"โอ๊ะ? ประโยคนี้ปลอบใจผมได้ดีมากเลยนะครับเนี่ย" หมิงเยี่ยนเฟยยิ้ม แล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงให้กับผู้จัดการของเขา
หมิงเยี่ยนเฟยถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า "ความจริงแล้วไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหน ทำยังไงถึงจะให้เธอใจอ่อนได้ แล้วเธอก็ยังเป็นคนใจแข็งอีก ถ้าหากว่าเธอเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวใจของผมคงแย่แน่"
หมิงเยี่ยนเฟยพูดจบ ผู้จัดการก็หัวเราะออกมา “ผู้หญิงน่ะ เอาใจเยอะๆ เข้าหน่อยก็ดีแล้ว ฉันว่านะเรื่องคลิปวิดีโอนี้ก็ไม่ต้องไปพูดกับอันหรานแล้ว จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้ทางฝั่งโอวหยางเชี่ยนหรงปฏิเสธมา รอให้รายการออกอากาศก่อน ถ้าหากว่าผลลัพธ์ของการที่คู่พวกนายสองคนอยู่ด้วยกันออกมาดี บางทีก็อาจจะสามารถทำให้เซี่ยอันหรานยอมตอบรับเรื่องข่าวของพวกนายสองคนก็ได้นะ”
ผู้จัดการพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าไปดูหมิงเยี่ยนเฟย เห็นว่าหมิงเยี่ยนเฟยไม่ได้กล่าวปฏิเสธอะไร ผู้จัดการก็พยักหน้าแล้วยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว งั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ วันนี้ก็ตั้งใจถ่ายรายการด้วยล่ะ เป็นแฟนที่ดีของอันหรานนะ”
ผู้จัดการกล่าวจบก็หันไปขยิบตาให้หมิงเยี่ยนเฟยหนึ่งที
“อืม……..เรื่องนั้น เดี๋ยวรอก่อนสิ” หมิงเยี่ยนเฟยพูดโพล่งออกมาเพื่อหยุดไม่ให้ผู้จัดการเดินหนีจากไปไหนก่อน จากนั้นก็ลังเลที่จะเอ่ยอยู่สักครู่ “เรื่องนั้น เดี๋ยวช่วยเอาคลิปวิดีโอนั้นไปทำมาอีกชุดให้ด้วยได้ไหม เอามาให้ผมเก็บไว้ เอิ่ม…….ตอนที่ผมเบื่อๆ จะได้เอาออกมาดูเล่น……”
สรุปก็คือเอามาเก็บไว้เป็นที่ระลึกล่ะสิ!
ผู้จัดการมองหน้าหมิงเยี่ยนเฟยด้วยดวงตาที่เบิกโต แม้ว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกของหมิงเยี่ยนเฟย แต่ว่าก็ไม่ได้พูดออกไปตรง เพราะกลัวว่าจะทำให้หมิงเยี่ยนเฟยรู้สึกกระอักกระอ่วน ผู้จัดการจึงหัวเราะ “แหะแหะ” ออกมา ก่อนจะพยักหน้าแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป
ทันทีที่ผู้จัดการเดินจากไป ก็มีทีมงานคนหนึ่งเข้ามาในเต็นท์ของหมิงเยี่ยนเฟยเพื่อที่จะเปลี่ยนเครื่องอัดเสียง หมิงเยี่ยนเฟยเปลี่ยนอุปกรณ์เรียบร้อย แต่หมิงเยี่ยนเฟยก็ถูกเรื่องเทปบันทึกภาพนั้นรบกวนเสียจนนอนหลับต่อไม่ได้ เขาจึงเดินออกจากเต็นท์ไปแล้วมาหยุดอยู่ที่ข้างๆ เซี่ยอันหรานที่พึ่งจะออกมาจากถุงนอนโดยที่ใบหน้ายังมีรอยประทับสีแดงจากการที่นอนหลับในถุงนอนอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ” หมิงเยี่ยนเฟยก้มหน้าลงถามเซี่ยอันหรานด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เซี่ยอันหรานขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง “อื้ม………”
ในขณะนั้นเองเซี่ยอันหรานก็ก้มหน้าลงมองผ้าพันแผลที่อยู่บนมือตน แล้วพูดเบาๆ ขึ้นว่า “นี่……นี่เสี่ยวเถียนเป็นคนเปลี่ยนให้งั้นเหรอ”
เซี่ยอันหรานนึกถึงใครไม่ออกแล้วจริงๆ คนที่สามารถจะทำแผลให้เธอได้ในกลางดึกเช่นนั้น เมื่อหมิงเยี่ยนเฟยได้ยินคำที่เซี่ยอันหรานพูด เดิมทีก็คิดที่อยากจะพูดขึ้นว่าตนเองเป็นคนช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ แต่ว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป หมิงเยี่ยนเฟยรู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อยจึงได้กลืนคำพูดทั้งหมดลงไป จากนั้นเปลี่ยนเป็นพูดขึ้นว่า “อาจจะใช่ก็ได้นะ”
เซี่ยอันหรานยิ้มขึ้นมาจนตาหยีเล็ก “ผู้ช่วยตัวน้อยๆ ของฉันใส่ใจมากเลยนะเนี่ย ไม่เพียงแค่ละเอียดอ่อน แต่ก็ยังทำอาหารได้ตั้งหลายอย่าง”
หมิงเยี่ยนเฟยยกมุมปากขึ้นยิ้ม มองไปที่เซี่ยอันหราน ยิ้มแล้วถามออกไปด้วยเสียงที่เบาว่า “อื้ม เธอชอบผู้ช่วยแบบนี้ แล้วเธอชอบผู้ชายแบบไหนกันเหรอ”
เซี่ยอันหรานไม่คิดว่าหมิงเยี่ยนเฟยจะถามคำถามนี้ออกมาได้ จึงชะงักไปเล็กน้อย ลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “แน่นอนว่าต้องละเอียดอ่อน แล้วก็ทำอาหารได้หลายอย่าง คนที่ทำดีกับฉัน”
ความจริงแล้วเซี่ยอันหรานเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะชอบคนแบบไหน ความจริงแล้วการที่จะชอบคนแบบไหนนั้น ตัวเธอจะไปกำหนดมันได้อย่างไรกัน ภพที่แล้วและชาตินี้เธอก็ชอบไปเพียงผู้ชายแค่สองคนเท่านั้นเอง และถังรั่วชิงกับโม่เซ่าเหยียนก็แตกต่างกันมากเสียขนาดนั้น เธอในตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าตัวเองชอบผู้ชายแบบไหน หรือจะไปชอบผู้ชายแบบไหน
เธอไม่เคยที่จะสามารถพูดถึงความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโม่เซ่าเหยียนว่าเขาเป็นคนแบบไหนได้ แล้วจะเป็นไปได้เหรอที่จะให้เธอไปพูดกับคนอื่น เธอชอบคนแบบโม่เซ่าเหยียน คนที่บังคับให้เธอขึ้นเตียงแบบนั้น ผู้ชายที่เอาเรื่องชีวิตและอนาคตของพ่อแม่และพี่ชายมาบังคับขู่เข็ญเธออย่างนั้นเหรอ เซี่ยอันหรานก็เลยพูดตามสิ่งที่ตนได้พูดเกี่ยวกับผู้ช่วยไปก่อนหน้านั้นเท่านั้นเอง
หมิงเยี่ยนเฟยได้ยินที่เซี่ยอันหรานพูดก็หัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นก็ไม่ได้ยากจนเกินไปนะ”
“หืม?” เซี่ยอันหรานได้ยินคำที่หมิงเยี่ยนเฟยพูดก็นิ่งชะงักไปสักครู่ ไม่ค่อยเข้าใจถึงความหมายของหมิงเยี่ยนเฟยเท่าไหร่นัก
แต่ว่าไม่ทันได้รอให้เซี่ยอันหรานได้สอบถามให้ละเอียดขึ้น ผู้กำกับรายการจางหรานก็เดินเข้ามาหา จางหรานมองหมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหรานก็พลันยิ้มออกมา แม้ว่าผู้จัดการของหมิงเยี่ยนเฟยจะได้อธิบายให้ทราบไปแล้ว แต่ว่าพอได้มาเจอหมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหรานอีกครั้ง จางหรานก็ยังอดที่จะใช้สายตาอันอ่อนโยนทอดมองไปที่เซี่ยอันหรานและหมิงเยี่ยนเฟยไม่ได้
เซี่ยอันหรานเห็นว่าสายตาของจางหรานดูแปลกไป ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย และก็ฟังจางหรานที่ยิ้มแล้วถามขึ้นมาว่า “กำหนดการของวันนี้จะเป็นการเดต ทั้งสองคนได้วางแผนไว้ว่าอย่างไรบ้าง”
“เดต?” เซี่ยอันหรานดวงตาเบิกโตแล้วถามออกไปด้วยความตกใจ
หมิงเยี่ยนเฟยกลับดูสงบนิ่งมาก ยิ้มออกมาอยากอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ตอนนี้เป็นหน้าหนาว จะไปทะเลก็ไม่ได้ เราทั้งสองคนก็ได้รับบาดเจ็บอีก เลยทำกิจกรรมหลายๆ อย่างไม่ได้ เมื่อกี้ได้ยินมาว่าอันหรานชอบผู้ชายที่ละเอียดอ่อนและทำอาหารเป็น ถ้าอย่างงั้นก็ออกไปซื้อวัตถุดิบแล้วกลับมาทำอาหารกินสักมื้อ ดูหนังอยู่ที่บ้านกันเถอะ เมื่อวานอันหรานทำอาหารให้ผมแล้ว วันนี้ผมจะทำอาหารให้อันหราน อันหราน เธอมีไม่ชอบกินอะไรไหม แล้วกินอาหารทะเลได้หรือเปล่า”
คำถามที่เซี่ยอันหรานได้ถามหมิงเยี่ยนเฟยออกไปเมื่อวาน วันนี้กลับถูกหมิงเยี่ยนเฟยถามกลับ ทำให้เซี่ยอันหรานอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และก็พลันนึกถึงคำตอบของเขา 'ไม่มีอาการแพ้อะไรเลยทั้งนั้น แล้วก็ไม่มีอาหารที่ไม่ชอบด้วย'
“ไม่มีแพ้อะไรเลยทั้งนั้น แล้วก็ไม่มีอาหารที่ไม่ชอบด้วย” เซี่ยอันหรานตอบออกมาแล้วก็ยิ้มไปด้วย
หมิงเยี่ยนเฟยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ไม่แพ้อาหารทะเล คงจะไม่ได้แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้แพ้อาหารทะเลหรอกนะ"
เซี่ยอันหรานฟังคำที่หมิงเยี่ยนเฟยพูดโดยที่ยกประโยคที่เธอพูดกับเขาไปเมื่อวานขึ้นมา โดยเอามาย้อนถามเซี่ยอันหรานกลับอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เซี่ยอันหรานไม่รู้ว่าตนจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี เซี่ยอันหรานส่ายหน้า แล้วยิ้มออกไปโดยที่รู้สึกว่าตนช่างไร้หนทางอยู่นิดๆ "ไม่มี ฉันไม่ได้แกล้งทำว่าตัวเองไม่ได้แพ้อาหารทะเล"
หมิงเยี่ยนเฟยเลิกที่จะเย้าแหย่เซี่ยอันหรานต่อ จึงหันไปหาจางหราน "งั้นก็เอาแบบนี้แล้วกันนะครับ รบกวนผู้กำกับช่วยหาสถานที่ไว้ใช้พักผ่อนด้วยนะครับ"
จางหรานพยักหน้า รีบจัดการเตรียมคฤหาสน์เอาไว้ให้หมิงเยี่ยนเฟยแล้วเซี่ยอันหรานอยู่ชั่วคราว วันนี้ก็คงจะได้อยู่อย่างสบายๆ มากกว่าบนเขา หมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหรานอยู่ในคฤหาสน์กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะยังถ่ายรายการอยู่ และยังไม่ได้เป็นตอนพิเศษหลังจบรายการ
แต่ว่าเซี่ยอันหรานเกือบที่จะมองเห็นฉากฟองสบู่ลอยล่องอยู่รอบตัวราวกับอยู่ในการ์ตูน แม้ว่าจะไม่ได้ชอบหมิงเยี่ยนเฟย แต่ว่าเซี่ยอันหรานก็ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ว่า วันนี้สิ่งที่หมิงเยี่ยนเฟยทำลงไปทั้งหมด ได้เติมเต็มจินตนาการเกี่ยวกับผู้ชายของเธอไปเสียหลายอย่างเลยจริงๆ
ในสองวันที่รายการถ่ายจบนี้ เซี่ยอันหรานถึงได้จัดการตามเรื่องแผนที่ได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้วตัดสินใจที่จะไปถ่ายทำละครกับทีมกองละคร เซี่ยอันหรานถึงได้พูดคุยกับเฉิงเสี่ยวเถียน เฉิงเสี่ยวเถียนกำลังยุ่งอยู่กับการทำแผลบนมือให้เซี่ยอันหราน และก็พลางพูดถึงกำหนดการในอีกไม่กี่วันข้างหน้าของเซี่ยอันหรานให้ฟังโดยละเอียด
รอจนกระทั่งพันผ้าพันแผลให้เซี่ยอันหรานเสร็จ เฉิงเสี่ยวเถียนก็พลันนึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ตบหัวตัวเองเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า "โอ้ย ฉันลืมไปเลย อันหรานเมื่อสองวันก่อนหน้านี้โทรศัพท์เธอติดขึ้นมา แล้วก็มีชื่อหนึ่งเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ……….."
เฉิงเสี่ยวเถียนคิดอยู่สักครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ชื่อว่าราชาปีศาจอะไรเนี่ยแหละ"
โม่เซ่าเหยียน!
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน หยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้อยู่ข้างกายเธอถึงสองวันขึ้นมา ดูรายการที่ไม่ได้รับสาย ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของโม่เซ่าเหยียน เซี่ยอันหรานเดินไปหามุมที่สงบเงียบมุมหนึ่งทันที กดต่อสายไปที่เบอร์ของโม่เซ่าเหยียน แต่ว่ารอไปนานสักพัก โม่เซ่าเหยียนก็ไม่ได้รับโทรศัพท์เลย
เซี่ยอันหรานอดที่จะขมวดคิ้วยุ่งไม่ได้ เลยลองกดติดต่อโม่เซ่าเหยียนกลับไปอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์
ไม่รับโทรศัพท์เลยสักครั้ง ทำให้จิตใจของเซี่ยอันหรานรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกดโทรออกไปอีกหลายครั้ง แต่ว่าก็ยังคงไม่มีคนรับสาย
ผ่านไปเป็นเวลานาน เซี่ยอันหรานก็จำต้องวางโทรศัพท์ไป
และในขณะหนึ่งบนโลกใบนี้ ที่ประเทศเล็กๆ ทางตอนเหนือของยุโรป โม่เซ่าเหยียนมองดูโทรศัพท์ที่พึ่งจะหยุดสั่นไป โม่เซ่าเหยียนที่เอามือทั้งสองข้างสอดประสานกันอยู่ก็ค่อยๆ คลายมือนั้นออก และหันไปพูดกับหลิวเฟยต่อ "ที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกัน?"
หลิวเฟยขมวดคิ้วแน่น "จากการผ่านเครื่องจับเท็จ ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง แต่ว่าเครื่องจับเท็จก็ไม่อาจที่จะเชื่อได้เต็ม 100% หลายคนได้มีการผ่านการฝึกฝน และสามารถหลอกเครื่องจับเท็จได้"
โม่เซ่าเหยียนหลุบตาลง หันไปมองดูโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างตัว พูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า "ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนี้พูดความจริง เธอก็คือเถียนซินหรุ่ยลูกสาวของหลินหว่านที่เป็นแม่นมของฉันตอนยังเด็กจริงๆ และเติบโตมาด้วยกันกับฉัน เคยช่วยฉันเอาไว้ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กและอยู่ในช่วงวัยต่อต้านพ่อแม่ งั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากว่ามีคนวางแผนจัดการล่ะก็ คนที่วางแผนรวมไปถึงจุดประสงค์ทั้งหมดนั้น เราจำเป็นที่จะต้องสืบหาให้รู้ได้อย่างชัดเจน………."
โม่เซ่าเหยียนพูดแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะที่ได้หยุดสั่นไปแล้ว พูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า "ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีทางคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย แต่ว่าตอนนี้ ฉันไม่กังวลแล้วว่าจะมีคนทำร้ายฉัน ฉันกลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายเธอ เพราะเรื่องในอดีตของฉันยังไม่ได้สืบให้รู้อย่างแน่ชัด ฉันถึงได้ทำร้ายเซี่ยอันหรานไปอย่างไม่รู้ตัวอยู่ตลอด"
พูดถึงตรงนี้ โม่เซ่าเหยียนก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ขาดสติเผลอไปผลักเซี่ยอันหรานชิดเข้ากับกำแพง ทำให้มือที่ได้รับบาดเจ็บของเซี่ยอันหรานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด โม่เซ่าเหยียนหรี่ตางงเล็กน้อย พูดออกมาอย่างเย็นๆ ว่า "เธอกลัวฉัน แต่ว่าฉันก็เสียใจที่ได้เคยบีบบังคับเธอ เคยข่มขู่เธอ แต่ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องทั้งหมดนั้น ฉันกับเธอก็คงไม่มีทางได้เริ่มต้นขึ้น แต่ว่าฉันก็ไม่อยากที่จะให้เธอกลัวฉันต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ทุกเรื่องระหว่างเธอกับฉันที่ผ่านมานั้น จะต้องถูกจัดการลบทิ้งไปให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความทรงจำในอดีตของฉัน หรือว่าศัตรูที่อาจจะโผล่มาในอนาคตข้างหน้า มันก็ยังคงเป็นนิสัยของฉันเอง ทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนไป อืม………แล้วที่ตรวจสอบกับเซี่ยอันหรานเป็นยังไงบ้าง?"
เมื่อได้ยินคำถามของโม่เซ่าเหยียน หลิวเฟยก็หยิบเอกสารออกมาอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ยื่นไปให้โม่เซ่าเหยียน แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า "จากการตรวจสอบ เพศตรงข้ามที่เซี่ยอันหรานเคยชอบมีเพียงคนเดียว ก็คือถังรั่วชิว แม้ว่าตอนนี้ถังรั่วชิวจะตกต่ำแล้ว แต่ว่าตอนที่ทั้งสองคนคบกัน ถังรั่วชิวเป็นเจ้าชายที่อบอุ่นและฉลาดหลักแหลม เมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับลักษณะนิสัยและประวัติครอบครัวของเซี่ยอันหรานแล้ว ผู้ชายประเภทที่เซี่ยอันหรานจะชอบก็คือ………."
หลิวเฟยพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นมามองโม่เซ่าเหยียน ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า "อบอุ่น"
"มีมารยาท"
"ยิ้มบ่อย"
หลิวเฟยกล่าวออกมาทีละคำ แล้วก็มองไปที่โม่เซ่าเหยียนอีกครั้งแล้วพูดต่อว่า "ทำอาหารเป็น และยังละเอียดอ่อนมีความกตัญญู"
มุมปากของโม่เซ่าเหยียนขยับเล็กน้อย ใบหน้าที่เย็นชาไม่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่เลยแม้แต่น้อย ทำสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น "อืม ดีมาก ไม่เหมือนกับฉันเลยสักนิด"
MANGA DISCUSSION