ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 225 ทัศนคติของบอสเผย
“บอสเผยเป็นคนเปิดภัตตาคารนี้เหรอคะ” หลินหวานถามด้วยความตกใจ
เลขาซินพยักหน้า “ใช่ค่ะ เราเป็นลูกค้ากลุ่มแรกของครัวส่วนตัวหมิงหยุน”
เธอชี้ไปที่จานอาหารบนโต๊ะ หน้าตาของมันไม่ได้ดูโดดเด่นนัก คนธรรมดาทั่วไปอาจจะเดาไม่ถูกว่าจานนี้แพงแค่ไหน
“อาหารประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของที่นี่ต้องนำเข้า หากินในจิงโจวไม่ได้ ต้องส่งตรงด้วยระบบจัดส่งพิเศษ ถ้าจะจัดงานเลี้ยงแบบนี้ต้องเตรียมการล่วงหน้าอย่างน้อยสองถึงสามวันเลยค่ะ”
หลินหวานครุ่นคิดเรื่องนี้ “บอสเผยตั้งใจจะใช้ที่นี่เป็นที่รับรองระดับสูงสำหรับหุ้นส่วนธุรกิจเหรอคะ”
ตอนนี้เถิงต๋ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ยังไงก็เลี่ยงการพูดคุยเจรจากับเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ไม่ได้
หลินหวานรู้สึกว่าภัตตาคารทั่วไปน่าจะไม่ได้มาตรฐานตามที่บอสเผยต้องการแล้ว บอสเลยตัดสินใจเปิดภัตตาคารของตัวเองขึ้นมา
เลขาซินส่ายหน้า “ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ดูเหมือนบอสเผยจะไม่มีแผนจัดงานเลี้ยงรับรองลูกค้า แต่งานกินเลี้ยงของบริษัทจะจัดที่นี่ทั้งหมดค่ะ”
หลินหวานอึ้งไป
หรือว่าภัตตาคารส่วนตัวนี้จะมีไว้เพื่อกินเลี้ยงภายในบริษัท
เธอมองว่าภัตตาคารนี้น่าจะเป็นภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองจิงโจว นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว บรรยากาศและการบริการก็ไร้ที่ติ เหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงส่วนตัวรับรองลูกค้ารายใหญ่หรือเจ้าของบริษัทต่างๆ
ใช้ภัตตาคารระดับนี้เป็นที่จัดงานเลี้ยงภายในบริษัทเนี่ยนะ
หรูเกินไปแล้ว!
อีกอย่างงานเลี้ยงทุกครั้งบอสเผยเป็นคนออกเงินเองหมด จินตนาการไม่ได้เลยว่าบอสเผยหมดเงินไปกับสวัสดิการพนักงานเท่าไหร่
แต่ปกติบอสเผยก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว
หลินหวานรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา บอสเผยช่างเป็นคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองจริงๆ
ถึงจะดูแลพนักงานเป็นอย่างดี เกินกว่ามาตรฐานของบริษัทหลายๆ แห่ง แต่บอสก็ยังไม่พอใจ อยากจะพัฒนาสวัสดิการขึ้นไปอีกอยู่ตลอด!
ตอนนั้นเองหลินหวานก็เกิดความรู้สึกอันแรงกล้า อยากจะช่วงแบ่งเบาภาระบอสเผย
หลินหวานรู้ว่าการเป็นเจ้านายคนมันเหนื่อยขนาดไหน
แน่นอนว่าเจ้านายแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด กินอยู่สบายตั้งแต่ยังเด็ก ทุกการตัดสินใจจะมีมืออาชีพคอยให้คำแนะนำ สถานะครอบครัวและเส้นสายที่มีทำให้มีเงินทุนใช้จ่ายและโอกาสลงทุนล้นเหลือ
เจ้านายประเภทนี้ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
แต่บอสเผยไม่ใช่เจ้านายประเภทนี้ บอสเป็นคนธรรมดาที่สร้างบริษัทมาจากศูนย์
บริษัทเปิดใหม่อย่างเถิงต๋ามีความกดดันเรื่องการหารายได้สูง ถึงจะจัดการได้ง่ายกว่าด้วยขนาดของบริษัท แต่ความสามารถในการแบกรับความเสี่ยงก็ถือว่าด้อยกว่า หากเกิดข้อผิดพลาดอะไร บริษัทอาจจะเจ๊งเอาได้
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เจ้าของบริษัทประเภทที่ว่าจึงมักจะระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายเงินและคอยคิดหาทางลดต้นทุนอยู่ตลอด
แน่นอนว่าการลดต้นทุนเป็นการกระทำที่ถูกต้อง แต่เจ้าของบริษัทหลายคนกลับเลือกใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้างในการกดขี่พนักงานจนเกินเลยไปถึงขั้นใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์
เทียบกับคนเหล่านี้แล้ว บอสเผยถือได้ว่าเป็นต้นแบบ!
หลินหวานอยากช่วยบอสเผยมาก ตอนนั้นเธอเลยโทรหาหลินโจวผู้เป็นพี่ชายเพื่อขอลดค่าเช่าตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิว
แต่หลินหวานก็คิดหาทางอื่นที่จะช่วยบอสเผยไม่ออกอีก
เนื่องจากเถิงต๋ายังเป็นบริษัทขนาดเล็ก โปรเจ็กต์หลายๆ อย่างจึงไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีการร่วมมือกับเฉินฮว่าคอร์เปอเรชัน
อีกอย่างตอนที่บอสเผยส่งเธอไปฉางหยางเกมส์ บอสบอกว่าอยากให้เธอใช้ความสามารถของตัวเองในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่าเอาแต่พึ่งพาครอบครัว
ดังนั้นหลินหวานจึงคิดอยู่นานแล้วเลือกที่จะล้มเลิกความตั้งใจเรื่องนี้ไป
“รอให้ถึงโอกาสเหมาะๆ ค่อยช่วยบอสอีกดีกว่า
“หรือไม่ก็…ฉันอาจจะช่วยบอสเผยได้ด้วยความสามารถของตัวเอง!”
หลินหวานตัดสินใจได้แล้ว
…
งานเลี้ยงเป็นไปอย่างคึกคัก
หม่าอี้ฉวิน ลู่หมิงเหลียง เปาซวี่ หลี่หย่าต๋า และคนอื่นๆ กำลังคุยกันเรื่องเกมกลับใจคือฟากฝั่ง
เปาซวี่จะได้ออกเดินทางทันทีหลังจากวีซ่าได้รับการอนุมัติ เขาจึงใช้โอกาสนี้อธิบายสิ่งที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับเกมกลับใจคือฟากฝั่งให้พวกหลี่หย่าต๋าฟัง
โชคดีที่รางวัลเที่ยวฟรีมีระยะเวลาแค่หนึ่งเดือน พอเปาซวี่กลับมาตอนกลางเดือนกันยายนก็ยังทันช่วงพัฒนาเกมขั้นสุดท้ายอยู่
ลู่หมิงเหลียงส่งต่องานต่างๆ ให้หลี่หย่าต๋าและอธิบายจุดสำคัญในฐานะหัวหน้าฝ่ายวางแผน
จูซิงอันเองก็อยู่ในวงสนทนาด้วย ในฐานะที่เป็นนักเขียนเว็บโนเวลของเกมกลับใจคือฟากฝั่งและหัวหน้าบรรณาธิการเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน เขาได้ร่วมพูดคุยเรื่องพล็อตเนื้อเรื่องอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะนั่งฟังลู่หมิงเหลียง หม่าอี้ฉวิน และคนอื่นๆ คุยกันเรื่องกระบวนการพัฒนาเกมอย่างตั้งใจมากกว่า
…
เผยเชียนถือแก้วเดินไปรอบๆ ด้วยความพึงพอใจ
ทุกคนกินกันเต็มที่มาก เยี่ยมจริงๆ!
เสียดายที่จัดงานเลี้ยงบ่อยๆ ไม่ได้เพราะกฎของระบบ
เหมือนอย่างทุกครั้ง งานเลี้ยงหรูหราแบบนี้จะต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมในการจัด จึงไม่สามารถจัดได้บ่อยๆ
แต่เผยเชียนก็รู้สึกว่างานเลี้ยงครั้งนี้มาตรฐานสูงกว่าครั้งก่อนๆ
หมายความว่าเมื่อเถิงต๋าเติบโตขึ้นและมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ขอบเขตค่าใช้จ่ายที่ระบบกำหนดไว้ก็จะเพิ่มตามไปด้วย
“ซื้อรถเพิ่มสักคันสองคันได้มั้ยนะ
“จะเกินไปมั้ยถ้าจะเช่าที่จอดรถในตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิว แล้วซื้อรถสักสองสามคันไว้ใช้งานในบริษัทพร้อมกับจ้างคนขับรถด้วย”
เผยเชียนทดสอบระบบดูแล้วพบว่ากฎไม่ได้เข้มงวดเหมือนแต่ก่อน
การซื้อรถมีข้อจำกัดบ้าง เช่น การซื้อรถสปอร์ตจะต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับ ส่วนสปอร์ตหรูเวอร์ชันลิมิเต็ดคืออย่าได้หวัง
เขาสามารถซื้อได้แค่พวกรถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยมีข้อจำกัดเรื่องราคาและจำนวนด้วย
ตอนนี้เขาซื้อรถได้ไม่เกินหกคัน ราคารวมห้ามเกินสี่ล้านหยวน
รถที่ราคาเกินหนึ่งล้านหยวนจะมีสถานะเหมือนวิลล่าที่หมิงหยุน นั่นคือระบบจะนับเป็นสินทรัพย์ถาวรที่จะมีผลต่อการสรุปบัญชี
กลับกันรถที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านหยวนจะไม่นับเป็นสินทรัพย์ถาวร ซึ่งถือเป็นข่าวดีทีเดียว
เผยเชียนตั้งใจจะซื้อรถเจ็ดที่นั่งหนึ่งคันกับรถทั่วไปอีกสองคัน เขาจะไม่ซื้อคันที่แพงมาก โดยจะเลือกราคาที่อยู่ในช่วงสามถึงสี่แสนหยวน
เขาวางแผนไว้ว่าจะใช้เงินกับตรงนี้สักหนึ่งล้านหยวน
เผยเชียนสามารถซื้อรถได้อีกสามคัน ราคารวมประมาณสามล้าน แต่เขาตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอให้ถึงช่วงวันปิดบัญชี ถ้าต้องผลาญเงินขึ้นมากะทันหัน เขาก็สามารถซื้อรถคันละเก้าแสนสามคันและผลาญเงินได้เกือบสามล้านทันที
เผยเชียนครุ่นคิดเรื่องนี้ระหว่างไล่กระตุ้นให้ทุกคนกินกันให้อิ่มหนำสำราญ
สำหรับพนักงานที่มาจากธุรกิจซึ่งกำลังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เผยเชียนก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปให้กำลังใจ โดยบอกพวกเขาว่าทำกำไรไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้คิดถึงเรื่องชื่อเสียงบริษัทก่อน
หวงซื่อปั๋วกับจูเสี่ยวเช่อชนแก้วกับเผยเชียนเสร็จก็นั่งกินกันต่อ จูเสี่ยวเช่อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“แปลกจังครับ บอสเผยดูห่างเหินกับเราไม่เหมือนครั้งก่อน”
ตอนสารคดีขาดทุนรอบก่อน เผยเชียนปลอบใจทั้งสองอย่างอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับญาติสนิท
แต่วันนี้บอสเผยแค่ทักทายพวกเขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปคุยกับคนอื่นต่อ
หวงซื่อปั๋วไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เขาเคี้ยวล็อบสเตอร์แล้วยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ “แสดงว่าเราเลือกเดินถูกทางแล้ว”
จูเสี่ยวเช่ออึ้งไป “หมายความว่ายังไงครับ”
“ไม่เห็นเหรอว่าบอสเผยจะใส่ใจคนที่ไปได้ไม่สวยหรือไม่ก็พวกที่กำลังขาดทุนหนัก” หวงซื่อปั๋วอธิบาย
จูเสี่ยวเช่อคิดดูแล้วก็พบว่าจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด
ตอนบอสเผยคุยกับพนักงานของจงเตี่ยนจงเหวินกับนี่เฟิงโลจิสติกส์ บอสคุยอยู่นาน แถมยังคุยอย่างออกรสออกชาติ
กลับกันบอสไม่ได้สนใจพวกที่ทำงานกับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างเฟยหวงสตูดิโอกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู บอสมาคุยด้วยนิดหน่อยแล้วก็ไป
หวงซื่อปั๋วผุดยิ้ม “บอสเผยเป็นแบบนี้มาตลอด บอสจะใส่ใจคนที่กำลังเจอปัญหาติดขัดอยู่ เพื่อให้พวกเขาสบายใจ
“ส่วนธุรกิจที่กิจการราบรื่น มีแววประสบความสำเร็จแน่นอน บอสเผยจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่
“หมายความว่าพวกเรามาถูกทางแล้ว!
“บอสเผยอนุมัติแผนเราแล้ว ยังจะต้องกังวลอะไรอีก ขอแค่พวกเราทำเต็มที่ ยังไงก็ต้องสร้างชื่อได้แน่!”
จูเสี่ยวเช่อคิดตามแล้วพยักหน้า “อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง!”