผมอยู่ชั้นอนุบาล พ่อสอนแนวคิดเรื่องเวลาให้กับผม เราเริ่มเรียนตอน 7.30 น. ถ้าผมไปช้าสิบนาที ประตูโรงเรียนจะปิด ผมจะโดนหักคะแนน ซึ่งจะทำ ให้ผมได้เกรดไม่ดี
“พ่อไม่เคยให้ผมไปเรียนสาย พ่อบอกอยู่เสมอว่าในโลกมีอยู่ไม่กี่อย่างที่ไม่ สามารถซื้อได้ด้วยเงิน และหนึ่งในนั้นก็คือเวลา ผมจึงต้องใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า แนวคิดเรื่องเวลานี้ฝังลึกอยู่ในใจของผม
“พ่อไม่อนุญาตให้ผมกินอาหารฟาสต์ฟู้ดหรือสวมนาฬิกาข้อมือที่ทำงานโดย แบตเตอรี่ ผมได้มือถือตอนอายุสิบห้า แต่มีเวลาเล่นจำกัด ผมเล่นคอมพิวเตอร์ได้ ไม่เกินสี่สิบนาที แต่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะได้เล่นเพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมง
“ผมลองขอแม่ให้ขอพ่อให้ผมแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล ถึงอย่างนั้น พ่อก็หาเวลาว่าง มาอ่านหนังสือกับผมตลอด”
หลังจบฉากเล่าเรื่องวัยเด็กของตัวเอก เหออันก็พบว่าตัวเองสามารถควบคุม ตัวเอกและเริ่มเล่นเกมได้แล้ว
ตัวเอกตอนนี้ยังอยู่ในวัยเด็ก มุมมองยังเป็นมุมมองผ่านไหล่เหมือนตอนฉาก เปิด เนื้อหาเกมฉากแรกเป็นตัวเอกเล่นและอาศัยอยู่ในวิลล่าใหญ่กับครอบครัว
ไม่ช้าเหออันก็พบว่านี่คือเกมแนวภาพยนตร์เชิงโต้ตอบตามแบบฉบับทั่วไป
โมเดลมนุษย์ในเกมนั้นทำมาละเอียดมาก ตัวละครหลักทุกคนแสดงสีหน้า ท่าทางเวลาพูด เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ ใช้โมชันแคปเจอร์ทำ ภาพกราฟิกสวยตระการตาทำให้รู้สึกสมจริงมาก
ขณะเดียวกัน UI ของเกมก็ถูกซ่อนไว้หรือไม่ก็ทำให้กลมกลืนกับฉาก ทำให้ คำสั่งของเกมไม่ทำลายการมีอารมณ์ร่วมกับเกมของผู้เล่น
ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนฉากก็ทำออกมาได้ดีมากๆ เป็นเทคนิคที่พบได้บ่อย เฉพาะในภาพยนตร์
มีจุดที่แปลกอยู่จุดเดียวคือ ตัวละครทุกตัวดูโอเวอร์เกินจริงมาก ตัวอย่างเช่น หน้าตาของตัวเอกคนรวยและครอบครัวดูเป๊ะปังเกินไปจนเหมือนเป็นดารากันทุก คน
ส่วนแม่บ้าน พ่อบ้าน และคนขับรถทำหน้าตาตามแบบพิมพ์นิยม
จุดนี้ทำให้เหออันรู้สึกแปลกๆ ในช่วงแรก แต่เพราะตัวละครทุกตัวใช้สไตล์ เดียวกันหมด ไม่นานเขาก็เริ่มชิน
เกมแนวภาพยนตร์เชิงตอบโต้มีระบบการเล่นไม่มาก หลักๆ คือเดินไปเดินมา หรือเลือกตัวเลือกเพื่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ หรือที่มีลูกเล่นกว่านั้นก็จะเป็นระบบ QTE
ตัวอย่างเช่น ระหว่างที่อยู่ในวิลล่า ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวเอกวัยเด็กไป สัมผัสประสบการณ์ได้หลายอย่าง
วาดรูปตามคำสั่งของติวเตอร์ส่วนตัวในห้องสำหรับศิลปะโดยเฉพาะ
เรียนวิธีการเล่นเครื่องดนตรีอย่างเปียโนหรือไวโอลิน
ขี่ม้าในคอกม้าส่วนตัว
ยิงธนูหรือเล่นกับน้องหมาในสนามหญ้าส่วนตัว
ไปเล่นบ้านเพื่อนคนรวย หลังกินเลี้ยงก็ไปโดดปราสาทลมยางกับเด็กรุ่น เดียวกัน ทำไอศกรีมจากเครื่อง ขี่ม้าไม้ และเล่นโมเดลรถไฟ
นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปดูสัตว์ป่าที่สวนสัตว์แอฟริกากับเด็กคนอื่นๆ เพื่อ ฉลองวันเกิด แถมยังได้ของขวัญจากห้างหรูกองเป็นภูเขา…
แต่ละฉาก ผู้เล่นสามารถควบคุมให้ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์กับฉากหลักได้ ขี่ม้า เล่นเปียโน เล่นรถไฟ และอื่นๆ ได้หมด
นอกจากมินิเกมเหล่านี้แล้ว ในฉากยังมีรายละเอียดอื่นๆ ด้วย เช่น มีบท สนทนาระหว่างตัวละคร หนังสือ หนังสือพิมพ์ ของขวัญ และอื่นๆ
เทคนิคการเปลี่ยนฉากต่างๆ ถูกนำมาใช้ในการเปลี่ยนฉากหนึ่งไปอีกฉากหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับวิธีการที่ใช้ในภาพยนตร์ ตัวอย่างเช่น พอตัวเอกถ่ายรูปกลุ่มเสร็จ รูปก็ จะไปอยู่บนหัวเตียงของตัวเอก และเป็นการเริ่มต้นฉากใหม่
ตรงช่วงระหว่างฉากที่ค่อนข้างใหญ่หน่อยจะมีเสียงตัวเอกตอนโตบรรยาย รำลึกความหลัง
พอจบช่วงวัยเด็ก ก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ตัวเอกได้เข้าเรียนชั้นมัธยมและ มหาวิทยาลัย แต่เรื่องราวไม่ค่อยเหมือนในหนัง ไม่มีการเรียนสบายๆ หรือตั้งวง กินเหล้า ชีวิตประจำวันของเขามีตารางกำหนดแทบทุกนาที
นอกจากจะต้องทำผลสอบ SAT ออกมาให้ดีแล้ว เขายังต้องตั้งใจกับทุกการ สอบตลอดสี่ปีในช่วงมัธยม แถมยังมีการแข่งกีฬาโอลิมปิก แข่งโต้วาที กิจกรรม บำเพ็ญประโยชน์… อะไรก็ตามที่จะช่วยให้เข้าไอวีลีกได้ ต่างมีผู้คนแห่ไปแย่งชิง โอกาส
ตัวเอกได้ยินข่าวเรื่องเพื่อนร่วมชั้นฆ่าตัวตายและได้รู้จักคำว่า ‘Stanford Duck Syndrome’ เป็นครั้งแรก บนผิวน้ำดูสงบและสมบูรณ์แบบ แต่ใต้น้ำกำลัง กระเสือกกระสนเตะเท้าเพื่อให้มีชีวิตรอดโดยไม่สนอะไรอย่างอื่นบนโลก
พอหันไปทางไหนก็เห็นแค่เป็ดผู้สงบเงียบ พวกเขาย่อมต้องคิดว่ามีแค่ตัวเองที่ ไม่สมบูรณ์แบบ
แถมยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘สี่’ คือ นอนสี่ชั่วโมง อัดกาแฟสี่แก้วใหญ่ และเกรด เฉลี่ย 4.00
ในช่วงต่างๆ ของเกม เหออันต้องเลือกตัวเลือกมากมาย
ตอนเด็ก ชีวิตของตัวเอกดำเนินไปตามตารางชีวิตที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แต่ ช่วงพักผ่อนก็เล่นสนุกผ่อนคลายตัวเองด้วยกิจกรรมต่างๆ ได้ เขาเลือกได้ว่าจะทำ กิจกรรมอะไร เช่น ศิลปะหรือดนตรี และสามารถเลือกได้ว่าปิดเทอมจะไปทำ อะไร
ตัวเลือกทุกข้อส่งผลกับชีวิตวัยรุ่น
ตัวอย่างเช่น ถ้าตัวเอกเรียนขี่ม้าตอนเด็ก พ่อก็จะส่งไปสนามแข่งม้าส่วนตัว มูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐตอนโต จากนั้นตัวเอกจะลงแข่งขี่ม้าและชนะ รางวัลก้อนโต ซึ่งก็ส่งผลกับชีวิตในอนาคต
เกมสร้างจากแนวคิดเรื่องความมั่งคั่ง ตัวเลือกบางอย่างจะสามารถเข้าถึงได้ ถ้าตัวเอกมีความมั่งคั่งมากพอ แต่สำหรับตัวเอกคนรวยแล้วเรื่องนี้เรียกได้ว่าไม่มี ขีดจำกัดเลย ไม่ว่าจะใช้เงินเยอะขนาดไหน เงินทุนของเขาก็จะทบเติมเข้ามาทันที
…
ภาพเหตุการณ์สับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ระหว่างที่กำลังอินอยู่กับเกม เหออันก็อดรู้สึกเสียดายทรัพยากรที่เสียทิ้งไป กับฉากหลังและองค์ประกอบฉาก
ฉากส่วนใหญ่ใช้ครั้งเดียวแล้วไม่นำกลับมาใช้อีก อย่างฉากสวนสัตว์ใน แอฟริกา ตัวเอกแวะไปดูสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ครั้งหนึ่งตอนเด็ก เขาได้ความรู้และ ของขวัญมากมายกลับมา แต่หลังจากนั้น ฉากนี้ก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็นอีก
ฉากใหญ่ๆ บางฉากมีการนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น วิลล่ากับสนามแข่งม้า ระหว่างที่พล็อตดำเนินไปเรื่อยๆ เหออันจะปลดล็อกสิ่งที่ทำในวิลล่าและ สนามแข่งม้าเพิ่มขึ้น ทำให้ได้สัมผัสเนื้อหาใหม่ๆ ของทั้งสองสถานที่
ซึ่งก็น่าจะต้องใช้เงินค่อนข้างสูงในการสร้างความรู้สึกเดียวกันกับการดู ภาพยนตร์
เหออันบอกได้เลยว่าบอสเผยยอมเสียเงินเพื่อใช้วิธีสุดฟุ่มเฟือยแบบนี้ ถึงฉาก ต่างๆ จะแทบไม่ได้นำกลับมาใช้ใหม่ แต่ก็ทำออกมาได้ละเอียดมาก ซึ่งก็จะทำให้ ความยาวของตัวเกมสั้นลง
โดยปกติแล้ว เกม AAA ในประเทศจะเล่นจบได้ภายในเวลาประมาณแปดถึง สิบชั่วโมง แน่นอนว่า เกมที่มีเส้นเรื่องย่อยเยอะหน่อย หรือเกมแบบ Open World ก็จะยืดเวลาการเล่นออกไปจากนั้นอีก
กลับกัน เกมดิ้นรนเวอร์ชันคนรวยนั้นยาวแค่ประมาณสามชั่วโมง ส่วน เวอร์ชันคนจนก็ไม่ได้ห่างกันมาก
เกมนี้เป็นเหมือนหนังเรื่องหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยเอาฉากเหตุการณ์มากมายมา รวมไว้ด้วยกัน และใช้ฉากที่ถูกเลือกมาเรียงร้อยเป็นชีวิตของตัวเอก
แน่นอนว่า ถ้าเล่นแบบกลับมาตอบให้ครบทุกตัวเลือก ความยาวเกมก็จะเพิ่ม เป็นสองเท่า
ผู้เล่นสามารถสับเปลี่ยนลำดับเหตุการณ์ในเกม ย้อนกลับไปฉากที่แล้ว และ เล่นซ้ำได้ เกมแนวนี้ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชันนี้
หลังจบมหาวิทยาลัย ตัวเอกสามารถเลือกออกเดตและแต่งงานกับหญิงสาว ทำงานในออฟฟิศของพ่อตัวเอง เป็นศิลปิน นักดนตรี นักกีฬาขี่ม้าตามงานอดิเรก หรือเปิดธุรกิจของตัวเอง และอื่นๆ
พ่อของเขาเหมาเกาะในอิตาลีเพื่อจัดงานแต่งงาน และทุ่มเงินห้าล้านเหรียญ สหรัฐเหมาเครื่องบินโบอิ้งสองลำขนแขกมางาน จองห้องโรงแรมห้าดาวให้แขก ทุกคน เช่ารถห้าสิบคันไว้ให้แขกใช้เดินทาง สั่งดอกไม้สดหลายตันส่งตรงมาจาก เนเธอร์แลนด์ พิธีแต่งงานจัดที่โขดหินกลางทะเล จ้างเชฟระดับโลก ชุดแต่งงาน เองก็ราคาสูงถึงหกแสนดอลลาร์สหรัฐ…
ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวเอกไปคุยกับแขกในงานแต่งงาน ซึ่งก็จะได้รับคำอวย พรแสนอบอุ่นหัวใจกลับมา ผู้เล่นจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์งานแต่งทั้งหมด ได้ด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าการสร้างเกาะขึ้นมาทั้งเกาะในเกมนั้นเป็นไปไม่ได้ ผู้เล่นจึงเห็นแค่ ภาพมุมสูงของเกาะแบบในหนัง แต่จุดสนใจหลักอยู่ตรงพื้นที่เล็กๆ ที่จัดงานแต่ง เท่านั้น
แต่รายละเอียดต่างๆ ก็ยังทำได้ว้าวมากๆ อยู่ดี
หลังจากแต่งงานและมีลูก เส้นทางชีวิตของตัวเอกก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่ ว่าจะไปสมัครงานบริษัทไหน ก็ได้เข้าทำงานและเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว
พ่อแม่ของเขาเกษียณออกมาใช้ชีวิตวัยชรา
ตัวเอกได้พบเพื่อนบ้านจนๆ หลายคนสมัยเรียน และพบว่าวิถีชีวิตของพวก เขาแตกต่างจากของตัวเองมาก เพื่อนฐานะยากจนมักขาดความทะเยอทะยาน ชอบทำตัวเอ้อระเหยลอยชาย และไม่ให้ความสำคัญเรื่องเวลา
ดังนั้นหลังจากประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพ ตัวเอกก็พยายาม ช่วยเหลือคนอื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
“อย่างที่ผมเคยบอกไป พ่อผมคิดว่าสังคมเรานั้นปกครองด้วยกฎความอยู่รอด ในป่า เราสูงส่งและแข็งแกร่ง แต่ก็เพราะจุดนี้แหละที่ทำให้หลายคนคอยจับตาม องรอคอยให้เราตกลงมา
“พ่อบอกว่าคนจนขี้เกียจ เห็นแก่ตัว ไม่มีเหตุผล และพ่อก็ไม่คิดว่าเราจะเป็น เพื่อนกับพวกคนจนได้
“พ่อบอกว่าเราควรอยู่ให้ห่างคนพวกนั้นให้มากที่สุดถ้าไม่อยากสร้างปัญหา ให้ตัวเอง
“ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
“ผมรู้ว่าพ่อคิดแบบนี้เพราะเหตุการณ์ปล้นจี้ก่อนผมเกิด แต่ผมคิดว่าชายเสีย สติคนนั้นไม่ได้เป็นตัวแทนของคนจนทุกคน ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองแบ่งแย่งชน ชั้นเพียงเพราะเกือบจะไม่ได้ลืมตาดูโลกจากน้ำมือคนจนหนึ่งคน
“ผมมีเพื่อนคนจนสองสามคน สำหรับผมแล้ว พวกเขาไม่ได้ต่างอะไรจากผม เลย พวกเขาอาจจะขาดความทะเยอทะยานและจิตวิญญาณนักสู้เพราะความจน ของพวกเขา แต่ผมก็ไม่ได้มีคุณสมบัติสองอย่างนี้ตั้งแต่เกิดเหมือนกัน
“ผมเลยขึ้นพูดสุนทรพจน์ในมหาวิทยาลัย แถมยังเขียนหนังสือ ‘ดิ้นรนสู่ ความรวย’ ด้วยความหวังว่าวิถีชีวิตและมุมมองต่อความมั่งคั่งของผมจะเป็น อิทธิพลเชิงบวกต่อพวกเขา
“ผมอยากบอกทุกคนว่าเงินไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ถ้าพยายามอย่างเต็มที่ คุณก็ สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาตัวเองได้ ชีวิตของเราจะมีโอกาสดีขึ้นกว่าเดิมได้ก็ ต่อเมื่อเราไม่พอใจกับสภาพปัจจุบัน
“ผมบอกพวกเขาว่า ผมพยายามเรียนสิ่งใหม่ๆ ทุกวัน ไม่เคยเกียจคร้าน และ ไม่กล้าใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
“ผมบอกพวกเขาด้วยว่า ผมไม่เคยสวมเสื้อผ้าราคาแพง ไม่เคยซื้อรถหรู และ ไม่เคยจัดงานเลี้ยงไร้สาระ แม้จะต้องสนับสนุนแบรนด์หรูของพ่อ ทุกวินาทีของ ผมต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“แน่นอนว่ามุมมองของผมนั้นโดนเย้ยหยันบนโลกออนไลน์ หลายคนคิดว่าผม ไม่มีสิทธิ์พูดเรื่อง ‘การดิ้นรน’ เพราะผมเกิดในครอบครัวมั่งคั่ง พวกเขาคิดว่าผม ไม่เข้าใจว่า ‘การดิ้นรน’ สำหรับคนจนนั้นเป็นยังไง
“แต่หลายคนก็ขอบคุณผม ความมีวินัยที่ผมฝึกมาหลายสิบปีทำให้พวกเขา รู้สึกประทับใจ พวกเขาบอกว่าผมเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเพราะพ่อของ ผมดิ้นรนทำงานหนัก พวกเขาเองก็หวังว่าตัวเองจะดิ้นรนทำงานเพื่อมอบอะไรให้ ลูกของตัวเองได้บ้าง
“ผมดีใจมาก ความคิดนั้นแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างที่ผมทำไปมีความหมาย”
ฉากสุดท้ายเป็นฉากตัวเอกยืนเซ็นหนังสือในร้านหนังสือแห่งหนึ่งแถวย่าน สลัม
ผู้คนต่อแถวเพื่อพบเขา ถึงคิวตัวเองก็ยื่นหนังสือให้ พอได้ลายเซ็นมาก็พยัก หน้าขอบคุณรัวๆ
มีหลายคนที่อยากได้ลายเซ็นตัวเอก เหออันต้องเลื่อนเมาส์ไปมาทุกครั้งที่เซ็น หนังสือ เขาต้องเลื่อนเมาส์รัวๆ ซ้ำไปซ้ำมา รอยยิ้มและคำขอบคุณของแต่ละคน นั้นแตกต่างกันออกไป ทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเอกทำอยู่นั้นมีความหมาย
ชายสวมเสื้อคลุมหลวมโพรกซึ่งดูเหมือนคนไร้บ้านเดินเข้ามาหามือเปล่า
ตัวเอกก้มมอง พร้อมจะเซ็นหนังสือให้ แต่พอพบว่าไม่มีหนังสือยื่นมาให้ เขาก็ ผงะไปเล็กน้อย
พอเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นว่าใบหน้าของคนจรจัดนั้นดูโหดเหี้ยมอำมหิต ราว กับกำลังแค้นเขาฝังหุ่น
เหออันอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของชายจรจัดคนนี้แตกต่างจากคนร้ายที่ปล้นจี้ แม่ตัวเอกตอนเริ่มเกมมาก แต่สีหน้าที่แสดงออกมากลับเหมือนกันสุดๆ
ร่างของชายจรจัดบดบังแสง เขาหยิบมีดคมออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วย ใบหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนกระหน่ำแทงเข้าที่อกของตัวเอก!
เสียงกรีดร้องดังระงม สถานการณ์ตกอยู่ในความโกลาหล แต่เสียงเหล่านั้นก็ ลอยผ่านตัวเอกไปอย่างรวดเร็ว เพดานเริ่มหมุนไปมา ขณะที่ทัศนวิสัยเริ่มพร่ามัว
หนังสือโชกเลือดหล่นจากโต๊ะลงมาปิดหน้าตัวเอกพร้อมเสียงดังตุบ ประโยค ‘ดิ้นรนสู่ความรวย’ บนหน้าปกดูประชดประชันอย่างอธิบายไม่ถูก
ก่อนภาพจะมืดดับไป ตัวเอกได้ยินเสียงเบาๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำจากปากชายจร จัด
“ไอ้คนโกหก”