เซี่ยอันหรานที่ถูกเมิ่งเทียนตบเข้าไปเต็มหนึ่งฝ่ามือจนลงไปกองอยู่กับพื้น เธอหลับตาลงเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นมาโดยใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและแค้นเคืองมองไปยังเมิ่งเทียน เซี่ยอันหรานไม่ได้กะพริบตาลงเลยสักครั้ง หยาดน้ำตาก็พากันทะลักร่วงพรูออกมาจากดวงตาของเธอก่อนจะตกกระทบลงบนพื้น
เซี่ยอันหรานที่แสดงเป็นเฟิ่งรุ่ยฮวาอยู่นั้นอยู่ในสถานะสิ้นหวังถึงขีดสุด หมดหวังโดยไม่เหลืออะไรเลย แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป แต่ว่าคนอื่นก็สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกอันเจ็บปวดของเธอได้
เมิ่งเทียนถึงขนาดที่ว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะแสดงออกนอกบทบาท แต่ก็เผลอแสดงท่าทีสงสารและใจอ่อนให้เซี่ยอันหรานอย่างไม่รู้ตัว
"ท่านตบข้าหรือ?" เซี่ยอันหรานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามเมิ่งเทียนด้วยเสียงที่แหบพร่า
เมิ่งเทียนกำมือทั้งสองข้างแน่น เบือนหน้าหนีอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย "ข้าตบเจ้าแล้วทำไมกัน หรือตัวเจ้าคิดว่าตนเองไม่สมควรถูกตบ?"
แม้ว่าเมิ่งเทียนจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ว่าขณะที่เอ่ยออกไปก็ตั้งใจที่จะใช้น้ำเสียงที่อาบไปด้วยความเย็นชา ทำให้คนรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของซ่างกวนหลิงตัวละครที่เมิ่งเทียนกำลังสวมบทบาทอยู่ ความจริงแล้วซ่างกวนหลิงไม่คิดที่อยากจะทำร้ายเฟิ่งรุ่ยฮวา เพียงแค่ตั้งใจเสแสร้งทำทีเป็นว่าเย็นชาเท่านั้นเอง
บทบาทการแสดงที่เปลี่ยนไปของเมิ่งเทียนนั้น ทำให้เซี่ยอันหรานที่แสดงประกบคู่อยู่ด้วย รับรู้ถึงความรู้สึกที่ถูกส่งออกมาได้ในทันที แต่ว่าเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากนัก ในเมื่อตัวเธอนั้นไม่คิดที่อยากจะมีศัตรูมากมายรอบด้าน เพราะในเมื่อคนเดียวที่เซี่ยอันหรานอยากที่จะจัดการก็คือฉู่เสี่ยวเสี่ยวเพียงคนเดียวเท่านั้น
อีกอย่างการที่เมิ่งเทียนแสดงออกมาเช่นนี้ ก็ถือว่าส่งผลดีให้กับเซี่ยอันหรานด้วยเช่นกัน ทำให้ละครทั้งเรื่องนั้นให้ความสำคัญมาที่ตัวเธอที่แสดงเป็นเฟิ่งรุ่ยฮวามากขึ้น ด้วยเหตุนี้เธอก็สามารถที่จะเขี่ยฉู่เสี่ยวเสี่ยวให้ออกจากละครเรื่องนี้ออกไปได้
เธอก็เพียงแค่ต้องแสดงให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นว่า การเป็นนักแสดงนำหญิงนั้นทำกันเช่นไร ถ้าหากว่าไม่สามารถใช้ทักษะการแสดงทำให้บทบาทของตัวละครเฉิดฉายออกมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็สู้ไปแสดงบทตัวประกอบไม่ดีกว่าเหรอ
"ข้าสมควรถูกตบ?" เซี่ยอันหรานหลุบตาลง พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสกัดกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีด้วยสีหน้าที่เด็ดเดี่ยว ณ วินาทีนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เพราะว่าตกหลุมรักชายคนหนึ่ง จึงได้ก้มหน้าก้มตายอมรับชะตาไป แต่ว่าเธอคือเฟิ่งรุ่ยฮวาแห่งตระกูลเฟิ่ง คุณหนูของตระกูลที่ในอาณาจักรแห่งนี้นั้นไม่มีใครทัดเทียมได้
เซี่ยอันหรานเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สีหน้าอาบไปด้วยความหยิ่งยโสอันสอดคล้องกับชาติตระกูลอันสูงส่ง แล้วจึงแสยะยิ้มออกมาอย่างช้าๆ "แน่นอน ท่านนั้นคือฮ่องเต้ และมีฮองเฮาเป็นพระมเหสี พระสวามีกล่าวเช่นไรมเหสีก็ต้องว่าตาม เยี่ยงนั้นแล้วการที่พระสวามีจะกล่าวสั่งสอนจึงไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพราะตัวข้านั้นผิดเอง เดิมทีแล้วตัวข้าไม่ควรที่จะไปจัดการเรื่องของวังหลัง ข้าไม่สมควรที่จะได้สวมเครื่องยศสตรีมงกุฎหงส์นี้เลย ข้าควรที่จะประพฤติตัวอย่างว่าง่ายแล้วมอบตำแหน่งฮองเฮานี้ไปให้หลินสุ่ยเซียวเสีย! ยอมให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของฮ่องเต้และคนชั้นต่ำนั่น! แต่ฮ่องเต้เพคะ หลินสุ่ยเซียวอาจจะมีทหารนับล้านเพื่อช่วยให้ท่านปกป้องอาณาจักเขตแดน อาจจะมีขุนนางอาวุโสเพื่อช่วยให้ท่านยึดครองตำแหน่งกษัตริย์ แต่เพราะว่าด้วยอำนาจของตระกูลเฟิ่งของข้า ฮ่องเต้จึงได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกมาชักจูงข้า เพื่อให้ข้าตกลงยอมอภิเษกสมรสกับท่าน ตอนนี้ท่านก็สมดั่งปรารถนาทุกประการแล้ว จึงคิดที่จะหาทางทอดทิ้งข้าแล้วใช่ไหม? ท่านช่างเป็นพระสวามีที่ดีที่ทรงห่วงใยและใส่ใจความรู้สึกของทุกคนจริงๆ ! "
นี่คือบทสุดท้ายของเฟิ่งรุ่ยฮวา เซี่ยอันหรานพูดออกมาอย่างไม่มีผิดแม้แต่คำเดียว คำพูดที่แสนจะโหดร้าย น้ำเสียงที่แสนจะเย่อหยิ่ง หยาบคายอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่ว่าเป็นเพราะการแสดงของเซี่ยอันหราน กลับทำให้คนรู้สึกเกลียดเธอไม่ลง เพียงแค่เมื่อได้ยินถึงประโยคสุดท้าย ก็ทำให้หัวใจนั้นรู้สึกเจ็บปวด หลังจากที่ผ่านพ้นความเจ็บปวดนั้นไปก็ทิ้งเอาไว้เพียงความระทมทุกข์
เมื่อเซี่ยอันหรานพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แล้วก็ย่อกายลงโน้มคำนับอย่างเป็นถูกต้องตามพิธีให้เมิ่งเทียน "ฮ่องเต้ ท่านจักจัดการเช่นไรต่อไปนั้น ข้าก็พร้อมยินดี และขอกล่าวอวยพรให้ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี!"
"เจ้า! " เมื่อเมิ่งเทียนที่แสดงเป็นซ่างกวนหลิงได้ยินคำดังกล่าวของเซี่ยอันหราน ก็รีบยกนิ้วขึ้นแล้วชี้ไปที่เซี่ยอันหราน หลังจากนั้นก็สะบัดชายแขนเสื้ออย่างแรงก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไป
เซี่ยอันหรานคุกเข่าอยู่ที่พื้นและยังคงรักษาท่าทีอันจองหองอยู่ และทันทีที่เมิ่งเทียนได้หมุนตัวและเดินจากไปนั้นเอง ก็ราวกับว่าถูกคนดูดเอาพลังของเธอออกไปจากร่างทั้งหมด จนลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"คัท" เมื่อผู้กำกับจินเห็นดังว่าแล้วก็พูดออกมาเพื่อจบฉากการถ่ายทำนี้เสีย "โอเค ไม่เลวเลยทีเดียว"
เซี่ยอันหรานจึงลุกขึ้นยืนขึ้นมา และเมิ่งเทียนที่ได้เดินจากไปแล้วก็ได้เดินย้อนกลับมาหยุดอยู่ที่ข้างกายของเซี่ยอันหราน แล้วจึงยิ้มและพูดกับเธอว่า "ว้าว เยี่ยมไปเลย เธอแสดงได้ดีมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นมือใหม่ แล้วยังมีทักษะการแสดงที่ยอดขนาดนี้ด้วย"
เซี่ยอันหรานยิ้มแล้วส่ายหน้า "ฉันแสดงเก่งที่ไหนกันล่ะ ทั้งหมดเป็นเพราะคุณแสดงได้สมบทบาท ส่วนฉันก็เพียงแค่แสดงตามน้ำคุณไปเท่านั้นเอง"
"ความถ่อมตนเกินไปก็ถือว่าเป็นความเย่อหยิ่งแบบหนึ่งนะ" เมิ่งเทียนพูดไปพลาง และสาวเท้าก้าวเข้ามาหาเซี่ยอันหรานอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า "ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องเรื่องหนึ่ง เธอสัญญาว่าจะช่วยได้ไหม"
ดวงตาของเซี่ยอันหรานเบิกโพลงขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะกดน้ำเสียงลงต่ำแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็น……..เรื่องแบบนั้นใช่ไหม ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถยอมตกลงเล่นเกมอะไรกับคุณได้ ฉันไม่ค่อยชอบที่จะไปกับผู้ชายไม่เลือกหน้า แล้วไปทำ………."
"อะแฮ่ม…….." เมิ่งเทียนกำมือซ้ายของตนเบาๆ แล้วเอามาปิดที่บริเวณปากของตนก่อนจะกระแอมไอแห้งๆ ออกมาหนึ่งทีอย่างกระอักกระอ่วน "ผมไม่ได้คิดที่จะพูดถึงเรื่องแบบนั้น ที่ผมจะบอกก็คือ………"
เมิ่งเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่กดลงต่ำ แล้วเข้าไปพูดกระซิบอยู่ที่บริเวณข้างหูของเซี่ยอันหราน "ผมอยากจะบอกว่า ความจริงแล้วพวกเรามาร่วมมือกันได้ ผมเองก็พอกันทีแล้วกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว และเธอเองก็น่าจะรู้ ว่าการที่ผมจะเลื่อนตารางการถ่ายทำนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วผมก็ไม่อยากที่จะให้เส้นทางการเป็นนักแสดงนี้ต้องพังทลายลงไปเป็นกองเถ้าธุลีอยู่ที่พื้น"
ขณะที่เมิ่งเทียนพูดนั้น เขาก็หันไปมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่มองดูการถ่ายทำจนพอใจแล้วเตรียมตัวพร้อมที่จะกลับ เสียงก็กดลงต่ำจนเบาลงไปมากเสียยิ่งกว่าเดิม "สู้พวกเรามาร่วมมือกันดีกว่า เพราะเรื่องนี้ก็ให้ประโยชน์ทั้งกับเธอแล้วก็ตัวผมด้วย ขอเพียงแค่ปรับเปลี่ยนแก้ไขอีกเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถที่จะเปลี่ยนทิศทางของละครเรื่องนี้ทั้งเรื่องได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว แม้ว่าชื่อของฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะขึ้นว่าเป็นนักแสดงนำหญิง แต่ความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกับตัวประกอบหญิงมากเท่าไหร่นัก"
เซี่ยอันหรานยิ้มขึ้นมาบางๆ กะพริบตาลงปริบๆ อย่างไร้เดียงสา ในขณะที่เมิ่งเทียนคิดว่าการที่เซี่ยอันหรานเผยท่าทีที่ดูไร้เดียงสานี้ออกมานั้นจะเป็นการตอบปฏิเสธข้อเสนอของเขาเสียแล้ว
แต่ทันใดนั้นเซี่ยอันหรานก็เคลื่อนกายเข้าไปใกล้เมิ่งเทียน แล้วพูดด้วยเสียงที่เบามากว่า "ตกลง"
กล่าวจบ เซี่ยอันหรานก็ยกยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายขึ้นมา "ฉันชอบการกลั่นแกล้งฉู่เสี่ยวเสี่ยวมากที่สุดเลย"
รอยยิ้มเช่นนี้ของเซี่ยอันหราน ทำให้เมิ่งเทียนชะงักตัวแข็งค้างด้วยความตกใจ
"ดูแล้ว อันหรานกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของจริงนะ" เมิ่งเทียนอดที่จะพูดออกมาเบาๆ ไม่ได้ "แต่ว่าอันหรานที่ดูร้ายๆ แบบนี้ ความจริงแล้วก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ ช่างน่าเสียดายจริงๆ………."
ขณะที่เมิ่งเทียนเอ่ยก็ขยับกายเคลื่อนเข้าไปใกล้เซี่ยอันหรานมากขึ้น "น่าเสียดายที่ เธอดันไปคบอยู่กับหมิงเยี่ยนเฟย"
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ตอนแรกก็คิดที่จะอธิบายแก้ไขความเข้าใจผิด แต่ว่าจู่ๆ ผู้ช่วยส่วนตัวของเมิ่งเทียนก็เข้ามาขัดไปเสียก่อน เมิ่งเทียนมองไปที่เซี่ยอันหราน แล้วก็เลิกคิ้วขึ้น ทำท่าทีราวกับจะบอกว่า "ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เธอไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายหรอกนะ" ก่อนจะเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า
"นาย! " เซี่ยอันหรานเม้มริมฝีปากแน่น แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด
ความสัมพันธ์ในตอนนี้ของเธอและหมิงเยี่ยนเฟย ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไม่สามารถพูดให้เข้าใจได้เลยจริงๆ
"อันหราน เมื่อกี้เธอแสดงได้ดีมากเลย! " เฉิงเสี่ยวเถียนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เซี่ยอันหราน แล้วยื่นเสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวหน้าให้เซี่ยอันหราน
เซี่ยอันหรานรีบสวมใส่เสื้อกันหนาว เอามือกุมชาที่เฉิงเสี่ยวเถียนพึ่งจะชงมาให้ร้อนๆ จากนั้นก็หลุบตาลงต่ำด้วยความลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "คือว่า อืม……เมื่อกี้ เมื่อกี้นี้ตอนที่ฉันกำลังถ่ายทำอยู่ มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาฉันบ้างไหม"
ความจริงแล้วเซี่ยอันหรานอยากจะถามออกไปว่า โม่เซ่าเหยียนได้โทรมาหาเธอบ้างไหม เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นที่เธอโทรหาโม่เซ่าเหยียนแล้วเขาไม่รับนั้น เธอก็ไม่สามารถติดต่อหาโม่เซ่าเหยียนได้อีกเลย เรื่องนี้ทำให้เซี่ยอันหรานรู้สึกอึดอัดหัวใจ ถ้าหากว่าโม่เซ่าเหยียนไม่ต้องการเธอแล้วจริงๆ ก็พูดออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยไม่ได้หรืออย่างไรกัน เรื่องที่ผูกอยู่ที่ตัวเธอโดยไม่รู้ว่าจะจบอย่างไรนั้น ทำให้เธอรู้สึกทรมานมากจริงๆ!
"มีนะ………" เฉิงเสี่ยวเถียนพูดพลางยิ้มจนตาหยี
"ฮะ? " เซี่ยอันหรานรีบจับมือของเฉิงเสี่ยวเถียนขึ้นมา แล้วถามออกไปอย่างร้อนรนว่า "เขาโทรมาหาตอนไหนเหรอ แล้วโทรมาเรื่องอะไร เธอได้รับสายใช่ไหม เขาได้พูดอะไรแปลกๆ ออกมาหรือเปล่า"
เฉิงเสี่ยวเถียนถูกเซี่ยอันหรานถามรัวเข้ามาเป็นชุด ถามเยอะเสียจนเธอรู้สึกเวียนหัว เธอกะพริบตาสองสามทีก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า "คนที่โทรเข้ามาคือพี่เชี่ยนหรง เธอโทรมาเพื่อบอกว่า รายการวาไรตี้ที่เธอกับหมิงเยี่ยนเฟยไปออกคู่กันมีผลลัพธ์ออกมาไม่เลวเลย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะทั้งๆ ที่เรตติ้งรายการก็ถือว่าเยี่ยม แต่ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงของพี่เชี่ยนหรงถึงดูไม่ดีใจยังไงก็ไม่รู้………"
แน่นอนว่าจะต้องไม่ดีใจอยู่แล้ว เซี่ยอันหรานเข้าใจความรู้สึกของโอวหยางเชี่ยนหรงดี เรตติ้งรายการออกมาดี ก็แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและหมิงเยี่ยนเฟยนั้นให้ความรู้สึกที่ดูเหมือนคู่รักกันมาก เมื่อมีท่าทีที่ดูเหมือนคู่รักออกทีวีไป ข่าวของเธอกับหมิงเยี่ยนเฟยก็ยิ่งถลำลึกจนพูดอธิบายได้ยากแล้ว
ถ้าหากว่าเธอเป็นนักแสดงสาวโสด ข่าวแบบนี้นั้น แน่นอนว่าย่อมส่งผลดีให้ตัวเธออย่างแน่นอน แต่ว่าเธอกลับยังมีโม่เซ่าเหยียนอยู่ข้างกาย แม้ว่าโม่เซ่าเหยียนจะตอบตกลงกับเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลายมาเป็นศัตรูที่มุ่งร้ายเมื่อไหร่
สำหรับโอวหยางเชี่ยนหรงและเซี่ยอันหรานแล้ว โม่เซ่าเหยียนก็คือช้างตัวใหญ่มหึมา และโอวหยางเชี่ยนหรงกับเซี่ยอันหรานก็เป็นเพียงมดตัวน้อยๆ ที่น่าสงสารเท่านั้น
ช้างนั้นสามารถที่จะโมโหโกรธขึ้งขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจปรารถนา เดิมทีแล้วตัวเขานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมาสนใจไยดีว่ามดจะเป็นเช่นไรเลย แต่ว่าสำหรับมดที่มุ่งหวังเพียงเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดนั้น เมื่อเห็นช้างขยับขาเพียงแค่เล็กน้อย ก็อกสั่นขวัญแขวนไปแล้วอยู่ครึ่งค่อนวัน และเป็นความจริงที่ช้างจะสามารถเผลอเหยียบพวกเธอจนตายคาที่ขึ้นมาได้ แต่ว่าด้วยพละกำลังของช้าง เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มดตัวน้อยๆ มีชีวิตอยู่ในเงาของความหวาดผวาและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะรักษาดวงชีวิตของพวกมันแล้ว
เซี่ยอันหรานก็พยักหน้าตามน้ำไป "เรื่องนี้เองอย่างงั้นเหรอ ฉันเข้าใจแล้ว รอให้การถ่ายทำของวันนี้เสร็จก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหาพี่เชี่ยนหรงเอง"
"หืม?" เฉิงเสี่ยวเถียนมองดูท่าทีของเซี่ยอันหราน และทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วจึงยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย "อันหราน ท่าทีแบบนี้ของเธอมันไม่ใช่แล้วนะ เธอกำลังรออะไรอยู่ ใช่ไหมล่ะ"
เซี่ยอันหรานส่ายหน้า และพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองลงอย่างสุดกำลัง "เปล่า เธอคิดมากไปแล้ว"
เฉิงเสี่ยวเถียนกะพริบตาปริบๆ "จะใช่ราชาปีศาจ…….."
ทันทีที่เฉิงเสี่ยวเถียนเอ่ยปากออกไป เซี่ยอันหรานก็ยกมือขึ้นไปอุดปากของเฉิงเสี่ยวเถียนเอาไว้ หลังจากที่ปิดปากของเฉิงเสี่ยวเถียนแล้ว เซี่ยอันหรานก็พึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองเผลอตอบสนองกลับไปอย่างเกินกว่าเหตุ จึงรีบก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว แล้วคลายมือที่ปิดปากของเฉิงเสี่ยวเถียนเอาไว้อยู่ พูดอย่างอึกอักว่า "เธอ เธออย่าคิดมากเลย แล้ว แล้วก็อย่าพูดส่งเดชด้วย ฉันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ มัน มันไม่มีราชาปีศาจอะไรทั้งนั้น"
เฉิงเสี่ยวเถียนก็ชะงักค้างอย่างตื่นตะลึงเพราะท่าทีที่ร้อนรนของเซี่ยอันหราน เธอเป็นผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายของเซี่ยอันหรานมาโดยตลอด เห็นท่าทางของเซี่ยอันหรานมาก็มากมายหลายรูปแบบ แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะไม่ได้ถือว่าเป็นคนที่เยือกเย็นเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะร้อนรนเวลาเจอเรื่องอะไรเข้า
ดูท่าแล้ว "ราชาปีศาจ" คนนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเซี่ยอันหราน และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนที่เซี่ยอันหรานแอบรักมาโดยตลอด
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนพบกับความเป็นไปได้ข้อนี้เข้า ก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่มีกับเซี่ยอันหรานนั้นจะแนบแน่นขึ้นมามากเลยทีเดียว เซี่ยอันหรานที่อยู่ต่อหน้าเธอก่อนหน้านี้นั้นดูโดดเดี่ยวเกินไปแล้ว เธอมองดูทุกเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบ มีหลายเรื่องด้วยเช่นกันที่ไม่ยอมให้เธอเข้าไปช่วย ทุกครั้งที่เฉิงเสี่ยวเถียนอยู่ต่อหน้าเซี่ยอันหรานก็จะรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อมาเจอเข้ากับเซี่ยอันหรานที่เผยด้านที่ดูร้อนรนขึ้นมาแล้ว เฉิงเสี่ยวเถียนก็รู้สึกว่าเซี่ยอันหรานนั้นทั้งดูน่าเอ็นดูและน่ารักมากจริงๆ
MANGA DISCUSSION