ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 97 โศกนาฏกรรมแห่งความรัก
บทที่เซี่ยอันหรานเอ่ยออกไปนั้น ไม่ได้กล่าวผิดไปแม้แต่ประโยคเดียว แต่เพราะเนื่องด้วยเธอมีหยาดน้ำตาเอ่อล้นขึ้นเต็มดวงตาคู่สวยของเธอขณะพูดบท ทำให้ดูน่าเศร้าอย่างเจ็บปวด แสดงให้ตัวละครนางร้ายเฟิ่งรุ่ยฮวาดูเป็นคนที่รักสามีอย่างสุดหัวใจ เมื่อเผชิญหน้ากับการยุแหย่ของชู้รัก จึงถูกบังคับให้กลายเป็นภรรยาผู้สิ้นหวังที่ร้ายกาจ
เซี่ยอันหรานที่สวมเครื่องยศสตรีมงกุฎหงส์ที่หนักอึ้งก็ก้มหัวลงเล็กน้อย ใช้เสียงที่แหลมเล็กน้อยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ หลังจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมาในทันทีแล้วจ้องมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ยิ้มอย่างเย็นเยียบแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ทหาร จับนังสามัญชนที่ริอาจบุกเข้าวังหลวงนี้ไปเฆี่ยนให้ตายเสีย! "
เมื่อเซี่ยอันหรานเอ่ยออกไป ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตานั้นก็ถึงคราวที่มันจะไหลรินลงอาบแก้ม จึงยิ่งส่งผลให้ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มของเซี่ยอันหรานนั้นยิ่งดูเศร้าโศกเสียยิ่งกว่าเดิม
"ผม………ซ่างกวนหลิงตัวละครที่ผมแสดงคงจะโดนด่าว่าเป็นผู้ชายสวะแล้วล่ะมั้งครับเนี่ย" เมิ่งเทียนที่อยู่ด้านข้างมองดูการแสดงของเซี่ยอันหราน แล้วก็ทำตาโตแล้วอุทานออกมาเบาๆ
เฟิ่งรุ่ยฮวาที่เซี่ยอันหรานแสดงนั้นไม่ได้มีส่วนไหนที่แตกต่างจากในบทเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะแม้เซี่ยอันหรานจะกระทำการร้ายกาจที่จะทำให้คนรังเกียจอยู่ แต่ว่ากลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สิ่งนี้เองที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงทำให้คนรู้สึกว่าเฟิ่งรุ่ยฮวาที่เธอแสดงนั้นช่างดูน่าสงสารจับใจ แต่ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่อยู่เบื้องหน้าเธอนั้นกลับมีท่าทีเปลี่ยนไปทำให้ผู้คนรู้สึกโมโหเสียมากกว่า
ถึงขนาดที่แม้แต่เมิ่งเทียนที่แสดงเป็นซ่างกวนหลิงบทนักแสดงนำชายนั้นยังรู้สึกว่าเฟิ่งรุ่ยฮวาที่เซี่ยอันหรานแสดงนั้นเป็นผู้หญิงที่แม้จะดูร้ายกาจแต่ก็น่าสงสารมากเช่นกัน จึงยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเหล่าผู้ชมเลย
เมิ่งเทียนเป็นนักแสดงที่อยู่ในวงการมานาน เขาจึงรู้เป็นอย่างดีว่าบทบาทตัวละครนั้นไม่มีการแบ่งแยกเป็นดีและเลว จะมีก็เพียงแต่แสดงได้ดีหรือแย่เท่านั้น ขอเพียงให้นักแสดงแสดงออกมาได้สมบทบาท เติมเต็มตัวละครนั้นๆ ให้ถึงที่สุด บทตัวร้ายก็ยังสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกเจ็บปวดได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่านักแสดงเข้าไม่ถึงบทบาท แม้ว่าจะได้บทบาทที่ดีงามประเสริฐเสียขนาดไหนก็สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกเกลียดได้ ทำให้คนดูคิดว่าคนแบบนั้นไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆ ทุกอย่างเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
ตัวละครตัวหนึ่งนั้น คนเขียนบทเป็นคนอุทิศเลือดเนื้อให้ ผู้กำกับก็ทุ่มเทความคิดและมันสมองให้ แต่นักแสดงนั้นกลับเป็นคนที่จะมอบจิตวิญญาณเพื่อให้ตัวละครนั้นมีชีวิตขึ้นมา
ตัวละครที่มีบทดี แต่ไม่ได้นักแสดงที่มีฝีมือถ่ายทอดมันออกมา ก็เป็นเหมือนกับชิ้นเนื้ออันเน่าเหม็นที่พ่อค้าขายไม่ออก
แต่เมิ่งเทียนก็โทษเซี่ยอันหรานไม่ได้ เพราะว่าตัวเขาเองก็เป็นนักแสดง แล้วจะไปโทษคนที่ทุ่มเทอย่างมหาศาลแสดงออกมาเพื่อเติมเต็มตัวละครให้ผู้ชมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปได้อย่างไรกัน ในใจของเขารู้สึกกล่าวโทษฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยู่เล็กน้อย
รอจนกระทั่งน้ำตาหยดที่สองของเซี่ยอันหรานทะลักไหลลงมาจากดวงตาคู่สวยก็ถือเป็นอันจบฉากนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ผู้กำกับจินจึงตะโกนออกมาเบาๆ "คัท"
เมื่อผู้กำกับจินตะโกนออกไปว่า "คัท"ก็ชะงักนิ่งอยู่กับที่แบบนั้น เขาลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดบทผิดไปหนึ่งประโยค แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ว่าบทที่เอ่ยออกไปผิดนี้จะส่งผลกระทบต่อบทบาทของตัวละครหลินสุ่ยเซียว ทำให้หลินสุ่ยเซียวที่ไร้เดียงสาน่าสงสารคนนี้นั้นกลายเป็นชู้ที่หยิ่งยโสที่บีบบังคับเมียหลวงไป แต่ว่าฉากนี้เซี่ยอันหรานแสดงออกมาได้ดีมาก ทำให้ผู้กำกับจินรู้สึกเสียดายที่จะถ่ายใหม่อีกรอบ
ผู้กำกับจินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ช่างมันแล้ว ตัวละครหลักนางเอกในละครเรื่องนี้นั้นก็ถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำลายมาไม่น้อยแล้ว แม้ว่าจะช่วยยื้อแค่ไหนก็คงหมดหวังแล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่สู้รักษาตัวละครของอันหรานไว้จะดีกว่าหรือ ทำให้ละครเรื่องนี้ยังมีสิ่งที่น่ารับชมอยู่ ไม่อย่างนั้นก็คงกลายเป็นละครไร้คุณภาพที่ไม่มีคุณค่าแล้วจริงๆ
เมื่อผู้กำกับคิดเช่นนั้น ก็พยักหน้าลงหนึ่งที "โอเค เข้าฉากถัดไปเลย"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่มีประสบการณ์ในการแสดง จึงไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนที่ดูพิเศษไปมากจากเดิม เธอเพียงแค่รู้ว่าเฟิ่งรุ่ยฮวาที่เซี่ยอันหรานแสดงนั้นคิดที่อยากจะฆ่าเธอ ในฉากถัดไปจะเป็นการถ่ายการแสดงของซ่างกวนหลิงที่จะแก้แค้นเพื่อเธอ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเฝ้ารอคอยวันนี้ เธอได้รอมาเป็นเวลานานมากแล้ว เธอคาดหวังมาโดยตลอดว่าจะมีสักวันที่มีคนโกรธแค้นแทนเธอ ตอนนี้กลับกลายเป็นความจริงขึ้นมาในละครนี้เสียแล้ว
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวส่งเสียงในลำคออย่างเย็นๆ ออกมาหนึ่งที คิดที่จะหมุนตัวกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้พักผ่อนของเธออีกครั้ง โดยปกติแล้วถ้าหากว่าเธอไม่มีฉากถ่ายทำต่อก็จะไม่รั้งตัวอยู่ที่กองถ่ายอีก
แต่ว่าในวันนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยากที่จะอยู่ที่กองถ่ายต่อ เพราะว่าฉากถัดไปนั้นจะเป็นฉากที่ซ่างกวนหลิงตบหน้าเซี่ยอันหราน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวแทบที่จะอดใจรอดูฉากนี้ไม่ไหวแล้ว แล้วจะให้กลับไปก่อนได้อย่างไรกันล่ะ
เมื่อเซี่ยอันหรานเห็นว่าผู้กำกับจินไม่ได้ให้พวกเธอถ่ายฉากเดิมซ้ำอีกรอบ ก็เดาความคิดของผู้กำกับจินออกแล้ว ผู้กำกับจินถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวทรมานมาเสียจนรู้สึกหวาดผวาแล้ว จึงไม่อยากที่จะถ่ายซ้ำอีกรอบเพื่อให้ต้องถูกทรมานอีกครั้งไป
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวมีสีหน้าพึงพอใจ ดูไม่ออกถึงสถานการณ์นี้เลยสักนิดเดียว แต่ว่าเมิ่งเทียนที่อยู่ไกลออกไปนั้นจะเข้าใจถึงสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นดี แม้ว่าเขาจะรู้ว่าถ้าหากยอมให้เซี่ยอันหรานแสดงบทบาทเฟิ่งรุ่ยฮวาให้เข้าถึงอารมณ์มากกว่านี้ จะทำให้ผู้ชมรู้สึกสะเทือนใจ และจะทำให้ตัวละครซ่างกวนหลิงที่เขาแสดง ตัวละครที่ทอดทิ้งเฟิ่งรุ่ยฮวาแล้วไปเอ็นดูหลินสุ่ยเซียวผู้งดงามจะกลายเป็นดูเหมือนผู้ชายที่เป็นเศษสวะมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ว่าเมิ่งเทียนก็เข้าใจดีว่าต่อให้ถ่ายใหม่ แต่ด้วยทักษะการแสดงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้น อาจจะแสดงให้หลินสุ่ยเซียวยิ่งแย่ไปมากกว่าเดิมก็เป็นได้ และถ้าหากเขาเสนอแนะให้ถ่ายใหม่อีกรอบ ก็จะไม่เพียงเป็นการไม่ให้เกียรติเซี่ยอันหรานเท่านั้น แต่ยังไม่ให้เกียรติผู้กำกับจินด้วย
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เมิ่งเทียนรู้สึกเสียใจก็คือ ทำไมตอนแรกถึงได้ถูกภาพลักษณ์ภายนอกอันไร้เดียงสาน่าสงสารนั้นของฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลอกกัน ที่คิดว่าให้เธอแสดงเป็นหลินสุ่ยเซียวผู้น่าเวทนาและแสนบอบบางก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร จึงได้ตอบตกลงสัญญาแบบนั้นไป
ผลในความเป็นจริงนั้นกลับกลายเป็นตรงกันข้าม คนที่ในชีวิตจริงสามารถแสดงออกมาได้อย่างน่าสงสารเสียขนาดนั้น แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากล้องแล้ว กลับไม่สามารถแสดงให้ดูน่าสงสารได้เลย หรือว่าบางทีอาจด้วยเหตุที่ว่ากล้องอาจจะเก็บรายละเอียดได้ดี จึงทำให้คนรู้สึกได้ถึงความพยายามในการแสดงนั้น
ในเมื่อไม่สามารถถ่ายฉากนั้นใหม่ได้ เมิ่งเทียนก็ทำได้เพียงต้องเปลี่ยนทิศทางบทบาทการแสดงของตนเอง ก่อนหน้านี้เมิ่งเทียนแสดงโดยได้ทำการปกป้องหลินสุ่ยเซียวมาโดยตลอด แต่ว่าถ้าตอนนี้เขาแสดงถึงความรักที่มีต่อหลินสุ่ยเซียวอย่างบ้าคลั่ง เมื่อละครถูกฉายออกไปแล้ว ก็จะต้องถูกคนด่าว่าเป็นผู้ปกครองที่ไร้ความสามารถ เป็นผู้ชายสวะดีๆ นี่เอง
เช่นนี้แล้วเมิ่งเทียนเองก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กน้อย เขาตัดสินใจที่จะแสดงซ่างกวนหลิงให้กลายเป็นตัวละครที่ถึงแม้จะเกลียดอาฆาตเฟิ่งรุ่ยฮวาและตระกูลเฟิ่งอันทรงอำนาจนั้น อีกทั้งยังได้ไปแอบรักหลินสุ่ยเซียว แต่ว่าเมื่อได้ผ่านเรื่องราวและทำความรู้จักกันมากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะชอบเฟิ่งรุ่ยฮวาขึ้นมา แต่ว่าเพื่ออาณาจักรแว่นแคว้นแล้ว เขาจึงจำเป็นที่จะต้องประหารตระกูลเฟิ่งรวมไปถึงตัวเฟิ่งรุ่ยฮวาอย่างขมขื่น
การปรับเปลี่ยนนี้ แม้ว่าจะเป็นการพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ว่าเมิ่งเทียนเพียงแค่อยากให้ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเฟิ่งรุ่ยฮวา ในแววตาและใบหน้าแสดงออกมาให้เห็นเล็กน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจถึงความรู้สึกที่อึดอัด และในตอนสุดท้ายหลังจากที่เฟิ่งรุ่ยฮวาเสด็จสวรรคตก็ถ่ายฉากเพิ่มที่แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและอาดูรถึงขนาดที่หลั่งน้ำตาออกมา เมื่อคิดได้แล้ว ตอนที่เมิ่งเทียนได้เจอหน้ากับหลินสุ่ยเซียวก็จะมีท่าทีหยาบกระด้างและดูไม่เป็นธรรมชาติเจือมาด้วย เท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้ผู้ชมไปคาดเดากันต่อว่าตัวละครซ่างกวนหลิงนี้ ได้มีความรู้สึกมอบให้แก่เฟิ่งรุ่ยฮวาจริงๆ หรือไม่ แต่ว่าเพราะเนื่องด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ จึงจำต้องทำลายตระกูลเฟิ่งทิ้งไปเสีย
การปรับเปลี่ยนนี้ แม้ว่าในตอนแรกซ่างกวนหลิงตัวละครที่เมิ่งเทียนแสดงนั้นจะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางที่จะต้องถูกเหยียบจนจมดินด่าว่าเป็นผู้ชายเศษสวะแล้ว
เมื่อเมิ่งเทียนคิดได้เช่นนี้ และได้ยินผู้กำกับจินตะโกนให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อม เมิ่งเทียนก็เดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว ยืนอยู่ที่ด้านหน้ากล้อง พูดกับเซี่ยอันหรานที่ได้ปรับอารมณ์ของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างแผ่วเบาว่า "เดี๋ยวอีกสักพักตอนที่ฉันตบหน้าเธอ เธอเองก็ต้องเบี่ยงตัวหลบด้วยเล็กน้อยเหมือนกันนะ"
เซี่ยอันหรานหันหน้ามามองเมิ่งเทียน ยิ้มแล้วพยักหน้าลง แม้ว่าจะมีนักแสดงหลายคนที่เมื่อถึงตอนที่ต้องถ่ายฉากแบบนี้ จะเสนอให้อีกฝ่ายตบลงมาจริงๆ แต่ว่าเซี่ยอันหรานไม่มีทางที่จะขอแบบนั้น สิ่งที่เรียกว่านักแสดงนั้น ก็คือการที่จะต้องแสดงสิ่งที่หลอกลวงให้ดูสมจริงราวกับเป็นเรื่องจริง ถ้าหากว่าถูกตบหน้า ก็จะขอให้อีกฝ่ายลงมือจริงๆ ถ้าอย่างนั้นหากถ่ายฉากบนเตียง ก็ยังจะขอให้มีความสัมพันธ์กันขึ้นมาจริงๆ ไหม
การที่เรียกร้องขออะไรแบบนี้ จะเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าตนเคารพต่อวงการอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าก็ได้สร้างแรงกดดันให้อีกฝ่ายด้วย
เมิ่งเทียนเห็นว่าเซี่ยอันหรานพยักหน้า ก็ยิ้มขึ้นมาบางๆ
และก็รอให้ผู้กำกับจินตะโกนขึ้นมาจากที่ไกลๆ "ทุกคนเตรียมพร้อม เตรียมตัวถ่าย เอาล่ะ แอ็กชัน!"
เมิ่งเทียนพุ่งฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเซี่ยอันหรานในทันที เซี่ยอันหรานรีบทิ้งตัวล้มลงไปกับพื้น ทั้งสองคนเข้าคู่กันได้ดีมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าไม่มีเสียงที่เซี่ยอันหรานถูกตบล่ะก็ เมื่อมองดูความร่วมมือที่เข้ากันได้ของทั้งคู่แล้ว แม้แต่คนในกองถ่ายก็นึกว่าเมิ่งเทียนได้ตบลงไปบนหน้าของเซี่ยอันหรานขึ้นมาจริงๆ
แต่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการตบจริงๆ แต่นี่ก็ได้ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่อยู่อีกด้านหนึ่งมีความสุขแล้ว เธอไม่เคยเห็นเซี่ยอันหรานตกต่ำแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เมื่อคิดว่าเมิ่งเทียนที่ตบเซี่ยอันหราน ก็เพราะว่ารู้สึกโกรธถึงได้ตบเซี่ยอันหรานไปในละคร ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกมีความสุขเสียจนหน้าอกแน่นไปหมด
แต่ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับความสุขอยู่นั้น ภายในใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมกันล่ะ? ทำไมเซียวเทียนหลีถึงไม่สามารถเป็นเหมือนกับซ่างกวนหลิงในละครได้ ดูแลและปกป้องเธอดีๆ หรือโกรธแค้นแทนเธอ ทำไมโม่เซ่าเหยียนและหมิงเยี่ยนเฟยไม่ชอบเธอเหมือนกับซ่างกวนหลิง แล้วทอดทิ้งเซี่ยอันหรานไปเสีย
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวครุ่นคิด ขมวดคิ้วอย่างช้าๆ ตอนนี้ที่ข้างกายเธออย่าว่าแต่จะพูดถึงโม่เซ่าเหยียนหรือหมิงเยี่ยนเฟยเลย เพราะแม้แต่เซียวเทียนหลีเองก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว สุดท้ายแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมไม่มีใครได้ดั่งใจเธอเลยนะ ไม่มีเรื่องไหนจะเป็นไปตามที่ใจเธอปรารถนาเลย
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดได้เช่นนี้ ก็ถอนหายใจโกรธอย่างเย็นเยียบออกมา แล้วคิดว่า ทั้งหมดล้วนก็เป็นเพราะเซี่ยอันหราน ถ้าหากว่าเซี่ยอันหรานตายไปได้ก็ดีหรอก แต่ว่าที่ข้างกายของเซี่ยอันหรานมีโม่เซ่าเหยียนอยู่ และก็ไม่รู้ด้วยว่าโม่เซ่าเหยียนจะปกป้องเซี่ยอันหรานไปจนถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้เซียวเทียนหลีก็ไม่อยู่ข้างกายเธออีก แล้วจะจัดการกับเซี่ยอันหรานอย่างไรดีนะ ถ้าหากว่าจู่ๆ ก็ลงมือจัดการกับเซี่ยอันหรานขึ้นมา โม่เซ่าเหยียนจะลงมือแก้แค่ให้เซี่ยอันหรานไหมนะ
แม้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความครุ่นคิด แต่ว่าการถ่ายทำก็ยังดำเนินต่อไป
เมิ่งเทียนขมวดคิ้วมองดูร่างของเซี่ยอันหรานที่กองอยู่ที่พื้น ในแววตาเผยความรู้สึกที่แทบทนไม่ไหวออกมา มือก็ขยับราวกับว่าอยากที่จะยื่นออกไปช่วยพยุงเซี่ยอันหราน แต่ว่าก็เก็บมือคืนกลับมาอย่างช้าๆ ซ่อนเอาไว้ที่ข้างหลังกายอย่างมั่นคง เมิ่งเทียนเม้มมุมริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ ว่า "เจ้ารู้หรือไม่ ว่าทำสิ่งใดผิด"
แม้ว่าประโยคนี้จะเป็นคำถาม แต่ว่ากลับพูดออกมาอย่างนุ่มนวล กลับได้เผยความรู้สึกห่วงใยออกมาเล็กน้อย
ในขณะนั้นเองผู้กำกับจินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เมิ่งเทียนนี่มันไม่ใช่แล้วนะ ซ่างกวนหลิงต้องโกรธแค้นเฟิ่งรุ่ยฮวาสิ แล้วทำไมถึงได้ดูห่วงใยเฟิ่งรุ่ยฮวากันนักเล่า แต่ว่าผู้กำกับจินก็หันกลับไปมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวหนึ่งที และเขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที เพราะนี่เมิ่งเทียนคิดที่อยากจะ "ช่วย" ตัวละครของตัวเองอยู่นั่นเอง
เมื่อผู้กำกับจินเห็นว่าเมิ่งเทียนแสดงออกมาเช่นนั้น ก็เลยครุ่นคิดอยู่กับตัวเองอยู่ชั่วครู่ เขาเอามือลูบคางไปมา ยิ้มแล้วจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อไปที่หน้าจอ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเฮือกใหญ่ ยิ้มแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ความจริงแล้วเปลี่ยนไปทางนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ อีกทั้งยังสามารถดำเนินเรื่องต่อจากเหตุการณ์ที่ถ่ายไปก่อนหน้าได้ทั้งหมดด้วย ทีนี้ก็สามารถช่วยละครเรื่องนี้ได้แล้ว!"
ผู้กำกับจินเองก็ไม่คาดหวังถึงคนอื่นว่าจะไม่ด่าหรือเรียกเขาว่าผู้กำกับที่ห่วยแตกเพราะละครเรื่องนี้ ก็ในเมื่อทักษะการแสดงที่ไม่ได้เรื่องของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ไม่สามารถเข้าถึงบทบาทได้ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเรื่องราวความรักของตัวนักแสดงนำชายซ่างกวนหลิงและนักแสดงนำหญิงหลินสุ่ยเซียว เปลี่ยนกลายเป็นเรื่องราวความรักที่เป็นโศกนาฏกรรมของซ่างกวนหลิงและเฟิ่งรุ่ยฮวา ไม่แน่ว่าบางทีผลลัพธ์อาจจะออกมาดียิ่งกว่าเดิมก็ได้