แต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งเผยไหล่ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังใช้มือถอดเสื้อผ้า แต่ก็ถูกเซียวเทียนหลีชะงักไว้ก่อน เซียวเทียนหลีมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวด้วยรอยยิ้มและค่อยๆโน้มตัวไปใกล้หูของฉู่เสี่ยวเสี่ยวและพูดว่า:“ ไม่ต้องรีบร้อน รอให้คุณฟื้นความทรงจำก่อน ก็ไม่สาย”
เมื่อได้ยินเรื่องฟื้นฟูความทรงจำ การแสดงออกของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็แข็งกร้าวขึ้นทันที เธอไม่ได้มีความทรงจำพวกนั้นแต่แรก จะฟื้นความทรงจำได้อย่างไร ?
“ทำไมล่ะ ? ถ้าหากว่าชีวิตนี้ฉันฟื้นฟูความทรงจำไม่ได้ล่ะ พวกเราก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตเหรอ ? ”ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว ตาแดงและสะอื้นเสียงต่ำ
“เป็นไปไม่ได้ !”รอยยิ้มประหลาดที่บนใบหน้าของเซียวเทียนหลีหายไปทันที ใบหน้าของเขาเย็นชาลง และเปร่งประกายออร่าที่อันตรายราวกับงูพิษออกมา เขาค่อยๆโน้มตัวไปหาฉู่เสี่ยวเสี่ยวและพูดเสียงต่ำว่า :“คุณจะต้องฟื้นความทรงจำได้แน่นอน !”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกหลัวและตัวแข็ง เธอกัดริมฝีปากแน่น แต่ก็ไม่สามารถควบคุมอาการสั่นเล็กน้อยของร่างกายได้
“เหอะเหอะ……….”ทันใดนั้นเซียวเทียนหลีก็หัวเราะออกมาอย่างประหลาด เขายื่นมือมาและค่อยๆลูบใบหน้าของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ด้วยนิ้วเรียวขาวบางของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มเสียงต่ำๆว่า:“คุณยังไม่ได้ทานยาใช่ไหม ? วันนี้ยังไม่ได้ทานยาใช่ไหม ผมกังวลว่ายาของคุณจะหมดแล้ว และไม่ได้ทานยาดีๆ กลัวจะไม่สามารถฟื้นฟูความทรงจำได้ ดังนั้นผมเลยเอายามาให้คุณ”
หลังจากเซียวเทียนหลีพูดจบ เขาก้มศีรษะลง และค่อยๆหยิบยาออกมาจากถุงยาที่วางอยู่ข้างตู้ ขวดยาขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น และดูเหมือนว่าจะมียาประมาณยี่สิบกว่าขวด
เซียวเทียนหลีค่อยๆลูบขวดยา ด้วยนิ้วเรียวยาว เขายิ้มและพูดว่า:“ เริ่มตั้งแต่ขวดนี้ ค่อยๆทาน…….”
“แต่ แต่ฉันทานแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายนะ……..”เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นเซียวเทียนหลีหยิบยาออกมา ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและยังตัวสั่นอีกด้วย
เนื่องจากเซียวเทียนหลีต้องการฟื้นความทรงจำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวมากเกินไป เขาเคยพาจิตแพทย์หลายคนและเตรียมยาที่ช่วยฟื้นูความทรงจำมากมายมาให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยว แต่ผลข้างเคียงของยาเหล่านี้ก็ร้ายแรงเช่นกัน ทำให้คนเวียนศรีษะและบางครั้งก็อาเจียน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้มาก
เมื่อเซียวเทียนหลีได้ยินคำปฎิเสธของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และขยับเข้าไปใกล้ๆหูของฉู่เสี่ยวเสี่ยว และกระซิบอย่างเร่าร้อนว่า:“ เด็กดี……เชื่อฟัง………”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดริมฝีปากล่าง และหายใจเข้าลึกๆ เธอรู้ว่าเซียวเทียนหลีสามารถตอบสนองความติ้งการให้เธอได้มาก แต่เรื่องฟื้นความทรงจำนี้ เซียวเทียนหลีไม่มีวันยอมแพ้และจะไม่ยอมให้เธอปฎิเสธ
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วมือสั่น และค่อยๆสัมผัสขวดยาพวกนั้น จากนั้นฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเธอก็เปิดขวดยาและกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเซียวเทียนหลีเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวกลืนยาลงไป เขาก็ยกมุมปกาขึ้น ยิ้มและพูดว่า:“ เสี่ยวเสี่ยวเชื่อฟังคำจริงๆ……..”
ในขณะที่พูด เซียวเทียนหลีก็ยกมือขึ้น มองนาฬิกาที่สวมอยู่และพูดด้วยเสียงต่ำว่า:“ ผมยังมีธุระอื่น ไปก่อนนะ คุณต้องทานยาตรงเวลา เซี่ยอันหรานคนนั้น อย่าเพิ่งยั่วโมโหเธอตอนนี้ รอผมจัดการโม่เซ่าเหยียนที่ปกป้องเธอก่อน ผมจะเอาเซี่ยอันหรานมาส่งให้ถึงหน้าคุณ และปล่อยให้คุณจัดการ ถ้าหากคุณรู้สึกเบื่อ ก็ให้คิดถึงเรื่องในอดีต และฟื้นคืนความทรงจำเร็วๆ”
เนื่องจากฉู่เสี่ยวเสี่ยวเพิ่งทานยาไป ร่างกายจึงอ่อนแอ และในช่วงที่เธอกำลังเวียนศีรษะ เธอก็ได้ยินว่าเซียวเทียนหลีจะจากไป ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่สามารถใช้แรงเพื่อหยุดเขา เธอทำได้เพียงพิงเก้าอี้ และพยายามจับมือของเซียวเทียนหลี แต่ยังไม่ทันที่เธอจะจับถึงมือของเซียวเทียนหลี เซียวเทียนหลีก็หันมายิ้มและจากไป
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำได้เพียงจับศีรษะของเธอ และขดตัวอยู่บนเก้าอี้ เมื่อได้ยินเสียงเซียวเทียนหลีปิดประตู ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็กัดริมฝีปากแน่น และกุมศีรษะที่ปวดร้าวและกระซิบกับตัวเองว่า:“ เซี่ยอันหราน ที่ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะแกทำร้าย ฉันจะต้องเอาทุกอย่างที่อยู่ข้างกายแก เอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉันกลับคืนมา !”
หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ ทันใดนั้นก็นึกถึงรายการเรียลลิตี้โชว์โรแมนติกที่กำลังจะมาถึงของหมิงเยี่ยนเฟยและเซี่ยอันหหราน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะเหล่ตา ในเมื่อเซี่ยอันหรานสามารถดึงดูดหมิงเยี่ยนเฟย ทำให้หมิงเยี่ยนเฟยยอมที่จะถ่ายทำรายการเรียลลิตี้โชว์กับเซี่ยอันหราน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตราบใดที่เธอทำให้หมิงเยี่ยนเฟยอยู่ในกำมือได้ ถ้างั้นหมิงเยี่ยนเฟยจะผลักเซี่ยอันหรานออกและอยู่กับเธอได้ไหมนะ ?
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดถึงสิ่งนี้ โดยนึกไปถึงรูปลักษณ์และรอยยิ้มที่อ่อนโยนของหมิงเยี่ยนเฟย นั่นเป็นสิ่งที่แตกต่างจากโม่เซ่าเหยียนที่เย็นชาหยิ่งพยองและเซียวเทียนหลีที่ดูโหดร้าย หมิงเยี่ยนเฟยเป็นสุภาพบุรุษและอ่อนโยน คนแบบนี้เมื่ออยู่บนเตียงก็คงจะอ่อนโยนเช่นกัน
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกลืนน้ำลายลงไป นับตั้งแต่เธอนอนกับถังรั่วชิวด้วยความไม่เต็มใจ แต่มันก็ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ลิ้มรสชาติแบบนั้น และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายอีกต่อไป แม้ว่าเซียวเทียนหลีจะดีกับเธอมากแต่ก็ไม่เข้าใกล้เธอ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทนไม่ได้
ครึ่งหนึ่งเธอต้องการที่จะคว้าโอกาสในการออกรายการเรียลลิตี้โชว์ร่วมกับหมิงเยี่ยนเฟยมาจากเซี่ยอันหราน และครึ่งหนึ่งก็อยากจะสนองความต้องการของตัวเองที่มีต่อผู้ชาย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตัดสินใจว่าคืนนี้เธอจะไปที่โรงพยาบาล และใช้ร่างกายของเธอเพื่อคว้าโอกาสในการปรากฎตัวในรายการเรียลลิตี้โชว์
ทันทีที่เซียวเทียนหลีออกจากห้องของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ก็รีบพาหวังอี้เข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่เดินเข้าไปในลิฟต์ เซียวเทียนหลีก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวและคิดถึงเรื่องที่นั่งอยู่ในลิฟต์เมื่อครู่ และเซี่ยอันหรานที่มองไม่เห็นเขาเลย
ในเวลานั้นไม่รู้ว่าเซี่ยอันหรานกำลังคิดอะไรอยู่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย และทำราวกับมองไม่เห็นคนอื่นเลย ถึงแม้ว่าเซียวเทียนหลีจะไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเขายังไง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงแบบนี้
“เป็นผู้หญิงที่หยิ่งพยองจริงๆ……..”เซียวเทียนหลีหรี่ตา และส่งเสียงอย่างเย็นชา รอยยิ้มที่มักจะปรากฎบนใบหน้าของเขาอันนั้นหายไป และถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างแท้จริง
หวังอี้ผู้ช่วยของเซียวเทียนหลีแทบไม่เห็นเซียวเทียนหลีแสดงท่าทางโกรธอย่างแท้จริง ตามปกติ แม้ว่าเซียวเทียนหลีจะโกรธมากแค่ไหน เขาก็จะแสดงรอยยิ้มที่เย้ยหยันแสดงให้อีกฝ่ายคลั่งตาย
หวังอี้ไม่รู้ว่าทำไมเซียวเทียนหลีถึงโกรธ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากที่เขาเกี่ยวกับเซียวเทียนหลี เขาคิดว่าอย่าไปกระตุ้นจะดีกว่า
แต่เซียวเทียนหลียังคงขมวดคิ้วตลอด จนกระทั่งเขาเดินออกจากลิฟต์ นั่งบนรถ เขาถึงค่อยๆเลิกคิ้วขึ้น และเริ่มยิ้มอย่างแปลกๆออกมาอีกครั้ง
“ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยอันหรานและโม่เซ่าเหยียนอย่างละเอียด” เซียวเทียนหลีพูดด้วยรอยยิ้ม :“ถึงแม้ข้างกายของโม่เซ่าเหยียนจะแน่นหนาราวกับถังเหล็ก และไม่มีเสียงลมเลย และฉันก็ให้ความสำคัญในการรักษาความลับ ทำไมข้อมูลของฉันถึงถูกโม่เซ่าเหยียนรู้ได้ ? เว้นแต่คนของฉันจะไม่มีความสามารถเท่ากับคนของโม่เซ่าเหยียน หรือคิดว่าคนของฉันไม่ภักดีเท่ากับคนของเขา ?”
หวังอี้หน้าซีดทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเทียนหลี และพูดอย่างประหม่าว่า:“ เซียว…..ประธานเซียว…..ผมไม่ได้……..”
“ไม่ต้องกังวล…….”เซียวเทียนหลียิ้มพูด พลางวางมือของเขาบนไหล่ของหวังอี้ และลูบเบาๆ แสงของรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปเป็นครั้งคราวส่องเขามาในห้องผู้โดยสาร เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามราวกับผู้หญิงของเขา และในขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นการแสดงออกที่แปลกประหลาดของเขา
“ทำไมคุณถึงกังวลขนาดนี้ล่ะ ?” เซียวเทียนหลีเหล่ตาและพูดด้วยรอยยิ้:“ม ฉันหมายความว่า ข้างกายของฉันไม่ใช่เสาหิน ดังนั้นมันก็เหมือนกับโม่เซ่าเหยียน ข้างกายเขาต้องมีช่องโหว่ ดังนั้นก็เริ่มจากรอบตัวของเขา และจะต้องมีคนพ่ายแพ้เสมอ แต่ใช้เงินซื้อไม่ได้ ดังนั้นก็ใช้ครอบครัวของพวกเขามาขู่ ถ้าไม่สามารถคู่คนในครอบครัวได้ ถ้างั้นก็ลักพาตัวพวกเขา คุกคามพวกเขา ถ้าหากยังไม่ได้ พวกเราก็ฆ่าเขา แล้วลองเปลี่ยนวิธีดู ในที่สุด ”ก็จะต้องมีคนคลายออกมา
หวังอี้หายใจเข้าลึกๆ:“ แต่ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ จะไม่ทำให้โม่เซ่าเหยียนรู้เหรอ ?”
“จะต้องรู้แน่ แต่จะรู้เมื่อไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของคุณ ถ้าคุณเก่งในการทำสิ่งต่างๆและสามารถหาคนที่เผยข้อมูลได้อย่างรวดเร็วหลังจากตรวจสอบอย่างชัดเจน คุณก็คงไม่โดนจับได้เร็วๆหรอก เซียวเทียนหลีเหล่ตาของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม ฉันแปลกใจจริงๆ ภูเขาขนาดใหญ่ที่เหมือนโลงศพอย่างโม่เซ่าเหยียน จะมองเซี่ยอันหรานได้อย่างไร ? เซี่ยอันหรานผู้หญิงคนนั้นถึงจะดูสวย แต่ก็ไม่ได้โดดเด่น ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่แสดงได้เท่านั้น มองแล้วดูเหมือน………”
เซียวเทยนหลีลดเสียงลงอย่างช้าๆ และพูดอย่างเยือกเย็นว่า:“ และดูเหมือนว่าสมองของเธอ ก็ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก”
เซียวเทียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา และนึกย้อนไปถึงตอนที่เจอกับเซี่ยอันหรานในลิฟต์ เซี่ยอันหรานดูเหมือนเทพเจ้า เขาหัวเราะเย้ยหยัน:“ มันก็แค่ผู้หญิงที่โง่และโง่เขลา”
“ฮัด…….เช้ย…….”เซี่ยอันหรานปิดปากของเธอแล้วจามใหญ่ เธอพึมพำว่า:“ ฉันไม่สบายแล้วรึเปล่าเนี่ย ทำไมถึงจามอยู่เสมอเลย”
เฉิงเสี่ยวเถียนกำลังพันมือให้เซี่ยอันหรานอย่างระมัดระวัง เมื่อได้ยินเซี่ยอันหรานพูดแบบนี้ เธอก็ขมวดคิ้วทันที:“ ถ้าหากว่าไม่สบายงั้นก็แย่เลย ตอนนี้มือของคุณก็ยังไม่ดี และถ้าไม่สบายอีก จะไปถ่ายทำได้อย่างไรกัน และรายการเรียลลิตี้โชว์ที่กับหมิงเยี่ยนเฟยอันนั้นก็กำลังจะเริ่มถ่าย ถ้าถึงเวลานั้นร่างกายของคุณจะต้านทานได้อย่างไร ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเซี่ยอันหรานจะไม่ร้ายแรงเท่าแขนหักของหมิงเยี่ยนเฟย แต่เนื่องจากมือของเธอถูกเชือกนิรภัยรัดจนเป็นบาดแผล และแผลมันก็ไม่เรียบเหมือนกับมีดบาด มันดูน่ากลัวและไม่เรียบเลย เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนเห็นแผลของเซี่ยอันหราน เธอก็ตกใจมาก ใช้เวลาสักพักกว่าเธอจะกลับมาทำแผลให้เซี่ยอันหรานอีกครั้ง
ดังนั้นแม้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนจะรู้สึกว่าตอนนี้ต้องถ่ายละครและรายการเรียลลิตี้โชว์ และมันก็มีประโยชน์อย่างมากสำหรับอาชีพการแสดงของเซี่ยอันหราน แต่หลังจากที่มีกิจกรรมมากมายอย่างกะทันหัน เซี่ยอันหรานก็มาได้รับบาดเจ็บ เฉิงเสี่ยวเถียนกังวลว่าร่างกายของเซี่ยอันหรานจะรับไม่ไหว
“ไม่เป็นไร กองถ่ายก็ช่วยจัดแจงแล้ว ไม่มีปัญหา ฉันไม่เป็นไรหรอก หมิงเยี่ยนเฟยล่าช้าก็เพราะว่าช่วยฉัน ฉันจะทำให้เขาล่าช้าอีกไม่ได้ และเรื่องนี้ก็ดีสำหรับฉัน เรื่องเดียวได้รับประโยชน์ตั้งมากมาย ทำไมถึงไม่ทำล่ะ ฉันบาดเจ็บ หมิงเยี่ยนเฟยได้รับบาดเจ็บหนักกว่าฉันอีก ฉันจะอ่อนแอได้ยังไง ? ”เซี่ยอันหรานพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉิงเสี่ยวเถียนพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มและพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า:“ เพียงแต่วันนี้หมิงเยี่ยนเฟยคาดไม่ถึงจริงๆ เขาไม่ลังเลที่จะวิ่งไปจับคุณเลยนะ บอกได้ว่าเขารู้สึกสนใจคุณ……….”
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว วิธีที่หมิงเยี่ยนเฟยปฎิบัติต่อเธอ บอกได้ว่าหมิงเยี่ยนเฟยไม่ได้รู้สึกสนใจเธอ เธอก็ไม่เชื่อด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะชอบโม่เซ่าเหยียน แม้หมิงเยี่ยนเฟยจะแกล้งเธออยู่เสมอ แต่เขาก็ช่วยเธอและคิดแทนเธอเสมอ สิ่งนี้มันทำให้เซี่ยอันหรานรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกผิดต่อหมิงเยี่ยนเฟยเล็กน้อย
ถ้าหากสามารถพูดความรู้สึกของคนหนึ่งออกมาและถอนมันออกไปได้ ถ้างั้นก็แค่บอกรักใครก็รักใครก็ได้แล้ว ถ้างั้นเธอก็ไม่ชอบโม่เซ่าเหยียน แล้วไปรักใครสักคนที่รักเธออย่างจริงใจ
MANGA DISCUSSION