ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 21: โพรงลูกดก
ซักระยะหลังจากที่ผมประสานงานกับนักรบของหมู่บ้านและเหล่านักผจญภัยที่เดินทางมาถึงก่อน ออกเคลื่อนไหวกวาดล้างมอนสเตอร์ที่รุกล้ำเข้ามาในหมู่บ้านลงไปได้แล้วเสร็จ
อลิเซียที่พาเด็กสาวกับคุณคนขับไปส่งยังที่ปลอดภัยแล้วจึงมุ่งมายังหมู่บ้านก็ได้เริ่มทำการลงมือรักษาเหล่าคนเจ็บ สถานที่ก็คือภายในอาคารอันทนทานซึ่งเป็นแหล่งลี้ภัยของเหล่าชาวบ้านนั่นแหละ
“ ……อาการแย่ ต้องรีบลงมือโดยด่วน ”
อลิเซียที่สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้ากล่าวเช่นนั้นพร้อมใช้งานสกิลรักษา
ทำการรักษาให้กับนักผจญภัยและนักรบของหมู่บ้านที่ล้มหมดสภาพ ไล่ช่วยเหลือเหล่าผู้คนที่รวมตัวใกล้ชิดกันอยู่ภายในสถานที่ลี้ภัยไปเรื่อยๆ
สกิลสายเวทมนตร์นั้นต่อให้เป็นเวทโจมตีหรือเวทสนับสนุนก็จะกินพลังเวทในปริมาณพอสมควร ใช้งานแบบมั่วซั่วมากไม่ได้ก็จริง……แต่เหมือนว่าอลิเซียที่เป็น <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> จะโคตรโหดผ่าเหล่าในด้านนี้อีกเหมือนกัน คุณหล่อนทำการรักษาเรียบร้อยหมดทุกคนได้โดยไม่จำเป็นต้องดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังเวทเลยซักขวดเดียว
แถมอานุภาพของเวทก็ยังเหนือล้ำมากยิ่งกว่าของ <ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์> ที่ประจำการอยู่ในหมู่บ้านซะอีก ระดับที่ช่วยให้ผู้คนส่วนมากซึ่งไม่ได้บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างไม่มีติดขัดเลยทีเดียว ส่วนคนที่เจ็บหนักก็พอจะยื้อชีวิตเอาไว้จนพ้นภัยได้
“ ว้าว ยอดไปเลย อย่างผมมีปัญญาช่วยได้แค่ทำปฐมพยาบาลฉุกเฉินเท่านั้นเอง เคราะห์ดีจริงๆ ที่มีอลิ……แอลลี่อยู่ด้วย ”
“ ……เอะเฮะเฮะ ชมอีกสิ ”
อลิเซียยิ้มเหมือนกับขวยเขิน
และเป็นในจังหวะที่ผมกำลังประทับใจกับความสามารถแฝงของ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> อยู่นั่นเอง
“ พูดอะไรน่ะไอ้หนู! ”
“ เหวย!? ”
จู่ๆ ผู้ชายในหมู่บ้านกับนักผจญภัยรุ่นพี่ก็ปรี่ตรงเข้ามาหาผม
“ ถ้าแกที่โคตรจะแกร่งหยั่งกะสัตว์ประหลาดไม่ได้โผล่มาช่วยไว้ เราคงตายกันหมดโดยไม่มีโอกาสได้รักษาเลยด้วยซ้ำ! ยืดอกภาคภูมิใจให้มากกว่านี้อีกสิ! ไม่งั้นพวกเราก็โคตรจะน่าเวทนาเลยไม่ใช่เรอะ! ”
“ ใช่ๆ! ดาบมาร? นั่นก็ทรงอานุภาพเกินกว่าจะเข้าใจไปเลยเหมือนกันหรอกนะ แต่ฝีมือของนายก็ไม่ใช่เล่นๆ เลย แน่นอนว่าเวทรักษาของน้องฮีลเลอร์คนนี้ก็ยอดเยี่ยมจริงแหละ แต่ที่เรารอดมายันตรงนี้ได้ก็เป็นเพราะความแข็งแกร่งของนายไง ”
“ อาา……ไม่รู้เลยว่าควรจะพูดขอบคุณยังไงดี……! ถ้าพวกเธอไม่ได้มาช่วยไว้ เมีย ลูกสาว แล้วก็ตัวฉันคงตายกันหมดไปแล้ว! ขอบคุณมากนะ ขอบคุณมากเลยจริงๆ นะ! ”
“ เห็นชนะคุณเรนนี่ได้ก็เลยมีคิดเหมือนกันแหละว่าน่าจะเก่งเอาเรื่อง แต่ไม่นึกเลยไงว่าจะขนาดนี้……ดันติดหนี้ก้อนใหญ่กับนักผจญภัยหน้าใหม่เข้าซะได้แฮะ ”
พากันพูดอะไรแบบนั้นซะยกใหญ่จนทำเอาผมชักหงอขึ้นมาแทน
ก็ที่ผมทำมันก็แค่เหวี่ยงดุ้นของตัวเองเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์เท่านั้นเองนี่นะ
แต่เสียงขอบคุณของเหล่าชาวบ้านก็ไหลมาเทมาไม่มีหยุดไม่มียั้ง แถมยังชักเลยเถิดถึงขั้นไปค้นทรัพย์สินที่หลงเหลืออยู่ในบ้านเรือนที่พังทลายมาให้เลยอีกต่างหาก ผมก็เลยต้องรีบหยุดพวกเขาเอาไว้อย่างแตกตื่นตะลีตะลาน หลังจากนี้ก็คงต้องมีการซ่อมแซมหมู่บ้านอีกไง จะรับเงินเอาไว้ได้ซะที่ไหนกัน
“ ไม่ต้องทำให้ผมถึงขนาดนั้นหรอกนะครับ! แค่ผมบังเอิญมีพลังมากพอจะปราบฝูงมอนสเตอร์อยู่กับตัวเท่านั้นเอง แถมถ้าแบกเอาชิ้นส่วนของมอนสเตอร์กลับไปก็จะแลกเป็นเงินได้มากเหลือแหล่แล้วด้วย! ……อ๊ะ แต่ถ้าอยากจะขอบคุณละก็ ช่วยเก็บเรื่องอาวุธกับสกิลของพวกผมไว้เป็นความลับให้จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ ”
ถึงยังไงหลังจากนี้ไปก็ต้องแสดงฝีมือเฉิดฉายในฐานะนักผจญภัย ไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดความแข็งแกร่งเลยซักนิด
แต่ถ้าทำได้ก็ไม่อยากจะให้ข้อมูลรายละเอียดแพร่กระจายเป็นวงกว้างน่ะ ผมจึงตัดสินใจลองกล่าวขอร้องอย่างชัดเจนเฉพาะตรงนั้น ……หรอกนะ
“ ไม่ปากโป้งและไม่สอดรู้สอดเห็นเรื่องสกิลและอาวุธของนักผจญภัยนั่นมันก็เป็นสามัญสำนึกอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ! ยิ่งถ้าเป็นผู้มีพระคุณด้วยอีกนี่ไม่มีทางจะเอาไปบอกใครหรอกน่า! ”
“ ใช่เลยๆ! ให้เราตอบแทนเลยนะ! ”
“ เอาเป็นว่าไปขนกับข้าวมา! ต้อนรับขับสู้ด้วยวัตถุดิบสูงสุดเท่าที่หมู่บ้านนี้จะจัดหาได้เลย! ”
เพราะถูกช่วยจากสถานการณ์สิ้นหวังอย่างกะทันหันก็เลยตื่นเต้นใจโลดโผนกันละมั้ง ทุกคนก็เลยคลั่งกันหยุดไม่อยู่ อะหวาหวาหวา ทำยังไงดีล่ะ—เป็นในจังหวะที่กำลังสับสนอยู่นั่นเอง
—ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!
เสียงระฆังที่ดังก้องขึ้น ทำให้เหล่าชาวบ้านหน้าหงิกไปด้วยความตื่นตระหนก
ผมกับอลิเซียก็หันมองหน้ากันด้วยความตกใจไปด้วย
เพราะว่านั่นก็คือเสียงระฆังที่จะเมืองหรือหมู่บ้านที่ไหนก็มีคล้ายกัน
เสียงที่บ่งชี้ถึงการจู่โจมของมอนสเตอร์น่ะเอง
“ อ๋าา!? แต่เราเพิ่งจะปราบไอ้พวกมอนสเตอร์ระยำหมดไปได้หมาดๆ เองนะ!? ”
“ ไอ้เจ้ากีสบ้า ฉันบอกให้มันเฝ้าหอสังเกตการณ์เผื่อเอาไว้ แต่คงไม่ได้ตื่นตัวออกนอกหน้าจนตาฝาดไปหรอกใช่มั้ย!? ”
ต่างคนต่างพูดไปพลางหยิบอาวุธมุ่งออกไปจากอาคาร
ผมกับอลิเซียก็ทะยานแซงหน้าพวกเขาออกมายังภายนอกด้วย
“ ……ฮึก! มอนสเตอร์บุกมาอีกจริงด้วย……!? ”
มองไปแล้วก็พบเงาจำนวนนึงพุ่งออกจากป่าทางตอนใต้ของหมู่บ้านและกำลังมุ่งตรงมายังทางนี้
แบล็คกริซลี มอนสเตอร์เลเวล 50 ที่มีจุดเด่นคือร่างใหญ่ยักษ์อันกำยำล่ำสัน
“ แม่งเอ๊ย! แค่มีมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลโผล่หัวบุกเข้ามาอย่างกะทันหันเท่านั้นก็เกินกว่าจะเข้าใจไปมากโขแล้ว นี่เอ็งยังจะมีมาเพิ่มอีกเหรอวะ!? แม่งบ้าอะไรกันเนี่ย!? ”
ร่วมมือกับเหล่านักผจญภัยรุ่นพี่และชาวบ้านที่แผดเสียงตะโกน พวกผมทำการฟาดฟันจนมอนสเตอร์สิ้นใจลงไปได้ในบัดดล
แต่ใบหน้าของเหล่าผู้คนในที่แห่งนั้นกลับดูมืดมนต่างสุดขั้วไปจากเมื่อครู่
ซึ่งก็สมควรแล้วละ เพิ่งผ่านการจู่โจมของมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลขนาดนั้นมาได้หมาดๆ ก็มีมอนสเตอร์โผล่มารุกรานเพิ่มอีกจำนวนนึงซะแล้ว แบบนี้มันก็เหมือนกับถูกป่าวประกาศว่าในภายหลังจากนี้ก็จะไม่มีทางได้อยู่เย็นเป็นสุขดีๆ นี่เอง
“ ไม่แน่แล้ว อาจจะมีต้นตอก็ได้นะ…… ”
เป็นตรงนั้นเองที่ผมนึกอะไรบางอย่างได้ หันไปเอ่ยถามกับเหล่าชาวบ้าน
“ เอ่อ แค่อยากรู้น่ะครับ ตอนที่มอนสเตอร์บุกครั้งแรกก็มาจากทางตอนใต้เหมือนกันรึเปล่าครับ? ”
“ เอ๊ะ? อ่อจะว่าไปแล้ว……จู่ๆ มันก็โผล่มาให้ทั่วยั้วเยี้ยไปหมดก็เลยไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัดหรอก แต่รู้สึกเหมือนว่ามอนสเตอร์ที่ถล่มเข้ามาจากทางทิศนั้นจะมีเยอะมากเป็นอันดับหนึ่งเลย ”
ใช่จริงด้วย
ผมไปสอบถามเรื่องราวจากคุณคนเฝ้าหอสังเกตการณ์ต่อ แล้วจึงได้รับการยืนยันว่ามอนสเตอร์โผล่มาจากทางตอนใต้เป็นหลักจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแล้ว……ต้นเหตุที่พอจะคิดได้ก็มีไม่มากนักหรอก
พวกคุณนักผจญภัยรุ่นพี่ก็พยักหน้าอย่างไร้เสียงเป็นการเห็นด้วยกับสมมติฐานของผม
“ ว่าจะลองไปสำรวจในป่าดูหน่อยครับ หากมีมอนสเตอร์บุกโจมตีอีกรอบก็คงแย่เพราะงั้นน่าจะไปได้ไม่นานนัก พอจะมีใครช่วยนำทางในป่าให้ทีได้มั้ยครับ? ”
ผมกล่าวกับโดยรอบแบบสั้นๆ แค่นั้นเพื่อระวังไม่ให้พวกคุณชาวบ้านรู้สึกหวั่นใจ
“ ตั้งแต่ที่มอนสเตอร์เริ่มโผล่มาทำลายทุ่งนา พวกเราก็มีคิดว่าอาจเกิดเหตุผิดปกติแล้วเข้าไปสำรวจในป่ามาตั้งหลายรอบแล้วก็จริง……แต่ถ้านายพูดแบบนั้นงั้นก็ลองสำรวจดูอีกรอบแล้วกัน ”
นักรบของหมู่บ้านคนนึงกล่าวเช่นนั้นพร้อมยกมือขึ้น
เป็นผู้ชายที่มักจะออกไปทำการล่าสัตว์พร้อมกับเดินตรวจตรารอบหมู่บ้านพ่วงไปด้วยน่ะ
นักผจญภัยรุ่นพี่อ้าปากพูดขึ้นต่อ
“ จำเป็นต้องมีคนรับหน้าที่ติดต่อส่งข้อมูลในกรณีที่เกิดอะไรขึ้นด้วยใช่มั้ยล่ะ ถ้าเป็นมอนสเตอร์ที่โผล่มากวนหมู่บ้านเป็นกลุ่มเล็กๆ แบบเมื่อกี้ละก็เรามีกำลังรบจัดการได้เหลือแหล่ พวกฉันก็จะไปกับแกด้วยแล้วกัน ”
ว่าแล้ว นักผจญภัยรุ่นพี่ก็เสนอจะให้สมาชิกจำนวนนึงในปาร์ตี้ติดตามพวกผมไปด้วย
ยังมีปาร์ตี้นักผจญภัยที่นำหน้ามาถึงหมู่บ้านหลงเหลืออยู่พอควร และส่วนมากรวมถึงเหล่านักรบของหมู่บ้านก็ถูกฟื้นฟูด้วยสกิลของอลิเซียบเรียบร้อยแล้ว
ตัดสินใจว่าหากมีกำลังรบเท่านี้ก็คงแยกตัวออกไปได้โดยไม่ต้องมีกังวล ผมจึงกล่าวขอบคุณพร้อมพยักหน้าตกลง
“ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะครับ ”
ผมและอลิเซียแหวกหมู่ไม้ร่วมกับเหล่าผู้คนที่เสนอจะติดตาม ก้าวลึกเข้าไปภายในผืนป่าที่เป็นแหล่งซ่องสุมของมอนสเตอร์
“ ……มาแล้ว จากทางทิศข้างหน้าสี่ตัว มีที่ดูเหมือนจะลอดผ่านซ้ายขวาของพวกเราไปได้อยู่สองตัว ”
“ อีกแล้วเหรอ! มีกำลังรบหลงเหลืออยู่ที่หมู่บ้านพอสมควรก็จริง แต่ก็ชิงจัดการเท่าที่ทำได้ไปเลยแล้วกัน! ”
หลังจากแหวกเข้าป่าไปได้ซักพัก
ผมฟาดฟันมอนสเตอร์ที่เข้ามาในระยะสกิลตรวจจับของอลิเซีย (ด้วยดาบธรรมดา!) พลางรุดมุ่งหน้าลึกเข้าไปภายในป่า
มีมอนสเตอร์โผล่มาจากในป่าเรื่อยๆ อย่างที่คาดเดาเอาไว้ การต่อสู้ดำเนินต่อเนื่องไม่มีเว้น
แต่สำหรับพวกผมที่เข้าป่ามาเพื่อสืบหาต้นตอการอุบัติเป็นจำนวนมากของมอนสเตอร์แล้ว แบบนี้แหละเข้าทางเลย
เพราะหากมุ่งไปยังทิศทางที่มอนสเตอร์โผล่ออกมา ก็จะพบเจอกับต้นตอของการอุบัติครั้งใหญ่ได้เองยังไงล่ะ
“ พะ พอดูดีๆ อีกรอบแล้วพ่อหนุ่มนี่มันสัตว์ประหลาดจริงๆ เลยนะ……ให้ว่าแล้วไหงถึงรู้ตำแหน่งของมอนสเตอร์ได้ล่ะ? สกิลตรวจจับของพ่อหนุ่มเรอะ? ”
“ ถึงจะบอกว่ารับหน้าที่ติดต่อแต่ตามจริงก็คือหวังจะช่วยสนับสนุนไอ้หนูมันหรอกนะ……แบบนี้ก็เหมือนเดินตามมาเฉยๆ เลยนี่หว่า…… ”
“ จำเป็นต้องมีคนนำทางในป่าด้วยเหรอแบบนี้……? ”
ในระหว่างที่เหล่านักผจญภัยซึ่งไล่ตามหลังผมกับอลิเซียกล่าวพึมพำเช่นนั้นอย่างหวาดหวั่นยำเกรง พวกผมก็ทะยานมุ่งตรงไปยังทิศทางที่มอนสเตอร์โผล่ออกมา
หลังจากมุ่งหน้าไปแบบนั้นได้ซักระยะ
สิ่งที่ผมและเหล่านักผจญภัยรุ่นพี่คาดเดา—ไม่สิ สิ่งที่เหนือยิ่งกว่าคาดเดาก็ได้ฉายเข้ามาภายในสายตา
“ อะ อะไรกัน!? ”
นักรบของหมู่บ้านที่เสนอตัวเป็นคนนำทางในป่าพลันแผดเสียงออกมาอย่างตกตะลึง
“ เป็นไปไม่ได้! เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นจะมีอะไรแบบนี้เลยนะ! ไอ้เจ้า……ไอ้เจ้าดันเจี้ยนที่เติบใหญ่ได้ที่แบบนี้! ”
เสียงที่สั่นเครือราวกับไม่อาจยอมรับความเป็นจริง
แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าสายตาของพวกผม……โพรงถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์ที่บานอยู่ตรงตีนหน้าผาก็ยังทำการปลดปล่อยมอนสเตอร์ให้ทะลักทะล้นออกมาอยู่ต่อเนื่อง ดั่งกับเป็นการชี้ให้รู้ซึ้งถึงความเป็นจริงเลยก็มิปาน
——————-
จากคนแปล :
>อลิเซียก็พูดปาวๆ ให้เห็นอยู่ว่าศัตรูมันกำลังมา ไหงไอ้พวกนักผจญภัยข้างหลังถึงมึนนึกว่าเป็นฝีมือเอริโอเฉย
อันนี้อาจารย์อาคากิลืมใส่ครับ มีคนถามแบบนี้อยู่ในคอมเม้นเหมือนกัน จารย์แกบอกว่าจริงๆ แล้วอลิเซียกระซิบให้เอริโอคุงฟังคนเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้โดนคนอื่นรู้สกิล แต่พอดีลืมใส่บอกในเรื่อง คาดว่าเดี๋ยวน่าจะใส่เพิ่มมาในฉบับเล่ม รายละเอียดเล็กน้อยก็สำคัญนี่นะ….