“ กะ เกือบไม่รอดแล้ว…… ”
เช้าวันรุ่งขึ้น
หรือถ้าให้ถูกก็คือเป็นช่วงราวใกล้เที่ยงอีกแล้ว
ผมที่ลืมตาตื่นนั้นกำลังมองลงมายังอลิเซียที่นอนหลับปุ๋ยอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เพียงเท่านั้นร่างผมก็เริ่มจะสั่นเทิ้มอย่างหวาดหวั่นขวัญผวาขึ้นมา
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะว่า อลิเซียที่เลเวลอัพในฐานะ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> น่ะ คือแบบว่าจะพูดยังไงดี…จัดหนักได้โหดสุดยอดไปเลยไง
นับว่าโชคช่วยโดยแท้ที่ได้สกิลแปลงรูปทรงดุ้นคุณชายมา
เพราะหากไม่ได้ไอ้จ้อนที่แปลงรูปทรงได้อย่างอิสระช่วยรุกอย่างถูกจุดจนลดหลั่นพลังกายของอลิเซียลงมาละก็ ป่านนี้ผมคงถูกขย่มจนตัวแห้งไปแล้วมั้ง
……ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกแล้วไม่ใช่รอดมาได้เพราะฤทธิ์ของสกิลแปลงรูปทรงอย่างเดียวหรอก
แท้จริงแล้วในตอนเมื่อวาน ดูเหมือนว่าผมจะเลเวลอัพขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้าจะถูกอลิเซียจับปล้ำแล้วน่ะ
มัวแต่ยุ่งตัวเป็นเกลียวก็เลยเพิ่งมารู้ตัวเอาทีหลัง แต่พอหวนนึกกลับไปแล้วก็คิดขึ้นได้ว่าตอนที่อุ้มแบกตัวพวกคนคุ้มกันนั้นเท้าผมค่อนข้างเบาหวิวเลย เพราะปราบพวกอาร์เมอร์แอนท์ได้เลเวลก็เลยขึ้นมาละมั้งนะ
ดูเหมือนว่า <มารตัณหา> จะไม่ได้เติบโตได้เฉพาะแค่ในตอนทำเรื่องทะลึ่งอย่างเดียว แต่สามารถเติบใหญ่ได้ผ่านการต่อสู้ด้วยงั้นสินะ
ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจจะทานทนพลังกาย = ความเงี่ยนที่เพิ่มพูนของอลิเซียที่เป็น <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> ได้แบบเฉียดฉิวหรอก ไม่แน่อาจจะถูกจับรีดน้ำจนช็อคตายไปแล้วก็เป็นได้
อลิเซียในคืนเมื่อวานเข้ามาเสพสวาปามร่างผมอย่างร้อนรุ่มประหนึ่งเปลวเพลิงที่มอดไหม้ขนาดนั้นแหละ ระดับที่ทำให้มีความเป็นไปได้ดังว่าลอยเข้ามาภายในหัวเลยเชียวน่ะนะ
รับทราบถึงอัตราการเติบโตของ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ> ที่ไล่ตามมาได้ไม่น้อยหน้าสกิลพยศเย็ดซึ่ง Lv อัพแล้ว ผมก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมาซ้ำใหม่ ไม่เสียชื่อ <กิฟต์> ระดับตำนานจริงๆ
ว่าก็ว่าเถอะ การที่สามารถอัพเลเวลได้ผ่านการต่อสู้กับมอนสเตอร์ด้วยนี่ถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจสุดๆ ไปเลย
เท่านี้ก็จะสามารถปราบมอนสเตอร์สะสมเงินเก็บไปพลาง เพ่งเน้นกับการอัพเลเวลเพื่อหวังให้มีสกิลคลายพันธสัญญานายบ่าวปรากฎออกมาได้แล้ว
ในเมื่อจะยอมทำเรื่องอย่างว่ากับอลิเซียตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่ได้เป็นอันขาด การแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมๆ กับหาเงินค่าครองชีพในช่วงกลางวันไปด้วยได้นี่จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
……แต่ก็นะ เหมือนว่าการได้ทำเรื่องฟินๆ กับอลิเซียตลอดทั้งคืนมันจะช่วยให้เลเวลอัพได้ง่ายยิ่งกว่าไปสู้หน้าดำคร่ำเครียดกับมอนสเตอร์เลเวล 80 อีกเนี่ยสิประเด็น (เพราะเช็คสเตตัสไม่ได้ก็เลยไม่รู้แน่ชัด แต่จากความรู้สึกแล้วเหมือนว่าจะเลเวลขึ้น 1 จากการสู้กับอาร์เมอร์แอนท์ แล้วขึ้นซักราว 9 เลเวลจากการฟัดกับอลิเซียตลอดทั้งคืน)
สงสัยเจ้า <กิฟต์> ในนาม <มารตัณหา> มันจะไม่ยอมให้ผมได้ดำเนินชีวิตอย่างเป็นผู้เป็นคนเหมือนชาวบ้านเค้าจริงๆ นั่นแหละ
อืมแต่เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน วันนี้จะมัวคร่ำครวญกับคุณลักษณะสุดอนาจารของ <มารตัณหา> อยู่ไม่ได้หรอก
ในปัจจุบันผมทำการสำรวจสกิลได้อย่าง (ค่อนข้าง) ทั่วถึง แล้วก็เริ่มจะชินกับเมืองนี้แล้วด้วย ก็เลยมีสิ่งที่อยากจะทำให้แล้วเสร็จก่อนล่วงหน้าอยู่จำนวนนึงน่ะ
“ นี่อลิเซีย ตื่นได้แล้ว ”
“ ……เอริโอ รักนะ……รักนะ……❤ ”
“ ……อึก ”
แม้จะมีรู้สึกใจเต้นกับคำพูดละเมอแสนหวานของอลิเซียที่ทำให้นึกถึงภาพเหตุการณ์ต่อจากเมื่อคืนร่วมด้วย แต่ผมก็กล้ำกลืนฝืนทนทำใจให้มั่นแล้วปลุกอลิเซียจนตื่นขึ้นมา
สิ่งที่อยากทำให้แล้วเสร็จในวันนี้
หนึ่งในนั้นก็คือการหาซื้ออาวุธใหม่
การต่อสู้กับฝูงอาร์เมอร์แอนท์นั้นนอกจากจะทำให้ดาบผมอยู่ในสภาพร่อแร่แล้วไม่พอ ยังทำให้อาวุธของอลิเซียเสื่อมสภาพไปนิดหน่อยอีกด้วย
อาวุธคือตัวแปรสำคัญสำหรับใช้ป้องกันตัว แม้จะต้องจ่ายหนักพอควรแต่ก็อยากจะหาซื้อใหม่ให้พร้อมไว้
เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับ ‘สิ่งที่อยากทำให้แล้วเสร็จในวันนี้อันดับ 2’ ด้วยน่ะนะ
ฝั่งผมน่ะมีดาบดุ้นคุณชายอยู่ก็จริงหรอก แต่ก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่อยากใช้ไอ้เจ้านั่นให้ติดมือตลอดเวลาไง……
แถมหากใช้งานมั่วซั่วจนเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะถูกผู้คนโดยรอบล่วงรู้ถึงสกิลโรคจิตของ <มารตัณหา> ไปก็ไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ พกดาบธรรมดาเอาไว้ก็ไม่เสียหาย
ผมกับอลิเซียจึงออกมาเดินตามเมืองด้วยเหตุผลดังว่า
ทางอลิเซียที่ตอนแรกดูงัวเงียก็พึมพำ “……เดทกับเอริโอ” แล้วอารมณ์ดีใหญ่เลย
พอลองย้อนคิดดูดีๆ แล้ว ในสมัยที่อยู่นครหลวงทั้งผมทั้งอลิเซียต่างก็ไม่เคยได้ออกข้างนอกอย่างสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาก่อน ถือว่าเพิ่งจะเคยได้เดินเล่นตามเมืองด้วยกันสองคนเป็นครั้งแรกนี่ละ
ทีนี้พวกผมก็เดินดูตามร้านรวงต่างๆ โดยเพ่งเน้นกับร้านค้าอาวุธเป็นหลัก แต่ไปได้ซักพักแล้วก็ต้องเผชิญเข้ากับปัญหาอย่างนึง
“ อืออ ไม่ค่อยจะมีอาวุธดีๆ เลยเนอะ ”
“ ……อืม พวกเราอาจจะหวังสูงเกินไปด้วยส่วนหนึ่ง แต่ถึงไม่อย่างนั้น สินค้าที่วางขายก็มีคุณภาพไม่ค่อยดี ”
พูดให้ถูกก็คือ มีของที่ดีกว่าดาบเดิมที่ผมกับอลิเซียพกพาติดตัวอยู่มากมายเลย
แต่จะอันไหนๆ ก็มีราคาแพงเอาเรื่องกันหมด หากพินิจพิเคราะห์แล้วก็จะเห็นได้ว่ามีแต่ของที่แพงเกินกว่าจะเป็นราคาที่สมเหตุสมผลเต็มไปหมด
ดูเหมือนว่าจะมีความจำเป็นต้องนำเข้าวัสดุทำดาบมาจากแดนไกล สินค้าก็เลยมีราคาแรงตามไปด้วยน่ะนะ
พวกผมที่กลัดกลุ้มจึงกลับมายังที่พักแรมกันก่อนครั้งนึง แล้วจึงลองปรึกษากับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ดู
เท่านั้นแหละ
“ อ่า หากถามถึงช่างตีเหล็กที่ฝีมือดีสุดในเมืองนี้……ไม่สิในภูมิภาคนี้แล้วก็คงจะเป็นคุณเวพุสอย่างไร้ข้อกังขาเลยหรอก…… ”
เป็นตรงนั้นที่คุณพี่สาวประชาสัมพันธ์พูดจาอึกอักเล็กน้อย
“ แต่เค้าเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความเยอะมากเรื่องน่ะค่ะ คงรับรองว่าจะได้อาวุธดังที่ชอบใจไม่ได้หรอกนะ? ”
พอไปยังร้านที่ได้เค้าช่วยบอกมา ก็พบกับอาคารที่ดูไม่ต่างจากซากทิ้งร้างตั้งโดดๆ อยู่ในตรอกถนน
ตะ ตั้งหลบซะแบบนี้ถ้าไม่ได้ใครบอกละก็ไม่มีทางสังเกตเห็นแน่นอนเลย……ให้ว่าแล้วเป็นร้านค้าอาวุธจริงเหรอเนี่ย ก็มีป้ายเขียนว่า “ร้านค้าอาวุธเวพุส” ติดอยู่เหมือนกันหรอก แต่สภาพมันแบบ……
พวกผมก้าวเข้าไปในร้านโดยที่รู้สึกเคลือบแคลงใจร่วมด้วย……แต่เป็นในฉับพลันนั้นเองที่พวกผมเกิดความมั่นใจว่าที่นี่แหละใช่ร้านค้าอาวุธที่หมายปองแน่นอน
“ ……คุณภาพสินค้า สุดยอดมากเลย ”
“ ราคาก็ถูกเกินไปด้วยนะเนี่ย!? เก็บเงินแค่นี้มันสมควรซะที่ไหนกันน่ะ! ”
ทั้งผมทั้งอลิเซียต่างก็เป็นคนจากตระกูลขุนนางสายบู๊กันทั้งคู่
ดังนั้นจึงรับรู้คุณค่าของสินค้าที่ถูกตั้งเรียงรายอยู่ภายในร้านได้ในทันที ตาพวกผมนี่ถึงกับเป็นประกายเลย
เป็นในจังหวะนั้นเอง
“ อ๋า~? เด็กเวรมาเล่นอะไรกันในร้านฉันน่ะ? ”
ที่มีผู้หญิงคนนึงเผยโฉมออกมาจากลึกเข้าไปในร้าน
นั่นก็คือสาวงามผู้มีเรือนร่างสีคล้ำที่ออกจะบึกบึนเล็กน้อย และมัดผมสีดำรวมกันเอาไว้ไปทางด้านหลัง
หญิงฮาล์ฟดวอร์ฟผู้มีรูปโฉมตรงตามที่ได้ยินมา—คุณเวพุสส่งสายตาจ้องเขม็งเข้าใส่ผมกับอลิเซียไม่ลดละ
“ ……ชิ ให้เดาแล้วก็คงเป็นพวกเด็กโง่ที่เพิ่งได้ <กิฟต์> มาหมาดๆ แล้วทำโอ่ได้ใจใหญ่ว่างั้นสิ รีบไสหัวกลับไปให้ว่องเลยเชียวนะเว้ย! ต่อให้เป็นเชื้อสายขุนนางราชวงศ์ที่ไหนมาข่มขู่กันยังไง แต่ฉันก็จะขายอาวุธให้เฉพาะกับคนที่ถูกใจเท่านั้น! ”
ว่าแล้วคุณเวพุสก็ชักดาบที่ตั้งขายเอาไว้ออกมาขู่ขวัญพวกผม
ขะ เข้าใจละ……ก็ว่าอยู่ทำไมคุณภาพสินค้าออกจะดีแต่ร้านกลับดูไม่ค่อยมั่งคั่งร่ำรวยเลยซักนิด……เห็นคุณเวพุสที่แสดงศักดิ์ศรีในฐานะช่างฝีมือเต็มเหนี่ยวเช่นนั้นแล้วผมก็เข้าใจ
แต่กลุ้มเลยแฮะ……อุตส่าห์เจอคลังสมบัติของอาวุธสุดยอดเยี่ยมทั้งที ดันโดนไล่ตะเพิดหนักกว่าที่คิดไว้ซะอีก
ถึงบอกว่าจะขายให้เฉพาะกับคนที่ถูกใจ แต่ก็เหมือนว่าเค้าไม่ได้คิดจะทดสอบกันตั้งแต่แรกแล้วด้วย……
อืมม ก็รู้สึกเสียของแบบสุดยอดไปเลยเหมือนกัน แต่เปลี่ยนไปร้านอันดับ 2 ไม่ก็อันดับ 3 ที่คุณประชาสัมพันธ์ช่วยบอกมาแทนซะจะดีกว่ามั้งนะ
เป็นในจังหวะที่ผมโดนคุณเวพุสข่มจนหงออยู่นั่นเอง
“ ……อื๋อ? อากัปกิริยาแล้วก็สีผมของพวกแกนั่น…… ”
ที่คุณเวพุสหรี่ตาลงมองผมกับอลิเซีย
“ เฮ้ยไอ้เจ้าเด็กตรงนั้นน่ะ แกชื่ออะไร? ”
“ เอ๊ะ? ผมเหรอครับ? ……เอ่อ เอริออร์ครับ ”
ตอบด้วยชื่อปลอมที่ใช้กับโซเนียไปด้วย
เท่านั้นแหละ
“ ! ใช่แกจริงด้วยสินะ! ”
สีหน้าของคุณเวพุสที่เข้มงวดมาตลอดพลันเปลี่ยนแปลง
เค้าก้าวเข้ามาโอบไหล่ผมด้วยรอยยิ้มร่าหน้าบานเฉย เอ๋!?
หน้าอกอันอวบอิ่มเคลื่อนเบียดเข้ามาชนแล้วพอผมหน้าแดงแจ๋อยู่ คุณเวพุสก็กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ พวกเด็กที่ช่วยคุณหนูโซเนียเอาไว้นั่นคือพวกแกงั้นสินะ!? หลานสาวฉันทำงานเป็นคนคุ้มกันให้กับคุณหนูอยู่ไง นี่ก็กำลังคิดอยากจะหาทางตอบแทนด้วยอีกคนอยู่เลยเนี่ย! ”
เท่าที่ฟังแล้ว เหมือนว่าคุณเวพุสจะเป็นคล้ายๆ คนสนิทของโซเนีย ก็เลยได้โซเนียช่วยแอบๆ บอกถึงตัวตนของพวกผมมาเป็นกรณีพิเศษแน่ะ
คุณเวพุสยังคงพูดต่อกับพวกผมที่อึ้งกิมกี่
“ แล้ว? ที่มาที่นี่ก็หมายความว่าต้องการอาวุธงั้นสินะ? จัดไปเว้ยอย่าให้เสีย ชอบอะไรอันไหนก็เอากลับไปได้เลย! ไม่คิดหรอกตังค์เติงค์! ”
“ ไม่สิ! จะให้ทำแบบนั้นได้ยังไงกันครับ! ”
ก็ดีใจสุดๆ เลยเหมือนกันแหละที่เขายอมมอบอาวุธคุณภาพสูงของที่นี่ให้ แต่ถึงยังไงเล่นให้กันฟรีๆ เลยนี่มันก็เกินไป แค่นี้อาวุธของที่นี่ก็ราคาถูกมากเกินเหตุแล้วด้วยซ้ำ
แม้จะสับสนกับคุณเวพุสที่สุดโต่งเกินเหตุร่วมด้วย แต่ผมก็เอ่ยต่อออกมาว่า “ อ๊ะ แต่ว่า ”
“ เรื่องเงินน่ะผมจะจ่ายครับ แต่ขอร้องอะไรอย่างนึงได้รึเปล่าครับ? ”
“ โอ๊ะ? อะไรเรอะ? ”
“ อยากขอให้ช่วยเลือกอาวุธให้อลิเซี……ให้กับเธอคนนี้หน่อยน่ะครับ ”
ผมกล่าวกับคุณเวพุสโดยที่ปกปิดชื่อของอลิเซียเอาไว้
<กิฟต์> ของอลิเซียนั้นคือ <อัศวินศักดิ์สิทธิ์เทวะ>
ระดับความเร็วการเติบโตนั้นเรียกได้ว่าแค่ความเงี่ย……อะแฮ่ม แค่พลังกายอย่างเดียวก็เทียบชั้นไล่ตาม <มารตัณหา> ได้แบบติดๆ แล้ว พลังอำนาจที่หลบซ่อนอยู่ภายในมันทรงพลังมากมายเหลือหลายเลยเชียวละ
หากใช้อาวุธธรรมดาก็มีโอกาสที่จะพังในทันที ดังนั้นก็เลยอยากจะได้อาวุธที่ดีขึ้นหน่อยซักนิดแน่ะ
เท่านั้นแหละคุณเวพัสพลันเอ่ยกล่าว
“ ……ฮะฮ้า ก็โดนกำชับมาเหมือนกันว่าห้ามเอาเรื่องพวกแกไปบอกใครเพราะเหมือนว่าจะเป็นคนมีความลับปกปิด แต่เท่านี้ก็เข้าใจละ พวกแกนี่ดูท่าจะมีความลับใหญ่เอาเรื่องเลยนะ— <กิฟต์> ของคุณหนูตรงนั้นมันไม่ใช่ของแบบที่เห็นกันได้เกลื่อนกลาดใช่มั้ยล่ะ ”
คุณเวพุสแค่มองอลิเซียเพียงปราดเดียวก็ให้คำขาดชัดเจนว่าแบบนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปภายในร้าน,
“ งั้นก็เจ้านี่ หากเป็นดาบประเภทเซเบอร์แบบเดียวกับที่คุณหนูกำลังคาดเอวอยู่ในตอนนี้แล้วละก็มีเจ้านี่แหละเป็นผลงานที่ฉันภูมิใจเป็นอันดับหนึ่งในร้านนี้เลย ชื่อก็คือ “ตัดวายุ” —ช่วยรับเอาไปทีแล้วกัน ”
ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว พอเห็นดาบที่เค้าเอาออกมาให้แล้วกระทั่งอลิเซียก็ถึงกับเบิกตาโพลงตามไปด้วย
เพราะต่อให้จะประเมินแบบตั้งแง่ยังไง แต่มันก็คือดาบคุณภาพยอดเยี่ยมที่น่าจะมีราคาเทียบเท่ากับเงินเดือนจำนวนหลายเดือนโดยเฉลี่ยของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ในนครหลวงเลยนั่นเอง
“ เอ่อคือว่า ขอร้องละครับให้ผมได้จ่ายเงินทีเถอะ! เกรงใจเกินจะรับไหวแล้วครับเล่นให้กันซะแบบเนี้ย! ”
“ อ๊าา!? อะไรวะไอ้เด็กเปรต! จะไม่ยอมรับผลงานสุดภูมิใจของฉันงั้นเรอะ!? เดี๋ยวปั๊ดจับฟันตัวขาดซะเลยหรอก! ”
อะไรของเค้าเนี่ยน่ารำคาญชะมัด!?
และแล้วหลังจากนั้น สุดท้ายพวกผมที่แพ้พ่ายให้กับความร้อนแรงของคุณเวพุสก็จำยอมต้องรับ “ตัดวายุ” มา แค่นั้นไม่พอเค้ายังพูดว่า “เห็นนิสัยถ่อมตัวแล้วชอบใจ” แล้วมอบดาบที่ดีเกินตัวมาให้กับผมด้วยอีกหนึ่งเล่ม
โซเนียบอกว่า “จะไปตอบแทนบุญคุณให้ทีหลังอย่างแน่นอน” อยู่ก็จริงหรอกนะ……แต่แค่เรื่องในวันนี้ก็ถือว่าตอบแทนได้มากโขแล้วละ……
MANGA DISCUSSION