ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 4: อสูรร้ายบ้ากาม
“ อลิเซีย!? เอ๊ะ!? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!? ”
“ ……ก็เพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือ เพราะได้ยินว่าเอริโอถูกไล่ออกจากเมือง ฉันก็เลยหนีออกจากบ้านมาเหมือนกันน่ะ ”
พอผมถามด้วยความตื่นตกใจ อลิเซียก็กล่าวออกมาว่าเช่นนั้นได้อย่างหน้าตาเฉย
ก็ยังคงทำสีหน้าเฉยเมยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เหมือนเคย แต่สัมผัสได้ว่าวาจาคำพูดนั้นฟังดูดื้อรั้นอย่างหาได้ยากยังไงชอบกล
“ หนีออกจากบ้านเนี่ยนะ……มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย! อลิเซียต่างจากผมนะ เป็นถึง <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> เลยไม่ใช่เหรอ!? มีภาระหน้าที่จะต้องคอยเฝ้าพิทักษ์นครหลวงในภายภาค—มุ๊ฟ!? ”
“ ที่สำคัญกว่านั้น…… ”
อลิเซียเอามือปิดปากของผมที่สับสนอลหม่าน
“ ……มีอย่างอื่นที่ต้องพูดอยู่ไม่ใช่หรือ? ”
ได้ยินเค้าว่าแบบนั้นแล้วผมก็หันมองไปยังรอบบริเวณ
เบื้องหน้าเรียงรายไปด้วยศพของบอร์กินคนจำนวนนับไม่ถ้วน บวกเข้ากับเจ้าตัวบอสที่เพิ่งยืนขวางทางอยู่เบื้องหน้าพวกผมอยู่แหม่บๆ ตะกี้ (และตอนนี้ก็โดนผ่าแยกเป็นสองซีกไปเรียบร้อย)
และพอตรวจสอบพบคุณกิลที่ถึงจะเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ดีไร้รอยขีดข่วนแล้ว ผมจึง,
“ ……ขอบคุณที่มาช่วยไว้นะ ”
“ ด้วยความยินดี ”
กล่าวขอบคุณกับเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่เคยรู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ภายในหัว
แต่ว่าก็ว่าเถอะ……<อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> นี่มันแกร่งสุดยอดเกินไปแล้วเปล่า……?
“ ……เอาเป็นว่า รีบมุ่งไปยังเมืองข้างเคียงกันก่อนเถอะ ระหว่างทางมานี่ฉันก็ถูกพวกมอนสเตอร์ลอบเล่นงานอยู่หลายครั้งเหมือนกัน รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของพวกมอนสเตอร์จะผิดไปจากเดิม ”
พวกผมรีบมุ่งตรงไปยังเมืองข้างเคียงตามคำพูดดังกล่าวของอลิเซีย
เพราะอยู่ใกล้เคียงกับนครหลวง เมืองแห่งนี้ก็เลยเฟื่องฟูมากพอดู ทำให้หาที่พักแรมขนาดใหญ่ได้แทบจะทันทีเลย
ตามจริงแล้วควรจะเลือกที่ที่เรียบง่ายกว่านี้เพราะเงินติดตัวมีจำกัด แต่ถ้าพาคนสวยอย่างอลิเซียมาด้วยแล้วก็คงจะมัวอ้างแบบนั้นอยู่ไม่ได้หรอก
กล่าวลากับคุณกิลชั่วคราวแล้วจึงจองห้องไว้สองห้องก่อน จากนั้นแล้วผมจึงทำการพูดคุยกับอลิเซียอย่างเป็นพิธีซ้ำใหม่อีกครั้ง
“ คือว่านะอลิเซีย รู้สึกขอบคุณมากเลยล่ะที่ได้เธอช่วยเอาไว้ แต่เรื่องหนีออกจากบ้านนี่……ทางฝั่งตระกูลบลูอายส์นี่ไม่ต้องพูดถึง ตระกูลของผมเองก็คงไม่มีทางยอมแน่นอนเลยนะ ถือเป็นเรื่องใหญ่มากเลยล่ะการที่ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> หลุดรอดหายไปเนี่ย เชื่อได้เลยว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาตามเอาตัวกลับไปแน่นอน ”
เนื่องจากเป็นยามดึกสงัดมากแล้วด้วยนั่นแหละ ผมจึงเข้ามาหันหน้าคุยกับอลิเซียภายในห้องของคุณหล่อน
รู้สึกซาบซึ้งใจมากเลยที่เธอคนนี้คิดจะติดตามไปด้วยกันกับผมซึ่งได้รับ <กิฟต์> ที่ไม่ว่าใครก็คงพากันติฉินนินทาอย่างรังเกียจ……แต่อลิเซียไม่ใช่คนที่สมควรจะเอาชีวิตไปทิ้งเพื่อน้ำหน้าอย่างผมซะหน่อย
แถมต่อให้เป็น <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> แต่ก็คงไม่อาจเทียบชั้นเหล่า <อัศวินศักดิ์สิทธิ์> ที่โตกว่าเจนสนามกว่าได้หรอก ผมจึงพยายามพูดโน้มน้าวใจอลิเซียให้คิดดีๆ ใหม่ซะก่อนจะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่กระทบผู้คนมากมาย
ทว่า
“ ……ไม่ต้องห่วง ฉันกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้แล้วว่าจะออกไปผจญโลกฝึกตนเพื่อแข็งแกร่งให้ได้เร็วยิ่งขึ้นที่สุด ……สายตระกูลบลูอายส์ของฉันเป็นพวกสมองกล้า—อะแฮ่ม เป็นพวกที่นิยมแนวคิดทำสำเร็จให้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว หากอ้างฝึกตนไปก็คงจะใช้กลบเกลื่อนได้ซักระยะนึงเลย……แล้วก็ คิดแผนเอาไว้แล้วล่ะว่าต้องทำยังไงถึงจะไม่ให้ถูกเขาเอาตัวกลับในระยะยาว ”
“ เอ๊ะ? ”
อลิเซียให้คำขาดอย่างทรงพลังมากเหลือเกิน
คิดแผนอะไรของเค้านั่น……
แค่อ้างว่าจะออกไปฝึกตนโดยไม่มีคนคอยตามคุ้มกันแค่นั้นก็ฟังไม่ขึ้นมากพอแล้วนะ ต่อให้คิดยังไงก็นึกไม่ออกเลยว่าจะใช้วิธีการแบบไหนไม่ให้เขามาลากเอาตัว <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> กลับไปในภายภาคหน้า……
เป็นในระหว่างที่ผมกำลังมึนตึ๊บอยู่นั่นเอง—ฉุด
จู่ๆ อลิเซียก็กระชากมือผมด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล เอ๊ะ?
“ หวา!? เดี๋ยวสิ อลิเซีย!? ”
รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกจับเหวี่ยงลอยมานอนอยู่เหนือเตียงนุ่มนิ่ม แถมอลิเซียยังกระโจนเข้ามาเอาตัวทับเหนือร่างของผมไว้อีกต่างหาก!?
อลิเซียที่ขึ้นคร่อมเหนือผมนั้นพลันถอดเครื่องสวมใส่อันทนทานออกอย่างคล่องมือ ลดสภาพตนเองลงมาให้อยู่ชุดห่มน้อยในชั่วอึดใจ แก้มของคุณหล่อนที่ถูกฉายด้วยตะเกียงหินเวทกำลังแดงเรื่อเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์เย้ายวน
เอ๊ะ!? ไอ้นี่มันคืออะไร!? อะไรมันคือไอ้นี่!?
“ ……<อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> ก็คือ <กิฟต์> อันผ่องแผ้วระดับสูงสุดซึ่งมีหน้าที่รับฟังตามบัญชาของราชากับโบสถ์และใช้พลังอันบริสุทธิ์เพื่อปกป้องเหล่าปวงชนเอาไว้……เขาว่ากันแบบนั้น งั้นถ้าฉันเกิดตั้งท้องให้กับคนที่ถูกไล่ออกจากนครหลวงขึ้นมา……ก็คงไม่มีใครกล้าพาตัวกลับแล้วใช่ไหม? ”
“ เดี๊ยวๆๆๆ! ”
อลิเซียชักดูแหม่งๆ แล้ว!
เอ้อก็เป็นคนพิลึกนิดๆ มาตั้งแต่แรกแล้วหรอก แต่อลิเซียในวันนี้ดูอาการแปลกหนักมากเป็นพิเศษเลยนะน่ะ!?
ตรรกะปลิวข้ามขั้นเกินเหตุเหลือเกิน แถมให้ว่ากันแล้วมีปัญหาอื่นอยู่ก่อนหน้านั้นอีกเป็นภูเขาเลากาเลย!
“ หัดรักตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิ! ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรดลใจให้คิดจะตามผมมาถึงขนาดนั้น แต่เรื่องแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้นะ! ”
อลิเซียเป็นเด็กผู้หญิง เป็นคนจากตระกูลขุนนาง แถมยังถือครอง <กิฟต์> ระดับตำนานอีกด้วย
ไม่ใช่คนที่สมควรจะทำเรื่องแบบนั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบซะหน่อย ในหลายความหมายเลย
เพราะงั้นแหละผมจึงขัดขืนพันธนาการของอลิเซียพลางแผดเสียงตะโกนดังว่า แต่
“ ……ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ ”
อลิเซียเอ่ยกล่าวโดยที่จับร่างของผมกดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างกายไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อยนิด
เรี่ยวแรงพลังกายของ <อัศวินศักดิ์สิทธิเทวะ> มันจะสูงลิ่วไปแล้วววว!
“ ……เธอเป็นคนที่พูดชมว่าเส้นผมสีขาวของฉันงดงาม เป็นคนที่เอ่ยชมเช่นนั้นกับเส้นผมสีขาวที่ทุกคนต่างพากันรังเกียจ อีกทั้ง ในตอนที่ฉันถูกหนีหน้าเพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไร ก็มีเพียงแค่เธอเท่านั้นเองที่เข้ามาหาอย่างอ่อนโยน แล้วยังช่วยพาฉันไปเข้าร่วมวงจนเล่นกับคนอื่นๆ ได้ด้วย ”
“ ……อึก เรื่องนั้น มันก็ไม่เห็นจะฟังดูพิเศษตรงไหนเลยนี่ ”
“ …… ”
“ ก็เธอน่ะ เป็นคนที่อ่อนโยนมากยิ่งกว่าใครมาตั้งแต่ก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงจะซุ่มซ่ามในหลายๆ แบบแล้วก็มักจะทำให้คนเขาเกิดความเข้าใจผิดอยู่เรื่อย แต่ก็เป็นคนใจดีที่คิดจะช่วยเหลือพวกสัตว์น้อยๆ ที่ได้รับบาดเจ็บเอย ทนดูคนกำลังลำบากใจไม่ได้เอย……ดังนั้นจะมีคนเข้ามาช่วยไว้ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย ถึงไม่มีผมอยู่ก็คงจะมีใครอื่นเข้ามาช่วยเธอแทนเองนั่นล่ะ ดังนั้นผมที่ทำเพียงแค่นั้นจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะให้เธอต้องอุทิศตนให้ถึงขนาดนี้ซะหน่อย ”
กับคนน้ำหน้าอย่างผมที่ได้รับ <กิฟต์> สุดเฮงซวยในนาม <มารตัณหา> พรรค์นี้แล้วยิ่งหนัก
จะยอมให้ติดตามมาด้วยเหตุผลเหมือนตัวอ่อนที่ไล่ตามสิ่งแรกที่พบเห็นแบบนั้นได้ยังไง
ผมคิดแบบนั้นแล้วจึงพยายามค้านสุดชีวิตเลยหรอกนะ ทว่า
“ ……ว่าแล้วเชียว ”
ไม่รู้ทำไมแต่เหมือนคำพูดของผมจะให้ผลตรงข้ามหมดเลยซะงั้น
“ ……ฉันมีใจรักได้แค่เธอคนเดียวจริงๆ นั่นล่ะ นครหลวงที่ไม่มีเอริโออยู่ด้วยพรรค์นั้น จะไม่ยอมกลับไปเด็ดขาดเลย ”
“ อ๊าง—————!? ”
—หลังจากนั้น
อลิเซียที่ของขึ้นซะหยั่งกับอสูรกายก็จัดการสวาปามโลมเลียไปทั่วร่างของผมอย่างดุร้าย ในช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นฉายแสงนี่ก็คือลงมือรีดน้ำไปจากผมซะระดับที่ขนาดมีสกิลพยศเย็ดแต่ก็ยังถึงกับพ่ายแพ้เอาไม่อยู่เลยทีเดียว
ดูเหมือนว่า <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> ที่เป็นเลิศในศึกระยะยาวจะมีพลังกายเหนือมนุษย์ทั้งในสนามรบและเหนือสนามเตียงเลยงั้นสินะเนี่ย