ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 28: โลกสดใสเมื่อเธอเจอดุ้น
- Home
- ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~
- ตอนที่ 28: โลกสดใสเมื่อเธอเจอดุ้น
“ ……เอริโอ❤ เอริโอ❤ ”
ยามค่ำของวันที่ให้สัญญาไว้กับโซเนีย, อลิเซียก็เข้ามาออดอ้อนโหยหาร่างกายผมอย่างรุนแรงมากยิ่งกว่าทุกที
ช่วงนี้ พวกผมที่ติดพันกับการพิชิตดันเจี้ยนนั้นมักจะต้องพักอาศัยในฐานที่มั่นชั่วคราวซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเป็นระยะเดินทางราวครึ่งวันบ่อยครั้ง ก็เลยทำให้หาเวลาจัดกิจกรรมยามค่ำไม่ค่อยได้กลายเป็นสาเหตุทำให้คุณเธอคลั่งแบบนี้แหละ
บวกกับที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ทำให้ความอยากที่สั่งสม (ราว 2-3 วัน) ของอลิเซียระเบิดบึ้มขึ้นมานั่นเอง
เพราะเหตุดังกล่าว การ ‘สนิทสนม’ กับอลิเซียก็เลยลากยาวเกินงาม แถมเพราะเป็นวันก่อนหน้าช่วงหยุดพักผ่อนระยะยาวที่ห่างไปนาน ผมก็เลยเผลอปล่อยตัวตัวเลินเล่อไปซะสนิท—อืมจะว่ายังไงดีละ ก็ประมาณเผลอหลับเพลินจนตะวันขึ้นโด่งนั่นแหละ
ก๊อกก๊อก
“ โฮ้~ย เอริออร์แล้วก็แอลลี่จัง? ยังหลับกันอยู่อีกเหรอ~? ”
ณ ยามเช้าของวันที่สัญญาจะให้โซเนียพาเดินรอบเมืองนั่นเอง ที่เสียงเคาะประตูเป็นตัวปลุกให้ผมตื่นจากการหลับใหล
หลังจากนั้นก็กลิ้งสลึมสลืออยู่บนเตียงต่ออีกซักระยะนึงหรอก แต่พอได้ยินเสียงเคาะดังขึ้นมาอีกครั้งปุ๊บผมก็ร้อง “ห้ะ!?” พร้อมกระโดดโหยงอย่างแตกตื่น
“ แย่แล้ว นอนตื่นสายเหรอเนี่ย!? ”
ตรวจสอบสถานการณ์ด้วยหัวที่เพิ่งตื่นนอน
ดูเหมือนโซเนียที่รู้สึกกังวลเพราะเห็นว่าต่อให้รอเท่าไหร่ผมกับอลิเซียก็ไม่ยอมโผล่ลงไปยังชั้นแรกของที่พักแรมซักทีนั้น จะประสานเรื่องกับประชาสัมพันธ์จนถ่อมายังหน้าห้องนี้โดยตรงแน่ะ
“ ขอโทษนะโซเนีย! หลับเพลินไปเพิ่งจะตื่นเมื่อตะกี้เอง! รอเงกอยู่ตรงทางเดินแบบนั้นมันก็คงไม่ดี เอาเป็นว่าเข้ามารอในห้องก่อนสิ! ”
ว่าแล้วผมก็กระโจนออกจากห้องนอน ปลดกลอนประตูที่เชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นกับทางเดิน—แต่เป็นตรงนั้นเองที่ผมเพิ่งจะสังเกตรู้สภาพของตนเอง
ร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยการโดนปล้ำอย่างรุนแรงวัวตายควายล้มด้วยฝีมืออลิเซียเมื่อคืนวาน บวกกับสารรูปของตัวเองที่สวมเพียงกุงเกงในตัวเดียว
“ ว๊ากกก—! ว๊ากก—! ”
ถึงหัวจะเบลอเพราะเพิ่งตื่นนอน แต่ก็จะรีบร้อนเกินเหตุไปแล้ว
ผมรีบเผ่นแน่บกลับไปยังห้องนอนด้วยพละกำลังร่างกายของ <มารตัณหา>
“ เอ่อ เอริออร์? ช้าก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่ต้องรีบร้อนถึงขนาดนั้นก็ได้นะ? ”
โซเนียที่เหมือนจะเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้ว ได้กล่าวส่งเสียงมาเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงเหมือนยิ้มเฝื่อน
ผมหน้าแดงแจ๋กับคำพูดดังกล่าวของโซเนียร่วมด้วยไปพลาง สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ,
“ ขะ ขอโทษด้วยจริงๆ จะเตรียมตัวเดี๋ยวนี้แหละ ช่วยรอเดี๋ยวก่อนนะ ”
เปิดหน้าต่างห้องนอนที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นสารพัดสารเพ, ปลุกอลิเซียที่นอนส่งเสียงลมหายใจอย่างน่ารักว่า ‘งึมงำๆ’ แล้วจึงแล่นเข้าไปอาบน้ำเป็นการเรียกสติให้กับหัวที่มึนเบลอ
โชคดีจริงๆ ที่มีห้องอาบน้ำอยู่ในห้องนอน……
เสื้อผ้าก็เตรียมเอาไว้อยู่ข้างห้องอาบน้ำแล้ว เลยจบเรื่องได้โดยไม่ต้องไล่โซเนียออกไปยังทางเดินเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อ
ผมคิดอะไรแบบนั้นไปพลาง รีบเร่งทำการจัดแจงแต่งตัวต่อเนื่อง
*
ในขณะที่เอริโอกำลังพยายามลบร่องรอยการสู้ศึกเมื่อคืนวานอย่างสุดชีวิต
“ ……ก็รู้หรอกว่าสองคนนั้นพักอยู่ในห้องเดียวกัน……แต่ก็เป็นตั้งห้องใหญ่ที่มีห้องนั่งเล่นกับห้องนอนแยกขาดออกจากกัน เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่กลับอยู่ในห้องนอนด้วยกันทั้งคู่นี่……แสดงว่าต้องเป็นอย่างว่ากันจริงด้วยสินะ…… ”
โซเนียที่ถูกเชิญเข้าห้องและนั่งอยู่เหนือเก้าอี้นั้น กำลังหน้าแดงแปร๊ดอยู่คนเดียวเนื่องด้วยคำตอบที่ฉุกคิดได้ขึ้นมา
และที่ชวนให้รำลึกในจังหวะเดียวกับที่มีจินตนาการแสนทะเล้นเช่นนั้นลอยผุดขึ้นมา ก็คือสัมผัสของไอ้จ้อนเอริโอที่เผลอไปจับเข้าอย่างเต็มไม้เต็มมือเพราะอุบัติเหตุเมื่อวันวาน
ไม่สิ ไม่ใช่แค่สัมผัสอย่างเดียว
ทั้งสีและรูปทรง สำคัญสุดเลยก็คือกลิ่นนั้นได้ปั่นป่วนทำให้สภาพจิตของโซเนียรวนไปหมด
เพียงหวนรำลึกถึงความทรงจำที่ถูกสลักลงไปอย่างรุนแรงดังกล่าวเท่านั้นร่างกายมันก็ร้อนผ่าว เข้าสู่สภาวะยุกยิกอยู่ไม่สุขอย่างหนักหน่วง
ว่าตามตรงคือแค่เห็นหน้าเอริโอเท่านั้นก็หวิดอันตรายหน่อยๆ แล้วหรอกนะ แต่โซเนียก็สามารถหาทางคุมสติเอาไว้ได้แบบหวุดหวิด
กระนั้นแล้วก็ไม่อาจจะนิ่งเฉยอยู่ได้โดยไม่ทำอะไรเลย
“ โอ้ยย! ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย! ”
ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินวนเวียนไปมาทั่วห้อง ดั่งกับพยายามจะทำให้ร่างกายที่ยุกยิกสงบตัวลง
แต่มันเป็นในฉับพลันนั้นเอง
ก๊อง
เพราะเดินวนโดยไม่สนสภาพรอบตัว ก็เลยเผลอชนชั้นวางของที่ตั้งติดไว้ในห้องเข้าให้
เท่านั้นแหละมีข้าวของที่น่าจะเป็นของพวกเอริโอกลิ้งหล่นออกมาจากภายใน เกิดเป็นเสียงทื่อดังก้อง
เสียงหนักอึ้งเหมือนโลหะมีค่าตกกระทบพื้นทำเอาโซเนียสะดุ้งโหยง
“ ว้าย ตายแล้ว!? หรือว่าจะเป็นของมีค่ารึเปล่า!? ”
เป็นในจังหวะที่รีบเร่งพยายามจะก้มหยิบเจ้าสิ่งที่กลิ้งออกมาจากกระเป๋าหนังลูกใหญ่นั่นเอง
“ ……เอ๊ะ? ”
ที่โซเนียถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เพราะสิ่งที่กลิ้งออกมาจากกระเป๋านั้นคือกลุ่มก้อนทองและเงิน—น่ะก็ถือเป็นเหตุผลอย่างนึง แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกสับสนงุนงงอย่างมากยิ่งเป็นที่สุดเลยก็คือรูปทรงต่างหาก
ไอ้จ้อนของผู้ชาย
แค่นั้นไม่พอ ก้อนทองและก้อนเงินที่มีรูปทรงเหมือนไอ้นั่นของเอริโอซึ่งฝังลึกเข้ามาในหัวไม่ยอมห่างไม่ยอมหายนับตั้งแต่วันนั้น ก็ยังทำให้โซเนียถึงกับฉงนสงสัยว่าตัวเองได้ปัญญานิ่มสติแตกไปแล้วหรือไงเลยด้วยซ้ำ
“ งะ ไหงของแบบนี้ถึงได้……!? ”
ไม่เห็นจะเข้าใจ เกินเข้าใจมากไป
เพื่อที่จะประคองสติไว้ไม่ให้วิปลาสด้วยแล้ว ทำเป็นไม่เห็นเจ้าสิ่งนี้ไปซะอาจจะดีกว่า
โซเนียที่รับรู้เช่นนั้นด้วยสัญชาติญาณพลันเอาโลหะเลอค่าทั้งสองแท่งเก็บเข้ากระเป๋าอย่างเงียบๆ แล้วจึงส่งกลับเข้าที่เดิม
ทว่า—เธอเองก็คงจะสับสนอลหม่านอย่างหนักเลยกระมัง
มือก็เลยสั่น พลาดทำของที่อยู่ภายในกระเป๋าหนังร่วงตกลงมาเข้าอีกครา
—ตุ๊บ
สิ่งที่ตกลงกระทบพื้นอีกครั้งนั่นแทบจะไม่สร้างเสียงใดๆ
เพราะว่ามันไม่ใช่โลหะน่ะเอง
“ ……ห้ะ? ”
คราวนี้แหละโซเนียมีคิดอย่างจริงจังว่าชะรอยตัวเองจะกลายเป็นบ้าไปซะแล้ว
“ ทำไม……ทำไมไอ้จู๋ของเอริโอถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ……!? ”
ไอ้จ้อนที่ใหญ่ยาวกำยำซะจนน่าหวาดกลัวชั่วร้าย มันกำลังเลือดสูบฉีดเต้นตึกๆ อย่างแข็งขันอยู่เบื้องหน้าสายตาของเด็กสาวใสซื่อผู้เผลอตัวใจเต้นถี่ระรัวขึ้นมาเอง