โม่เซ่าเหยียนจ้องไปที่เซี่ยอันหรานด้วยสายตาที่เย็นชา ภายใต้สายตาที่คุกคามนั้น ทำให้เซี่ยอันหรานถอยห่างออกไปเล็กน้อย การจ้องมองของโม่เซ่าเหยียนทำให้เธอนึกถึงสถานการณ์ที่เธอพบโม่เซ่าเหยียนครั้งแรก ห้องใต้ดินที่เย็นเยือกที่ดูเหมือนหลุมศพและจำได้ว่าโม่เซ่าเหยียนถือฝักบัวแล้วฉีดใส่เธออย่างกับหมูกับหมา
เซี่ยอันหรานตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจพร้อมกับพูดด้วยเสียงสั่นว่า: “คุณ คุณจะทำอะไร?"
เมื่อเห็นดวงตาของเซี่ยอันหรานที่กำลังหวาดกลัว โม่เซ่าเหยียนก็ขมวดคิ้ว หลังจากเม้มมุมปากของเขาแรงๆ เขาก็ถามด้วยเสียงทุ้ม “คุณกลัวผมขนาดนี้เลยหรือ?"
เซี่ยอันหรานหายใจเข้าลึกๆและกระพริบตาปริบๆ เธอกลัวโม่เซ่าเหยียนแต่เธอก็ชอบเขาเช่นกัน แต่ทั้งสองประเด็นนี้กลับไม่สามารถพูดกับโม่เซ่าเหยียนได้ ถ้าบอกว่าเธอกลัวโม่เซ่าเหยียน เธออาจยั่วให้โม่เซ่าเหยียนโมโหและอาจทำให้เขาไปลงที่ครอบครัวของเธอได้ ถ้าเธอบอกโม่เซ่าเหยียนว่าเธอชอบเขา ความนับถือในตนเองที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
สัตว์เลี้ยงที่ถูกคุกคามไม่ได้เกลียดชังคนๆนั้น แต่กลับตกหลุมรักเขาแทน สำหรับ"สัตว์เลี้ยง"นี้ก็ถือเป็นเรื่องน่าละอายอยู่แล้ว หากคำสารภาพของเธอถูกปฏิเสธอีกครั้ง ศักดิ์ศรีทั้งหมดของเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็คงถูกบดขยี้จนไม่เหลือซาก
นอกจากนี้เซี่ยอันหรานเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโม่เซ่าเหยียนถึงถามคำถามแบบนี้ออกมา?โม่เซ่าเหยียนรู้สึกว่าพอเขาลักพาตัวเธอมาแล้วใช้ความปลอดภัยของพ่อแม่มาข่มขู่เธอและบังคับให้เธอนอนกับเขา แบบนี้เธอจะไม่กลัวเขาได้ยังไงล่ะ?
เซี่ยอันหรานรู้สึกว่าเธอยังสามารถมีความรู้สึกต่อโม่เซ่าเหยียนในสถานการณ์เช่นนี้ นี้มันก็เกินขอบเขตของสามัญสำนึกแล้ว โม่เซ่าเหยียนยังคิดว่าเธอไม่กลัวเขา? เมื่อเทียบกับความจริงที่ว่าเธอชอบโม่เซ่าเหยียน โม่เซ่าเหยียนเชื่อว่าเธอยังไม่กลัวเขาหลังจากที่ได้สัมผัสกับเรื่องทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนจะเกินความสมเหตุสมผลมากไปเกินไปแล้วมั้ง
เซี่ยอันหรานไม่สามารถตอบคำถามของโม่เซ่าเหยียนได้ เธอไม่สามารถโกหกได้ว่าเธอไม่กลัวโม่เซ่าเหยียนเพราะความกลัวที่มีต่อโม่เซ่าเหยียน ทำให้เธอไม่สามารถพูดเรื่องโกหกแบบนั้นออกไปได้
โม่เซ่าเหยียนก็ไม่ได้ไล่ถามเธอ เพราะบรรยากาศในห้องเงียบเกินไปจนดูเหมือนกำลังแข็งตัวลง โม่เซ่าเหยียนเอาแต่จ้องไปที่เซี่ยอันหรานทำให้ร่างกายของเซี่ยอันหรานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น
"ฉันเข้าใจแล้ว" โม่เซ่าเหยียนเม้มที่มุมปากของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ทันทีที่เสียงนั้นจบลง โม่เซ่าเหยียนก็หันหลังกลับไปทันที จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วและมองไปที่ด้านหลังของโม่เซ่าเหยียน จนกระทั่งเธอมองไม่เห็นแผ่นหลังของโม่เซ่าเหยียน เซี่ยอันหรานจึงลุกขึ้นจากเตียง แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันได้สวมและรีบตามโม่เซ่าเหยียนไป
เซี่ยอันหรานเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกระตือรือร้นที่จะตามโม่เซ่าเหยียน เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าถ้าครั้งนี้เธอไม่รีบเดินตามโม่เซ่าเหยียนเธอจะไม่ได้พบเขาอีกแน่นอน
แต่เมื่อเซี่ยอันหรานเดินไปถึงบันไดขั้นบนสุดของชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงปิดประตูอย่างหนักแน่น เสียงลมหายใจทั้งหมดของโม่เซ่าเหยียนหายไปจากคฤหาสน์หลังนี้ เซี่ยอันหรานหยุดนิ่งและยืนอยู่ด้านบนของบันไดด้วยความมึนงงและไม่รู้ว่าหน้าต่างบานไหนที่ปิดไม่สนิท ลมหนาวพัดเข้ามาในห้องทำให้เซี่ยอันหรานตัวสั่นไปทั้งตัว
เธอโอบไหล่ไว้แล้วค่อยๆหมอบลง เธอนั่งลงบนบันไดขดตัวเป็นวงกลมเล็กๆ จากนั้นน้ำตาก็ร่วงลงมาโดยไม่รู้ตัว เซี่ยอันหรานเช็ดน้ำตาของเธออย่างแรงและกัดริมฝีปากล่างของเธอพร้อมกับพูดว่า: "เซี่ยอันหราน อย่าขายหน้านักเลย ห้ามร้องไห้!"
ในขณะที่เซี่ยอันหรานพูดก็เงยหน้าขึ้น แต่เธอไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองได้
หลายวันต่อมาโม่เซ่าเหยียนไม่กลับไปที่คฤหาสน์อีกเลยและไม่ได้โทรหาเซี่ยอันหรานด้วยซ้ำ สายที่เซี่ยอันหรานโทรหาโม่เซ่าเหยียนก็ถูกโอนไปยังกล่องข้อความ
เซี่ยอันหรานรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าโม่เซ่าเหยียนยอมแพ้กับเธอแล้วหรือ? ถ้าโม่เซ่าเหยียนทิ้งเธอไปก็เหมือนกับบังคับให้เธออยู่กับเขา มันเป็นการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียว เขาไม่แจ้งเธอด้วยซ้ำแล้วในใจของโม่เซ่าเหยียน แม้แต่สัตว์เลี้ยงเซี่ยอันหรานก็ยังเทียบไม่ได้อย่างงั้นเหรอ? เป็นเพียงขยะที่นำไปทิ้งหลังจากใช้เสร็จแค่นั้น
เซี่ยอันหรานไม่สามารถจินตนาการถึงความสัมพันธ์ของเธอกับโม่เซ่าเหยียนได้ ตราบใดที่เธอคิดในแง่มุมนี้เธอจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยจนน่ารังเกียจ เธอทำได้เพียงแค่เบี่ยงเบนความสนใจไปยังหนังเรื่องใหม่ที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำเท่านั้น ชื่อหนังได้กำหนดเอาไว้แล้ว ชื่อว่า《พระราชวังฟีนิกซ์》เธอไม่เพียงแต่จดจำบทละครของตัวเองเท่านั้น แต่ยังจดจำบทละครของคนอื่นๆด้วย
อีกอย่างเซี่ยอันหรานยังคงครุ่นคิดถึงความรู้สึกภายในของตัวละครตัวนี้ ยิ่งเธอไตร่ตรองมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งชอบตัวละครเฟิ่งรุ่ยฮวามากขึ้นเท่านั้น
บทบาทของเฟิ่งรุ่ยฮวา เกิดมาเป็นขุนนางและไปตกหลุมรักคนที่อ้างว่ามีความรู้ทางแพทย์เข้า เพื่อครอบครัวเธอเต็มใจที่จะเข้าไปในพระราชวัง ด้วยความเหงาและหมดหนทางเธอค่อยๆยอมรับความอ่อนโยนของจักรพรรดิซ่างกวนหลิง แต่พบว่าทุกอย่างเป็นเรื่องปลอม
เธอต่อสู้อย่างหนักเพื่อครอบครัวของเธอและเพื่อโชคชะตาของเธอเอง เธอเพ้อฝันเกี่ยวกับซ่างกวนหลิง และเธอคิดว่าตราบใดที่หลินสุ่ยเซียวตายไปซ่างกวนหลิงจะต้องตกหลุมรักเธอแน่นอน
แต่ทุกอย่างกลับไม่มีประโยชน์เลย เธอทำได้เพียงเฝ้าดูครอบครัวค่อยๆถูกทำลายล้างและชีวิตของเธอก็ถูกแทนที่โดยหลินสุ่ยเซียว เมื่อเธอพูดคำพูดสุดท้ายกับซ่างกวนหลิง: “สิ่งที่แย่ที่สุดที่เฟิ่งรุ่ยฮวาทำลงไปก็คือการตกหลุมรักคุณและเชื่อในตัวคุณ!"
เธอเสียใจอย่างมากจนทำให้หัวใจของเซี่ยอันหรานเจ็บปวดไปด้วย
ในที่สุดเมื่อกำลังจะเริ่มถ่ายทำเซี่ยอันหรานก็ยังไม่มีสายจากโม่เซ่าเหยียน แต่มีสายจากโอวหยางเชี่ยนหรงแทน
โอวหยางเชี่ยนหรงโวยวายผ่านโทรศัพท์จากนั้นเธอก็ตะโกนด้วยความโกรธ: “ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวนี้มันอะไรกัน จู่ๆก็ขอให้ทีมงานเปลี่ยนบทให้นี้มันกำลังจะเริ่มถ่ายทำอยู่แล้ว เธอกลับมาขอเปลี่ยนบท! เธอท่องมาตั้งหลายวันเสียเวลาเปล่าๆ ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่หยาบคายขนาดนี้มาก่อนเลย หึ พวกเขาก็มีอิทธิพลมากเลยให้ทีมงานเปลี่ยนบทให้อีก เรามันก็แค่นักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ พระเอกเป็นถึงเมิ่งเทียน เขาก็มีชื่อเสียงไม่ใช่น้อยๆเลยตอนนี้ แม้แต่บทของเขาก็โดนสั่งให้เปลี่ยน "
เซี่ยอันหรานไม่แปลกใจเลยเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้เข้า ถ้าไม่ได้ทำเรื่องบางอย่างให้เธอต้องลำบากก็คงจะไม่ใช่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ดีแล้วที่่เสี่ยวเสี่ยวแสดงกลยุทธ์ของเธอออกมาในตอนนี้ ดีกว่าซ่อนตัวอยู่ในความมืดและทำให้เธอคอยกังวลตลอดเวลา
เซี่ยอันหรานหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “จริงเหรอ? พี่เชี่ยนหรงส่งสำเนาสคริปต์ที่เปลี่ยนแปลงแล้วมาให้ชุดหนึ่งนะ ฉันขอดูหน่อยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ฉันน่าจะท่องบทบนเครื่องบินได้อยู่"
“เธอยังหัวเราะออกมาได้อยู่ จริงๆเลย … " เมื่อโอวหยางเชี่ยนหรงได้ยินเซี่ยอันหรานก็ผ่อนคลายลง เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกด้วย: “ฉันให้เสี่ยวเถียนเอาสคริปต์ไปให้แล้ว ฉันก็ได้ดูคร่าวๆแล้ว การเปลี่ยนแปลงของเธอ คือเธอไม่ใช่เพราะครอบครัวถูกบังคับให้เข้าวังแต่เป็นทั้งๆที่เธอรู้ว่าจักรพรรดิซ่างกวนหลิงมีความรักอยู่แล้วเธอก็ยังจงใจไปทำลายมัน ในขณะที่ชอบจักรพรรดิเธอเองก็ยังหลอกใช้รักแรกของเธอไปด้วย "
การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่ดีนักเช่นกัน เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของตัวละครเฟิ่งรุ่ยฮวาโดยตรง ทำให้ประสบการณ์ในชีวิตของเธอไม่สามารถดึงดูดความเห็นอกเห็นใจของผู้อื่นได้
เซี่ยอันหรานบีบโทรศัพท์แน่นและถามเบา ๆ “นี้มันนางร้ายชัดๆ ที่เหลือล่ะ?"
โอวหยางเชี่ยนหรงถอนหายใจ: "ในตอนจบของบทเดิมหลินสุ่ยเซียวถูกฆ่าโดยคนรับใช้ของเธอและไม่ได้รับรางวัล แต่หลังจากเปลี่ยนแปลงหลินสุ่ยเซียวที่รับบทโดยฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่เพียงแต่ได้เข้าไปในวังเท่านั้นแถมยังได้เป็นราชินี และเธอที่รับบทเฟิ่งรุ่ยฮวาก็ถูกตัดออกจากตำแหน่งราชินีและลบประวัติในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเธอทิ้งไป"
“หลินสุ่ยเซียวรับบทโดยฉู่เสี่ยวเสี่ยว แถมยังได้เป็นราชินี?" เซี่ยอันหรานเลิกคิ้วเบาๆหลังจากได้ยินเช่นนี้
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจงใจขอให้ใครบางคนเปลี่ยน อาจเป็นตอนที่ได้พบกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวครั้งล่าสุด แล้วพูดขึ้นมาว่าหลินสุ่ยเซียวรับบทโดยฉู่เสี่ยวเสี่ยว ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เข้าวังและไม่ได้รางวัล ไม่ใช่ แม้แต่นางบำเรอ คงไปสะกิดฉู่เสี่ยวเสี่ยวเข้าอย่างมาก ก็เลยทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนแปลงบท เพื่อให้หลินสุ่ยเซียวในบทละครไม่เพียงแค่ไม่ตายแต่ยังได้กลายเป็นราชินีอีกด้วย
แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ บทบาทของเฟิ่งรุ่ยฮวาจะเปลี่ยนไปแย่ลงกว่าเดิม แต่ตัวละครของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ตัวละครของหลินสุ่ยเซียวที่รับบทโดยฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นผิดเพี้ยนไปหมด
เพราะในตอนแรกหลินสุ่ยเซียวอาจจะเป็นนางบำเรอก็ได้ แต่เพราะเธอไม่ชอบอำนาจและชีวิตในวังก็เลยห่างจากชางกวนหลิงไป แต่สุดท้ายหลินสุ่ยเซียวกลับกลายเป็นราชินี แถมยังแย่งตำแหน่งราชินีจากผู้หญิงคนอื่นๆอีก แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูน่ารังเกียจไปหน่อย แต่หลินสุ่ยเซียวทำเช่นนี้จะทำให้ดูสูงส่งงั้นเหรอ?
หลังจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้เห็นได้ชัดว่าคำพูดและการกระทำของหลินสุ่ยเซียวไม่ลงรอยกันเลยสักนิด เพราะไม่ชอบเป็นนางสนมที่ชางกวนหลิงมอบให้เนื่องจากทำให้ดูต่ำต้อยเกินไป ต้องการเป็นราชินีก็เลยไม่อยากเข้าวัง แต่ต่อหน้าชางกวนหลิงที่เป็นพระเอกก็เลยแสร้งถือตัวสวยใสแต่ด้านในกลับเน่าเฟะซะงั้น
“อืม นั้นแหละ" โอวหยางเชี่ยนหรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพยักหน้า: “บทก็เปลี่ยนแปลงประมาณนี้ อีกอย่างเธอกลายเป็นนักปราชญ์รุ่นใหม่ ตอนนี้บทบาทของเฟิ่งรุ่ยฮวาแย่มากเลย นี้มันโดนนางเอกกดขี่อย่างสิ้นเชิง หรือไม่เราถอนตัวไหม ถึงแม้อาจจะทำให้เสียชื่อไปบ้าง แต่ในแวดวงการบันเทิงเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในการควบคุมของฉัน แต่ถ้าซีรีส์ฉายออกไปไม่รู้เลยว่าเธอจะได้รับผลกระทบในทางที่ดีหรือร้าย "
“พี่เชี่ยนหรง พี่อาจจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ระหว่างฉันกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว สำหรับเธอ ฉันไม่มีวันถอยให้หรอก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีตัวละครที่ไม่ดีมาก่อน ก็แค่นักแสดงที่รับบทไม่ดี แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนบทเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเธอ แต่ผู้ชมที่เป็นคนดูซีรีย์เรื่องนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายตีความในแบบของพวกเขาเอง"
เซี่ยอันหรานยิ้ม: “อีกอย่างถ่ายทำสามจุด การตัดต่อเจ็ดจุด ตอนที่ซีรีส์กำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนกระบวนการ ฉันขอรบกวนพี่เชี่ยนหรงให้ช่วยจัดการเรื่องนี้หน่อย"
"เอ๊ะ? อันหรานแม้แต่เรื่องพวกนี้เธอก็รู้?” โอวหยางเชี่ยนหรงยิ้มด้วยความประหลาดใจ: “ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็นมือใหม่ ฉันสงสัยจริงๆว่าเธอคงถ่ายละครมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ไหนๆเธอก็พูดแบบนี้แล้ว ฉันก็วางใจแล้วแหละ ถ่ายเสร็จก็รีบกลับมาล่ะ บ๊ายบาย … "
เซี่ยอันหรานได้ยินเสียงวางสายของโอวหยางเชี่ยนหรง ก็หยุดชะงักเล็กน้อยและยิ้มในใจ: เธอถ่ายละครตั้งแต่ชาติที่แล้วไม่ใช่หรือไง? แม้ว่าเธอจะไม่ได้ถ่ายทำก็ตาม แต่ความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคือการศึกษาบทบาทของภาพยนตร์และละครที่ยอดเยี่ยมหลายเรื่องอย่างรอบคอบและพยายามตีความในแบบของเธอเอง
แม้ว่าในชาติที่แล้วเธอจะเป็นนักแสดงได้ไม่นานนัก แต่เรื่องการแสดงเธอไม่เคยหยุดเลยด้วยซ้ำ
เซี่ยอันหรานทิ้งความกลุ้มใจที่เกิดจากโม่เซ่าเหยียน เก็บกระเป๋าเดินทางแล้วออกจากคฤหาสน์และค่อยๆยกมุมปากขึ้น: "ฉู่เสี่ยวเสี่ยว สงครามของเราเริ่มขึ้นอีกครั้ง! ฉันจะทำให้เธอได้รู้ ต่อหน้าฉันเซี่นอันหรานเธอมีเพียงจุดจบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือความผ่ายแพ้ สุดท้ายผู้ชนะจะต้องเป็นฉันเท่านั้น! "
MANGA DISCUSSION