เมื่อเห็นท่าทางที่หยิ่งผยองและเอาแต่ใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เซี่ยอันหรานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดในใจ: ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเธอนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ตอนนี้คนที่ยืนอยู่เบื้องหลังเธอคือใครกันแน่? ถึงทำให้เธอทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจโดยที่ไม่เกรงกลัวใครและทำให้เธอรังแกคนอื่นๆได้โดยไร้ยางอายแบบนี้?
ทันทีที่เซี่ยอันหรานเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวมองมาที่เธอ ก็ยกมุมปากอย่างภาคภูมิใจและยิ้มให้เธออย่างประสบความสำเร็จ รอยยิ้มของฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นเหมือนนกยูงที่กำลังอวดขนหางที่สวยงามของตัวเองและกำลังอวดพลังอำนาจที่มีอยู่ในมืออย่างภาคภูมิใจ
"ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของฉันเนี่ยนะ!" หลี่เคอที่รู้สึกน้อยใจก็ขมวดคิ้วพร้อมกับตะโกนออกมา เธอมองไปที่ผู้กำกับด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าเธอจะไม่เคยโด่งดังและไม่มีคนหนุนหลัง แต่เธอก็ไม่เคยถูกรังแกแบบนี้มาก่อน
เมื่อหลี่เคอพูดจบเธอก็ร้องไห้ออกมาทันที ผู้ช่วยข้างๆเธอรีบยื่นทิชชู่ให้หลี่เคอ แต่หลี่เคอก็ยังไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองได้
“ร้องไห้ทำไม?เครื่องสำอางเลอะหมดแล้ว ต้องเสียเวลาแต่งหน้าใหม่อีกเนี่ย?วันนี้จะได้ถ่ายไหม? ช่างแต่งหน้า รีบแต่งหน้าให้หลี่เคอ รีบมาถ่ายหนังได้แล้ว!” ผู้กำกับจินรู้สึกแย่เรื่องฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็เลยย้ายไปใส่อารมณ์ที่หลี่เคอ
แม้ว่าหลี่เคอจะอายุไม่มากนัก แต่เขาก็ทำงานในวงการบันเทิงมานานแล้ว เธอรู้เรื่องกฎปลาใหญ่กินปลาเล็กในวงการบันเทิงอย่างดี เมื่อเห็นท่าทางของผู้กำกับที่กลัวฉู่เสี่ยวเสี่ยว หลี่เคอก็รู้เลยว่าผู้กำกับไม่กล้าไปล่วงเกินฉู่เสี่ยวเสี่ยวอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้กำกับยังกลัวฉู่เสี่ยวเสี่ยว ถ้างั้นเธอก็คงไม่สามารถล่วงเกินฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้เช่นกัน
หลี่เคอทำได้เพียงกัดริมฝีปากล่างแล้วกลั้นน้ำตาเอาไว้จากนั้นก็เดินเบะปากไปหน้ากล้อง
การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อกี้หลี่เคอซึ่งแสดงได้อย่างราบรื่นแต่เพราะในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจึงทำให้แสดงได้แย่ลงมาก แม้ว่าทักษะการแสดงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังคงแย่อย่างมาก แม้แต่บทพูดยังอ่านออกมาอย่างไม่มีอะไรเทียบได้แต่อย่างน้อยความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ได้ดูเด่นชัดมากนักจากนั้นฉากนี้ก็ผ่านไปได้
ดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่พอถึงคราวที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องเตรียมตัวอุ้มกระต่ายขาวขึ้นมาเพื่อพันแผลให้กระต่ายนั้น
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ตะโกนขึ้นมากะทันหัน: "เดี๋ยวก่อน!"
รู้สึกว่าฉากนี้กำลังจะจบลงแล้ว ผู้กำกับจินที่กำลังเตรียมพร้อมจะดีใจ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา: "มีอะไรอีกแล้ว?"
“กระต่ายตัวนี้สกปรกขนาดนี้ ฉันจะอุ้มยังไง?ฉันไม่อุ้มหรอก” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวมุ่ยปากแล้วมองลงไปที่กระต่ายตัวเล็กๆที่สกปรกเพียงเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ดูถูก
ผู้กำกับจินขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ: "แล้วฉากนี้จะทำยังไงล่ะ?"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหันไปมองเซี่ยอันหรานและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ให้คุณอันหรานอุ้มแล้วกัน ได้ยินมาว่าเธอชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆนิ อันหรานคุณจะถ่ายฉากนี้ออกมาได้อย่างดีใช่ไหม?"
เซี่ยอันหรานหลี่ตาลง เนื่องจากตอนที่เธอยังเด็กเคยทำให้ลูกแมวได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญ เธอจึงกลัวการสัมผัสกับสัตว์ตัวเล็กๆเหล่านี้เพราะกลัวว่าจะทำร้ายพวกมันอีก ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้เรื่องนี้ดี ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเลยเป็นฝ่ายให้เธอถ่ายฉากนี้ เพื่อจงใจทำให้เซี่ยอันหรานอึดอัดใจอย่างงั้นนะเหรอ?
น่าเสียดายที่ครั้งนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดผิดแล้ว แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะกลัวสัตว์เล็กมากๆ แต่นั้นมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้ว หลังจากที่เธอแต่งงานกับคนในครอบครัวตระกูลถังในชาติที่แล้ว เธอไม่เพียงแต่ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง แต่ยังต้องช่วยแม่ของถังรั่วชิวดูแลสัตว์เลี้ยงอีกด้วย ในตอนแรกเธอยังรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่พอเริ่มชินแล้วเธอก็เชี่ยวชาญทักษะในการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง หลังจากนั้นก็ค่อยๆไม่รู้สึกกลัวสัตว์ตัวเล็กๆเหล่านั้นอีก
คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ คนที่เคยกลัวอะไรบางอย่างในช่วงแรกๆก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่กลัวมันอีกเลยในภายหลัง คนที่เคยชอบอะไรบางอย่างในตอนแรกก็อาจจะเกลียดมันเข้าในสักวัน เคยตกหลุมรักใครบางคนมาก่อนและในวันหนึ่งก็อาจจะเปลี่ยนไปกลายเป็นไม่ได้รักเขาอีกก็ได้ และในชีวิตนี้รู้สึกว่าตัวเองจะไม่มีวันไปตกหลุมรักคนๆนั้น กลับกันก็อาจจะมีสักวันที่ไปตกหลุมรักคนๆนั้นเข้าก็ได้
นี่อาจหมายถึงชีวิตของมนุษย์เรา ในชีวิตมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงและท้าทายอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตของเซี่ยอันหรานเปลี่ยนไปแล้วแต่ความเข้าใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังคงติดอยู่ในอดีต ฉู่เสี่ยวเสี่ยวต่อสู้กับเธอได้อย่างไร?
อีกอย่างดูจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวใช้ฉากนี้เพื่อทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ ก็เห็นได้ชัดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้อ่านสคริปต์จนจบเลย เพราะฉากนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้นางเอกหลินสุ่ยเซียวและพระเอกซ่างกวนหลิงในซีรีย์รู้จักกัน หากไม่มีฉากนี้ก็ไม่มีเหตุให้พระเอกตกหลุมรักนางเอกอีก
การถ่ายทำไม่ได้ขึ้นอยู่กับลำดับของสคริปต์และพล็อตเรื่องต่างๆ แต่ดำเนินไปตามการย้ายสถานที่เพื่อถ่ายทำบางฉากก่อน เมื่อลำดับพล็อตเรื่องเกิดเหตุให้หยุดชะงัก หากไม่อ่านบทอย่างละเอียดและจัดเรียงพล็อตเรื่องทั้งหมด แต่ดูเพียงบทพูดชั่วคราวของบรรทัดที่ถ่ายทำขึ้นในวันนั้น แม้แต่นักแสดงที่รับบทก็จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถ่ายทำเหตุการณ์อะไรอยู่
เห็นได้ชัดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยว ไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้และทีมงานที่ยืนอยู่ข้างๆต่างต้องการแค่เพียงยุติการถ่ายทำฉากนี้อย่างรวดเร็วที่สุด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็ไม่ต้องการที่จะไปเตือนฉู่เสี่ยวเสี่ยวว่าฉากนี้มีความสำคัญอย่างไร
ผู้กำกับจินถึงกับหันไปถามเซี่ยอันหรานทันทีและพูดว่า "เธอรู้วิธีถ่ายฉากนี้ไหม?"
แน่นอนว่าเซี่ยอันหรานต้องรู้วิธีถ่ายทำฉากนี้ ไม่เพียงแต่ฉากนี้เท่านั้น เธอยังสามารถจดจบทพูดของตัวละครทั้งหมดได้อีกด้วย แต่เซี่ยอันหรานก็จงใจแกล้งทำราวกับว่ากำลังทำให้ตัวเธอรู้สึกลำบากใจ เธอจึงขมวดคิ้ว“นี้ นี้มันไม่ใช่ฉากของฉันนิ อีกอย่างฉันกลัวสัตว์เล็กมากด้วย!”
ในขณะที่พูดเซี่ยอันหรานก็หันไปมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวและจงใจแสดงสีหน้าหวาดกลัว เซี่ยอันหรานจงใจให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในฐานะของผู้ชนะ เธอต้องสืบให้ได้ว่าใครยืนอยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวกันแน่ ถึงทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหยิ่งผยองได้ขนาดนี้
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นสีหน้าตื่นตระหนกและหวาดกลัวของเซี่ยอันหราน เธอก็ยิ้มอย่างมีชัยและพูดว่า “ฉันรู้สึกว่ายังไงฉากนี้ก็ต้องให้อันหรานแสดง การแสดงของเธอดีมากไม่ใช่หรือไง?ในฐานะนักแสดง แสดงความชอบต่อสิ่งที่ตัวเองกลัวแบบนี้ถึงจะเป็นการแสดงไม่ใช่หรือไง?”
ผู้กำกับจินเหลือบมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังทำหน้าบึ้ง จึงขมวดคิ้วและเดินไป: “อันหราน เธอลองสักหน่อยได้ไหม"
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความน้อยใจ: “ถ้างั้นก็ได้ ฉันจะลองดู"
"โอเค" ผู้กำกับจินพยักหน้า: “ทีมงานทุกฝ่ายทราบ เตรียมพร้อมเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ"
หลังจากที่ผู้กำกับพูดออกมาว่า “เริ่ม!" เซี่ยอันหรานก็ค่อยๆก้าวไปข้างหน้าและกอดกระต่ายน้อยไว้อย่างระมัดระวัง เธอต้องแสร้งทำเป็นว่ากลัวกระต่ายตัวน้อยนั้น เพื่อทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวสับสน มิฉะนั้นฉู่เสี่ยวเสี่ยวคงจะไม่ปล่อยให้เธอแสดงฉากนี้ต่อแน่นอน
ผู้กำกับจินขมวดคิ้วทันทีที่เห็นการแสดงของเซี่ยอันหราน “อันหราน เธอเห็นกระต่ายตัวนี้บาดเจ็บ สถานการณ์ที่เธอแสดงออกมาคือรักกระต่ายน้อยตัวนี้ ไม่ใช่รังเกลียดหรือกลัวมัน เข้าใจไหม? มา เริ่มฉากนี้ใหม่อีกรอบ! "
"หึ … แสดงเก่งมากไม่ใช่เหรอ?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มๆด้านข้างและหัวเราะเยาะเบา ๆ
เซี่ยอันหรานหันศีรษะไปมองฉู่เสี่ยวเสี่ยว ที่เผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่ได้ใจของเธอ เธอเม้มริมฝีปากล่างไว้แน่น นั่งยองๆลงข้างๆกระต่ายน้อยแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ถามด้วยเสียงโทนต่ำว่า "แล้วบทพูดของฉันล่ะ? ฉากนี้เสริมมาชั่วคราว ฉันไม่รู้ว่าควรพูดยังไง?”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเสนอให้เปลี่ยนฉากนี้ชั่วคราว ทำให้เธอไม่มีบทพูด
ผู้กำกับจินรู้สึกรำคาญฉู่เสี่ยวเสี่ยวและโบกมืออย่างไร้ความรับผิดชอบเล็กน้อย: “โอ้ย เธออยากพูดอะไรก็พูดเถอะ ฉากนี้ยังไม่มีความรับผิดชอบ ก็แค่กอดกระต่ายน้อยไว้และพูดว่ามันน่าสงสารมากที่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ก็พอแล้ว"
ผู้กำกับจินพูดจบก็ขมวดคิ้ว หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพลิกไปมาในครั้งนี้ เขาก็ตัดสินใจที่จะแก้ไขบทอีกครั้ง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ให้ความร่วมมือแถมทักษะการแสดงของเธอก็ยังแย่มาก งั้นก็เอาฉากของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไปบีบอัดสักหน่อยแล้วกัน แม้ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนของฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่ลงทุนในซีรีส์เรื่องนี้ แต่ยังไงก็เป็นผลงานของเขาอยู่ดี เขาไม่ต้องการให้หนังห่วย ๆ มาแขวนอยู่ภายใต้ชื่อเสียงของเขา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะให้เขากำกับการแสดงได้อย่างไร?
นักลงทุนเช่นนี้และนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ต่างก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าทีมงานสามารถทำอะไรกับรายการทีวีนี้ได้มากแค่ไหน นักแสดงหญิงหลายคนที่ถ่ายทำภาพยนตร์ภายใต้ชื่อนางเอก ผู้กำกับสามารถทำให้กลายเป็นบทของตัวประกอบหญิงทั่วไปได้
เซี่ยอันหรานหันไปมองผู้กำกับจินและยิ้มเบาๆ ดูเหมือนว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะทำให้ผู้กำกับโกรธแล้วจริงๆ
เมื่อได้ยินผู้กำกับจินตะโกนว่า "เริ่ม!" อีกครั้ง เซี่ยอันหรานก็รีบเดินไปหากระต่ายน้อยและพูดอย่างโกรธ ๆ : “ทำไมมีกระต่ายสกปรกมาขวางทางฉันเนี่ย?น่ารำคาญจริงๆ!"
ในขณะที่เซี่ยอันหรานพูด เธอก็เตรียมตัวเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนที่เธอหันหน้าไปก็เห็นเลือดที่ขาของกระต่ายน้อยเซี่ยอันหรานหยุดเดินทันทีและค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กระต่ายน้อยตัวนั้น แววตาของเธอเผยให้เห็นถึงความห่วงใย แต่ใบหน้าของเธอยังคงดูรังเกียจ: “กระต่ายเน่าทำไมถึงบาดเจ็บขนาดนี้?โง่จริงๆเลย"
แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะรังเกียจ แต่เธอก็หมอบลงแล้วพันแผลให้กระต่ายน้อยอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็วางกระต่ายน้อยกลับไปบนพื้นหญ้า แม้ว่าเธอจะมองไปที่กระต่ายน้อยที่วิ่งหนีไปจากด้านหลังด้วยความกังวล แต่เธอก็พึมพำด้วยความหยิ่งยโสเล็กน้อย “รีบวิ่งเร็ว อย่าให้ใครจับได้แล้วก็อย่าบาดเจ็บอีกนะเจ้ากระต่ายโง่”
เธอมีความโอหังในฐานะนางผู้สูงศักดิ์แต่มีจิตใจเมตตา แต่นิสัยของเธอบิดเบี้ยวไปเพราะชอบผู้ชายที่เธอไม่ควรชอบ ผู้หญิงที่ทั้งเสียใจและเกลียดชังคือความเข้าใจของเซี่ยอันหรานเกี่ยวกับตัวละครเฟิ่งรุ่ยฮวาเธอสามารถแสดงความเข้าใจบทบาทของเฟิ่งรุ่ยฮวาได้อย่างเต็มที่ เธอรู้สึกว่าผู้ชมเองก็ต้องเห็นอกเห็นใจพร้อมกับเกลียดบทบาทนี้ด้วยแน่นอน
แผนการที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวให้เธอเล่นพล็อตเรื่องนั้นเล็กมาก แต่มันทำให้บทบาทของเฟิ่งรุ่ยฮวาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น อย่างน้อยมันก็สามารถถ่ายทอดให้กับผู้ชมได้เห็น เฟิ่งรุ่ยฮวาสาวน้อยผู้หยิ่งผยองและความเมตตาที่อยู่เบื้องหลังความภาคภูมิใจของเธอ
ผู้กำกับจินมองไปที่การแสดงของเซี่ยอันหรานและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดอารมณ์ของเขาก็สงบลงและตะโกนเบาว่าๆ : "คัท!"
เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินเสียงคัท ก็รีบปล่อยกระต่ายในมือทันที จากนั้นก็หันหลังเดินไปที่ด้านข้างของเฉิงเสี่ยวเถียนพร้อมกับขมวดคิ้วและพูดว่า "เร็วๆ รีบเช็ดมือให้ฉัน"
เซี่ยอันหรานจงใจแสดงให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวดู ทำให้เฉิงเสี่ยวเถียนสับสนขึ้นมาเล็กน้อย เฉิงเสี่ยวเถียนคิดว่าเซี่ยอันหรานกลัวสัตว์เล็กเข้าแล้วจริงๆ เฉิงเสี่ยวเถียนทำหน้ามุ่ยด้วยความน้อยใจ ในขณะที่เช็ดมือให้เซี่ยอันหรานเธอกระซิบว่า "ฉู่เสี่ยวเสี่ยวนี้เอาแต่รังแกคนอื่นจริงๆ!"
“รังแกงั้นเหรอ?รอหนังฉาย ผู้ชมจะสอนเธอเองว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร” เซี่ยอันหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย
ข้อดีอย่างเดียวของการเป็นนักแสดงคือทุกคนสามารถเห็นความพยายามของคุณได้ ส่วนข้อเสียก็เช่นกันความผิดพลาดของคุณและทักษะการแสดงแย่ๆของคุณก็จะทำให้ทุกคนได้เห็น
ผู้ชมมักจะซื่อสัตย์เสมอ
MANGA DISCUSSION