โม่เซ่าเหยียนบีบโทรศัพท์แน่น และหันเข้าไปในห้อง เขาขมวดคิ้วและมองไปที่หญิงวัยกลางคนที่มองอยู่บนเตียง ผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเงียบๆ ราวกับตายแล้วอย่างนั้น ข้างๆหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น ยังมีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบกว่านั่งอยู่
ในดวงตาของหญิงสาวมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย เธอพูดเบาๆกับโม่เซ่าเหยียนว่า:“อาเหยียน ในที่สุดคุณก็มาหาฉันแล้ว !”
โม่เซ่าเหยียนขมวดคิ้วจ้งมองไปที่หญิงสาวคนนั้น และกระตุกมุมปาก และบีบโทรศัพท์ในมือแน่น บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขายังแสดงบันทึกการโทรล่าสุดไว้เอา หน้าจอของโทรศัพท์มีชื่อของ “อันหราน” อยู่
“อ่า…….ครั้งนี้อันหรานแพ้แล้วจริงๆ…….”ในเกมครั้งที่สองนี้หมิงเยี่ยนเฟยได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในเกมจำคำศัพท์ และเขาก็เอียงศีรษะไปมองเซี่ยอันหราน
เซี่ยอันหรานเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และดึงสัมภาระมาแบกไว้ที่หลัง ขมวดคิ้วและถามหมิงเยี่ยนเฟย
ว่า:“แล้วการลงโทษในครั้งนี้คืออะไร ?”
จางหรานได้กำหนดบทลงโทษไว้แล้ว แต่ในขณะนี้จู่ๆฝนก็ตกลงมา หมิงเยี่ยนเฟยยิ้มและพูดว่า:“ ถ้าอย่างนั้นถือร่มให้ผมละกัน……..”
หมิงเยี่ยนเฟยพูดพลางหันไปมองทางผู้กำกับจางหราน และถามด้วยเสียงต่ำว่า:“ได้ไหม ?”
เมื่อเห็นจางหรานพยักหน้า ทีมงานคนหนึ่งก็รีบยื่นร่มให้กับเซี่ยอันหราน เซี่ยอันหรานรีบรับร่มมา และกางร่มออก เพราว่าส่วนสูงของเซี่ยอันหรานและหมิงเยี่ยนเฟยต่างกันเล็กน้อย เซี่ยอันหรานจึงยกมือขึ้นสูง เพื่อให้ร่มคลุมศีรษะของหมิงเยี่ยนเฟย
หมิงเยี่ยนเฟยหันหน้าไปมองเซี่ยอันหราน และเห็นเซี่ยอันหรานแบกกระเป๋าปีนเขาขนาดใหญ่ไว้ที่หลัง กระเป๋าปีนเขาเต็มไปด้วยของเดินทางของเขากับเซี่ยอันหราน รองเท้าของเธอเต็มไปด้วยโคลน กางเกงขายาวของเธอก็เปียก ผมและหน้าผากก็เต็มไปด้วยเม็ดฝน ผ้าพันแผลที่มือซ้ายของเธอก็สกปรกบ้างเล็กน้อย และมือขวาของเธอก็ยกสูงเพื่อถือร่มให้กับเขา
แบบนี้เซี่ยอันหรานดูเหมือนสาวใช้ผู้น่าสงสารที่โดนรังแกเลย แต่ดวงตาของเซี่ยอันหรานนั้นกลับสดใสมาก มีหยดน้ำเกาะอยู่บนขนตาเรียวยาวของเธอ ราวกับเธอร้องไห้ ผิวของเธอเปล่งประกายมากขึ้นเมื่อโดนน้ำฝน ราวกับเครื่องลายขาวที่เพิ่งขัดเงา
หมิงเยี่ยนเฟยตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เซี่ยอันหราน จากนั้นก็ค่อยๆยิ้มออกมา และรีบกลับมามีสติอีกครั้ง เพื่อปกปิดความรู้สึกของเขา เขากำมือเบาๆยกขึ้นมาปิดปาก จากนั้นก็กระแอมสองครั้ง
“เป็นอะไรเหรอ ?”เซี่ยอันหรานที่เห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของหมิงเยี่ยนเฟย เธอจึงโน้มตัวไปถามเสียงเบา:“เจ็บแผลบาดเจ็บที่แขนเหรอ ? จะพันใหม่รึเปล่า ? หรือให้หมอมาดูหน่อยไหม ?”
เมื่อเห็นเซี่ยอันหรานเข้ามาใหล้ หมิงเยี่ยนเฟยก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย และรีบถอยหลังและพูดว่า:“ ไม่ ไม่มีอะไร ?รีบถือร่มของคุณให้ดีเถอะ”
โอ้………. เซี่ยอัหรานรีบถือร่มไว้ และดึงหมิงเยี่ยนเฟยมาอยู๋ใต้ร่ม
ในขณะเดียวกัน ทันใดนั้นช่างกล้องที่กำลังถ่ายภาพก็รีบพูดขึ้นมาว่า:“ รีบไปเอาผ้ากันฝนมา กล้องน้ำเข้าแล้ว !”
เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินแบบนี้ เธอไม่ทันได้คิดอะไร ก็รีบหันศีรษะไปเอาร่มไปไว้เหนือกล้อง การเคลื่อนไหวของเซี่ยอันหราน ทำให้ผู้คนรอบๆต่างพากันตกตะลึง ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ดูแลหมิงเยี่ยนเฟยทามกลางสายฝน แต่กลับเอามาบังกล้องที่ข้างตัว ?
หลังจากงุนงง ทีมงานก็พากันหัวเราะขึ้นมา เซี่ยอันหรานยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เธอขมวดคิ้วและเบิกตากว้าง:“ทำไม เป็นอะไรกันเหรอ ?”
เป็นเพราะว่าจู่ๆเซี่ยอันหรานก็ออกห่างไปทำให้หมิงเยี่ยนเฟยอยู่ท่ามกลางสายฝน และผมของเขาก็เปียกฝนไปหมด แต่หมิงเยี่ยนเฟยที่ผมเปียกฝน ไม่เพียงแต่จะไม่ดูน่าเกลียดแล้ว ยังมีเสน่ห์ของ “ผู้ชายร้ายๆ” อีกด้วย
เขายืนพิงต้นไม้และยิ้มที่มุมปากพร้อมพูดว่า:“พวกเขาหัวเราะคุณ เมื่อเทียบกับคนแล้ว คุณเป็นห่วงเครื่องจักรมากกว่า”
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว ชี้ไปที่กล้อง และพูดอย่างงงๆว่า:“กล้องราคาแพงมากเลยนะ”
อาจเป็นไปได้ว่าเธอได้รับอิทธิพลมาจากชาติที่แล้วเยอะเกินไป เซี่ยอันหรานชื่นชอบการแสดงมาก และเธอก็เป็นห่วงและรักกล้องเหล่านี้มากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเทียบกับกล้องแล้ว คนเปียกฝนก็ไม่ได้มีอะไรมาก
หมิงเยี่ยนเฟยยังคงดูฉลาดเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม เซี่ยอันหรานที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ทำร้ายเธอ เธอก็ยังดูไม่ฉลาด เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้:“ใช่สิ กล้องนั้นราคาหลายหมื่นเลย ผมเปียกฝนหน่อย ก็ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่ามือของผมจะได้รับบาดเจ็บ ก็เพราะว่าช่วยคุณไว้ แต่มันก็ไม่สำคัญเลย”
จากนั้นเซี่ยอันหรานถึงเข้าใจว่าหมิงเยี่ยนเฟยโกรธอะไร เธอรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และเอาร่มไปไว้เหนือศีรษะของหมิงเยี่ยนเฟยอีกครั้งและพูดว่า:“ ขอโทษนะ ฉันรีเฟล็กซ์ คุณอย่าโกรธเลยนะ”
“โกรธ ?”หมิงเยี่ยนเฟยเลิกคิ้วมองเซี่ยอันหราน:“ ไม่นะ ผมไม่ได้โกรธคุณ ผมคิดว่าคุณทำดีแล้ว”
เซี่ยอันหรานรีบโน้มตัวเข้าไป:“ ไม่นะ คุณ………”
เซี่ยอันหรานวิ่งไปหาหมิงเยี่ยนเฟย และพูดเสียงเบาว่า:“ คุณหมิง ตอนนี้กำลังถ่ายรายการอยู่นะ คุณอารมณ์แบบนี้ ถ้าเกิดฉายออกไป จะส่งผลกระทบไม่ดีกับคุณนะ”
“โอ้ จริงเหอ ?”หมิงเยี่ยนเฟยหันมามองเซี่ยอันหราน และยิ้ม:“ผมยังเป็นคุณหมิง ? ทำไมผมถึงจะโกรธไม่ได้ล่ะ ?”
เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินหมิงเยี่ยนเฟยพูดแบบนี้ เธอก็กัดริมฝีปากเบาๆและพูดเบาๆว่า:“ เยี่ยนเฟย……”
“เสี่ยวหราน คุณพูดอะไร ? เสียงเบาเกินไปแล้ว ผมไม่ได้ยิน ”หมิงเยี่ยนเฟยเหล่มองไปที่เซี่ยอันหราน
“เยี่ยนเฟย…….”เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว เพิ่มระดับเสียงและตะโกนไปว่า:“ เยี่ยนเฟย !โอเครึยัง”
หลังจากเซี่ยอันหรานพูด ทันใดนั้นหมิงเยี่ยนเฟยก็ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บแย่งร่มในมือของเซี่ยอันหรานมาถือเอง และดึงเซี่ยอันหรานมาเข้าในอ้อมกอด และถือร่มให้เธอ
“ยังจะทำอะไรอีก ?”เซี่ยอันหรานตกตะลึงกับกการกระทำที่ไม่คาดคิดของหมิงเยี่ยนเฟย
หมิงเยี่ยนเฟยชำเลืองมองเซี่ยอันหราน ยกมุมปากขึ้นและพูดว่า รางวัลที่คุณเรียกผมว่า เยี่ยนเฟย ผมจะถือร่มให้คุณ ตอนนี้คุณก็ไปบังฝนให้กล้องได้แล้ว
“ไม่ต้องแล้ว เอาผ้ามาคลุมไว้แล้ว” ตากล้องที่ยืนอยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นมา
เมื่อหมิงเยี่ยนเฟยได้ยินแบบนี้ ก็ยักไหล่เบาๆและพูดว่า:“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีโอกาสช่วยคนอื่นแล้ว ดังนั้นอยู่ในร่มของผมดีๆเถอะ อย่าออกไปวิ่งซนเลย !”
“แต่ว่ามือของคุณได้รับบาดเจ็บ !”เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วพูด
“มือของคุณก็เจ็บด้วยเหรอ ? ”หมิงเยี่ยนเฟยเหลือบมองเซี่ยอันหราน
“เพราะคุณช่วยฉันมือคุณถึงเจ็บ ฉันก็ควร…………”เซี่ยอันหรานยังคงขมวดคิ้ว
“คุณเรียกผมว่า เยี่ยนเฟย แล้ว ก็พอสำหรับการตอบแทนแล้ว” หมิงเยี่ยนเฟยหรี่ตายิ้มเล็กน้อย
ทีมงานของรายการที่ติดตามหมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหรานก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมพวกเขาสองคน พวกเขาก็ทำรายการเรียลลิตี้ความรักมาตั้งมากมาย แต่คู่รักดาราส่วนใหญ่ก็ต้องทำตามโปรแกรมของรายการถึงจะถ่ายฉากเลิฟซีน คนส่วนมากจะไม่แสดงฉากรักต่อหน้ากล้องแบบนี้
แต่หมิงเยี่ยนเฟยคู่ควรกับการเป็นดาราดังจริงๆ เขาทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการถ่ายทำรายการเรียลลิตี้ เพราะกลัวว่ากลุ่มรายการจะมีเนื้อหาไม่พอ เขาเลยบีบเอาฉากรักเข้าไปในรายการด้วย ในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่ดาราดังที่เอาแต่แกล้งดาราสาวซื่บื้อ ไปจนถึงคู่รักทะเลาะกัน ไปจนถึงการเอาอกเอาใจของดาราดังสุดสง่างาม เขาเปิดเผยออกมาหมดเลย
เนื่องจากหมิงเยี่ยนเฟยแสดงได้ดีมาก กระบวนการทั้งหมดเลยออกมาอย่างสง่างาม ราวกับละครของไอดอล ดังนั้นจึงทำให้หลายคนสงสัยว่าหมิงเยี่ยนเฟยมีใจให้กับเซี่ยอันหราน แต่ความสงสัยทั้งหมดกหายไป
ผู้กำกับรายการจางหรานเบิกตากว้าง หันศีรษะไปทางบรรณาธิการและกระซิบว่า:“ ตรงนี้ต้องบันทึกเอาไว้ กลับไปต้องเอาไปใช้ ”
เซี่ยอันหรานที่ถูกหมิงเยี่ยนเฟยกอด เธอกหันศีรษะไปมองหมิงเยี่ยนเฟย และหันกลับไปมองกล้อง เธอถูกหมิงเยี่ยนเฟยกอดอย่างสนิทสนมต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ หน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นด้วยความอับอาย แต่เธอก็ค่อยๆเขยิบออกมา ทันใดนั้นหมิงเยี่ยนเฟยก็แสดงท่าทางเจ็บปวดออกมา
เซี่ยอันหรานกลัวว่าถ้าเธอขยับอีกครั้ง จะไปโดนแผลของหมิงเยี่ยนเฟย เธอเลยรีบหยุดทันที และปล่อยให้หมิงเยี่ยนเฟยกอดเธออยู่ในอ้อมกอดแบบนั้น
จนกระทั่งถึงยอดเขา หมิงเยี่ยนเฟยถึงปล่อยเซี่ยอันหราน ตลอดที่เซี่ยอันหรานเดิน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ถึงแม้ว่าจะถึงยอดเขาแล้ว แต่เธอก็ยังก้มศีรษะด้วยความตื่นตระหนก
ตอนนี้เซี่ยอันหรานรู้สึกเสียใจที่มาถ่ายรายการเรียลลิตี้นี้กับหมิงเยี่ยนเฟย เธอคิดว่าเธอกับหมิงเยี่ยนเฟยร่วมรายการนี้ ก็เพื่อจะจัดการมัน แต่ไม่คิดเลยว่า เธอจะต้องทำท่าทางสนิทสนมใกล้ชิดขนาดนี้ เธอกลัวว่าถ้ารายการนี้ฉายออกไป จะส่งผลกระทบให้เธอกับหมิงเยี่ยนเฟย และเธอก็กลัวมากว่าโม่เซ่าเหยียนจะเห็น
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโม่เซ่าเหยียนจะสนใจเรื่องแบบนี้ไหม แต่เซี่ยอันหรานก็ยังกลัว เธอกลัวว่าเมื่อโม่เซ่าเหยียนเห็นรายการนี้ จะโกรธมากจนไปลงที่หมิงเยี่ยนแฟยและครอบครัวของเธอ เธอยิ่งกลัว กลัวมากว่า เมื่อโม่เซ่าเหยียนเห็นรายการนี้ เขาจะไม่มีปฎิกิริยาใดๆ
ท่ามกลางอารมณ์ที่ซับซ้อนของเซี่ยอันหรานเธอไม่รู้ว่าจะแสดงยังไงต่อไปกับรายการแล้ว ในเกมทายที่สาม เซี่ยอันหรานก็แพ้อย่างน่าสังเวช ไม่เพียงแต่เสียอาหารไปจำนวนมาก ยังเสียเต้นท์ที่นอนไปด้วย เหลือเพียงถุงนอนอุ่นๆที่เป็นของรางวัลเท่านั้น
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ถ้าหากตอนกลางคืนไม่มีเต้นท์ที่ให้คสามอบอุ่น ตอนกลางคืนไม่รู้เลยว่าตอนกลางคืนจะนอนยังไง เมื่อหมิงเยี่ยนเฟยเห็นเซี่ยอันหรานสูญเสียเต้นท์ไป เขาก็เงยหน้าไปมองตาของเซี่ยอันหราน และขมวดคิ้วเล้กน้อย:“ไม่มีเต้นท์แล้วจะนอนยังไงล่ะ ?คุณนอนได้เหรอ ?”
หมิงเยี่ยนเฟยพูดพลางเงยหน้าไปมองทีมงานรายการ ความหมายของหมิงเยี่ยนเฟยนั้นชัดเจน นั่นก็คือให้ทีมงานไปกางเต้นท์อีกอัน หรือไม่ก็ถ่ายถึงตรงนี้ จากนั้นก็กลับโรงแรมไปพักผ่อน ท้ายที่สุดแล้วรายการเรียลลิตี้ก็เป็นวาไรตี้ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ขนาดนี้ ทีมงานก็คงจะไม่ทิ้งศิลปิน และปล่อยให้ศิลปินบาดเจ็บหรอกนะ
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งสองยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าเซี่ยอันหรานอ่อนแอขึ้นมา ทีมงานจะต้องเตรียมแผนอื่นแน่นอน
แต่เซี่ยอันหรานกลับพยักหน้าและพูดว่า:“ ได้ค่ะ อุณหภูมินี้ก็ไม่ได้หนาวเกินไป ฉันเคยเจออากาศที่หนาวกว่านี้อีกค่ะ”
“งั้นตกลง ถ้าอันหรานบอกว่าได้ พวกราก็ถ่ายต่อเถอะ”ผู้กำกับจางหรานกระโดดขึ้นเห็นด้วยทันที
เมื่อครู่จางหรานยังกลัวว่าเซี่ยอันหรานจะแสดงท่าทางปฎิเสธออกมา เพราะว่าร่างกายของเซี่ยอันหรานยังบาดเจ็บ แขนของหมิงเยี่ยนเฟยก็หักเช่นกัน ถ้าหากเซี่ยอันหรานเสนอที่จะเพิ่มเต้นท์หรือว่าพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่ดี เขาก็ไม่คัดค้านแน่นอน
เพียงแต่เสียดายที่พล็อตนี้ การตั้งเต้นท์โดยเจตนา ก็เพื่อรอให้ถึงตอนกลางคืน เรื่องราวอะไรที่อาจจะเกิดขึ้นกับทั้งสองคน จะให้เพิ่มเต้นท์หรืออยู่เต้นท์เดียวกัน ก็ล้วนเป็นหัวข้อที่ดีทั้งนั้น
ในฐานะผู้กำกับรายการ จาหรานจะพลาดจุดไฮไลต์นี้ไปได้ยังไง ?
MANGA DISCUSSION