เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินหมิงเยี่ยนเฟยพูดแบบนี้ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ล้อเล่นอะไรเนี่ย ? นับตั้งแต่เธอกับหมิงเยี่ยนเฟยรู้จักกันมา ล้วนมีแต่หมิงเยี่ยนเฟยแกล้งเธอไม่ใช่เหรอ ? เธอไปแกล้งหมิงเยี่ยนเฟยตั้งแต่เมื่อไหร ? แต่หมิงเยี่ยนเฟยก็เคยช่วยชีวิตเธอ และเซี่ยอันหรานก็ไม่ต้องโต้เถียงกับหมิงเยี่ยนเฟย
เซี่ยอันหรานถอนหายใจและหันศีรษะออกไปทางข้างนอกหน้าต่าง
หมิงเยี่ยนเฟยก็หันศีรษะและมองออกไปข้างนอกหน้าต่างของรถ ที่หันไปทางเขา เงาของเซี่ยอันหรานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสามารถสะท้อนได้ แม้ว่ามันจะคลุมเครือ แต่เธอก็สามารถมองเห็นริมฝีปากที่เม้มลงเล็กน้อยได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีความขุ่นเคืองในใจ เธอเลยขมวดคิ้วเล็กน้อย
หมิงเยี่ยนเฟยอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขายกมือขึ้นไปที่ภาพสะท้อนของเซี่ยอันหรานในกระจก แตะมันเบาๆและพูดกระซิบกับตัวเองว่า:“แกล้งคนอื่นแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเจ้ากระต่ายบื้อ”
เซี่ยอันหรานไม่ได้ยินที่หมิงเยี่ยนเฟยกระพริบ เธอก้มศีรษะลง มองไปที่ทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่างอย่างช้าๆ เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ และค่อนข้างรู้สึกง่วงในขณะที่รถแกว่งไปแกว่งมา และหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรถหยุดลง เซี่ยอันหรานก็ลืมตาขึ้น เธอมองไปว่ารถได้มาถึงตีนเขาแล้ว
“ถึงแล้ว ลงรถเถอะ หมิงเยี่ยนเฟยเดินไปข้างหน้ารถ” และค่อยๆผลักเซี่ยอันหรานเบาๆ
เซี่ยอันหรานขยี้ตา และลากร่างกายที่เหนื่อยล้าอย่างหนักและลุกขึ้นยืนตามหมิงเยี่ยนเฟย และลงจากรถไป เมื่อเซี่ยอันหรานลงจากรถ ทีมงานที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ ?”เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว และถามอย่างสงสัย
เฉิงเสี่ยวเถียนซึ่งตามไปยังสถานที่ถ่ายทำและชี้ไปที่ใบหน้าของเซี่ยอันหรานและพูดว่า:“อันหรานใบหน้าของคุณมีรอยแดงกดทับ”
“โอ้ ?”เซี่ยอันหรานยังไม่ตื่นเต็มที่ เกาศีรษะอย่างหมดรูป
“ดูเหมือนว่าอันหรานจะหลับสบายอยู่ภายในรถ”ผู้กำกับรายการจางหรานเดินมาด้วยรอยยิ้ม:“แต่จากนี้ไปเราจะเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการแล้ว อันหรานจะสบายๆแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ทั้งสองจะต้องใส่ใจกับอุปกรณ์วิทยุ และความปลอดภัยของพวกเขา โอเคตอนนี้พวกเรากำลังจะเริ่มเกมแรก ซึ่งก็คือการตามหาผู้ต้องสงสัย และผู้แพ้ต้องแบกกระเป๋าของคนสองคน !”
“เอ๊ะ ?”เซี่ยอันหรานอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา หลังจากนั้นก็หันศีรษะไปมองหมิงเยี่ยนเฟย และเธอรู้สึกโล่งใจที่หมิงเยี่ยนเฟยไม่ได้มีสัมภาระมากเกินไป
แม้ว่าหมิงเยี่ยนเฟยจะทำตัวไม่ดีในบางครั้ง และก็มีแกล้งเธอโดยไม่ได้ตั้งใจบ้าง แต่เซี่ยอันหรานก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้หมิงเยี่ยนเฟยที่ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเธอมาแบกกระเป๋าของทั้งสองคน เซี่ยอันหรานจึงตัดสินใจว่าในเกมนี้ เธอจะต้องแพ้เพื่อหมิงเยี่ยนเฟย
มินิเกมครั้งแรกมันง่ายมาก คล้ายกับเกมlianliankan ที่ใครวิ่งเร็วกว่าคนนั้นชนะ แต่หมิงเยี่ยนเฟยไม่เคยเล่นเกมในทำนองนี้มาก่อน เซี่ยอันหรานจึงต้องพยายามอย่างมากที่จะแพ้ให้หมิงเยี่ยนเฟย
เพราะว่าการแพ้ของเซี่ยอันหรานในครั้งนี้มันชัดเจนเกินไป ทุกคนในรายการจึงดูออก ผู้กำกับรายการจางหรานจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า:“อันหราน คุณแพ้แบบชัดเจนเกินไป ทำไมเหรอ ? อยากแบกกระเป๋าของคนสองคนเหรอ ?”
“หือ ?”เซี่ยอันหรานปฎิเสธอย่างรวดเร็ว:“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแพ้ แต่ฉันไม่เก่งเกมนี้จริงๆ”
อย่างไรก็ตามเซี่ยอันหรานถึงแม้ไม่ยอมรับ แต่ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นเพราะถูกจับได้ว่าจงใจแพ้แพ้เกมนี้ และใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้น ก็ทำให้ใครก็สามารถดูออกว่าเซี่ยอันหรานกำลังโกหก
เฉิงเสี่ยวเถียนก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจและหน้าแดง
หมิงเยี่ยนเฟยหันศีรษะไปมองเซี่ยอันหราน ขมวดคิ้วเล็กน้อย:“คุณไม่ต้องปล่อยฉัน และถึงแม้ว่าจะปล่อยฉัน ก็อย่าทำให้มันชัดเจน”
เซี่ยอันหรานเห็นสีหน้าที่จริงจังของหมิงเยี่ยนเฟย ยังคิดเลยว่าหมิงเยี่ยนเฟยกำลังโกรธ จึงรีบพูดไปว่า:ถ้าหากฉันไม่แพ้ คุณก็จะต้องแบกสัมภาระ แขนของคุณบาดเจ็บ จะแบกสัมภาระได้ยังไงล่ะ ? แขนของคุณบาดเจ็บก็เพราะฉัน ฉันก็ควรรับผิดชอบ”
หลังจากที่เซี่ยอันหรานพูดจบ ปากของหมิงเยี่ยนเฟยก็ยกขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังกลั้นยิ้ม ทีมงานของรายการพากันตกตะลึง ผู้กำกับจางหรานยิ้มและพูดว่า:“ ไอ่หย่า อันหรานน่ารักอย่างไม่คาดคิดเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้……….”
จางหรานพูดพลางมองไปทางหมิงเยี่ยนเฟย เมื่อเห็นหมิงเยี่ยนเฟยพยักหน้าเบาๆ จางหรานก็ยิ้มทันทีและพูดว่า:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นในกรณีนี้อันหรานก็จะเป็นผู้แบกสัมภาระทั้งหมดละกัน”
เซี่ยอันหรานพยักหน้าทันที และไปรับสัมภาระของหมิงเยี่ยนเฟย ผลก็คือเขาหยิบกระเป๋าใบเล็กของหมิงเยี่ยนเฟยถืออยู่ และผู้ช่วยของหมิงเยี่ยนเฟยก็ส่งกระเป๋าใบใหญ่ให้ เซี่ยอันหรานเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในแผน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง:“นี่ นี่มันคืออะไรอ่ะ ?”
หมิงเยี่ยนเฟยยกมุมปาก เลิกคิ้ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“นี่เป็นสัมภาระทั้งหมดของผม ? ทำไม เสี่ยวหรานเสียใจเหรอ ?”
เซี่ยอันหรานที่ถูกหมิงเยี่ยนเฟยเรียกว่า “เสี่ยวหราน” ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและขมวดคิ้วมองไปที่หมิงเยี่ยนเฟยแล้วส่ายศีรษะ และหยิบสัมภาระทั้งหมดมาอย่างช่วยไม่ได้
ผู้กำกับจางหรานที่อยู่ข้างๆก้มกระซิบข้างหูบรรณาธิการว่า:“ส่วนนี้น่าสนใจมาก คุณจำไว้ว่า อันหรานที่แสดงออกอย่างไร้เดียงสาและทำอะไรไม่ถูก ท่าทางที่จงใจกลั่นแกล้งของหมิงเยี่ยนเฟย มันราวกับท่านประธานที่กำลังกลั่นแกล้งเลขาสาวตัวน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่หมิงเยี่ยนเฟยแอบยิ้ม ”
น่าจะขยายใหญ่…….โอ้ หมิงเยี่ยนเฟยคนนี้ คิดไม่ออกจริงๆเลยนะว่าจะเป็นแบบนี้…….รายการของพวกเราจะต้องออกมาดีแน่”
จางหรานเป็นผู้กำกับรายการเรียลลิตี้ เขาทำรายการเรียลลิตี้โชว์มาหลายปีแล้ว และเขาก็เก่งที่สุดในการค้นหาลักษณะของดารา เพียงแค่มองตาของหมิงเยี่ยนเฟยที่มองเซี่ยอันหราน จางหรานก็สามารถบอกได้ว่าหมิงเยี่ยนเฟยประทับใจเซี่ยอันหราน แต่เซี่ยอันหรานเธอไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ จางหรานก็ยังมองไม่ออก
เดิมทีจางหรานคิดว่ารายการเรียลลิตี้โชว์นี้จะใช้หมิงเยี่ยนเฟยมาเติมเต็มช่องว่างระหว่างที่บาดเจ็บ และหมิงเยี่ยนเฟยก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก ดูเหมือนว่าหมิงเยี่ยนเฟยยังคงต้องใช้รายการเรียลลิตี้โชว์นี้เพื่อตามหญิงสาว สำหรับรายการเรียลลิตี้ที่ถ่ายรายการความรักของดารา ไม่มีอะไรจะให้ผลลัพธ์ไปดีกว่าความทุ่มเทที่แท้จริงของดารา
จางหรานหายใจเข้าลึกๆ ส่งเสียงเชียร์ และสั่งให้ช่างภาพที่ติดตามหมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหรานติดตามถ่ายภาพอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้พลาดแม้แต่รายละเอียดเดียว
เขาเดินไปหาเซี่ยอันหรานที่แบกสัมภาระทั้งหมดไว้บนหลัง เขายิ้มและถามว่า:“อันหราน คุณแบกสัมภาระมากขนาดนี้ คุณจะรู้สึกว่าถูกรังแกไหม ? หรือเสียใจที่ตั้งใจแพ้เกมนี้รึเปล่า ?”
เซี่ยอันหรานส่ายหัว และตอบอย่างตรงไปตรงมา:“ไม่ คุณหมิงบาดเจ็บก็เพราะฉัน ฉันควรจะทำแบบนี้”
“ก็………….”เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว:“สัมภาระเยอะมากจริงๆ พวกคุณช่วยหน่อยได้ไหม ?”
บางทีอาจจะได้รับอิทธิพลจากหมิงเยี่ยนเฟยที่แสดงออกต่อหน้าทีมงานอย่างเป็นธรรมชาติ เซี่ยอันหรานก็แสดงพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติและซื่อสัตย์ไม่แตกต่างจากปกติของเธอมากนัก
เมื่อจางหรานได้ยินเซี่ยอันหรานตอบแบบอาจารย์ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ในใจก็ไม่แปลกใจเลยที่หมิงเยี่ยนเฟยชอบแกล้งเธอทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ การตอบสนองของอันหรานคนนี้น่าสนใจจริงๆ
แต่การแสดงออกบนใบหน้าของจางหรานไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แค่ขมวดคิ้วและทำหน้าลำบากใจ:“แต่นี่เป็นกฎของเกม”
เซี่ยอันหรานพยักหน้าทันที:“ฉันรู้แล้ว ฉันจะแบกสัมภาระทั้งหมดไว้ที่หลังเอง”
ดังที่เซี่ยอันหรานพูด เธอยังคงแบกสัมภาระของหมิงเยี่ยนเฟยไว้ที่หลังของตัวเอง เมื่อเซี่ยอันหรานกำลังแบกสัมภาระ เธอก็ดึงผ้าพันแผลออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้แผลเปิดออก แต่เซี่ยอันหรานก็ปิดมันไว้ ไม่ได้พูดอะไรออกมา และยังคงแบกสัมภาระไว้ที่หลัง
จางหรานสังเกตเห็นมือที่บาดจ็บของเซี่ยอันหราน เขาก็อดไม่ได้ได้ แต่รายการกำลังดำเนินมาถึงตรงนี้ แต่ถ้าหากไม่ให้เซี่ยอันหรานทำตามสัญญา เมื่อรายการฉายออกไป เซี่ยอันหรานจะต้องถูกด่าอย่างแน่นอน แม้แต่ความน่าเชื่อของรายการก็ยังจะถูกสอบสวน
จางหรานเกาศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เขาเปลี่ยนเรื่องและจงใจถามว่า:“เมื่อครู่อันหรานเรียกคุณหมิงอีกแล้ว คงรจะเรียกว่าอาเฟยไม่ใช่เหรอ ? ไหนๆทั้งคู่ก็ตั้งฉายาให้กันแล้ว”
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว:“อะไรนะ ? อาเฟย ?”
เซี่ยอันหรานกดริมฝีปากล่างและส่ายหัว:“รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย”
“ตอนนี้พวกคุณเป็นคนรักกันแล้ว ควรจะสนิทสนมใกล้ชิดกันกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ?” จางหรานถามต่อว่า:“ถึงแม้ว่าจะไม่เรียกอาเฟย แต่ก็ไม่ควรเรียกคุณหมิง เรียกชื่อยังดูสนิทสนมกว่าเรียกคุณหมิง ถ้างั้นทำไมไม่เปลี่ยนชื่อให้ดูใกล้ชิดกว่านี้ล่ะ อย่างเช่นเรียกว่าเยี่ยนเฟย ?”
เซี่ยอันหรานชะงักลง ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดเสียงเบาว่า:“เยี่ยนเฟย ?”
หลังจากพูด เซี่ยอันหรานก็รู้สึดเขินอายหน้าแดงขึ้นมา
จางหรานยิ้มและพูดว่า:“ดูเหมือนหน้าแดงรึเปล่า ?”
“เอ๊ะ ?”ถึงแม้ว่าเซี่ยอันหรานจะรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อน แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีปฎิกิริยาตอยสนองขนาดนี้ ใบหน้าของเธอแดงจริงๆ เธอรีบเอื้อมมือไปปิดใบหน้าของตัวเอง:“แดงแล้วเหรอ ?”
“หน้าแดงจริงๆด้วย เสี่ยวหราน……..”ทันใดนั้นหมิงเยี่ยนเฟยก็เดินผ่านเซี่ยอันหรานและพูดเสียงเบาว่า
เซี่ยอันหรานโบกมืออย่างรวดเร็ว:“อากาศมันร้อนเกินไป ไม่ใช่หน้าแดงเพราะเขินอาย”
หมิงเยี่ยนเฟยมองไปที่เซี่ยอันหรานอย่างเอียงอาย พยักหน้าเบาๆ ยิ้มและพูดว่า:“ อืม ตอนนี้เป็นหน้าร้อน ที่นี่มันร้อนเกินไปแล้ว !”
“ฉันไม่ได้ !”เซี่ยอันหรานกระทืบเท้าและตะโกนอย่างไม่มั่นใจ
“ใช่ !”หมิงเยี่ยนเฟยป้องกันแขนของตัวเอง ขณะที่เดินขึ้นเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉัน…….”เซี่ยอันหรานทำหน้าอะไรไม่ถูก และใบหน้าที่โกรธก็แดงขึ้นเรื่อยๆ
เฉิงเสี่ยวเถียนที่ยืนอยู่ด้วยกันกับทีมงานเห็นฉากที่หมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหรานทะเลาะกัน ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและกระซิบว่า:“นี่คือละครไอดอล……ละครไอดอล……..ดาราดังกับภรรยาสาวผู้สง่างาม……..”
ในขณะที่คุยกัน ทนัใดนั้นเฉิงเสี่ยวเถียนก็มองเห็นโทรศัพท์ของเซี่ยอันหรานที่วางอยู่ข้างเธอดังขึ้นมา เฉิงเสี่ยวเถียนมองไปที่ชื่อของผู้โทรมา เธอขมวดคิ้วทันที และพูดเสียงต่ำว่า:“‘ปีศาจผู้โหดร้าย’ ? ใครกัน ?”
เฉิงเสี่ยวเถียนมองอย่างอยากรู้อยากเห็นสักพัก แต่ถึงแม้จะประหลาดใจ แต่ตอนนี้เซี่ยอันหรานก็กำลังถ่ายรายการอยู่ และไม่สามารถส่งโทรศัพท์ไปให้เซี่ยอันหรานได้ และเฉิงเสี่ยวเถียนก็ไม่สามารถรับโทรศัพท์ส่วนตัวของเซี่ยอันหรานได้ เฉิงเสี่ยวเถียนทำได้เพียงมองด้วยความประหลาดใจ เพราะรู้ว่าสายนั้นวางสายไปแล้ว
ในอีกประเทศหนึ่ง โม่เซ่าเหยียนผู้ซึ่งถูกเซี่ยอันหรานตั้งชื่อบนโทรศัพท์ว่า ปีศาจผู้โหดร้าย เมื่อไม่ได้ยินเสียงของเซี่ยอันหราน เขาก็ขมวดคิ้วและตัดสายไป
ในขณะเดียวกันประเทศเล็กๆในยุโรปเหนือที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาว แต่ไม่ว่าข้างนอกจะมีหิมะตกและหนาแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับความเยือกเย็นบนใบหน้าของโม่เซ่าเหยียน
MANGA DISCUSSION