หลิวเฟยได้ยินที่โม่เซ่าเหยียนพูดก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยแล้วเม้มปากแน่น หลิวเฟยเองก็รู้ดีว่าลักษณะนิสัยแบบนี้ของโม่เซ่าเหยียนไม่เหมือนกับคนที่เซี่ยอันหรานชอบเลยสักนิดเดียว แต่ว่าหลิวเฟยก็หมดสิ้นหนทางที่จะพูดอธิบายอย่างชัดเจนให้โม่เซ่าเหยียนทราบได้
ตอนนี้ได้ยินโม่เซ่าเหยียนเอ่ยปากยอมรับว่าประเภทของคนที่เซี่ยอันหรานชอบไม่ใช่ตัวเขา หลิวเฟยก็นิ่งขรึมลงไป ในใจก็รู้สึกโล่งขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ความจริงแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ หลิวเฟยไม่เคยพบเจอมาก่อน พูดให้ถูกต้องก็คือหลิวเฟยไม่เคยเจอว่าโม่เซ่าเหยียนชอบใครมาก่อน ดังนั้นเขาก็เลยไม่อาจที่จะตัดสินอะไรได้ ว่าเขาควรจะตอบออกไปว่าอย่างไรดีถึงจะเหมาะสม ควรตอบกลับออกไปอย่างไรถึงจะไม่เป็นการยั่วอารมณ์โม่เซ่าเหยียน
โม่เซ่าเหยียนได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกเงียบๆ ของหลิวเฟย ก็หันมามองหลิวเฟยแล้วถามอย่างเย็นชาว่า "เมื่อกี้นายพูดว่าเซี่ยอันหรานชอบคนที่ยิ้มบ่อยๆ ใช่ไหม"
โม่เซ่าเหยียนเอานิ้วชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า "รอยยิ้มของฉัน นายคิดว่าเป็นยังไงบ้าง"
หลิวเฟยขมวดคิ้วแน่น เขามองไม่เห็นร่องรอยของรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของโม่เซ่าเหยียนเลยแม้แต่น้อย
หลิวเฟยจึงส่ายหน้าออกไปอย่างตรงๆ "ประธาน ประธานโม่ครับ……ท่านยิ้มแล้วเหรอครับ ผมดูไม่ออกเลยจริงๆ ครับ"
หลิวเฟยกล่าวจบ ก็เห็นว่าใบหน้าของโม่เซ่าเหยียนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จึงอดที่จะมองไปที่โม่เซ่าเหยียนอย่างขลาดกลัวไม่ได้ ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมาว่า "ประ ประธานโม่ครับ ผมอาจจะตาฝ้าฟางไปแล้ว ถึงได้มองไม่เห็นรอยยิ้มของท่าน ถ้าหากว่ายิ้มอีกครั้งหนึ่ง ผมก็จะตั้งใจดูอย่างละเอียดครับ ทีนี้ก็จะต้องมองเห็นอย่างแน่นอนครับ ประธานโม่ ถ้าไม่อย่างนั้น รบกวนท่านช่วยยิ้มอีกสักรอบได้ไหมครับ"
"ยิ้มอีกครั้ง?" โม่เซ่าเหยียนเม้มริมฝีปากแน่น ใช้สายตาอันเย็นเฉียบเหล่มองไปที่หลิวเฟย
หลิวเฟยตกใจเสียจนคอหดย่นลงไปเล็กน้อย หันไปมองเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ มือของโม่เซ่าเหยียน ที่หน้าจอปรากฏแสดงถึงสายเรียกเข้าของเซี่ยอันหราน
หลิวเฟยรีบกล่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที "นั่น ประธานโม่ เซี่ย เซี่ยอันหรานโทรมา ท่านจะไม่ดูสักหน่อยเหรอครับ บางทีเธออาจจะมีเรื่องด่วนอะไรก็ได้นะครับ ได้ยินว่าตอนนี้เธอกำลังถ่ายรายการวาไรตี้อยู่ และก็อยู่ด้วยกันกับหมิงเยี่ยนเฟย เขาเป็นดาราดัง………."
"ฉันรู้แล้ว ฉันจำข้อมูลของหมิงเยี่ยนเฟยได้" โม่เซ่าเหยียนได้ยินชื่อของหมิงเยี่ยนเฟย มุมปากก็เบ้ลงจนดูร้ายกาจมากยิ่งขึ้นไปอีก "ทางด้านของเซี่ยอันหรานไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ฉันไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยดี เลยยังไม่รู้ว่าจะเข้าหาเซี่ยอันหรานยังไงดี"
โม่เซ่าเหยียนนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ก้มหน้าหรี่ดวงตาให้เล็กลง นึกถึงสถานการณ์ที่เซี่ยอันหรานเมาแล้วหลับตาพูดคำว่า "เกลียด" ออกมา ดวงตาของโม่เซ่าเหยียนก็อดที่จะสั่นไหวไม่ได้
โม่เซ่าเหยียนใช้แรงขมวดคิ้วจนเป็นปมแน่น แม้ว่าความจริงเขาจะพูดออกมาว่าจะออกไปตามหาความทรงจำในอดีตของตัวเอง คิดที่อยากจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและเซี่ยอันหราน ก็คงจะพูดออกมาได้ว่า เขารู้สึกกลัวที่จะไปจัดการความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเซี่ยอันหรานอยู่เล็กน้อย ไม่อยากที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซี่ยอันหรานเลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม ทำให้เซี่ยอันหรานเปลี่ยนกลายเป็นเกลียดเขามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
โม่เซ่าเหยียนคิดมาได้ถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าช่างน่าขันเสียจริง โม่เซ่าเหยียน คนแบบเขารู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อยจริงๆ กลัวว่าเซี่ยอันหรานจะเกลียดเขา เกลียดเขาจนเข้ากระดูกดำ
โม่เซ่าเหยียนหยุดชะงักไปเล็กน้อย ถึงได้หันไปมองหลิวเฟย แล้วถามด้วยเสียงเบาๆ ว่า "หมิงเยี่ยนเฟยตรงตามลักษณะประเภทคนที่เซี่ยอันหรานชอบไหม"
หลิวเฟยได้ยินโม่เซ่าเหยียนถามมาแบบนี้ ก็รีบพยักหน้าทันที "แน่นอนครับ สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบเลยครับ หมิงเยี่ยนเฟยโด่งดังเรื่องความอบอุ่นและมีมารยาท แล้วก็ประธานโม่ครับ ท่านดูรูปภาพของเขาได้ ท่านลองดูรอยยิ้มของเขา……….ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนมากเลยว่าไหมครับ"
หลิวเฟยกล่าว แล้วก็เอารูปของหมิงเยี่ยนเฟยส่งไปให้โม่เซ่าเหยียนดู "ประธานโม่ ท่านดูภาพของหมิงเยี่ยนเฟย เหมือนกับเป็นถังรั่วชิวที่สมบูรณ์แบบขึ้นกว่ามากเลยนะครับ ช่าง…..เป็นคนประเภทที่เซี่ยอันหรานจะชอบจริงๆ ครับ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็ต้องบอกว่าเป็นคนที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องชอบ………ใครจะไปรังเกียจผู้ชายที่อบอุ่นและมีมารยาทลงกันครับ"
ขณะที่พูด หลิวเฟยก็สัมผัสที่ถึงบรรยากาศรอบๆ ที่เริ่มเย็นลง
หลิวเฟยมองเห็นท่าทีที่ดูมืดขุ่นของโม่เซ่าเหยียน จึงรีบกล่าวออกไปในทันทีเพื่อปกป้องดวงชีวิตน้อยๆ ของตนเอง "ประ ประธานโม่ ความจริงแล้วท่านดูเข้ากับมาตรฐานความชอบของเซี่ยอันหรานมากเสียยิ่งกว่าหมิงเยี่ยนเฟยอีกครับ จริงๆ นะครับ……..หมิงเยี่ยนเฟยเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมสักเส้นของท่านเลยครับ"
"อืม" โม่เซ่าเหยียนใบหน้านิ่งเฉยเย็นชา พูดออกมาอย่างสุขุม "ที่นายพูดก็ดูเหมือนว่าจะจริงนะ"
คำพูดของโม่เซ่าเหยียนเพียงแค่เอื้อนเอ่ยไปตามน้ำโดยเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าคำพูดของหลิวเฟยนั้นไม่เป็นความจริง แต่ว่าหลิวเฟยกลับไม่รู้สึกกลัวเลย หลิวเฟยไม่คิดเลยว่าในชีวิตนี้ของเขาจะได้ยินคำพูดเสียดสีคนอื่นของโม่เซ่าเหยียน คำพูดเสียดสีแบบนี้ดูจะแข็งกระด้างมากเสียยิ่งกว่าโม่เซ่าเหยียนในอดีตเสียอีก บรรยากาศอันหนาวยะเยือกก็ได้อบอุ่นขึ้นมามากเลยทีเดียว
อย่างน้อยที่สุดก็ได้ทำให้คนรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่มีขึ้นและลง เมื่อเปรียบเทียบกับบอสที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งในอดีตแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนคนมากขึ้นเลยทีเดียว
แต่ว่าหลิวเฟยก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยอธิบายถึงความรู้สึกนี้ของตนออกไปได้ หลังจากที่เขาเม้มริมฝีปากแน่น กระแอมไอแห้งออกมาหนึ่งที ก็ได้เอ่ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "งั้นจะรับมือกับเถียนซินหรุ่ยอย่างไรครับ"
โม่เซ่าเหยียนนวดขมับศีรษะของตนเอง พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำอย่างเย็นชา "ให้เธออยู่ที่นั่นต่อไปก่อน รอจนกระทั่งจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอเปิดเผยออกมา ถ้าหากว่าเธอโดนคนอื่นชี้นิ้วบงการจริงๆ งั้นก็อธิบายได้ว่ามีคนของเราหักหลังฉันแล้ว และอาจจะส่งผลร้ายให้กับเซี่ยอันหรานด้วย"
โม่เซ่าเหยียนกล่าวจบก็ขมวดคิ้วแน่น โบกมือปัดเพื่อให้หลิวเฟยออกไปเสีย หลิวเฟยเองก็ไม่กล้าเอ่ยต่อให้มากความ รีบหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไปในทันที
โม่เซ่าเหยียนก้มหัวลงช้าๆ มองดูไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วก็พูดชื่อที่นึกคิดอยู่ในหัวออกมาเบาๆ "เซี่ยอันหราน"
ก่อนหน้านี้ชีวิตของโม่เซ่าเหยียนก็เหมือนกับตารางเวลาที่ได้ถูกคนกำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้วแต่ว่าเป็นเพราะเซี่ยอันหราน ทั้งหมดนี้จึงได้วุ่นวายไปหมดแล้ว ทำให้โม่เซ่าเหยียนที่ไม่รู้จักกับความกลัว จู่ๆ ก็พลันได้รู้สึกถึงความหวาดผวาขึ้นมา กลัวการสูญเสีย กลัวว่าจะได้ครอบครอง และสุดท้ายแล้วมันก็จะหายจากไป
"หึหึ"
ในอีกเมืองหนึ่งเซียวเทียนหลีกำลังก้มหน้ามองดูข้อมูลที่อยู่ในมือ มองดูขั้นตอนเหตุการณ์ทั้งหมดที่โม่เซ่าเหยียนและเซี่ยอันหรานได้อยู่ด้วยกัน แล้วก็วาดรอยยิ้มขึ้นมาบางๆ จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างคลุมเครือ "จับตัว บีบบังคับ แถมยังส่งคนไปจับตาดูเธอทุกวัน………."
เซียวเทียนหลีพูดไปพลาง และพลิกดูหน้าเอกสารที่โม่เซ่าเหยียนได้รวบรวมมาทีละหน้าๆ
ข้อมูลพวกนี้ได้ทำสำเนามาจากเอกสารที่อยู่กับโม่เซ่าเหยียนมาโดยตรงเลย ไม่เพียงแต่มีรูปภาพข้อมูลของเซี่ยอันหราน แถมยังมีข้อมูลที่เป็นวิดีโอของเซี่ยอันหรานด้วย เมื่อดูข้อมูลที่อยู่ในวิดีโอแล้ว เวลาหนึ่งวัน 24ชั่วโมงของเซี่ยอันหรานนั้นก็ได้ถูกโม่เซ่าเหยียนจับตาดูอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในเวลานอนของเซี่ยอันหรานก็จะมีคนแอบถ่ายเธออยู่
เซียวเทียนหลีก้มมองดูเซี่ยอันหรานที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ในคลิปวิดีโอ มองดูเซี่ยอันหรานที่ทำปากยื่นนอนเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ราวกับว่ากำลังพึมพำถึงความฝันอยู่ เซียวเทียนหลีหรี่ตาลงเล็กน้อยและส่ายหน้าโดยที่รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อย "โม่เซ่าเหยียนคนนี้ เป็นโรคจิตหรือไงกัน ต้องเป็นไอ้โรคจิตจริงๆ ถึงขั้นถ่ายคลิปวิดีโอผู้หญิง……….."
เซียวเทียนหลีเอ่ยแล้วก็อดที่จะหัวเราะจนตาหยีเล็กลงไม่ได้ พูดออกมาอย่างแปลกประหลาดว่า "แต่ว่าก็น่าสนใจมากจริงๆ ช่างน่าสนใจ หมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหราน……..ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ………ไม่ได้เจอเรื่องที่น่าสนุกแบบนี้มานานมากแล้ว"
กล่าวจบ เซียวเทียนหลีก็พลิกหน้าเอกสารที่อยู่ในมือ หันไปมองดูข้อมูลของประเทศที่โม่เซ่าเหยียนในตอนนี้ได้พักอาศัยอยู่ เขาขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็วาดรอยยิ้มขึ้นลงบนใบหน้าอย่างช้าๆ "ที่แท้ก็อยู่ที่ประเทศนี้นี่เอง ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญเสียจริง"
ขณะที่เซียวเทียนหลีพูดก็หันหน้าไปมองดูที่นอกหน้าต่าง จากนั้นก็หลับตาลง ราวกับว่าตัวเขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความหนาวเหน็บที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหา สัมผัสได้ถึงหิมะที่ได้รายล้อมรอบตัวเขาอยู่ มีเพียงแค่ร่างร่างหนึ่งที่บอบบางและอ่อนแอเหมือนกับตัวเขาที่ได้เคลื่อนกายเข้ามาใกล้ จากนั้นก็พูดกับเขาอย่างอบอุ่นว่า "ไม่ต้องกลัว อีกไม่นานก็จะมีคนมาช่วยฉันแล้ว"
เขาที่ตัวเล็กและเยาว์วัยก็ตอบกลับไปด้วยเสียงที่อ่อนแรง "ไม่มีใครคิดที่อยากจะช่วยฉันหรอก พวกเขาทุกคนต่างก็อยากให้ฉันตาย"
เธอเกือบจะรู้สึกตกใจจนหวาดผวา แต่ก็กะพริบตาและพูดออกมาเบาๆ ว่า "ไม่เลย ทำไมถึงมีคนต้องการจะให้เธอตายด้วยล่ะ ทำไมถึงไม่มีคนช่วยเธอล่ะ ไม่ใช่ว่าฉันอยู่ด้วยกันกับเธอแล้วหรอกเหรอ ฉันจะช่วยเธอเอง ถ้าหากว่าในอนาคตได้เจอเข้ากับอันตราย ฉันเองก็จะมาช่วยเธอด้วยเหมือนกัน อย่างแน่นอน สัญญา…….."
………
เซียวเทียนหลีพยายามหลับตาลงแน่น จากนั้นก็เก็บซ่อนรอยยิ้มอันแปลกประหลาดที่อยู่บนใบหน้า เขาพูดด้วยเสียงเบากับหวังอี้ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง "ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ฉันใบหนึ่งฉันเองก็จะไปที่ประเทศนั้น"
"แต่ว่า ก็หาตัวคุณหนูฉู่เสี่ยวเสี่ยวเจอแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องไป…….."
ก่อนหน้านี้ที่เซียวเทียนหลีไปยังประเทศเล็กๆ ทางตอนเหนือของยุโรปนั้น ก็เพื่อไปหาตัวเด็กสาวที่ได้ช่วยเขาเอาไว้ในตอนแรก แต่ว่าตอนนี้ก็ได้หาตัวฉู่เสี่ยวเสี่ยวเจอแล้ว หวังอี้นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามีความจำเป็นอะไรอีกที่จะต้องไปยังประเทศนั้น ในเมื่อประเทศนั้นเองก็ไม่ได้มองความทรงจำดีๆ อะไรให้แก่เซียวเทียนหลีเลย ไม่สู้รออยู่ที่ประเทศนี้ต่อไป แล้วใช้โอกาสตอนที่โม่เซ่าเหยียนไม่อยู่ แล้วดำเนินการทำลายโม่กรุ๊ปต่อ
"เรื่องของฉัน ตอนนี้นายเองก็อยากจะยื่นมือเข้ามาสอดเหรอ" เซียวเทียนหลีหันหน้าไปมองหวังอี้ ถามออกมาโดยที่ใบหน้าเหมือนจะวาดยิ้มประดับอยู่แต่ก็ไม่ได้ยิ้มอย่างไรอย่างนั้น
เซียวเทียนหลีกล่าวจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่หวังอี้ออกจากห้องไปนั้น เขาก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง มองดูภาพสะท้อนของตัวเขาเองที่ปรากฏอยู่ ก่อนหน้านี้ที่เขาไปยังประเทศนั้น ก็เพื่อตามหาเด็กผู้หญิงที่ได้ช่วยเขาเอาไว้ในตอนแรก แต่ว่าตอนนี้ ที่เซียวเทียนหลีอยากไปประเทศนั้นก็เป็นเพราะความเคยชินจริงๆ แล้ว
ตอนนี้เซียวเทียนหลีมาครุ่นคิดดู ก็รู้สึกว่าประหลาดอยู่เล็กน้อย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้มาอยู่ข้างกายเขาแล้ว ทำไมเขาถึงยังคอยหวนนึกคิดถึงแต่สถานที่ที่ได้พบเธอในครั้งแรกกันนะ
เซียวเทียนหลีหันกลับมามองคลิปวิดีโอของเซี่ยอันหรานและโม่เซ่าเหยียน และก็อดที่จะยิ้มแล้วพูดออกมาไม่ได้ว่า "แปลกจริงๆ หรือว่าฉัน ฉันเองก็เป็นเหมือนกันกับโม่เซ่าเหยียน เป็นไอ้โรคจิตเหมือนกัน"
เซียวเทียนหลีกล่าวเสร็จ ก็หัวเราะด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำอย่างประหลาด
หลังจากที่เซี่ยอันหรานกลับมาที่กองถ่ายละครแล้ว ทีมงานรายการ"บุพเพสันนิวาส" ก็ได้เตรียมถ่ายหมิงเยี่ยนเฟยอีกหนึ่งตอน นี่ถือเป็นช่วงท้ายของรายการ และก็เป็นการร่วมมือกับกองถ่ายละครเพื่อเป็นการโปรโมตละครเรื่องนี้อีกด้วย
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวมองดูเซี่ยอันหรานที่กำลังถ่ายรายการอยู่กับหมิงเยี่ยนเฟย อิจฉาเสียจนรู้สึกหายใจไม่ออก เธอรีบโทรติดต่อไปหาเซียวเทียนหลีทันที "เทียนหลี ฉันอยากให้เซี่ยอันหรานมันตาย!"
"ขอโทษด้วยครับ คุณหนูฉู่ ตอนนี้คุณเซียวยังไม่ได้กลับประเทศมา จึงไม่สะดวกรับโทรศัพท์" เสียงจากปลายสายโทรศัพท์กลับเป็นเสียงของหวังอี้
"อะไรนะ? ต่างประเทศงั้นเหรอ" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตะโกนออกมา "ฉันต้องการคุยกับเทียนหลี!"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวถามออกไปเสร็จ หวังอี้ที่อยู่ปลายสายก็นิ่งขรึมไปสักครู่ พูดด้วยเสียงเบาๆ กับฉู่เสี่ยวเสี่ยวว่า "ขออภัยด้วยครับ คุณเซียวได้บอกกับผมเอาไว้แล้วว่า ห้ามใครรบกวนเขาโดยเด็ดขาด"
"แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใครกัน? ฉันต้องการรู้ว่าเทียนหลีอยู่ที่ไหน!" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเผลอพูดออกมาด้วยเสียงที่แหลมสูง
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ว่าหวังอี้ก็ยังคงพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา "คุณหนูฉู่ครับ ขออภัยด้วย คุณเซียวได้บอกเอาไว้ว่า ห้ามเข้าไปรบกวนกำหนดการของท่าน และก่อนที่คุณเซียวจะออกเดินทางก็ได้ออกคำสั่งเอาไว้ด้วย บอกให้ในช่วงนี้ท่านห้ามเคลื่อนไหวโดยเด็ดขาดครับ"
กล่าวจบ หวังอี้ก็กดตัดสายไปในทันที
"แม่งเอ้ย!" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือแน่น ขมวดคิ้วแน่นและมองไปที่เซี่ยอันหรานที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนักอย่างอาฆาตแค้น
MANGA DISCUSSION