ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 22: เตรียมตัวเสียบ......เอ้ย บุกโพรงลูกดก
- Home
- ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~
- ตอนที่ 22: เตรียมตัวเสียบ......เอ้ย บุกโพรงลูกดก
นักรบของหมู่บ้านได้กล่าวเอาไว้ ว่าตั้งแต่ที่เริ่มมีมอนสเตอร์โผล่มาแถวไร่นา ก็ได้มีเสริมระดับการเดินตรวจตราภายในป่าเพราะสงสัยกันว่าเกิดเหตุผิดปกติอะไรขึ้นรึเปล่า
แม้ทำแบบนั้นแล้วก็ยังไม่พบอะไรที่ดูจะผิดปกติ อย่างน้อยที่สุดเมื่อหลายวันก่อนก็ยังไม่มีดันเจี้ยนตั้งอยู่ในที่แห่งนี้แน่ๆ
ยิ่งถ้าเป็นดันเจี้ยนสุดอันตรายที่มีมอนสเตอร์พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ด้วยแล้วละก็ไม่มีทางจะเผลอมองข้ามไปได้เด็ดขาดเลย—แน่ะ
ถ้าอย่างนั้นความเป็นไปได้ที่พอจะคิดออกก็มีเพียงหนึ่ง
“ กะแล้วเชียว ดันเจี้ยนแบบพลังเวทอิ่มตัวที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน……! ”
ว่ากันตามเดิมแล้ว ดันเจี้ยนก็คือรังมอนสเตอร์ที่อุบัติขึ้นจากความเอนเอียงของพลังเวท
ดันเจี้ยนจะมีรูปลักษณ์หลากหลายขึ้นอยู่กับสถานที่อันเป็นแหล่งก่อตัว แต่คุณสมบัติที่มีร่วมกันก็คือจุดที่เป็นต้นกำเนิดของมอนสเตอร์มากมายหลายประเภทนี่ละ
เฉกเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป มอนสเตอร์เองก็ทำการสืบพันธุ์ผ่านการผสมพันธุ์เช่นกัน
แต่ที่ต่างกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปก็คือ มอนสเตอร์จะมีเอกลักษณ์พิเศษอยู่ตรงที่สามารถเกิดออกมาได้อย่างไม่มีหมดสิ้นภายในดันเจี้ยนที่มีพลังเวทเอนเอียง
ทว่า ถึงบอกว่าไม่มีหมดสิ้นแต่ตามปกติแล้วก็มีขีดจำกัดอยู่
จะเกิดได้แค่ในจำนวนที่ดันเจี้ยนสามารถรองรับ กล่าวคือหากพวกนักผจญภัยหรือใครอื่นเข้ามาล่ามอนสเตอร์แล้ว ผ่านไปซักระยะจะมีการให้กำเนิดมอนสเตอร์ตัวใหม่ออกมาราวกับเป็นการเติมจำนวนให้เต็ม
ถึงดันเจี้ยนจะก่อตัวขึ้นจากพลังเวทเอนเอียงที่เหนือล้ำเกินความเข้าใจของมนุษย์เท่าไหร่ยังไง พลังเวทที่เป็นอนันต์มันก็ไม่มีอยู่จริงหรอก จะมีขีดจำกัดก็เป็นเรื่องสมควร
แต่ในกรณีหายากมากๆ ก็จะมีดันเจี้ยนที่เหนือล้ำเกินกว่าหลักการดังว่าอุบัติขึ้นมา
นั่นก็คือแบบพลังเวทอิ่มตัว
หมายถึงดันเจี้ยนที่กำเนิดจากพลังเวทเอนเอียงซึ่งหนาแน่นมากยิ่งกว่าของดันเจี้ยนแบบปกติทั่วไปน่ะเอง
ต่อให้มีมอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนมากเกินจำนวนที่สมควรก็ไม่สนใจ มันจะทำการให้กำเนิดชีวิตใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องแล้วไล่มอนสเตอร์ออกมายังภายนอก นับว่าเป็นคุณสมบัติที่รับมือยากสุดขั้วเลย
มิหนำซ้ำ เพราะแบบพลังเวทอิ่มตัวมีคุณสมบัติตรงที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังเวทเอนเอียงอันหนาแน่นอย่างยิ่งยวด ก็เลยมีเคสที่เติบใหญ่กลายเป็นดันเจี้ยนได้ในระยะเวลาสั้นๆ อยู่บ่อย กล่าวคือจะอุบัติขึ้นอย่างกะทันหันแล้วแพร่กระจายความเสียหายเป็นวงกว้างออกไปโดยไม่ให้เวลาได้เตรียมการรับมือเลยเชียวละ
เช่นเดียวกับในคราวนี้ ที่หมู่บ้านแทบจะล่มสลายโดยไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกิลด์นี่น่ะ
“ ดันเจี้ยนแบบอุบัติฉับพลันที่เมื่อหลายวันก่อนยังไม่เห็นมี แสดงว่าเจ้านี่ไม่ใช่ต้นตอที่ทำให้มอนสเตอร์ปรากฎขึ้นมาแถวหมู่บ้านบ่อยๆ หรอกเหรอ……? ไม่สิ ตอนนี้ที่สำคัญกว่านั้นก็คือต้องรีบหาทางทำอะไรกับดันเจี้ยนให้ได้โดยเร็วที่สุด ”
ผมพึมพำโดยพินิจพิเคราะห์คุณสมบัติของดันเจี้ยนด้วยความรู้ที่ร่ำเรียนมาในนครหลวง
ชั้นลึกสุดของดันเจี้ยนจะมีแกนที่ควบคุมเหนือพลังเวทเอนเอียง หากทำลายเจ้านั่นซะก็จะหยุดการทำงานของดันเจี้ยนลงได้
เนื่องด้วยพลังเวทที่เอนเอียง จึงทำให้สามารถเก็บพวกหินเวทหรือทรัพยากรต่างๆ นาๆ ได้จากภายในดันเจี้ยน ดังนั้นปกติแล้วทางเมืองหรือประเทศก็เลยเลือกจะไม่ทำลายแล้วเก็บไว้อยู่ภายใต้การควบคุมแทนหรอก……แต่แบบพลังเวทอิ่มตัวนี่มันต่างออกไป
ต้องหยุดการทำงานให้ได้ไวขึ้นแม้หน่อยเดียวก็ยังดี
“ กลายเป็นเรื่องใหญ่เข้าแล้วไง……! ต้องรีบกลับไปที่กิลด์ในเมืองแล้วบอกให้ทำการตั้งหน่วยพิชิตเดี๋ยวนี้! ”
“ แต่จะทำยังไงเล่า!? กว่าจะถึงเมืองนี่แค่ขาไปอย่างเดียวก็ล่อเป็นตั้งครึ่งวันแล้วนะเว้ย!? ดันเจี้ยนประเภทนี้มันอันตราย หากปล่อยเอาไว้นานเข้าแล้วก็มีความเสี่ยงที่มันจะเติบโตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมแค่ในปัจจุบันมันก็ให้กำเนิดมอนสเตอร์เลเวล 50 – 60 ออกมาหน้าตาเฉยแล้วด้วย หลังจากนี้ระดับความยากในการพิชิตมันจะพุ่งสูงขึ้นไปถึงไหนเลยเชียว…… ”
“ เป็นดันเจี้ยนที่อิ่มตัวภายในไม่กี่วันเลยนี่นะ ความล่าช้าเพียงวันเดียวก็มีโอกาสจะส่งผลร้ายแรงถึงตายได้เลย…… ”
เหล่านักผจญภัยที่ติดตามมาพากันแลกเปลี่ยนคำพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว
พวกเขาจะกังวลก็สมควร
มีความจำเป็นต้องพิชิตดันเจี้ยนให้ได้ในทันทีเลย ในหลายๆ ความหมายแล้วน่ะนะ
ถ้าอย่างนั้น,
“ พวกผมจะไปเองครับ ”
“ ห้ะ? ”
คำพูดของผมทำเอาเหล่านักผจญภัยรุ่นพี่ถึงกับอึ้งค้าง
พวกเขาส่งสายตาตะลึงงันตรงมาหาผมกับอลิเซีย
“ พวกผมจะไป……? อย่าบอกนะว่า นั่นคิดจะพิชิตดันเจี้ยนกับแม่หนูฮีลเลอร์คนนั้นแค่สองคนงั้นเรอะ!? ”
นักผจญภัยรุ่นพี่ที่เข้าใจผิดเรื่อง <กิฟต์> ของอลิเซียพลันแผดเสียงตะโกน
ตามปกติแล้ว การจะพิชิตดันเจี้ยนนั้นต้องใช้ปาร์ตี้ที่มีสมาชิกจำนวน 5-6 คนเป็นสามัญสำนึก
ยิ่งหากเป็นดันเจี้ยนอันตรายเช่นแบบพลังเวทอิ่มตัวด้วยละก็ คงต้องให้นักผจญภัยมือฉมังระดับคุณเรนนี่มาเป็นศูนย์กลางตั้งทีมขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยคนหลักหลายสิบเลยเชียวละมั้ง ในบางกรณีแล้วอาจถึงขั้นต้องให้กองทัพในอาณาเขตหรือกองทัพระดับประเทศช่วยรับไม้ต่อเลยก็เป็นได้
แต่สถานการณ์คราวนี้มันพิเศษมากเกินไปในหลายๆ อย่าง
ผมกล่าวกับเหล่านักผจญภัยรุ่นพี่ที่สับสน
“ ไม่ว่าจะยังไง ในระหว่างรอให้หน่วยพิชิตมุ่งหน้ามาถึงที่นี่ ก็มีความจำเป็นต้องคอยปราบปรามอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มอนสเตอร์ข้างในรั่วไหลออกมายังภายนอกอยู่ดีครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วลองบุกเข้าไปล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ภายในเรื่อยๆ เพื่อบังคับให้มันต้องแบ่งพลังเวทในดันเจี้ยนไปสร้างมอนสเตอร์ เป็นการยับยั้งการขยายตัวของดันเจี้ยนซะแบบนั้นน่าจะได้ผลดีมากกว่า หากเคราะห์ดีไม่แน่อาจจะพิชิตดันเจี้ยนได้เลยด้วย……ถ้าเห็นว่าไม่ไหวจะรีบกลับมาทันทีครับ ได้โปรดให้พวกผมไปเถอะครับ ”
ที่ว่าต้องรีบจัดการกับดันเจี้ยนนี้ให้ได้โดยไวนั่นมันก็คือเรื่องจริงแท้เลย และถ้าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ผมกับอลิเซียก็จะใช้พลังเต็มที่ได้โดยง่ายอีกต่างหาก
ถ้าเป็นดันเจี้ยนในระดับปัจจุบันที่ผลิตมากสุดได้แค่มอนสเตอร์เลเวล 50 – 60 ละก็ ต่อให้มีแค่ผมกับอลิเซียสองคนก็คงปลอดภัยเหลือแหล่
มีรู้สึกเหมือนตัวเองหยิ่งผยองอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน แต่พอคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ผมประมือกับฝูงมอนสเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นการคาดคะเนกำลังรบที่คลาดเคลื่อนซักเท่าไหร่หรอก
ผมคิดเช่นนั้น ก่อนจะอาสาเข้าทำการพิชิตดันเจี้ยนด้วยจำนวนน้อยที่มองผิวเผินแล้วอาจเห็นว่าบ้าบิ่นสิ้นดี
“ มะ มันก็ใช่เว้ย ถ้าเป็นพวกนายละก็อาจจะพอรอดตัวอยู่ในดันเจี้ยนระดับนี้ไหวก็ได้ แต่จะยอมให้นักผจญภัยมือใหม่แค่สองคนต้องมาแบกภาระได้ไง…… ”
เหล่านักผจญภัยรุ่นพี่มองดันเจี้ยนทีพวกผมทีราวกับกำลังทำการตัดสินใจที่แสนขมขื่น
แต่ไม่นานนักก็เลือกจะให้ความสำคัญกับความซีเรียสของสถานการณ์ละมั้ง เขาเอามือเกาหัวราวกับสลัดความหวั่นไหวและความกลัดกลุ้มต่างๆ นาๆ ให้หลุดไป,
“ โธ่เว้ยน่าสมเพชเป็นบ้า อีแบบนั้นมันคือหน้าที่ของรุ่นพี่แท้ๆ! เข้าใจแล้ว จะให้พวกนายจัดการเรื่องภายในดันเจี้ยนก็ได้ ส่วนพวกเราจะแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ไปขอกำลังเสริมจากเมือง กับกลุ่มเฝ้าประจำการหน้าปากทางเข้าดันเจี้ยนก็แล้วกัน เพื่อที่เวลาพวกนายใช้พลังเวทกับพลังกายหมดเกลี้ยงแล้วหนีกลับมา จะได้สามารถช่วยสนับสนุนให้ถอยหนีได้สำเร็จไง แล้วก็ ถ้าพวกนายจะบุกเข้าไปในดันเจี้ยนกันแค่สองคนงั้นก็มีเงื่อนไขอยู่อย่าง ”
ว่าแล้ว ผู้ชายที่เป็นนักผจญภัยรุ่นพี่ก็ยัดอะไรบางอย่างมาให้ผม
มันคือก้อนคริสตัลที่ส่องแสงอย่างน่าประหลาดแน่ะ
อย่าบอกนะว่าเจ้านี่คือ……
“ เมจิคไอเท็มสำหรับเคลื่อนย้ายหลบหนีที่จะใช้ได้เฉพาะภายในบริเวณดันเจี้ยนที่มีพลังเวทเอนเอียงน่ะ เป็นไพ่ตายที่ฉันพกติดตัวเอาไว้เผื่อจำเป็นก็จริง แต่จะให้พวกนายก็แล้วกัน ”
“ เอ๊ะ แต่ว่านี่มัน เป็นของราคาแพงพอสมควรเลยไม่ใช่เหรอ…… ”
“ ก็เออสิวะ! ปกติแล้วไม่มีใครเขาให้กันฟรีๆ หรอกนะเว้ย! แต่ถ้าไม่ให้งั้นก็ไม่มีหน้าจะเรียกตัวเป็นรุ่นพี่กันพอดีดิ! ถ้าคิดจะเข้าพิชิตดันเจี้ยนกันสองคนโดยไม่สนหัวพวกเรา งั้นก็ต้องรับไปเท่านั้นแหละเว้ยไม่งั้นไม่ยอมจริงด้วย! ”
ถึงคำพูดคำจากับท่าทางจะดูหยาบกระด้าง แต่เขาก็คงจะเป็นห่วงพวกผมจากใจจริงเลยนั่นแหละ
ผมเลิกเกรงใจ รับไอเท็มนั้นเอาไว้แล้วเก็บมันเข้ากระเป๋าอย่างว่าง่าย
“ ขอบคุณมากครับ จะไม่ฝืนแน่นอนครับไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ”
“ เข้าดันเจี้ยนก็ต้องห้ามฝืนเป็นปกติอยู่แล้วเว้ย! ถ้างั้นก็ไว้เจอกันใหม่นะ! ”
ว่าแล้ว ปาร์ตี้นักผจญภัยรุ่นพี่ก็แบ่งกันออกเป็นสองทีม
ทีมขอกำลังเสริมที่วิ่งตามการนำทางของนักรบมุ่งกลับไปยังหมู่บ้าน และทีมช่วยสนับสนุนการถอยหนีที่จะประจำการเผื่อในกรณีที่พวกผมพ่ายแพ้กลับมา
“ ดีละ งั้นก็ไปกันเถอะ ”
“ ……อือ ”
และแล้วผมกับอลิเซียแค่สองคน ก็ได้ก้าวเข้าไปภายในดันเจี้ยนที่ให้กำเนิดมอนสเตอร์ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“““ กรั๊วววก๊าาาาาาาาาาาาาาาาา! ”””
““ ชิ! ””
“““ กุก๊ะ!? ”””
ฟาดฟันเหล่าอสูรร้ายที่ถาโถมคุกคามให้ล้มคว่ำ ดิ่งตัวเข้าไปยังอาณาเขตของมอนสเตอร์โดยสมบูรณ์