ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 23: โพรงลูกดกแตกพ่าย
เนื่องจากอิทธิพลของพลังเวทที่เอนเอียง ทำให้กำแพงทั้งหมดภายในดันเจี้ยนส่องแสงสลัว
ด้วยเหตุนั้นภายในดันเจี้ยนก็เลยแตกต่างจากถ้ำทั่วไป ถึงไม่ได้พกตะเกียงมาก็สามารถถลำลึกเข้าไปได้โดยไม่ลำบากติดขัด
แต่ก็แน่นอนว่าดันเจี้ยนต้องมีอุปสรรคที่ตึงมือมากยิ่งกว่าความมืด
พวกมอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาอย่างไม่มีหยุดน่ะเอง
“““ ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”””
มาดาระสเนค, บลูแฟงค์, เกรทกริซลี
เหล่ามอนสเตอร์ประเภทเดียวกับที่โจมตีหมู่บ้านได้โผล่ออกมาขวางเส้นทาง พร้อมกับกระโจนถาโถมเข้าทำร้ายพวกผม
เทียบกันแล้วภายในดันเจี้ยนมีความกว้างยิ่งกว่าถ้ำธรรมดาทั่วไปมากพอสมควร หากประมาทก็จะถูกรุมล้อมรอบตัวในทันที
แต่สำหรับพวกผมในตอนนี้ กะอีเรื่องแค่นั้นไม่ใช่ปัญหาเลยแต่อย่างใด
“ แปลงรูปทรง! ”
“““ กุเกี๊ยะ!? ”””
ดุ้นที่ยืดย้าวยาวยาวในฉับพลันของผมแล่นเสียบทะลวงจุดตายของเหล่ามอนสเตอร์ที่รุกไล่เข้ามาจากทางเดินลึกเข้าไปได้หมดเกลี้ยงในคราเดียว
พอขยับเบาๆ ไปยังทิศด้านข้างทั้งอย่างนั้น ดุ้นที่แปลงเป็นอะดามันไทต์ก็ผ่าร่างของมอนสเตอร์ให้ขาดครึ่งอย่างไม่ติดขัดอะไรเลย ซากศพที่เงียบเชียบพูดอะไรไม่ได้มีแต่จะกองสุมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ แกร๊ววววววววววว! ”
พลันมีเงาหนึ่งตัวกระโจนจากทิศด้านข้างเข้ามาใส่ผมที่ก้าวเท้ามุ่งหน้าอย่างต่อเนื่อง
การลอบจู่โจมของเลเวล 40—แบล็คลิซาร์ดที่ช่ำชองด้านการซ่อนตัวในเงามืดนั่นเอง
แต่การลอบจู่โจมดังกล่าวก็ถูกสกิลตรวจจับของอลิเซียเปิดโปงหมดเปลือกล่วงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
“ แปลงรูปทรง! ”
“ กุเก๊ะ!? ”
เชือดทิ้งในพริบตา
ผสานกับการนึกคิดของผม พลันมีใบมีดเล่มใหม่โด่ชูชันดังจุ๊ด! ออกมาจากแถวบริเวณรากดาบดุ้นคุณชาย คร่าชีวิตของแบล็คลิซาร์ดได้โดยที่ไม่ต้องสะบัดแขนเลยซักนิดเดียว
ดุ้นที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงได้อย่างอิสระของผมนั้นไร้ซึ่งจุดบอด แม้เป็นดันเจี้ยนที่เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกแต่ก็สามารถบุกรุกล้ำเข้าไปได้โดยไม่ต้องมีหยุดนิ่ง
แล้วก็
ตามจริงแล้วเป็นเรื่องที่เพิ่งจะรู้หลังจากที่ทดลองดูในเควสต์จัดหาวัตถุดิบของหมาป่าพงไพร เหมือนว่าสกิลของผมจะไม่ค่อยกินพลังเวทมากซักเท่าไหร่ละ
ถ้าเป็นแปลงคุณลักษณะดุ้นคุณชายละก็กินพลังเวทเยอะพอตัวเหมือนกัน แต่แปลงรูปทรงนี่เหมือนว่าจะกินไม่เยอะมากเท่าไหร่ หากเปลี่ยนดุ้นให้กลายเป็นอะดามันไทต์ครั้งนึงแล้วก็จะสามารถกวัดแกว่งดุ้นไปมาได้อย่างค่อนข้างสบายๆ เลยเชียว
กระนั้นแล้วก็จะเผลอชะล่าใจภายในการพิชิตดันเจี้ยนไม่ได้เด็ดขาด
ยิ่งหากเป็นการท้าชนครั้งแรกสุดแล้วด้วยยิ่งหนัก ผมพยายามเก็บออมพลังเวทให้มากที่สุดเท่าที่ไหวโดยการใช้ดาบที่ได้รับจากคุณเวพุสโจมตีสวนกลับร่วมด้วยไปพลางบุกรุกล้ำเข้าไปในดันเจี้ยน
มอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาล้วนเป็นประเภทที่ห้อมล้อมหมู่บ้านเต็มไปหมด เลเวลมากสุดก็แค่ 50 – 60
ยิ่งถ้ามีการสนับสนุนอันเป็นเลิศของอลิเซียที่ปลดปล่อยพลังเต็มพิกัดได้โดยไม่ต้องปกปิด <กิฟต์> ด้วยแล้วก็ไม่มีทางจะถูกกดดันให้เข้าตาจนได้เลย ถล่มพิชิตดันเจี้ยนได้อย่างนอนสต๊อปเลยเชียวละ
แต่มันเป็นในจังหวะนั้นเอง
“ กร๊าาาาาาาาาาาาาาาาา! ”
ไม่รู้ทำไม พวกผมกลับได้ยินเสียงร้องก่อนสิ้นใจของมอนสเตอร์ดังมาจากทางเดินที่อยู่ลึกเข้าไป
มุ่งไปตรงนั้นพลางคิดสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ นั่นมัน……! ”
ที่อยู่ตรงนั้นก็คือแบล็คกริซลีที่สิ้นลมอยู่ในสภาพร่างกระจุยกระจาย
และฝูงอาร์เมอร์แอนท์ที่กำลังล้อมรอบดั่งกับแบ่งเนื้อกันกิน
““““ กิ๊จิ๊กิ๊จิ๊กิ๊จิ๊กิ๊จิ๊! ””””
อาร์เมอร์แอนท์จำนวนราว 10 ตัว และเจ้าตัวที่ปลดปล่อยออร่าอันแข็งแกร่งท่วมท้นดั่งกับเป็นผู้นำทัพนั่นก็คือ—อาร์เมอร์แอนท์ พลาทูน
มอนสเตอร์สุดทรงพลังที่เคยเข้าทำร้ายโซเนียแถวบริเวณใกล้เมืองนั่นแหละ
เพราะภายในดันเจี้ยนเต็มไปด้วยมอนสเตอร์เกลื่อนกลาดละมั้ง
พวกมันที่เป็นแมลงกินเนื้อดุร้ายก็เลยเหมือนจะเข้าจู่โจมแล้วสวาปามมอนสเตอร์ตัวอื่นที่เกิดขึ้นมาภายในดันเจี้ยนเดียวกัน มอนสเตอร์ตัวอื่นนอกจากแบล็คกริซลีก็น่าจะตกเป็นเป้าหมายล่าไปด้วยรึไง เห็นมีพวกที่เผ่นหนีจากไปโดยเมินไม่สนใจพวกผมอยู่บ้างเหมือนกัน
และแล้ว เหล่ามดที่กำลังชำแหละเนื้อของแบล็คกริซลีก็พากันส่งสายตาตรงมายังพวกผมในคราเดียว
“ กี๊—! ”
และในจังหวะเดียวกับที่พลาทูนแผดเสียงออกคำสั่ง เหล่ามดก็กระโจนถาโถมตรงดิ่งเข้ามาใส่พวกผม!
แต่นั่นก็เป็นการต่อสู้ที่เคยผ่านมาแล้ว
“ ย่าาาาาาาาาาา! ”
สะบัดดาบดุ้นคุณชายที่ฉีกกระชากกระทั่งเปลือกนอกโลหะหนาเตอะได้อย่างแสนง่ายดายเป็นครั้งที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม
เพียงเท่านั้นเหล่ามดที่แสนดุร้ายก็ถูกทำให้แน่นิ่งไม่ไหวติง
แต่ในขณะเดียวกัน ความอุ่นใจก็ได้หายลับไปจากใบหน้าของผม
“ เริ่มจะมีมอนสเตอร์เลเวล 80 โผล่ออกมาแล้ว……ถ้าไม่รีบเข้าดันเจี้ยนอาจจะเติบโตมากขึ้นจนเกินรับไหวก็เป็นได้ รีบกันเถอะ ”
“ ……อือ ”
ต่อจากนี้อาจจะมีมอนสเตอร์ที่แกร่งมากยิ่งขึ้นโผล่ออกมาก็ได้
พวกผมแสดงท่วงท่าหวาดระแวงไปพลาง รีบมุ่งลึกเข้าไปภายในดันเจี้ยน
คงเป็นเพราะดันเจี้ยนแห่งนี้เพิ่งจะอุบัติขึ้นได้ไม่นานมากละมั้ง ถึงจะอยู่ในสภาพเติบโตได้ที่แต่ก็ไม่ค่อยมีทางแยกมากเท่าไหร่เลย
ดังนั้นจึงคิดได้ว่าหากมุ่งไปตามทิศที่มอนสเตอร์โผล่ออกมาแล้วจะไปถึงชั้นลึกสุดที่มีคอร์ของดันเจี้ยนอยู่
และพวกผมก็ทะยานไปตามเส้นทางที่คิดว่าน่าจะใกล้ที่สุดหรอกนะ……
“ ……เอ๊ะ? นี่หรือว่า เจ้านั่นคือคอร์เหรอ? ”
พอพบเจอวัตถุทรงกลมที่ส่องประกาย ผมก็ถึงกับเปล่งเสียงออกมาอย่างตะลึงงัน
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่าเพิ่งจะปราบฝูงอาร์เมอร์แอนท์ได้ยังไม่ทันไร พวกผมก็มาพบเจอกับคอร์เข้าให้ซะแล้วไงละ
ง่ายมากซะจนชวนเหวอเลยเชียวละ
หลังจากนั้นก็ไม่มีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเหนือกว่าอาร์เมอร์แอนท์ พลาทูนปรากฎออกมาเลย แถมยังไม่เจอห้องมอนสเตอร์—ที่เป็นคล้ายๆ ห้องกับดักซึ่งจะมีมอนสเตอร์โผล่ยั้วเยี้ยออกมาจากทั่วทุกมุมทิศ—อันเห็นได้บ่อยในดันเจี้ยนอิ่มตัวเลยด้วยอีกต่างหาก
พวกผมมาถึงที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดายมากมายเหลือเกิน
“ เหลือแค่ทำลายเจ้านี่ทิ้งซะก็จะถือว่าเคลียร์ดันเจี้ยน……แต่แปลกแฮะ ”
ผมเอียงหัวโดยมีคอร์อยู่เบื้องหน้า
ก็จริง ดันเจี้ยนแห่งนี้ให้กำเนิดมอนสเตอร์ออกมามากมายก่ายกอง
แต่แบบ คือยังไงดีล่ะ ถึงจะอย่างนั้นแต่มันก็ออกจะน้อยเกินไปไม่สมชื่อดันเจี้ยนอิ่มตัวเลย……
ก็เห็นกันจะๆ กับตาว่ามอนสเตอร์ทะลักออกมาจากดันเจี้ยนนี้ แต่ผมกลับไม่คิดว่ามันหนาแน่นถึงระดับที่จะมีมอนสเตอร์ทะลักออกไปได้เลย
หรือไม่แน่ผมก็อาจจะแค่ไม่รู้ประสีประสาเพราะไม่มีประสบการณ์พิชิตดันเจี้ยนมาก่อน ตามปกติแล้วดันเจี้ยนแค่ระดับนี้อาจจะใหญ่เพียงพอให้มีมอนสเตอร์ทะลักออกมาแล้วก็เป็นได้
อย่างน้อยๆ ก็น่าจะหนาแน่นระดับที่มีอาร์เมอร์แอนท์โผล่มาล่าเหยื่อกินนั่นแหละ โอกาสที่ผมจะคิดมากไปเองนั้นมีสูงอยู่
“ ……เอริโอ รีบทำลายคอร์สิ ”
“ อ๊ะ ขอโทษนะ! เผลอจิตหลุดไปนิดหน่อย ”
อลิเซียจิ้มๆ สีข้างของผมซึ่งลุ่มหลงอยู่กับความรู้สึกแหม่งๆ
ผมหลุดจากภวังค์ แล้วจึงใช้ดาบดุ้มคุณชายเสียบทำลายคอร์
เพล้ง!
ถึงจะเป็นดันเจี้ยนเกิดฉับพลัน แต่เพราะเพิ่งจะอุบัติขึ้นได้ไม่นานละมั้ง ก็เลยยังไม่มีตัวตนที่เรียกได้ว่าเป็นบอสของดันเจี้ยนเลย
พวกผมจึงประสบความสำเร็จในการทำลายคอร์ดันเจี้ยนได้อย่างไม่พบเจออุปสรรคติดขัดใดๆ
ดันเจี้ยนที่ถูกทำลายคอร์นั้นก็เป็นแค่ถ้ำขนาดใหญ่ดีๆ นี่แหละ
อาศัยจังหวะนี้ที่กำแพงยังคงส่องแสงด้วยพลังเวทที่เหลือค้าง รีบวิ่งกลับตามทางเดินที่มีซากศพมอนสเตอร์กลิ้งเกลื่อนกลาด
“ ฮึก!? ไม่เห็นมอนสเตอร์โผล่ออกมาซักนิดก็เลยมีคิดอยู่เหมือนกัน……แต่นี่เล่นพิชิตดันเจี้ยนอิ่มตัวได้จริงๆ เลยงั้นเรอะ!? แถมยังด้วยสองคนเท่านั้นเองเนี่ยนะ! ”
“ โคตรจะบ้า……แบบนี้ไอ้พวกที่แจ้นไปขอกำลังเสริมที่เมืองก็เหนื่อยฟรีเลยดิงี้ ”
พอกลับมาถึงชั้นพื้นดิน พวกคุณนักผจญภัยรุ่นพี่ทุกคนที่ช่วยรอคอยการกลับมาของพวกผมก็รีบวิ่งตรงเข้ามาหา
ไม่ว่าใครต่างก็จ้องตาค้างไปยังเศษคอร์ที่ผมเอากลับมาเป็นหลักฐานถึงการพิชิต
หลังจากนั้นพวกเขาก็ตบไหล่ผมดังแป๊ะๆ พูดว่า “จะแบกชิ้นส่วนมอนสเตอร์ที่พวกนายปราบกลับให้ก็แล้วกันเว้ย!” แล้วครื้นเครงกันยกใหญ่
“ ขะ ขอบคุณมากนะครับ แต่ก็นั่นไง เหมือนว่าหลังจากพิชิตดันเจี้ยนเสร็จแล้วนี่จะต้องมีการสะสางงานที่เหลือค้างอีกใช่มั้ยครับ? ต้องทำอะไรพวกนั้นให้แล้วก่อนเนอะ ”
“ โอ๊ะ จริงด้วยแฮะๆ พวกนายมันโหดสาสกันซะเหลือเกินก็เลยเผลอลืมไปซะสนิทเลย ”
ได้ยินคำพูดที่กล่าวออกไปเพื่อแก้เขินร่วมด้วยของผมแล้ว พวกรุ่นพี่ก็เอ่ยเห็นด้วยพลางเอามือเขกหัวตัวเองพูดว่า “ไม่ได้เรื่องเล้ย”
สะสางงานเหลือค้างหลังพิชิตดันเจี้ยน
งานหลักๆ ก็คือ ทำการติดป้ายเตือนระวังภัยเอาไว้รอบบริเวณที่เคยเป็นดันเจี้ยน
ดันเจี้ยนจะก่อสร้างพื้นที่ภายในขึ้นมาอย่างฝืนๆ ด้วยพลังเวทที่เอนเอียง
โดยเฉพาะแบบประเภทถ้ำที่ยืดยาวลงไปยังใต้ดินอย่างที่ผมพิชิตไปในวันนี้นั้นจะมีแนวโน้มดังว่าสูงมากอย่างเห็นได้ชัด หากถูกทำลายคอร์จนพลังเวทหมดสิ้นไปแล้ว ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการทรุดตัวของพื้นดินน่ะ
ดังนั้นภายหลังจากพิชิตเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องทำการตัดหมู่ไม้ในบริเวณโดยรอบเอย เอาเชือกมามัดกันเอาไว้เอย จำเป็นต้องป้องกันไม่ให้มีคนเผลอเดินเข้ามาอย่างไม่ระมัดระวังไปซักระยะนึงนั่นแหละ
ก็ตามนั้น พวกผมจึงได้แยกย้ายกันไปเริ่มต้นทำงาน
นอกจากดันเจี้ยนคราวนี้จะมีทางแยกน้อยแล้ว ทางยังเป็นเส้นตรงแหน่วอีกด้วย ดังนั้นการสะสางงานเหลือค้างก็คงค่อนข้างง่ายหากเทียบกับครั้งอื่นๆ หากนี่เป็นดันเจี้ยนแบบปกติ ก็เหมือนว่าจะต้องทำการวาดแผนที่ของภายในอย่างละเอียด แล้วกำหนดระยะให้เป็นสถานที่ห้ามเข้าอย่างแม่นยำตรงเผงเลยเชียวละ ท่าจะลำบากน่าดูชม
และ ภายหลังจากที่เริ่มสะสางงานเหลือค้างแบบนั้นไปได้ซักระยะนั่นเอง
“ ……เอ๊ะ? ”
ที่มีภาพอันเป็นไปไม่ได้แล่นฉายเข้ามาในสายตาของผม
และแทบจะในจังหวะเดียวกันนั้น พวกรุ่นพี่ที่ง่วนทำงานอยู่โดยรอบก็พลันแผดเสียงกรีดร้องออกมา
“ อะ อะไรวะน่ะ!? ”
“ มันบ้าอะไรกันไปแล้ว!? ”
“ เฮ้ยทางนั้นก็ด้วยเรอะ!? อย่าบอกนะว่านี่จะ…… ”
“ ……เอริโอ แย่แล้ว ”
และแล้วอลิเซียที่วิ่งตรงเข้ามาหาผม ก็ได้เอ่ยกล่าวเบาๆ ออกมาว่าเช่นนี้
“ ……ตรงโน้นมีอีกที่ คนละที่กับที่พวกเราพิชิตไป…… ”
แต่คำพูดของอลิเซียก็ถูกตัดขาดห้วงไปกลางทาง
เพราะสังเกตเห็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์ที่อ้าปากบานขึ้นมาเบื้องหน้าสายตาของผมน่ะเอง
ผมหันมองหน้ากันกับอลิเซีย ก่อนจะรีบวิ่งทะยานไปหาพวกรุ่นพี่ที่แผดเสียงกรีดร้อง
แล้วจึงพบกับภาพตามที่คาดหมายรอคอยอยู่ตรงนั้น
“ ที่อุบัติขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีแค่มอนสเตอร์เท่านั้นหรอกเหรอ……! ”
ผมเผลอตัวเปล่งเสียงหลุดออกมา
เพราะเหล่าโพรงทั้งหลายแหล่ที่พวกผมเพิ่งค้นพบใหม่พวกนั้น มันถูกอาบไปด้วยพลังเวทที่เอนเอียงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างน้อยที่สุดก็ 5 ที่
พวกผมได้รู้ซึ้งซะที—ถึงเรื่องที่มีดันเจี้ยนแบบเกิดฉับพลันอุบัติขึ้นมารอบบริเวณนี้ด้วยจำนวนเยอะยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้แน่ๆ นั่น