ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 17: เปิดตัวเป็นนักผจญภัย ~ตรวจสอบสกิลของอลิเซีย~
- Home
- ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~
- ตอนที่ 17: เปิดตัวเป็นนักผจญภัย ~ตรวจสอบสกิลของอลิเซีย~
วันถัดมาหลังจากที่ลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยแล้วเสร็จ
ผมกับอลิเซียก็รีบมุ่งหน้าหน้ามายังกิลด์ในทันที เพื่อหวังจะขอรับทำงานแรกสุดโดยไม่มีลีลา
ก้าวเท้าเข้าไปภายในกิลด์ร่วมกับอลิเซียเพื่อหวังจะเลือกหาคำร้องที่พอเหมาะจากกระดานข่าว
วันนี้นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่มายังที่นี่ แต่เรื่องที่พวกผมยังคงเป็นเด็กหน้าใหม่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
สายตาของเหล่านักผจญภัยรุ่นพี่ที่จับกลุ่มกันอยู่ภายในกิลด์ยังคงแล่นติดตามพวกผมราวกับเป็นเรื่องสมควร แต่ท่าทางเหล่านั้นกลับแตกต่างสุดขั้วไปจากแววตาเย้ยหยันดูหมิ่นอย่างเช่นเมื่อวาน
“ เฮ้ย……นั่นใช่ไอ้เจ้าหน้าใหม่ที่ซัดคุณเรนนี่ปลิวรึเปล่า? ”
“ ยังเด็กกะโปกอยู่เลยนี่หว่า คุณเรนนี้เค้าไอ้นั่นม้าง เพราะเป็นการทดสอบก็เลยไม่ได้เอาจริงอ๊ะเปล่า? เห็นว่าแทบจะไม่ได้ใช้สกิลเลยด้วยนี่นะ ”
“ ก็แล้วมันทำไมเล่า เจ้คนนั้นเค้าแรงช้างสารระดับที่แค่ใช้พลังพื้นฐานอย่างเดียวก็มากพอจะขยี้พวกนักผจญภัยทั่วไปให้ร่างแหลกเละเหลวเป๋วหมดทั้งก๊วนได้เลยเชียวนะเว้ย…… ”
ดูเหมือนเรื่องที่โค่นคุณเรนนี่ได้ในการทดสอบจะแพร่สะพัดไปแล้วเรียบร้อย พวกผมจึงได้กลายเป็นที่สนใจไปพอสมควร
เคราะห์ดีอย่างตรงที่ทุกคนเขาสนใจกันแค่ผมคนเดียวก็เลยไม่เป็นปัญหาอะไร……แต่ก็ไม่ค่อยอยากจะเด่นซักเท่าไหร่เลยน่ะนะ
อืม แต่ถ้าสร้างผลงานในฐานะนักผจญภัยไปเรื่อยๆ แล้วก็จะต้องตกเป็นที่สนใจอย่างไม่อาจเลี่ยงอยู่ดี สมควรต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ซะก่อนนั่นแหละ เพื่อที่เวลามีคนจะมาตามอลิเซียกลับแล้วจะได้เก่งพอให้สามารถไล่เขากลับไปได้……
ผมเลิกคิดมากก่อนจะเริ่มทำการคัดเลือกคำร้อง
เชื่อฟังตามที่คุณกอร์โดซึ่งเป็นกิลด์มาสเตอร์ได้เตือนเอาไว้เมื่อวาน ลองหางานคำร้องง่ายๆ ทำอุ่นเครื่องดูก่อนก็แล้วกัน
เป็นในระหว่างที่กำลังจ้องเขม็งอยู่กับกระดานข่าวที่ถูกแยกเอาไว้ตามระดับความยากนั่นเอง,
“ ……เอริโอ นี่ ”
“ เอ๊ะ……เหวอ อลิเซีย!? ”
ฉึบฉึบฉึบฉึบฉึบ!
อลิเซียดึงใบคำร้องจำนวนนึงออกมาด้วยความเร็วสูงสุดยอด ก่อนที่จะยื่นออกมาให้อยู่เบื้องหน้าผม
ทุกใบล้วนเป็นคำร้องที่มีระดับพอเหมาะสำหรับใช้อุ่นเครื่องทั้งนั้น
ผมตกตะลึงกับสายตาคัดกรองอันเป็นเลิศของอลิเซียร่วมด้วยไปพลาง รู้สึกมึนงงมากยิ่งกว่ากับอลิเซียที่เหมือนมีกะจิตกะใจลุยงานสุดยอดไปเลยยังไงชอบกล
“ มะ มีอะไรเหรออลิเซีย งานไวช่วยได้มากเลยก็จริงหรอก แต่ดูคึกยังไงชอบกลนะ? ”
ถึงแม้ตลอดจนตอนนี้จะไม่เคยเห็นวี่แววเลยซักนิด แต่ไม่แน่แล้วอาจจะใฝ่ฝันอยากทำงานในฐานะนักผจญภัยมาตลอดเลยรึเปล่าหว่า……พอถามออกไปโดยที่คิดเช่นนั้นปุ๊บ อลิเซียก็อ้าปากเอ่ยกล่าวออกมาว่า
“ ……ก็เอริโอแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เลยนี่ เห็นการทดสอบเมื่อวานแล้วก็คิดขึ้นมาน่ะ ว่าฉันเองก็ต้องปราบมอนสเตอร์ให้ได้มากๆ เพื่อรีบไล่ตามเอริโอให้ทันโดยเร็วเหมือนกัน ”
นั่นคือความรู้สึกไม่อยากแพ้ตามประสาของอลิเซียรึเปล่านะ
ถึงผมจะโคตรซวยที่ได้รับ <กิฟต์> สุดอัปยศอดสูที่ชื่อ <มารตัณหา> มาอยู่กับตัว แต่เพราะแบบนั้นแหละเลยทำให้ถูกอลิเซียที่มีความเป็นเลิศในอะไรต่อมิอะไรมาตั้งแต่ยังเล็กมองเห็นเป็นคู่แข่ง พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน
และมันเป็นในระหว่างที่ผมกำลังรู้สึกตื้นตันใจกับพลังอันคาดไม่ถึงของ <กิฟต์> สุดซังกะบ้วยเฮงซวยอยู่นั่นเอง
“ ……ถ้าไม่รีบแข็งแกร่งแล้วย่นระยะความต่างชั้นให้ได้เร็วๆ ก็คงจับเอริโอเย็ดในช่วงกลางวันไม่ได้ซะที ”
อลิเซียนี่ช่างอลิเซียเหลือเกินไม่มีแปลงเปลี่ยน
เพื่อจะป้องกันไม่ให้ชีวิตทะยานเข้าสู่โหมดน้ำเยิ้มที่มีแต่จะล่อจะผสมพันธ์กันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้จักระงับแล้ว ผมก็จำเป็นต้องฝึกตนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยเท่านั้น……!
แม้จะมีรู้สึกหวาดหวั่นใจเล็กน้อยร่วมด้วยไปพลาง แต่ผมก็ทำการเลือกคำร้องที่จะรับทำไปด้วยกันกับอลิเซียแหละ
คำร้องที่รับมาก็คือ การจัดหาหนังหมาป่าพงไพร (เลเวลอ้างอิงประมาณ 11) เป็นจำนวน 10 ตัวถ้วน
เวลากำหนดคือภายใน 3 วัน
คงเป็นผลกระทบจากแนวโน้มการปรากฎตัวของมอนสเตอร์ที่แปลกไปละมั้ง แม้จะเป็นคำร้องที่ค่อนข้างง่ายแต่กลับมีรางวัลสูงพอตัวเลยเหมือนกัน
ตามปกติแล้วหมาป่าพงไพรจะกระจายตัวเป็นวงกว้างอยู่รอบทั่วบริเวณเมือง พวกผมจึงว่าจะทำการเดินตามหาแบบเรื่อยเปื่อยโดยจดจำเส้นทางโดยรอบพ่วงไปด้วย
แต่มีสิ่งที่อยากจะทำให้เรียบร้อยก่อนหน้านั้น
การตรวจสอบระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอลิเซียน่ะเอง
คิดว่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งพอจะทำให้พวกผมซึ่งสามารถกำราบฝูงอาร์เมอร์แอนท์ กลายเป็นต้องตกอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำได้นั่นมันคงมีไม่มากมายนักหรอก แต่ก็ดังที่คุณกอร์โดซึ่งเป็นกิลด์มาสเตอร์ว่าเอาไว้ เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
กล่าวคือมีความจำเป็นต้องตรวจสอบให้รู้แน่ว่า <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> มีสกิลอะไรและแข็งแกร่งอยู่ในระดับไหนในปัจจุบันนั่นเอง
ถึงจะไม่ระดับ <มารตัณหา> ที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน แต่ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> เองก็มีแต่เขาพูดกันปาวๆ ว่าเป็น <กิฟต์> ระดับตำนานเท่านั้นเอง ข้อมูลอย่างอื่นมีน้อยมากเลยน่ะนะ……
ก็ตามนั้นแหละ พวกผมจึงได้ทำเช่นเดียวกับเมื่อหลายวันก่อน หลบสายตาผู้คนเข้ามาเปิดแสดงสเตตัสเพลทของอลิเซียภายในป่า
อลิเซีย บลูอายส์ 14 ปี ฮิวแมน <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> เลเวล 10
สกิลที่ถือครอง
บัฟสมรรถภาพร่างกาย [ใหญ่สุดขั้ว] Lv2
บัฟกำลังดาบ [ใหญ่] Lv1
ตรวจจับรอบบริเวณ Lv2
แคร์ฮีล Lv2
ข่ายเทพพิทักษ์ Lv1
ดาบผ่าเทพมาร Lv1
“ อุฮ้าา…… ”
ถึงจะเป็นเนื้อหาที่เคยขอดูแล้วครั้งนึงตอนอยู่ที่พักแรม แต่ก็ถึงกับเผลอตัวเปล่งเสียงชื่นชมออกมาอยู่ดี
เป็นเหล่าสกิลที่สุดยอดเหนือคณานับระดับนั้นแหละ
อย่างบัฟกำลังดาบ [ใหญ่] ก็เป็นสกิลของนักรบมือฉมังเลยไง ยิ่งบัฟสมรรถภาพร่างกาย [ใหญ่สุดขั้ว] นี่ยิ่งแล้วหนัก นับเป็นอาณาเขตที่มีเพียง <กิฟต์> ระยะประชิดระดับสูงสุดที่ผ่านการฝึกฝนจนถึงที่สุดเท่านั้นจึงจะก้าวเข้าไปคว้าเอามาครองได้
เล่นได้มาในฐานะสกิลแรกเริ่มแบบนี้มันจะมีประสิทธิภาพสูงล้ำผ่าเหล่าเกินไปแล้ว
คำเรียกขานว่าเป็น <กิฟต์> ระดับตำนานนั่นไม่ใช่ได้มาเล่นๆ จริงด้วยนั่นละ
แถมยังมีสกิลเท่ๆ ที่ไม่ควรลดตัวเอาลงมาเปรียบกับ <มารตัณหา> ของผมอยู่ให้เต็มไปหมดเลยด้วยอีกต่างหาก น่าอิจฉาที่สุด……
“ แถมนี่มัน ที่ว่าแคร์ฮีลนี่ก็คือเวทฟื้นฟูด้วยใช่มั้ย!? เขาก็พูดอยู่เหมือนกันว่าสายอัศวินศักดิ์สิทธิ์จะเรียนเวทสนับสนุนได้ แต่นี่มันคือสกิลฟื้นฟูระดับสูงพอตัวเลยไม่ใช่เหรอ? ”
ในแง่ของการต่อสู้แล้ว วิธีการฟื้นฟูนั้นถือเป็นสิ่งที่เลอค่ามาก
ก็มีโพชั่นอันเป็นวิธีการที่ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ได้อยู่เหมือนกัน แต่โพชั่นไม่ใช่ของที่สามารถดื่มได้หลายต่อหลายครั้งภายในระยะเวลาสั้นๆ ในอีกด้านนึง เวทฟื้นฟูนั้นนอกจากจะไม่เปลืองเงินแล้วยังสามารถใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่ครั้งก็ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ด้วย นับเป็นสกิลที่เป็นประโยชน์พอดูเลยเชียวละ
“ ……อือ แต่ว่าเจ้านั่น, พอสังเกตว่ามันปรากฎขึ้นมาภายหลังจากที่ช่วยคุณโซเนียเอาไว้ได้ ฉันก็ทดลองใช้ดูเลยทันทีอยู่หรอก แต่ไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์ซักเท่าไหร่ ”
อลิเซียกล่าวเช่นนั้นออกมาอย่างผิดหวัง
เอ๊ะ? ทดลองใช้เมื่อไหร่กันน่ะ มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องรักษาบาดแผลแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยเหรอ……พอกำลังเอียงคอฉงนอยู่แบบนั้นปุ๊บ,
“ ……ลองใช้ดูหลังจากที่เพิ่งเสร็จได้หมาดๆ แต่เรี่ยวแรงก็ไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาเลย ”
“ ระ เหรอ…… ”
หวิดไปแล้วไง……!
หากเวทฟื้นฟูตัวนี้เป็นสายที่ใช้ฟื้นเรี่ยวแรงพลังกายได้ด้วยละก็ อลิเซียที่หื่นกระหายไม่รู้จักพออยู่เป็นทุนเดิมก็คงจะทรงพลังขย่มไม่ยั้งยิ่งกว่านี้ไปแล้ว……!
แต่ก็นะ ถ้าอย่างนั้นสกิลตัวนี้ก็คงเป็นประเภทที่จะมีผลกับบาดแผลภายนอกละมั้ง แล้วก็เคยเห็นสกิลรักษาสถานะผิดปกติที่มีชื่อคล้ายๆ นี้อยู่เหมือนกัน ไม่แน่แล้วอาจจะมีฤทธิ์ในด้านนั้นด้วยก็เป็นได้
จะจงใจทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อทดสอบพลังดูมันก็อันตราย ลองไปปรึกษากับทางโบสถ์ที่มีคนเจ็บโผล่มารวมตัวกันคงดีกว่า ถ้าขอร้องให้เค้าช่วยเหลือในการฝึกฝนสกิลโดยแลกกับการรักษาให้ฟรีๆ แล้วก็คงจะทำให้หลายๆ คนยินดีได้ด้วยแหละเนอะ ในนครหลวงก็มีแบบนี้ให้เห็นอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน
“ งั้นก็ถัดไปนะ……ไอ้เจ้าดาบผ่าเทพมารนี่มันคืออะไรกันหว่า? ”
ข่ายเทพพิทักษ์นี่เหมือนว่าจะเป็นสกิลป้องกันระยะกว้างที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาก็สามารถเรียนได้น่ะ นับเป็นสกิลสุดทรงพลังที่จะกางกำแพงเวทมนตร์ขึ้นรอบตัวเอง ทำให้สามารถปกป้องตนเองและพวกพ้องจากการโจมตีสารพัดรูปแบบได้
แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าสกิลชื่อน่ากลัวอย่างดาบผ่าเทพมารอะไรพรรค์นี้เลย
“ สกิลเฉพาะตัวของ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> รึเปล่านะ? ทดลองใช้ดูกันหน่อยมั้ย ”
“ ……อือ ”
อลิเซียชักดาบออกมา
ดาบมีชื่อที่ได้รับมาด้วยความเมตตาของคุณเวพุส— [ตัดวายุ]
หลังจากใช้ตรวจจับรอบบริเวณเช็คว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ แล้ว อลิเซียก็เหวี่ยงดาบเข้าใส่ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ตัว
“ ……ดาบผ่าเทพมาร ”
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!
“ ฮึก!? ”
พริบตานั้น ผมก็ถึงกับอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก
เพราะในทันทีที่อลิเซียเหวี่ยงดาบออกไปเบาๆ ต้นไม้ที่อยู่เบื้องหน้ามันก็ถูกเป่ากระจายไปเลยไง
แถมยังไม่ใช่ต้นที่อลิเซียเล็งแค่ต้นเดียว
หมู่ไม้ในบริเวณโดยรอบถูกป่นจนแหลกกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปพร้อมกันในทีเดียว อานุภาพช่างรุนแรงสูงลิ่วสุดคณานับมากเหลือเกิน
“ สะ สุดยอดเลยอลิเซีย! มีทั้งสกิลฟื้นฟูกับป้องกันแถมสกิลโจมตีก็ยังแรงมากถึงขนาดนี้อีก……แบบนี้มันไม่โกงเกินไปหน่อยเหรอเนี่ย!? ”
ผมตกตะลึงกับอำนาจอันลึกล้ำสุดหยั่งถึงของ <กิฟต์> ระดับตำนาน
แต่อลิเซียที่เป็นเจ้าตัวกลับเอ่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูปลงตกยังไงชอบกล,
“ ……ขอบคุณนะ แต่ยังไม่พอหรอก ยังเทียบกับสกิลของเอริโอไม่ติด เลเวลก็ยังแค่ 10 เอง ”
“ ไม่หรอก! <มารตัณหา> มันแค่พิลึกพิลั่นเฉยๆ เท่านั้นแหละ ลำพังแค่อลิเซียขึ้นมาเป็นเลเวล 10 ได้ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ก็นับว่าแปลกมากพอตัวแล้วด้วยซ้ำนะ!? ”
หากเป็นช่วงจนถึงเลเวล 30 ละก็ ไม่ว่าใครก็สามารถอัพไปถึงได้อย่างไม่ยากเย็น
ทว่าถึงจะเติบโตอย่าง [ไม่ยากเย็น] แต่ปกติแล้วกว่าจะไปถึงเลเวล 30 ได้ก็มักจะต้องกินเวลาราวหนึ่งปีเต็มเลย แค่อัพได้หนึ่งเลเวลต่ออาทิตย์ก็นับว่าเก่งมากแล้ว
กระนั้นอลิเซียกลับเป็นเลเวล 10 เรียบร้อย พอคำนึงว่าการต่อสู้แบบจริงๆ จังๆ ตลอดในช่วงนั้นมีแค่ตอนสู้บอร์กินคนกับอาร์เมอร์แอนท์แค่สองครั้งเท่านั้นแล้วก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นความเร็วการเติบโตที่ไม่น่าเป็นไปได้เลย
สาเหตุที่ทำให้ <กิฟต์> แกร่งๆ นั้นเก่งสมชื่อมันก็อยู่ตรงนี้แหละ
เนื่องจากสเตตัสพื้นฐานกับสกิลที่ได้รับล้วนทรงพลัง ทำให้แม้จะเป็นช่วงหลังจากได้รับ <กิฟต์> มาหมาดๆ แต่ก็สามารถปราบมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย ความเร็วในการเลเวลอัพจึงเร็วจี๋คนละระดับกันเลย
มองในแง่นี้แล้วอลิเซียเองก็นับว่าเติบโตเร็วระดับสัตว์ประหลาดเหมือนกันหรอก……แต่พอคิดแบบนั้นแล้วก็ยิ่งอิหยังวะกับ <มารตัณหา> เข้าอีกรอบ……ช่วงแรกๆ นี่แค่ช่วยตัวเองน้ำเดียวก็เลเวลขึ้น 1 เลเวลเลยด้วยนี่นะ……
อะ เอ้อเรื่องนั้นช่างไปก่อน
“ เท่านี้ก็พอจะรู้สกิลและความแข็งแกร่งของอลิเซียในระดับนึงแล้ว ที่เหลือเราลองไปทดสอบในการต่อสู้จริงดีกว่าเนอะ มาพยายามทำคำร้องด้วยกันเถอะ ”
“ ……อือ ”
พวกผมจึงเริ่มต้นออกค้นหาภายในป่าด้วยเหตุนั้น
อำนาจสกิลตรวจจับรอบบริเวณของอลิเซียก็ได้เฉิดฉาย ทำให้พวกผมได้รับหนังจำนวน 10 ตัวถ้วนของหมาป่าพงไพรมาอย่างไม่ลำบากยากเย็นเลยเชียว