เมื่อคิดว่ามีหมิงเยี่ยนเฟยกำลังล้อเธอเล่น เซี่ยอันหรานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและลดเสียงลงเล็กน้อย "คุณหมิง ฉันยังมีธุระต้องทำ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอวางสายก่อนนะคะ”
เมื่อได้เห็นว่าหมิงเยี่ยนเฟยที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ได้พูดอะไร เซี่ยอันหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ "งั้นลาก่อนค่ะ"
หลังจากพูดสิ่งนี้เซี่ยอันหรานก็วางสายโทรศัพท์ทันที จากนั้นก็จ้องไปที่โทรศัพท์และขมวดคิ้ว "หมิงเยี่ยนเฟยต้องการเล่นอะไรกันแน่ เราเพิ่งผ่านเรื่องอื้อฉาวกันมา เราควรหลีกเลี่ยงกันมากกว่าไม่ใช่หรือไง ? "
ในอีกด้านหนึ่ง หมิงเยี่ยนเฟยฟังน้ำเสียงที่วุ่นวายในโทรศัพท์พลางยิ้มและยื่นมือออกไปอนุภาคหิมะเล็ก ๆ ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็ค่อยๆ ตกลงมาระหว่างนิ้วของเขา
หมิงเยี่ยนเฟยค่อยๆ งอมุมปากของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม "หิมะนี้เย็นจังเลย"
“แน่นอนว่าหิมะต้องเย็นย่ะสิ เป็นยังไงบ้าง? อันหรานกำลังทำอะไรอยู่ ?” ผู้จัดการส่วนตัวของหมิงเยี่ยนเฟยถามเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ถือร่มเพื่อปกป้องเขาจากหิมะ
หมิงเยี่ยนเฟยยิ้มและหดมือพลางหันศีรษะไปมองผู้จัดการส่วนตัวของเขา และถามด้วยรอยยิ้ม "ฉันถ่ายทำฉากของวันนี้เสร็จแล้ว ดูเหมือนว่าจะเหลืออีกไม่กี่ฉาก"
"ใช่ การถ่ายทำของนายใกล้จะจบลงแล้ว พรุ่งนี้ก็คงเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ" ผู้จัดการพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอกและยิ้ม "ในที่สุดก็เสร็จไปอีกงานหนึ่ง"
“ฉันมีงานอื่นอีกไหม ?” หมิงเยี่ยนเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง "เร็ว ๆ นี้นายยังมีถ่ายปกนิตยสารอยู่หนึ่งฉบับ จากนั้นนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง 2 คนก็เชิญนายไปงานแฟชั่นโชว์เพื่อชมการแสดง และมีโฆษณาสองชิ้นที่พร้อมถ่ายทำ แล้วก็มีหนังที่ใกล้จะเปิด และเราต้องไปประชุมกับผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ "
"อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว" หมิงเยี่ยนเฟยยิ้มและพยักหน้า "เอากิจกรรมเหล่านี้จัดไว้สองวันถัดไปนะ"
ผู้จัดการส่วนตัวขมวดคิ้วด้วยความสับสน "นายจะทำอะไรน่ะ ? "
“แล้วก็จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันไปที่กองถ่ายทำของอันหราน” หมิงเยี่ยนเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของผู้จัดการส่วนตัวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ยกระดับเสียงและถามว่า "นายคิดจะทำอะไร ? "
หมิงเยี่ยนเฟยเลิกคิ้วเบา ๆ และยิ้มอย่างสุภาพ "ฉันจะไปเยี่ยมน่ะสิ มีคนไม่สนใจฉัน ทำให้ฉันไม่แฮปปี้เลย"
“ฮัด… ชิ่ว …”
เซี่ยอันหรานขึ้นรถพี่เลี้ยงกลับไปที่โรงแรมและจามครั้งใหญ่ เธอจามอยู่สองสามครั้งลูบจมูกและพึมพำเสียงเบา "ทำไมอยู่ๆ ถึงจามล่ะ ?”
"อันหราน คุณสวมชุดน้อยเกินไป ตอนนี้คุณอาจจะเป็นหวัดแล้วนะ" เฉิงเสี่ยวเถียนยิ้มและพูดเบา ๆ "เดี๋ยวกลับไปที่โรงแรม ฉันจะต้มน้ำเชื่อมขิงให้คุณดื่มนะ ! "
เฉิงเสี่ยวเถียนพูด เธอขมวดคิ้วและมองไปที่เซี่ยอันหราน พลางพึมพำเบา ๆ "อต่ว่านะ อันหราน ช่วงนี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ? ดูเหมือนว่าคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย ตอนถ่ายหนังน่ะไม่เป็นไร แต่พอเวลาพักกลับดูไม่สดชื่นเลย ? "
เซี่ยอันหรานไม่ไคิดว่าอารมณ์ของเธอจะชัดเจนขนาดนี้ "ไม่ ฉันสบายดี จู่ๆ ฉันก็กลายเป็นนักแสดงที่ปรับตัวเข้ากับชีวิตแบบนี้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นนักแสดงจะยากขนาดนี้น่ะ … "
"ก็ยากน่ะสิ" เฉิงเสี่ยวเถียนถอนหายใจด้วยใบหน้าที่น่ารักและขมวดคิ้ว "เวลาในการถ่ายทำไม่ได้กำหนดไว้ และบางครั้งก็กินไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อต้องรีบไปที่ถ่ายทำต้องใช้เวลาหลายวันจนนอนไม่หลับในฤดูร้อน เวลาถ่ายทำฉากฤดูหนาว การถือแจ็คเก็ตหนา ๆ อาจทำให้คนตายได้ เมื่อถ่ายทำภาพยนตร์ฤดูร้อนในฤดูหนาวจะต้องสวมเสื้อผ้าแขนสั้นเท่านั้นราวกับจนตาย ในปัจจุบันมีนักแสดงกี่คนที่ไม่ป่วย โรคกระเพาะอาหารและโรคไขข้อเป็นโรคที่สำคัญ ไหนจะโรคไตอักเสบเนื่องจากไม่สะดวกที่จะเข้าห้องน้ำเมื่อสวมเครื่องแต่งกาย ฉันยังเคยเห็นนักแสดงใส่ผ้าอ้อมด้วย มันไม่ง่ายเลยจริงๆ … "
“ใช่ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ …” เซี่ยอันหรานหรี่ตาพิงศีรษะบนกระจกรถที่เย็นเยียบและมองดูหิมะที่ลอยอยู่ด้านนอก ที่นี่หิมะตก ที่โม่เซ่าเหยียนก็หิมะตกด้วยหรือเปล่า?
ในที่สุดเมื่อรถขับกลับมาที่โรงแรม เซี่ยอันหรานที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ในที่สุดก็กลับห้องของเธอ เธอไม่มีเวลาถอดเสื้อผ้าและเข้าไปในผ้าห่มทันที จากนั้นหลับตาลง
เซี่ยอันหรานไม่รู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของเธอถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ในเมืองอื่นผ่านกล้องที่ติดตั้งในห้อง โม่เซ่าเหยียนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มองดูเซี่ยอันหรานเข้าไปในผ้าห่มและห่อตัวเธอด้วยผ้านวมเหมือนหนอนไหมที่กำลังวางแผนจะทำรังไหม
โม่เซ่าเหยียนเหล่มองเซี่ยอันหราน ตั้งแต่ตอนที่เธอเข้าไปในห้องจนถึงตอนที่เธอล้มลงบนเตียง จากนั้นก็รอให้เธอหลับไป โม่เซ่าเหยียนยื่นนิ้วเรียวยาวของเขาออกและลูบแก้มของเซี่ยอันหรานที่หน้าจอ
"ท่านประธานโม่ ประวัติของลูกสาวของคนชื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวถูกตรวจสอบแล้วครับ คนที่อยู่เบื้องหลังเธอคือเสี้ยวเทียนหลี และเป็นคนที่พยายามจะฮุบเซี่ยเหม่ยกรุ๊ปมาก่อน"หลิวเฟยยืนอยู่ข้างโม่เซ่าเหยียนพลางกล่าวเบา
"อืม ฉันเข้าใจแล้ว" โม่เซ่าเหยียนพยักหน้าและพูดอย่างเย็นชา โม่เซ่าเหยียนไม่ได้ละสายตาออกไปจากหน้าจอแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นเซี่ยอันหรานพลิกตัวและเตะผ้าห่มออกไป โม่เซ่าเหยียนก็ยื่นมือออกไปทันที แต่ในหน้าจอ เขาไม่สามารถคลุมผ้าห่มที่ถูกเตะได้เลย
โม่เซ่าเหยียนทำได้เพียงแค่ถอนมือออกอย่างช้าๆ พลางขมวดคิ้ว "มีใครบางคนอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาเพื่อปกป้องเธอหรือเปล่า ? "
หลิวเฟยพยักหน้า "เพราะคุณสั่งไม่ให้ดึงดูดความสนใจขอคุณเซี่ย ผมจึงจัดให้มีเพียงสองคน คนหนึ่งอยู่ในกองถ่ายและอีกคนอยู่ในโรงแรม … "
"อืม ให้คนหนึ่งมาที่ห้องของเธอและเอาผ้านวมคลุมเธอไว้" โม่เซ่าเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
หลิวเฟยหยุดชั่วขณะ จากนั้นรับคำสั่ง พลางหันหลังกลับและออกไปเพื่อโทรออก
โม่เซ่าเหยียนเอาแต่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดูใครบางคนเดินเข้ามาในห้องและคลุมผ้าห่มให้เซียอันหราน เขาหายใจออกเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบแก้มของเซี่ยอันหรานอย่างช้าๆ และถามด้วยเสียงทุ้ม "ทำไมต้องเกลียดฉันขนาดนั้นล่ะ ?”
แต่ในห้องที่มีเพียงโม่เซ่าเหยียนอยู่คนเดียว ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของเขาได้
คนในกองถ่ายหลั่งไหลกลับมายังโรงแรม จึงก่อให้เกิดเสียงดังวุ่นวาย ในที่สุดเสียงที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ก็ปลุกฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่หลับอยู่ในโรงแรมให้ตื่นขึ้น
"จริงๆ เลย ทำไมเสียงดังจัง? " ฉู่เสี่ยวเสี่ยวลืมตาขึ้นและพูดอย่างเกียจคร้าน
ผู้ช่วยที่คอยดูแลฉู่เสี่ยวเสี่ยวรีบตอบว่า "โอ้ คุณฉู่ ใช่ค่ะ ทีมงานกลับมากันแล้ว"
ผู้ช่วยของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปีชื่อ จางหมิ่น
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกลอกตาไปที่จางหมิ่น และพูดอย่างไม่อดทน "ฉันถึงบอกไงว่าฉันต้องการอยู่ในโรงแรมอื่น มีคนเข้าออกที่นี่มากมาย และฉันจะพักได้ยังไง? อย่างน้อยก็ควรให้ฉันได้อยู่ห้องพักประธานาธิบดีสิ”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วและยืนขึ้น ยื่นนิ้วชี้ออกไปเพื่อชี้หัวของจางหมิ่น "เธอนี่โง่จริงๆ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอคลอดเด็กแบบนี้มาได้ยังไง เสียแรงที่จบมหาวิทยาลัยดัง”
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวเผชิญหน้ากับเสี้ยวเทียนหลี เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้หล่อนพอใจ แต่เธอกลับปฏิบัติต่อผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ อย่าง จางหมิ่นที่รับเงินเดือนของเธอด้วยความใจร้าย เมื่อจางหมิ่นเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวครั้งแรก เธอคิดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีซึ่งน่าจะเข้ากันได้ดี
แต่จางหมิ่นไม่ได้คาดหวังว่าความอ่อนโยนและความเมตตาของฉู่เสี่ยวเสี่ยว จะมีให้เฉพาะกับเสี้ยวเทียนหลีเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะจางหมิ่นต้องการหาเงินไปรักษาแม่ เธอคงอยากลาออกมานานแล้ว แต่เมื่อคิดถึงแม่ที่ป่วย จางหมิ่นได้แต่ขมวดคิ้วกัดริมฝีปากและอดทนต่อความคับแค้นใจทั้งหมด
"ช่างเถอะ ฉันนอนไม่หลับแล้ว ไปรินน้ำให้ฉันแก้วหนึ่ง" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวลุกขึ้นยืนขณะหาว "บ่ายนี้ฉันเหนื่อยมากที่ไม่ได้ไปที่สตูดิโอ ที่นั่นเป็นไงบ้าง ? "
จางหมิ่นไปรินน้ำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทันที และเมื่อเธอได้ยินคำถามของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอก็ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวด้วยความสับสน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วและกลอกตา "โง่จริงๆ ! ฉันถามเธอว่าวันนี้อันหรานเป็นยังไงบ้าง ? "
"เอ่อ … " จางหมิ่นกะพริบตาถี่ๆ และรีบพูด "ฉันได้ยินมาว่าการแสดงโอเคค่ะ"
"โอเคเหรอ ? " ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเหลือบมองจางหมิ่น "ตกลงหมายความว่ายังไง ? ดีหรือไม่ดี ? "
เมื่อจางหมิ่นเพิ่งกลับมาจากทีมงาน เธอก็ออกไปฟังการพูดคุยของคนอื่นและได้ยินบางคนชื่นชมทักษะการแสดงของเซี่ยอันหราน
แต่จางหมิ่นรู้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ย เกลียดดาราหญิงที่มีชื่อบนเวทีว่า "อันหราน" จนถึงขั้นวิปริต ถ้าให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้ว่าอันหรานทำได้ดีในวันนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวคงจะโกรธมากและมีเพียงจางหมิ่นเท่านั้นที่จะรับกรรมในเวลานี้
จางหมิ่นลดตาลงและพูดด้วยเสียงต่ำตามคำเยินยอที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวชอบฟังมาโดยตลอด "ยังไงเธอก็เป็นแค่มือใหม่ สู้คุณฉุ่ไม่ได้แม้แต่น้อยเลยค่ะ”
"หึ … " ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างภาคภูมิใจ "ฉันรู้ว่าเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เธอจะกล้าสู้กับฉันงั้นเหรอ ? เธอรู้ไหมว่าวันนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ใช่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่ถูกรังแกในอดีตอีกต่อไปแล้ว"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูด เธอหยิบแก้วน้ำจากมือของจางหมิ่นมาใส่ปาก พลางเลิกคิ้ว แล้วสาดน้ำในแก้วน้ำใส่ร่างของจางหมิ่นทันที "ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ฉันดื่มแต่น้ำอุ่น 25 องศาเซลเซียสเท่านั้น น้ำที่เธอเทฉันไม่ได้วัดอุณหภูมิหรือไง ทำไมถึงเย็นเป็นน้ำแข็งขนาดนี้ "
"ก็ไม่นี่คะ ฉันจับแล้วมันรู้สึกอุ่นนะคะ" จางหมิ่นตอบอย่างตื่นตระหนก
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเทน้ำจากถ้วยในมือลงบนใบหน้าของจางหมิ่น " ฉันหมายถึงการวัดอุณหภูมิเธอไม่เข้าใจหรือไงเนี่ย! ฉันดื่มน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ไปรินมาอีกแก้ว”
จางหมิ่นเม้มริมฝีปากแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธและสั่น "ฉัน … ฉันทราบแล้วค่ะ … คุณฉู่ … "
MANGA DISCUSSION