ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 73 ฉันต้องการจะฆ่าหล่อน
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเสียงสั่นด้วยความโกรธของจางหมิ่น เธอก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม "เธอโกรธงั้นเหรอ ? ทำไมถึงโกรธล่ะ ? เธอมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจสัจธรรมของโลกอีกเหรอ ? เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโกรธด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เธอน่ะไม่มีทั้งเงินแล้วก็อำนาจ สวะอย่างเธอน่ะไม่นับว่าเป็นคนด้วยซ้ำ ยังจะมีสิทธิ์อะไรมาโกรธอีก ? "
ครอบครัวเดิมของจางหมิ่นนั้นร่ำรวยมากและเธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และยังเป็นลูกสาวคนโปรดของครอบครัว แต่เนื่องจากครอบครัวล้มละลาย และแม่ก็ป่วยหนัก เธอจึงรับงานที่มีรายได้สูงนี้ ในขณะนี้จางหมิ่นต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูที่เธอไม่เคยพบมาก่อน เธอกัดริมฝีปากและเหล่มองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นรู้สึกอับอายและร่างกายของเธอก็สั่นสะท้าน
ดูเหมือนฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่รู้สึกถึงความโกรธของจางหมิ่น ต้องบอกให้ชัดเจนว่าเธอรู้สึกสนุกกับสิ่งที่จางหมิ่นรู้สึกมากกว่าที่กล้าที่จะโกรธเธอ แต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา สิ่งนี้ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยรู้สึกว่าตนเองความเหนือกว่าและสามารถควบคุมชีวิตของคนอื่นไว้ในมือได้
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเสียงรบกวนที่อยู่นอกประตูและพูดด้วยรอยยิ้ม "ฉันต้องการให้เธอทำเรื่องบางอย่างในวันพรุ่งนี้ ฉันไม่ต้องการเห็นเซี่ยอันหรานอีก"
“อะไรนะคะ ?” จางหมิ่นขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยิน
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มและพูดว่า "ฉันพูดไม่ชัดเจนพอหรือไง ? กองถ่ายมักจะเกิดเรื่องขึ้นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือไง ? ฉันไม่อยากเห็นเซี่ยอันหรานอีก ให้หล่อนตายไปได้เลยยิ่งดี ต่อให้ไม่ตายก็ต้องทำให้หล่อนเสียโฉมไปซะ ฉันอยากเห็นเซี่ยอันหรานที่ดุน่าสมเพชมากกว่านี้ "
เธอต้องทำให้เซี่ยอันหรานตาย ไม่เช่นนั้นหากเซี่ยอันหรานและเสี้ยวเทียนหลีได้พบกัน…
จางหมิ่นขมวดคิ้ว "คุณ คุณจะให้ฉันฆ่าคนเหรอ? "
"ฆ่าคนแล้วมันทำไม ? มีเสี้ยวเทียนหลีอยู่ เธอจะกลัวอะไร ต่อให้เธอฆ่าคน เขาก็จะจัดการเรื่องทั้งหมดได้อยู่แล้ว เธอยังไม่รู้วิธีการของเขาสินะ หรือเธอสงสัยว่าเขาจะไม่มีอำนาจ ? " ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยักคิ้วของเธอเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม
จางหมิ่นส่ายหัว "มันไม่ใช่เรื่องของอำนาจ แต่มันไม่ควร … "
"คำว่าควรหรือไม่ควร มันไม่มีอยู่จริง! " ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเบิกตากว้างและตะโกน "จางหมิ่น เธอต้องคิดให้ดี ถ้าเธอไม่ทำ ก็จะถือว่าเป็นศัตรูกับฉันและเสี้ยวเทียนหลี เธอจะรับผลกรรมนี้ไหมวไหมล่ะ ? ตอนนี้เธอก็แค่ไปจัดการกับยัยนั่นซะ เสี้ยวเทียนหลีจะดูแลครอบครัวเธอเอง ถ้าโชคดี เธอก็ไม่ต้องโดนโทษประหารและยังได้รับเงินก้อนใหญ่อีก มีเงินก้อนนี้แล้วเธอก็สามารถไปใช้ชีวิตเองได้ ไม่ต้องมีแม่ที่ป่วยเป็นภาระอีกต่อไป "
"แม่ของฉันไม่ใช่ภาระ"จางหมิ่นขมวดคิ้วและตาของเธอเป็นสีแดงก่ำ เธอแทบจะไม่ได้เพิ่มระดับเสียงต่อหน้าฉู่เสี่ยวเสี่ยวแม้แต่น้อย ร่างกายของจางหมิ่นสั่นสะท้านอย่างรุนแรงมากขึ้นทำให้เธอดูเหมือนใบไม้ตายที่สั่นไหวท่ามกลางลมหนาว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความลังเล ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก
"มันเรียกว่าภาระ คนที่ทำได้แค่นอนรอค่ารักษาพยาบาล" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า "เธอนี่โง่จริงๆ ถ้าเป็นฉันคงไม่โง่แบบนี้ ..”
"คุณ … " จางหมิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวราวกับว่ามองไปที่ปีศาจด้วยความไม่สบอารมณ์
จางหมิ่นไม่รู้จริงๆ ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร เธอถึงเลวร้ายได้ขนาดนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ไม่รู้เหรอว่าคนเราสามารถให้คนที่รักได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ เธอเคยได้ยินมาว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลเซี่ย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่เสี่ยวเสี่ยวจึงได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลเซี่ย ไม่เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าจะตอบแทนความเมตตาของเธออย่างไร เธอยังต้องการล้างแค้นให้กับตระกูลเซี่ยอยู่เสมอ
เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นแบบนี้ ทันใดนั้นจางหมิ่นก็เข้าใจว่าทำไมฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวน่ารังเกียจและใจแคบอย่างมาก
แม้ว่าผู้ช่วยของฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะทำผิดมาตลอด แต่จางหมิ่นก็อดทนกับค่ายาของแม่ของเธอ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องลาออกแล้ว ค่ารักษาพยาบาลของแม่สามารถหาได้จากงานอื่น แต่ถ้าเธอยังทำงานกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวต่อไป เธออาจกลายเป็นฆาตกร
จางหมิ่นส่ายหัว "ไม่ ฉันทำไม่ได้ ฉันจะลาออก"
"ลาออกเหรอ ? เธอคงคิดว่ามันง่ายสินะ วันนี้เธอลาออกไป พรุ่งนี้แม่เธอก็จะโดนถอดเครื่องช่วยหายใจทิ้งไปซะ เป็นไง แล้วขายเธอออกนอกประเทศ เป็นโสเภณีไปเลย ดีไหม ?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวโค้งริมฝีปากของเธอและมองไปที่เซี่ยอันหรานด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “ต่อหน้าชีวิตของเธอและแม่ เธอจะเลือกเซี่ยอันหรานงั้นเหรอ? ยังไม่คิดที่จะจัดการเซี่ยอันหรานอีกงั้นเหรอ? เรื่องนี้ถึงเธอไม่รับปาก ยังไงก็ต้องทำ !”
จางหมิ่นทรุดตัวลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงที่จะร้องไห้ มีเพียงน้ำที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเทลงบนใบหน้าของเธออย่างช้าๆ เหมือนน้ำตา เธอเรียนเปียโนบัลเล่ต์ตั้งแต่ยังเด็ก เติบโตมาในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดและสุดท้ายก็ถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวบังคับให้ทำร้ายผู้อื่น! ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเลย ลำพังเธอน่ะตายได้ แต่เธอจะทนเห็นแม่ของเธอตายได้อย่างไร ?
"ฉันจะทำ ฉันจะฆ่าเซี่ยอันหราน หรือทำให้เธอเสียโฉม"จางหมิ่นตอบ
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหัวเราะช้าๆ อย่างภาคภูมิใจ "จะดีกว่าไหมถ้าเธอตัดสินใจเร็วกว่านี้ มันทำให้ฉันเสียเวลามาก ไปเทน้ำให้ฉัน อย่าลืมล่ะ คราวนี้ใช้น้ำที่ 25 องศาเซลเซียส ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์เพื่อวัดให้ถูกต้องรู้ไหม ?”
จางหมิ่นลดระดับสายตาลง พยักหน้าเบา ๆ
บางทีอาจเป็นเพราะการได้พบกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวในวันนี้ ทำให้คืนนี้เซี่ยอันหรานไม่ได้นอนหลับสบาย เธอมักจะรู้สึกว่ามีคนจ้องมองมาที่เธอในตอนกลางคืน เธอเอาแต่ฝันถึงความฝันที่วุ่นวาย ในความฝันเธอกลายเป็นเฟิ่งรุ่ยฮวาจริงๆ และฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็กลายเป็นหลินสุ่ยเซียว เว้นแต่ซ่างกวนหลิงไม่ใช่เมิ่งเทียน แต่เป็นโม่เซ่าเหยียน
ในความฝัน โม่เซ่าเหยียนจับฉู่เสี่ยวเสี่ยวเบา ๆ และพูดกับเธออย่างเย็นชา "เฟิ่งรุ่ยฮวา ฉันไม่เคยรักคุณเลย"
เซี่ยอันหรานสวมเสื้อผ้าที่เฟิ่งรุ่ยฮวาสวมก่อนที่เธอจะตาย ในความฝันผ้าเนื้อหยาบบาง ๆ ไม่สามารถหยุดลมหนาวได้ เซี่ยอันหรานในความฝันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โม่เซ่าเหยียน ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาด้วยความสิ้นหวัง "สิ่งสุดท้ายที่ฉันเสียใจในชีวิตคือการได้พบกับคุณ โม่เซ่าเหยียน และตกหลุมรักคุณ "
เมื่อเธอฝันถึงเรื่องนี้ เซี่ยอันหรานก็สะดุ้งตื่นขึ้น เมื่อเธอตื่นขึ้นก็มีน้ำตาบนใบหน้าของเธอ เซี่ยอันหรานเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าพลางมองมันอย่างว่างเปล่าและขมวดคิ้ว บางทีมันอาจจะเป็นการทรยศของฉู่เสี่ยวเสี่ยวและถังรั่วชิวในชาติก่อน ซึ่งมีอิทธิพลต่อเธอมากเกินไป หลังจากเซี่ยอันหรานตื่นขึ้น หัวใจของเธอก็เต้นแรงด้วยความตกใจ
เซี่ยอันหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งและสงบลง ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ ในเมืองอื่น…โม่เซ่าเหยียนขมวดคิ้วและมองดูเซี่ยอันหรานเช็ดน้ำตา มองดูเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากห้อง
มือขวาของโม่เซ่าเหยียนกำแน่นและคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา "ฉันจะไปหาเซี่ยอันหราน จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันโดยเร็วที่สุด"
หลังจากคุยโทรศัพท์ โม่เซ่าเหยียนก็กลับมานั่งที่เดิม เขาเฝ้าดูเซี่ยอันหรานนั่งอยู่ในฝันร้ายและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การหายใจที่สม่ำเสมอตามปกติของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเร็วและแรงขึ้น
เนื่องจากหิมะตกเมื่อวานจึงไม่สามารถถ่ายทำฉากกลางแจ้งได้ ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อถ่ายทำฉากในร่ม เซี่ยอันหรานไม่มีฉากมากนักในวันนี้ แต่เธอต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและนั่งรอ เพราะฉากส่วนใหญ่ในวันนี้เป็นของฉู่เสี่ยวเสี่ยว และทีมงานทั้งหมดต้องร่วมมือกับ "เจ้าหญิงตัวน้อย" ฉู่เสี่ยวเสี่ยว และบรรยากาศอึมครึมเช่นเดียวกับเมื่อวานมันก็กลับมาอีกครั้ง
ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่เช่นนี้ ทีมงานทำงานได้ไม่รวดเร็วเท่าไรนัก ผู้กำกับจินก็หงุดหงิดเหมือนเมื่อวาน ไม่สามารถสอนเซี่ยอันหรานได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่ระบายความโกรธใส่ทีมงานและนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ
"พวกเะอทำได้หรือเปล่า? รู้ไหมว่าอะไรคือการแสดง? ไม่งั้นก็กลับไปเรียกการแสดงใหม่เลยไป" ผู้กำกับดุ
ผู้กำกับจินกำลังดุด้วยความโกรธ เมื่อจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนบางคนกระซิบโดยไม่หันหน้ากลับมา เขาถามว่า "ใครกัน ? ใครกล้าพูดจาไร้สาระตอนนี้ ระวังตัวไว้เถอะเจ้าพวกบ้า"
แต่ถึงแม้ว่าผู้กำกับจินจะสบถอย่างโหดเหี้ยม เขาก็ไม่ได้หยุดเสียงอันนุ่มนวลไม่ให้แพร่กระจาย
"มีอะไร ? ไม่ทำงานทำการกันหรือไง ? " ผู้กำกับจินหันกลับมาทันทีและมองไปยังทิศทางที่คนกระซิบ
แต่ผู้กำกับจินก็ตกตะลึงทันที เขามองไปยังหมิงเยี่ยนเฟยที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า "ซูเปอร์สตาร์อย่างคุณหมิง มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ ? "
หมิงเยี่ยนเฟย ม่ค่อยราบรื่นนักตอนที่เขาเดบิวต์ครั้งแรก เขายังถ่ายให้ผู้กำกับจินด้วย แต่ในเวลานั้นหมิงเยี่ยนเฟยเล่นเป็นตัวประกอบเล็ก ๆ และจากนั้นก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะรู้จักผู้กำกับจินแต่ก็ไม่สนิทชิดเชื้อกันมากนัก
หมิงเยี่ยนเฟยยิ้มและกล่าวว่า "ผู้กำกับจิน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ผมมาเยี่ยมน่ะ รบกวนด้วยนะครับ"
ผู้กำกับจินขมวดคิ้วอย่างสงสัยและมองไปที่หมิงเยี่ยนเฟย ทำไมเขาถึงไม่รู้ว่ามีใครบางคนในทีมคุ้นเคยกับหมิงเยี่ยนเฟย และสามารถทำให้หมิงเยี่ยนเฟยมาเยี่ยมนักแสดงถึงที่นี่ได้ ?
หากต้องการทราบว่าตอนนี้หมิงเยี่ยนเฟยได้รับความนิยมเพียงใด ทุกๆ วินาทีของเขาคือเงิน การมาที่กองถ่ายแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะกระทบกับงานของเขาไปมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตามมีบุคคลในกองถ่ายที่คุ้นเคยกับหมิงเยี่ยนเฟยจริงๆ อันหรานที่สวมบทเป็นเฟิ่งรุ่ยฮวาที่เคยถ่ายละครกับหมิงเยี่ยนเฟยมาก่อนไม่ใช่เหรอ ? เขาไม่เพียงแต่ถ่ายทำละครด้วยกันเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื้อฉาวอีกด้วย
เมื่อผู้กำกับจินนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเซี่ยอันหรานและก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นเซี่ยอันหรานเห็นหมิงเอี้ยนเฟยที่มาเยี่ยมอย่างกะทันหัน ผู้กำกับจินอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างมีเลศนัย "มาเยี่ยม … "
หมิงเยี่ยนเฟยมองไปในทิศทางของเซี่ยอันหราน และพูดด้วยรอยยิ้ม "ใช่ครับ มาเยี่ยม"
หลังจากพูดเสร็จ หมิงเยี่ยนเฟยก็เดินตรงไปยังเซี่ยอันหราน เธอขมวดคิ้วและมองไปยังหมิงเยี่ยนเฟยที่กำลังเดินมาหาเธอ โดยไม่รู้จะทำอย่างไร?
หมิงเยี่ยนเฟยกำลังทำอะไรอยู่ ? ไม่รู้ว่าเรื่องอื้อฉาวของทั้งสองคนจบไปแล้วหรือยัง? ทำไมเขาถึงมาหาเพื่อเยี่ยมเธอถึงที่นี่ ? หลังจากถูกจดจ้องด้วยสายตามากมาย ไม่ว่าเธอจะอธิบายอย่างไรก็ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน