ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 39: พลังของราชินี, อำนาจของดุ้น
- Home
- ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~
- ตอนที่ 39: พลังของราชินี, อำนาจของดุ้น
“ คิชิคิชิคิชิ วิ่งเข้ามาเป็นอาหารให้ถึงที่เลยเชียวหรือนี่ ช่างเป็นเจ้าก้อนเนื้อที่น่าชื่นชมอะไรถึงเพียงนี้นะ จะกินให้หมดเกลี้ยงไม่เหลือหลอซักตัวเดียวเลย เพื่อชดเชยในโทษฐานที่ริอาจลดจำนวนลูกๆ ของเรจีน่าผู้นี้น่ะ ”
“ ……!? อย่าบอกนะว่าเจ้านี่คือ……เผ่ามารอาร์เมอร์แอนท์ ควีน……!? ”
เมื่ออยู่เบื้องหน้าเด็กสาวผู้อ้างตนว่าชื่อเรจีน่า—ซึ่งจะต้องเป็นจอมบงการเบื้องหลังเหตุประหลาดทั้งหมดมวลอย่างแน่นอนคนนั้นแล้ว เหงื่อก็ไหลทะลักออกมาท่วมไปทั่วกายของผม
เผ่ามาร
นั่นคือคำจำกัดความของมอนสเตอร์ซึ่งมีชีวิตยืนยาวกว่าหลายร้อยปี และวิวัฒนาการจนแข็งแกร่งขึ้นผ่านการสำเร็จเงื่อนไขแบบพิเศษ
เอกลักษณ์เด่นก็คือสติปัญญาที่สูงส่งระดับเข้าใจภาษามนุษย์ การมีลักษณะนิสัยเป็นของตนเอง รูปโฉมที่เหมือนผสมผสานกันระหว่างมนุษย์และมอนสเตอร์
และพวกเค้าที่ถูกเรียกขานว่าเป็นศัตรูของมวลมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับมอนสเตอร์เหล่านี้ ก็ล้วนมีจิตมุ่งร้ายอย่างรุนแรงต่อเผ่ามนุษย์และครอบครองพลังการต่อสู้อันสูงล้ำเหมือนกันแทบทั้งหมด
เช่นเดียวกับเผ่ามนุษย์นั่นแหละ แข็งแกร่งมากหรือน้อยนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละตน
แต่พวกเค้าที่วิวัฒนาการขึ้นมาจนถูกเรียกขานว่าเผ่ามารเหล่านี้—ต่อให้เป็นตัวอ่อนแอที่เพิ่งเกิดได้ใหม่ๆ—ก็จะมีเลเวลโดยประมาณสูงกว่า 200 เป็นขั้นต่ำ
“ อลิเซีย! ผมจะช่วยถ่วงเวลาไว้ให้! รีบรักษาพวกคุณมิเรียมที! ”
“ เข้าใจแล้ว……! ”
อลิเซียก้มตัวลงเคียงข้างเหล่า <ทานตะวันแห่งฟ้ากว้าง> ที่ยังคงหายใจอยู่แผ่วๆ แล้วจึงกาง <ข่ายเทพพิทักษ์> เพื่อป้องกันตนเองจากเหล่ามดโดยรอบบริเวณ
ส่วนผมก็ตั้งดาบดุ้นคุณชายราวกับเป็นการปกป้องพวกอลิเซียอีกที
พริบตาถัดมา
“ อ้าวๆ นั่นจะทำอะไรกับเหยื่อที่เราอุตส่าห์ล่าเองกับมือน่ะ ”
ฟิ้วฟิ้วฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!
“ อึ้ก!? ”
เสียงลมแล่นเฉือนอากาศก้องกระแทกอัดใส่ใบหู—การโจมตีด้วยเคียวสายลมที่มากมายนับไม่ถ้วน
แต่การโจมตีดังกล่าวไม่ได้ถูกปล่อยตรงเข้ามาใส่ผม,
(ไอ้เจ้านี่ มันจ้องเล่นงานอลิเซียก่อนเลย……!?)
อำนาจการมองเห็นภาพเคลื่อนไหวของ <มารตัณหา> ที่เลเวลอัพขึ้นมาได้ช่วยให้ผมมองตามคลื่นโจมตีความเร็วสูงลิ่วได้ทั้งหมด
ไม่รอช้าทำให้ดาบดุ้นคุณชายเปลี่ยนสภาพ แล้วปัดการโจมตีที่หมายจะลอดผ่านข้างตัวผมให้เบี่ยงลงใส่พื้น
เปรี้ยงงงงงงง!
การโจมตีส่วนนึงที่ปล่อยผ่านไปเพราะเห็นว่าไม่โดนตัวพวกอลิเซียนั้น พลันสร้างรอยแผลฉีกลึกสุดขั้วเอาไว้กับกำแพงดินที่อยู่เบื้องหลัง
เส้นทางที่พวกผมผ่านเมื่อตะกี้ได้ถล่มลงมา ปิดช่องไม่ให้มีนักผจญภัยไล่หลังตามเข้ามาได้อีก
(อานุภาพจะสูงอะไรขนาดนั้น ถ้าปัดพลาดแม้เพียงครั้งเดียวละก็พวกอลิเซียแย่แน่……!)
“ โฮ่……? ปัด <กรงเล็บเหิน> ของเราได้งั้นหรือ งั้นถ้าแบบนี้ล่ะจะเป็นอย่างไร? ”
เด็กสาวเผ่ามารที่เรียกตัวเองว่าเรจีน่าพลันสะบัดแขน
พริบตานั้น พวกมดที่อยู่รอบบริเวณก็ทะยานเข้าไปรุมล้อมรอบ <ข่ายเทพพิทักษ์> ของอลิเซีย ดั่งกับเชื่อฟังตามเจตจำนงอันเป็นหนึ่งเดียวกัน
และในจังหวะเดียวกันนั้น คลื่นโจมตีที่มากมายมหาศาลระดับที่เมื่อตะกี้เทียบชั้นด้วยไม่ติดก็ได้เหินเข้ามาคุกคามพวกผม
“ ขุ่ก อู้ววววววววววววว!? ”
ผมแปลงสภาพดาบดุ้นคุณชายไม่มีหยุด ปัดการโจมตีทั้งหมดมวลให้หันเบี่ยงลงกับพื้น
แต่คลื่นโจมตีอันทรงพลังที่ปล่อยออกมาได้ง่ายๆ เพียงแค่สะบัดมือเบาๆ เหล่านั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะขาดห้วงเลยซักที
(ถ้ายังเป็นแบบนี้ก็ได้แต่รอความตายสถานเดียว……!)
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า <ข่ายเทพพิทักษ์> ที่เปิดโล่งต่อการโจมตีของพวกมดจะคงทนต่อไปได้นานมากแค่ไหน
ถึงอีกฝั่งจะเป็นเผ่ามาร แต่ก็ไม่มีปัญญาจะมามัวคอยเฝ้าระแวงท่าทางอย่างระมัดระวังอีกต่อไปแล้ว
ต้องเผด็จศึกให้ได้โดยด่วนเลย
เคราะห์ดี, <ได้เปรียบต่างเพศ> ของผมนั้นเหมือนจะมีผลกับเผ่ามารด้วยเหมือนกัน
พละกำลังทั่วร่างพลันเอ่อล้น สามารถอ่านขาดการโจมตีของเรจีน่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผมเอี้ยวตัวลอดผ่านช่องว่างระหว่างการโจมตี พุ่งกระชั้นชิดเข้าใส่เผ่ามารที่อยู่เบื้องหน้า
“ ย่าาาาาาาาาาาา! ”
ปัดคลื่นโจมตีทั้งหมดมวลลงกับพื้นด้วยดาบดุ้นคุณชายที่แตกหน่อออกมาหลายคม
แล้วจึงยืดความยาวของดาบในสภาวะที่พุ่งทะยานตรงไปทั้งอย่างนั้น ฟาดฟันเข้าใส่เรจีน่าอย่างจังๆ ในทีเดียว
คงคิดไม่ถึงหรอกว่าระยะดาบจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉุกละหุกแบบนี้
เรจีน่าไม่อาจเอี้ยวตัวหลบทัน ได้แต่มองการโจมตีของผมด้วยดวงตาที่เปิดกว้างเท่านั้น
(เรียบร้อย……!)
พริบตาที่เชื่อมั่นสุดใจเช่นนั้นเอง—แกร๊งงง!
“ ห้ะ……? ”
ที่เกิดเรื่องอันสุดจะเชื่อขึ้นมา
ดาบดุ้นคุณชายซึ่งทำจากอะดามันไทต์และฉีกกระชากเปลือกนอกอันหนาเตอะของอาร์เมอร์แอนท์ได้อย่างง่ายดายมาตลอดจนตอนนี้—ถูกหยุดเอาไว้ได้
“ โฮ่ ดาบมารที่ทำจากอะดามันไทต์หรือ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นได้เพียงแร่โลหะที่แกร่งสุดทางด้านกายภาพ ”
เรจีน่าที่รับดาบดุ้นคุณชายเอาไว้ด้วยเกราะแขนพลันแสยะยิ้มอย่างไม่หวาดหวั่นสิ่งใด
“ ทะลวงเปลือกนอกของเราที่ถูกเสริมให้แกร่งด้วยพลังเวทไม่ได้หรอก ”
“ ……!? ”
ที่แล่นเข้ามาในหัว ก็คืออำนาจของ ‘คุณสมบัติคงกระพันไม่อาจถูกทำลาย’ ที่มักจะถูกมอบลงให้กับดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วย
ความสามารถของเผ่ามารที่แกร่งกล้าผ่าเหล่ามากเกินไปมันพลอยจะทำให้หัวกลายเป็นสีขาวโพลน ทว่า
“ ถ้าอย่างนั้น……แค่เล็งใส่ส่วนที่เป็นร่างเนื้อซะก็พอ! ”
แก่นสำคัญของดาบดุ้นคุณชาย ก็คืออำนาจในการเปลี่ยนแปลงไร้ขอบเขตและความยืดหยุ่น
ผสมผสานวิชาดาบที่สั่งสมได้มาจากบ้านเกิดและพลังของดาบดุ้นคุณชายเข้าด้วยกัน ผมเหวี่ยงดาบฟาดฟันเข้าใส่เรจีน่าจากซ้ายขวาหน้าหลังบนล่างเสียบรอบทั่วทุกมุมทิศในจังหวะเดียวกัน แต่ทว่า
กะแกร๊งงง!
“ ขึก!? โกหกใช่มั้ย……!? กระทั่งส่วนที่เป็นร่างเนื้อก็ยังแข็งกว่าอะดามันไทต์อีก……!? ”
“ มีเวลาตกใจด้วยหรือ? ช่องโหว่เต็มไปหมดเลยนะ? ”
ฟิ้ว!
หลังพบว่าการโจมตีไร้ผลโดยสมบูรณ์ ผมก็ตกตะลึงเผลอตัวผงะไปชั่วพริบตา และเรจีน่าก็เจาะช่องโหว่ดังกล่าวโดยการส่งลูกถีบอันแรงร้ายเหลืออัดเปรี้ยงเข้ามาใส่ แม้จะใช้ดาบดุ้นคุณชายกันไว้ได้ทันท่วงที แต่ว่า—เพล้งงงงงง!
โล่ที่ทนทานที่สุดจะสามารถกลายเป็นอาวุธทื่อที่แข็งสุดขีดได้ด้วย
ดาบดุ้นคุณชายที่แปลงสภาพกลายเป็นโล่พลันแตกกระจุยโดยลูกถีบของเรจีน่าที่ใช้ประโยชน์จากเปลือกนอก
ถึงแม้จะลดอานุภาพลงไปได้แล้วพอควร แต่ร่างของผมก็ลอยปลิวอย่างยิ่งใหญ่ไปกระแทกเปรี้ยงกับกำแพงทั้งอย่างนั้น
“ ขั่ก……!? ”
เคราะห์ดีตรงที่สามารถนำดาบดุ้นคุณชายที่แตกกระจุยให้กลับให้มาอยู่ในสภาพเดิมได้โดยการใช้ <งอกเงยดุ้นคุณชาย>
แต่ความเสียหายทางจิตใจที่ต้องเห็นดุ้นแตกกระจุยต่อหน้ามันก็ช่างมากล้นเกินรับ ใจแทบจะแตกสลายไปด้วยกันกับดุ้นแล้วตอนนี้
ทว่า,
“ เอริโอ……!! ”
ได้ยินเสียงอันเจ็บปวดรวดร้าวของอลิเซีย
พอหันมองไปทางนั้น ก็พบกับพวกคุณมิเรียมที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ภายในเขตแดนไม่เปลี่ยน
รักษาใกล้จะสมบูรณ์เต็มทีแล้ว แต่สงสัยจะหลั่งเลือดมากเกินไป พวกเค้าจึงไม่มีวี่แววจะตื่นเลยซักนิด
หากผมแพ้พ่ายเอาตรงนี้ พวกเค้าเหล่านั้นก็จะต้องตายกันหมดทุกคน
ไม่สิ……ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ……
“ คิชิคิชิคิชิ ไม่ผิดไปจากที่คิด ขอแค่ไม่ใช่อัศวินศักดิ์สิทธิ์เสียอย่างมนุษย์มันก็มีปัญญาทำได้แค่นี้ ”
เรจีน่าเผยรอยยิ้มของอมนุษย์ แล้วจึงเดินย่ำตรงเข้ามาใกล้ทางนี้
“ แต่ก็จะมัวเล่นสนุกไปตลอดไม่ได้ หลังจากฆ่าล้างบางพวกเจ้าที่บังอาจป่วนจนฐานที่มั่นของเราพังเละเทะยับเยินแล้ว เราจะกลับไปหลบซ่อนตัวสะสมกำลังใหม่อีกครั้ง แล้วจะใช้กำลังรบของลูกๆ เราปลุกปั่นให้พวกมนุษย์หวาดกลัวและสับสนจนขวัญเสียสติแตกกันไปเลยเป็นไร ”
เรจีน่าคือจอมบงการของเหตุประหลาดทั้งหมด
หนำซ้ำยังตัวเล็กต่างจากควีนทั่วไป ทำให้สามารถหนีลงรูแล้วหลบซ่อนตัวได้อย่างอิสระ
หากไม่ปราบลงให้ได้ในตอนนี้ คราวหน้าเรจีน่าจะต้องหลบซ่อนตัวและเพิ่มจำนวนมดอย่างแนบเนียนมากยิ่งขึ้นอีกแน่
โดยใช้เหล่าผู้คนที่เข้าร่วมในปฏิบัติการวันนี้เป็น ‘สารอาหาร’
งั้นก็จะยอมให้ทำได้ยังไงกันเล่า อะไรพรรค์นั้นน่ะ
“ นอกจากจะเผาผลาญพลังเวทอย่างรุนแรงแล้ว ยังไม่รู้แน่ชัดอีกต่างหากว่าจะใช้ได้ผลกับเผ่ามารแน่รึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้น…… ”
“ ……? อะไรกัน? ”
เรจีน่าที่เดินใกล้เข้ามาเพื่อปลิดชีพผมพลันหยุดกึก
คงเพราะเห็นว่าดวงตาของผมที่กุมดาบดุ้นคุณชายแล้วลุกขึ้นมานั่นมันยังไม่ตายละมั้ง
พริบตานั้น ผมก็ส่งพลังเวทใส่เข้าไปในดุ้นอย่างสุดฤทธิ์
จริงอยู่ ดุ้นของผมแปลงสภาพกลายเป็นวัตถุอย่างเช่นพิษ ไอมาร หรือน้ำไม่ได้
แต่มีเพียงหนึ่งอย่าง
ผลจากการที่ <แปลงคุณลักษณะดุ้นคุณชาย> ขึ้นมาเป็น Lv10 นั้น ได้ทำให้เกิดเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นมา
คนเราจะใช้คำคุณศัพท์ต่างๆ นาๆ ในยามที่กล่าวบรรยายถึงดุ้น
ใหญ่, เล็ก, แข็ง, อ่อน, หนา, บาง, ยาว, สั้น……
และสกิลสุดจัญไรของผม ก็ได้ทำการแปลงสภาพดุ้นโดยแปรผันตามคำต่างๆ ที่ใช้บรรยายพรรณาถึงดุ้นเรื่อยมา
—ดังนั้น
คำว่า ‘ร้อน’ อันเป็นคุณศัพท์ที่ใช้พรรณาถึงดุ้น ก็ย่อมต้องอยู่ภายในระยะที่สกิลครอบคลุมถึงด้วยอีกเช่นกัน
—โพล๊ะ!
ดุ้นที่ได้รับพลังเวทไปอย่างมหาศาลพลันร้อนจี๋เป็นสีแดง
ความร้อนแรงดั่งไฟทำให้เส้นผมตั้งชัน ฉุดอุณหภูมิของชั้นใต้ดินให้เพิ่มพรวดขึ้นมาในชั่วอึดใจเดียว
“ ……!? นั่นมันอะไรกัน……ไม่ใช่ดาบมารอะดามันไทต์หรอกหรือ!? ”
สีหน้าของเรจีน่าบิดเบี้ยวไปด้วยความตื่นตะลึงเป็นครั้งแรก
และผมก็—ส่งสายตาตรงเข้าหาเธอคนนั้นอย่างไม่หวาดหวั่น
“ ดาบดุ้นคุณชาย—เจิดจรัส ”
เผาผลาญจิตใจให้ลุกโชน! เผาไหม้ไอ้จ้อนให้โชติช่วง!
ผมปลุกขวัญกำลังใจให้ตนเองเพื่อปัดเป่าความกลัวจากการถูกทำลายไอ้จ้อนให้มลายหาย—แล้วจึงแล่นทะยานฟาดฟันเข้าใส่เจ้าอสูรร้ายที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง