จิตใจของเซี่ยอันหรานอยู่ที่บนร่างกายของโม่เซ่าเหยียน เธอไม่ได้สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของพยาบาลคนนี้ หลังจากที่ผันแผลแล้ว เซี่ยอันหรานยังคงกลับไปที่วอร์ดของหมิงเยี่ยนเฟย แต่หมิงเยี่ยนเฟยกลับมองไปที่อาการบาดเจ็บบนมือของเซี่ยอันหราน และไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเซี่ยอันหราน เขาแสร้งทำเป็นใจกว้างโบกมือที่ไม่ได้บาดเจ็บนั้นแล้วพูดขึ้นว่า:“ไปกันเถอะ คุณควรกลับไปพักผ่อนก่อน เพื่อกันให้คนอื่นเห็น แล้วเกิดข่าวยุ่งๆอะไรมาอีก”
เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินหมิงเยี่ยนเฟยพูดแบบนี้ แต่ในใจก็ยังกังวลเฉิงเสี่ยวเถียนที่อยู่คนเดียวในกองถ่าย เธอพยักหน้าและพูดเบาๆว่า:“ วันนี้ฉันลืมซื้อซุปซี่โครงให้คุณ ตอนเย็นฉันกลับไปทำ แล้วพรุ่งนี้เอามาให้คุณนะ”
หมิงเยี่ยนเฟยพยักหน้า จากนั้นก็หาวแล้วค่อยๆเอนลงไปนอน
เซี่ยอันหรานมองไปที่เซี่ยหมิงหยวนไปครั้งสุดท้าย ถึงหันหลังจากไป หลังจากเซี่ยอันหรานปิดประตู หมิงเยี่ยนเฟยก็ลืมตาขึ้น มองไปทางที่เซี่ยอันหรานจากไป เขามองลงไปที่แขนที่บาดเจ็บอีกครั้ง จากนั้นมุมปากเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
เซี่ยอันหรานถือโทรศัพท์ไว้ในมือ จนกระทั่งไปถึงโรงแรมที่กองถ่ายพักผ่อนอยู่ เธอยังคงก้มศีรษะลงมองเบอร์โทรศัพท์ของโม่เซ่าเหยียนในโทรศัพท์ เพราะว่าเซี่ยอันหรานจ้องมองไปที่เบอร์โทรศัพท์นั้นมากเกินไป จนไม่ทันได้สังเกตคนรอบข้าง
เธอก้มศีรษะเข้าไปในลิฟต์ และเมื่อเธอไปถึงชั้นห้องพักของตัวเอง เธอก็เดินออกจากลิฟต์ไป โดยเธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าในลิฟต์นั้น ยังมีผู้ชายที่สวยยิ่งกว่าผู้หญิงอยู่ในนั้นด้วย
เซียวเทียนหลีมองไปที่เซี่ยอันหรานตลอดเวลา เซี่ยอันหรานดาราน้อยที่เปิดตัวภายใต้ชื่อ “อันหราน”เป็นบุคคลที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเกลียดมากที่สุด เขาในฐานะผู้คุ้มกันของฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่สนใจได้อย่างไรกัน ?
แต่เขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยอันหรานจะไม่มองคนอื่นเลย ทำราวกับเขาเป็นอากาศ ตั้งแต่ผ่านตรงหน้าเขาจนกระทั่งออกจากลิฟต์
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงอย่างช้าๆ เซียวเทียนหลีก็ก้าวถอยไปสองสามก้าว ทันใดนั้นก็ยืนพิงผนังลิฟต์แล้วหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาดูเย็นชาและน่าขนลุก
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเซียวเทียนหลีลูกน้องเขาที่ยืนอยู่ข้างๆก็กลั้นหายใจอย่างรวดเร็วและไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
เซียวเทียนหลีดูเหมือนจะเห็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เขาหัวเราะไม่หยุด:“คุณเห็นรึเปล่า ? เธอไม่มองมาทางผมเลย อ่า…..เซี่ยอันหรานคนนี้หยิ่งจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสียงหัวเราะของเซียวเทียนหลีก็หยุดลงทันที และการแสดงออกบนใบหน้าของเขาก็เย็นชาและน่ากลัวในทันที มีเพียงรอยยิ้มแปลกๆที่ยังเหลืออยู่ เขาค่อยๆพูดด้ยน้ำเสียงแปลกๆว่า:“ ตระกูลโม่ยังคงซื้อหุ้นในกลุ่มบริษัทของพวกเรา ?”
หวังอี้พยักหน้า และตอบด้วยเสียงต่ำว่า:“พวกเขายังคงดำเนินต่อไป ประธานเซียว ถ้าหากว่าพวกเขายังคงซื้อขายในราคาที่ต่ำ เกรงว่าพวกเราจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วตระกูลโม่……….”
“อย่างไรก็ตามความมั่งคั่งของตระกูลโม่นั้นแข็งแกร่ง พวกเราเทียบไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ? ดังนั้นเพราะการปกป้องของโม่เซ่าเหยียนทำให้เซี่ยอันหรานสามาถหยิ่งพยองได้ถีงเพียงนี้ ? ”เซียวเทียนหลียิ้มแปลกๆและหันหน้าไปใกล้หวังอี้
แม้ว่าหวังอี้จะตัวสูงใหญ่ แต่ก็ถูกเซียวเทียนหลีบังคับให้ถอยหลังไปสองสามก้าว หวังอี้รู้ดีว่าบุคลิกของเซียวเทียนหลีเป็นคนอารมณ์แปรปรวน และวิธีการของเขานั้นก็รุนแรงมากและเปลี่ยนไปเร็วมาก เขาจึงทำได้เพียงส่ายหัว:“ ไม่ ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความอย่างนี้ ผมก็แค่เพื่อประธานเซียวคุณ…….”
“เพื่อผม ?”เซียวเทียนหลียิ้มแปลกๆ และมองหวังอี้อย่างชั่วร้าย
เหงื่อที่เย็นไหลออกมาจากหน้าผากของหวังอี้ไหยุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเซียวเทียนหลี
เซียวเทียนหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย และเมื่อมาถึงชั้นที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยู่ เซียวเทียนหลีก็เดินออกจากลิฟต์ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ หวังอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังอารมณ์เสียอยู่ในห้อง เธอได้เห็นข่าวจากผู้จัดการของหมิงเยี่ยนเฟยที่ประกาศออกมาแล้ว หมิงเยี่ยนเฟยได้ยืนยันแล้วว่าเขาจะปรากฎตัวในรายการเรียลลิตี้ “บุพเพวสันนิวาส”ด้วยกัน ก่อนหน้านี้แฟนๆส่วนใหญ่ของหมิงเยี่ยนเฟยยังคงโจมตีเซี่ยอันหรานอย่างสิ้นหวัง ตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่กลับรู้สึกดีใจที่หมิงเยี่ยนเฟยจะเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้นี้
ถึงแม้ว่าจะยังมีบางคนโจมตีเซี่ยอันหราน แต่ก็มีแฟนๆจำนวนมากที่เห็นว่าหมิงเยี่ยนเฟยไม่เสนอที่จะห้ามปราม ถึงแม้ว่าแฟนคลับพวกนี้จะอยู่ไกลหมิงเยี่ยนเฟย แต่พวกเธอก็เป็นกลุ่มคนทีจดจำหมิงเยี่ยนเฟยได้มากที่สุด ความสุขและความโกรธเสียใจของพวกเธอในทุกวัน มาจากความสุขและความเสียใจของหมิงเยี่ยนเฟย
ดาราดังอย่างหมิงเยี่ยนเฟยที่ไม่เคยเข้าร่วมรายการวาไรตี้โชว์ จู่ๆก็เข้าร่วมรายการเรียลลิตี้ความรักกับดาราสาวน้อยที่เพิ่งเดบิวต์และยังไม่มีผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ “อันหราน” ที่มีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง ที่สามารถส่งไปถึงหมิงเยี่ยนเฟยได้ และหมิงเยี่ยนเฟยจะได้รับผลประโยชน์ใดๆจากรายการเรียลลิตี้โชว์
ยังมีสิ่งหนึ่งที่แฟนๆของหมิงเยี่ยนเฟยต้องการยืนยันมากที่สุด ก็คือหมิงเยี่ยนเฟยอาจจะมีความอะไรกับ “อันหราน” คนนี้จริงๆ หมิงเยี่ยนเฟยถึงช่วยเธอขนาดนี้
ไม่ว่าหมิงเยี่ยนเฟยจะมาจากเหตุผลไหน ถึงยอมที่จะออกรายการเรียลลิตี้ร่วมกับอันหราน สิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้ว่าหมิงเยี่ยนเฟยกับเซี่ยอันหรานไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เป็นศัตรูกัน อย่างน้องพวกเขาก็สามารถใช้ความสัมพันธ์ที่สามารถช่วยเหลือกันได้ นอกจากนี้ผู้จัดการของหมิงเยี่ยนเฟยยังแพร่กระจายคำพูดเช่นเดียวกับบรรดาแกนนำแฟนคลับหลายคน ซึ่งบ่งบอกว่าเยี่ยนเฟยรู้สึกเสียใจมากที่เห็นคนโจมตีอันหราน
ดังนั้นกลุ่มคนที่ด่าว่าเซี่ยอันหรานอย่างรุนแรง จึงกลายเป็นผู้ปกป้องของเซี่ยอันหรานในทันที เมื่อมีคนโจมตีเซี่ยอันหราน พวกเขาก็จะเป็นคนแรกที่ยืนหยัดและพูดแทนเซี่ยอันหรานที่ยังไม่มีฐานแฟนคลับ
ยังไงก็ตามอันหรานก็ผู้ร่วมงานของหมิงเยี่ยนเฟย ถ้าหากว่าเซี่ยอันหรานถูกโจมตีอย่างรุนแรงเกินไป ก็จะดึงหมิงเยี่ยนเฟยให้ต่ำลงไปเช่นกัน
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นว่ามีการโจมตีเซี่ยอันหรานบนอินเตอร์เน็ตน้อยลง เธอโกรธมากจนกัดฟัน และหันหน้ายกมือขึ้นตบไปที่จางหมิ่นที่ยืนอยู่ข้างเธอ และด่าอย่างรุนแรงว่า:“ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดที่ดีของคุณ ? บอกว่าจะทำให้คนจำนวนมากด่าเซี่ยอันหรานไม่ใช่เหรอ ? ไม่ได้บอกว่าจะทำให้เซี่ยอันหรานออกจากวงการบันเทิงเหรอ ? เธอไปรึยัง ? ตอนนี้เธอสบายดีขนาดไหน ? และมันกำลังจะร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์กับหมิงเยี่ยนเฟยอีก นี่คือความคิดที่ดีของคุณ ? คุณไม่อยากให้แม่ของคุณมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วเหรอ ”
จางหมิ่นถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวตบลงไปอยู่กับพื้น เธอปิดใบหน้าที่เจ็บปวดขมวดคิ้วและส่ายหัวว่า:“ ฉันไม่คาดคิดว่าหมิงเยี่ยนเฟยจะตกลงที่จะปรากฎตัวในรายการเรียลลิตี้โชว์กับเซี่ยอันหราน ฉันไม่คิดว่า………”
“คิดไม่ถึงเหรอ ? ฉันว่าคุณน่าจะเป็นสายลับที่เซี่ยอันหรานส่งมาอยู่ข้างกายฉัน !”ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดพลางง้างมือขึ้นอีกครั้ง
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวง้างมือไปที่หน้าของจางหมิ่น กำลังจะตบอีกครั้งนั้น ทันใดนั้นประตูห้องของเธอก็เปิดออก ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นเซียวเทียนหลีพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆปรากฎตัวขึ้นที่ประตู เธอรีบดึงมือกลับ และแสดงรอยยิ้มที่บริสุทธิ์และน่ารักออกมา:“หลี ทำไมจู่ๆคุณถึงกลับมาล่ะ ? คิดถึงฉันแล้วเหรอ ?”
หลังจากฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ เธอก็เห็นว่าเซียวเทียนลีจ้องมองไปที่จางหมิ่นที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรีบก้มศีรษะลง และช่วยพยุงจางหมิ่นลุกขึ้นมา
หลังจากพยุงจางหมิ่นขึ้นมา ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ทำหน้ามุ้ยและพูดว่า:“ ไอ่หย่า ฉันบอกให้คุณระวังมานานแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่ระวังล่ะ ทำไมถึงล้มลงพื้นไปได้ล่ะ ”
ดังที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูด เธอวิ่งไปข้างๆเซียวเทียนหลี และยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า:“ เทียนหลี คุณไม่รู้เหรอว่าทุกวันนี้จางหมิ่นโง่แค่ไหน……….”
“ในเมื่อคุณคิดว่าเธอโง่ ถ้างั้นผมเปลี่ยนผู้ช่วยให้คุณละกัน” เซียวเทียนหลีพูดพลางยิ้ม
ถึงแม้ว่าเซียวเทียนหลีมักจะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาก็แฝงไปด้วยความมืดมนอยู่เสมอ ทำให้คนอื่นที่เห็นมัน มักจะรู้สึกกลัวอยู่เสมอ และแม้ว่าเซียวเทียนหลีจะกำลังยิ้มอยู่ แต่ในใจของเขาอาจจะกำลังคิดว่าจะฆ่าคุณยังไงดี
ถึงแม้ว่าตอนนี้เซียวเทียนหลีจะรู้สึกดีกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว เกือบทั้งหมดเป็นไปตามความต้องการของฉู่เสี่ยวเสี่ยว แต่เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นเซียวเทียนหลี เธอก็ยังคงรู้สึกกลัว ดังนั้นเธอจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำตัวเป็นเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์และใจดี
เมื่อได้ยินคำแนะนำของเซียวเทียนหลี ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็รีบส่ายหน้า กระพริบตาอย่างไร้เดียงสาและพูดว่า:“ ถ้าเปลี่ยนอีก บางทีอาจจะโง่กว่าจางหมิ่นด้วยซ้ำ และอีกอย่างจางหมิ่นก็น่าสงสารขนาดนี้ ถ้าหากเธอสูญเสียงานนี้ไป บางทีค่ารักษาแม่ของเธอที่โรงพยาบาลอาจจะไม่พอ และฉันก็ไม่อยากเป็นคนเลวด้วย……ฉันก็แค่เพราะ……เพราะไม่มีแม่……. ”
“ฉันถูกตระกูลเซี่ยรังแก และถูกปฎิบัติราวกับทาส และเด็กผู้หญิงอย่างฉัน ถ้าหากฉันมีแม่ ชีวิตของฉันอาจจะดีกว่าขึ้นกว่านี้”ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกระพริบตาสองสามครั้ง และตาก็แดงขึ้นมาทันที
จางหมิ่นที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นเห็นพฤติกรรมของฉู่เสี่ยวเสี่ยว และได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดแบบนี้ ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ทักษะการแสดงเรื่องชีวิตของฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้เมื่อเทียบกับตอนถ่ายทำแล้ว เธอทำมันได้ดีมาก
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของคุณเสียทั้งคู่ ไม่ใช้เพราะถูกตระกูลเซี่ยรับเลี้ยง เธอจะไปเที่ยวยุโรปเหนือได้อย่างไร ? จะพบเจอกับผมได้อย่างไร ? ดังนั้นพ่อแม่เสียไปแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี” เซียวเทียนหลียังคงมีร้อยยิ้มแปลกๆอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ได้ยินเซียวเทียนหลีพูดแบบนี้ ก็คงจะโกรธไปนานแล้ว แต่เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเซียวเทียนหลีพูดแบบนี้ เธอรู้สึกว่าคำพูดของเซียวเทียนหลีมีความจริงบางอย่าง ถ้าหากพ่อแม่ของเธอยังอยู่ งั้นเธอจะเป็นยังไง ชีวิตของเธอก็คงจะเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป จะได้เจอกับเซียวเทียนหลีได้อย่างไร เธอจะก้าวเข้าสู่แวดวงบันเทิงแบบนี้ได้อย่างไร และเธอจะแข่งขันกับเซี่ยอันหรานได้อย่างไร
เกรงว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเซี่ยอันหรานด้วยซ้ำ
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวระเบิดเสียงหัวเราะ:“ เทียนหลี เกลียดจริงๆ คุณรู้จักปลอบฉัน แต่ที่คุณพูดก็ถูกนะ พระเจ้าทำให้ฉันไม่มีพ่อแม่ แต่ทำให้ฉันมีความรัก แค่นี้ก็ดีสำหรับฉันแล้ว”
“ความรัก ? ความรัก…….”เซียวเทียนหลีพึมพำคำนี้ด้วยเสียงต่ำ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและค่อยๆหยิบผ้าเช็ดหน้าสีอ่อนในกระเป๋าอันนั้นออกมา
ผ้าอันนั้นปักชื่อของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไว้ เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากแผลและพูดกับเขาว่า:“ ไม่ต้องกลัว พวกเราจะไม่ตายหรอก อีกเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว มา คุณมาใส่เสื้อผ้าของฉันก่อน ฉัน…….ฉันไม่กลัวหนาว เพราะว่าฉันแก่กว่าคุณ ฉันเป็นพี่สาว พี่สาวไม่กลัวหนาว !”
หญิงสาวในความทรงจำมีเพียงเงาคลุมเครือ แต่มันคือรักแรกและรักเดียวของเขา
MANGA DISCUSSION