จูบที่นำพาด้วยลูกกวาดหวานหอมนิดๆนี้ทำให้เซี่ยอันหรานลุ่มหลง ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย จนหม้ออาหารส่งกลิ่นออกมา เซี่ยอันหรานนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังทำอาหารอยู่ รีบผลักโม่เซ่าเหยียนออกไปแล้วปิดแก๊ส ดูอาหารในหม้อไม่ข้นมากเกินไป เซี่ยอันหรานก็โล่งใจ : "ยังดีที่ไม่ข้นจนเกินไป น่าจะยังทานได้"
หลังจากที่เซี่ยอันหรานพูดจบก็หันหน้าไปมองโม่เซ่าเหยียน : "ผักของคุณล้างเสร็จแล้ว ก็ไปพักผ่อนเถอะ ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว จะเรียกคุณมาทานข้าวนะ"
ถึงแม้โม่เซ่าเหยียนจะพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ไปพักผ่อน แต่ยืนอยู่ข้างๆเซี่ยอันหราน มองเซี่ยอันหรานทำกับข้าว เซี่ยอันหรานทำกับข้าวเก่งมากในชาติที่แล้ว แต่เป็นเพราะโม่เซ่าเหยียนอยู่ข้างๆ เซี่ยอันหรานเลยตึงเครียดเล็กน้อย ไม่ได้ใส่เกลือมากเกินไป ก็ใส่น้ำส้มสายชูมากเกินไป
เสียเวลาไปมาก เซี่ยอันหรานจึงทำอาหารเสร็จ เซี่ยอันหรานเตรียมอาหาร一一วางบนโต๊ะอาหาร มองไปที่อาหารที่ดำๆเล็กน้อยเพราะผ่านความร้อนสูงเกินไป เซี่ยอันหรานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : "มิเช่นนั้นก็สั่งซื้อจากข้างนอกเถอะ"
แต่โม่เซ่าเหยียนก็นั่งลงข้างๆโต๊ะอาหาร พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : "ตักซุปให้ฉันถ้วยหนึ่งได้ไหม?"
ถึงแม่อาหารบนโต๊นี้จะดูไม่ค่อยดีนัก แต่เซี่ยอันหรานก็ลำบากทำออกมาแล้ว ได้ยินว่าโม่เซ่าเหยียนเต็มใจที่จะลองชิมอาหารของเธอ เซี่ยอันหรานก็ตักซุปหนึ่งถ้วยให้โม่เซ่าเหยียนทันที หลังจากเอาก้างปลาออกอย่างระมัดระวัง ก็ยกไปตรงหน้าโม่เซ่าเหยียน
โม่เซ่าเหยียนตักซุปหนึ่งคำ ใส่เข้าปาก เม้มๆปาก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น มองเซี่ยอันหราน เซี่ยอันหรานยังคาดหวังว่าฝีมือของตนเองจะได้รับการยอมรับ รีบถามอย่างตึงเครียดว่า : "เป็นยังไง? ทานได้ไหม?"
โม่เซ่าเหยียนก้มหน้า ซดซุปอีกหนึ่งคำ แล้วพยักหน้าเบาๆ
ฝีมือของโม่เซ่าเหยียนได้รับการยืนยัน ก็ภูมิใจเล็กน้อย รีบแกะกุ้งให้โม่เซ่าเหยียน : "ลองชิมกุ้งหน่อย อันที่จริงฉันทำความร้อนสูงไปหน่อย ถ้าทำได้ดี กุ้งนี่ควรจะผัดจนมีน้ำมันแวววาว ตอนนี้กุ้งดำไปหน่อย แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อรสชาตินะ วันนี้กับข้าวมื้อนี้กินอย่างนี้ไปก่อน วันหลังฉันจะทำกับข้าวให้อร่อยกว่านี้นะ"
โม่เซ่าเหยียนฟังคำพูดของเซี่ยอันหรานไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยอันหรานอย่างตั้งใจไปพลาง คิ้วของเขาเหยียดออก ถ้าการแสดงออกของเขาเหมือนกับคนทั่วๆไป ไม่ทำหน้าตาย เวลานี้เขาน่าจะยิ้มอยู่
เซี่ยอันหรานก็เหมือนแม่ของเธอที่ปฏิบัติต่อเธอ แกะเปลือกกุ้งแล้วส่งตรงไปที่ปากของโม่เซ่าเหยียน เห็นโม่เซ่าเหยียนอ้าปากกินกุ้ง แล้วเลียนิ้วของตนเองอย่างเป็นปกติมาก จากนั้นก็ก้มหน้า มองอาหารบนโต๊ะอย่างจริงจัง หาของที่อร่อยกว่าส่งไปตรงหน้าโม่เซ่าเหยียน
คีบอาหารให้โม่เซ่าเหยียนไปด้วย เซี่ยอันหรานก็กินไปด้วย ซึ่งแม้ว่าอาหารจะดูไม่ดีนัก แต่รสชาติก็นับว่าไม่ได้แย่
เซี่ยอันหรานทานข้าวไปครึ่งถ้วยแล้ว หลังจากที่เงยหน้าขึ้นมองโม่เซ่าเหยียน ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ชี้ไปที่ใบหน้าโม่เซ่าเหยียนแล้วพูดตะกุกตะกักว่า : "นี่คุณเป็นอะไรไป? หน้าคุณ!"
เดิมทีหน้าขาวผ่องของโม่เซ่าเหยียน คาดไม่ถึงจะบวมแดงเป็นปื้น ก็อาจเป็นเพราะใบหน้าของโม่เซ่าเหยียนดูดีเกินไป ปื้นที่บวมแดงบนใบหน้าของโม่เซ่าเหยียนจึงเห็นได้ชัด ชัดจนดูน่ากลัว
"อ๋อ ไม่เป็นไร" โม่เซ่าเหยียนก้มหน้าแล้วไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ยังซดซุปปลาอีกถ้วย แล้วพูดเรียบๆว่า : "ฉันแพ้อาหารทะเลนิดหน่อย รอทานเสร็จ แล้วค่อยไปกินยาก็ได้"
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วมองโม่เซ่าเหยียน เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ โม่เซ่าเหยียนรู้อยู่แก่ใจ ว่าตนเองแพ้ ทำไมไม่บอกเธอ ยังจะกินเนื้อปลาเนื้อกุ้งอีก? ทำไม่ไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตนเอง?
ความโกรธนี้กดความกลัวที่เธอมีต่อโม่เซ่าเหยียน เธอลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไป ไปแย่งถ้วยซุปจากในมือโม่เซ่าเหยียน : "คุณจะล้อเล่นอะไร? ทำไมยังจะกินอยู่อีก? รีบกินยาแล้วไปพักผ่อน แล้วของเหล่านี้อย่ากินอีกนะ"
"ไม่เป็นไร ทานข้าวให้เสร็จก่อน" โม่เซ่าเหยียนยกมือขึ้นคลำหน้าของเขา พูดแล้วส่ายๆหัว
"กินยาก่อน พักผ่อนก่อน!" เซี่ยอันหรานลุกขึ้นยืนพูดเสียงดัง คิดว่าน่าจะโกรธมาก ขอบตาเธอแดงเล็กน้อย
โม่เซ่าเหยียนมองเซี่ยอันหรานอย่างตกตะลึง ดูเหมือนว่าเขาจะมีความหมายลึกซึ้งบางอย่างกับคำพูดของเซี่ยอันหรานเขามองไปที่ดวงตาของเซี่ยอันหรานเป็นเวลานาน จากนั้นก็มองลงไปที่อาหารบนโต๊ะ : "แต่เรายังทานข้าวไม่เสร็จเลยนะ"
เซี่ยอันหรานไม่เข้าใจโม่เซ่าเหยียน แน่นอนว่าตอนนี้ร่างกายของเขาสำคัญกว่า ทำไมเขายังจะห่วงอาหารมื้อนี้ด้วย? เซี่ยอันหรานรีบพูดโน้มน้าว : "รอคุณหินยาแล้ว ฉันจะต้มโจ๊กให้คุณกิน ดีไหม?"
โม่เซ่าเหยียนเม้มปากแน่น มองเซี่ยอันหราน ไม่พูดอะไร สักพัก จึงพยักหน้าเบาๆ
เซี่ยอันหรานจึงรีบถามว่า : "ยาอยู่ที่ไหน?"
โม่เซ่าเหยียนหยิบโทรศัพท์ออกมา กดต่อสายไป พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า: "นำยาเข้ามาให้ฉัน"
พอโม่เซ่าเหยียนวางสายโทรศัพท์ ทันทีก็มีเสียงเคาะประตู นำยาสองสามขวดมาส่งให้ เซี่ยอันหรานหายาแก้แพ้อาหารทะเลจากในนั้น รินน้ำอุ่นทันที ส่งมายังตรงหน้าโม่เซ่าเหยียน พูดด้วยเสียงเบาๆว่า: "ทานยาก่อน"
โม่เซ่าเหยียนเงยหน้าไปมองเซี่ยอันหราน ก้มหน้ารับยาที่เซี่ยอันหรานส่งมาให้ ทานยาลงไป เซี่ยอันหรานจึงโล่งอก: "ฉันส่งคุณกลับห้องนะ"
โม่เซ่าเหยียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆ เซี่ยอันหรานประคองกลับไปยังห้อง เซี่ยอันหรานเห็นโม่เซ่าเหยียนเป็นผู้ป่วยที่ต้องดูแลคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง อันที่จริงโม่เซ่าเหยียนที่เป็นแบบนี้คล้ายกับมีเงามืดในวัยเด็กที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงอยู่ ตอนนี้คนก็แพ้อาหารทะเล ก็เป็นคนป่วยคนหนึ่ง
เซี่ยอันหรานประคองโม่เซ่าเหยียนไปยังข้างเตียง นำหมอนรองให้โม่เซ่าเหยียนดีแล้ว นำผ้าห่มห่มให้เขา แล้วยืนมือไปคลำที่หน้าผากของเขา ถามอย่างเป็นกังวลว่า: "แค่กินยาก็พอจริงๆหรอ?"
โม่เซ่ามองเซี่ยอันหรานที่ตาลีตาลานด้วยดวงตาที่ดำขลับ เขาได้ฟังคำพูดของเซี่ยอันหราน กระพริบๆตา ขนตายาวกวาดไปที่หลังมือของเซี่ยอันหรานที่กำบังอยู่บนหน้าผากของเขา อาจเป็นเพราะเซี่ยอันหรานรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาในวัยเด็กของโม่เซ่าเหยียน หรือเป็นเพราะมาเซ่าเหยียนกำลังป่วยอยู่ ร่างกายอ่อนแอจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเซี่ยอันหรานจะเห็นร่องรอยของความเปราะบางของโม่เซ่าเหยียน
เซี่ยอันหรานก็ใช่น้ำเสีนงที่นุ่มนวล กล่าวถามอีกรอบว่า: "ไม่เป็นไรจริงๆหรอ?"
เซี่ยอันหรานไม่อาจเชื่อโม่เซ่าเหยียนได้จริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าตนเองแพ้อาหารทะเล แต่ก็ยังทานโดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วจะให้คนเชื่อได้ยังไง?
เซี่ยอันหรานพูดจบ คาดไม่ถึงว่ายังใช้อุบายแม่ของเธอที่ใช้คุกคามเธอเมื่อตอนยังเด็ก พูดคุกคามโม่เซ่าเหยียนเบาๆว่า: "ถ้าคุณยังโกหกฉันอีกล่ะก็ ฉันจะโกรธแล้วนะ"
หลังจากโม่เซ่าเหยียนกระพริบตา แล้วก็พยักหน้า คล้ายกับเขากลัวว่าเซี่ยอันหรานจะโกรธจริงๆ หลังจากพยักหน้าก็พูดทันทีว่า: "ไม่ได้โกหกคุณ ไม่เป็นไรจริงๆ ทานยาธรรมดาๆ ก็พอแล้ว"
เซี่ยอันหรานจึงวางใจโดยสิ้นเชิง ลุกขึ้นยืนขึ้นมาจากข้างๆโม่เซ่าเหยียน แต่พอเซี่ยอันหรานลุกขึ้นยืน มือของเธอก็ถูดโม่เซ่าเหยียนดึงไว้
เซี่ยอันหรานอธิบายว่า: "คุณยังทานไม่อิ่ม ฉันจะไปทำโจ๊กมาให้"
โม่เซ่าเหยียนจึงปล่อยมือของเซี่ยอันหรานที่จับไว้แน่น ใจเซี่ยอันหรานก็คิดว่าจะดูแลโม่เซ่าเหยียนให้ดีได้ยังไง จึงไม่มีเวลาวิเคราะห์ความหมายที่ลึกซึ้งของการกระทำของโม่เซ่าเหยียน ทันทีที่โม่เซ่าเหยียนปล่อยมือ เซี่ยอันหรานก็วิ่งลงไปต้มโจ๊กที่ชั้นล่างทันที
เมื่อเซี่ยอันหรานยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาชั้นบน พอเปิดประตูห้อง ก็พบโม่เซ่าเหยียนกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนเตียง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้ามองนิ้วมือที่เรียวยาวของเขา เดิมทีใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเย็นชา ตอนนี้ปฝงไปด้วยความงุนงงและวุ่นวาย เมื่อเซี่ยอันหรานเปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาจึงเงยหน้าขึ้น มองไปยังเซี่ยอันหราน ในสายตาก็ปรากฏประกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เซี่ยอันหรานไม่รู้ว่าโม่เซ่าเหยียนกำลังรอเธออยู่ ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเซี่ยอันหรานเห็นประกายในสายตาของโม่เซ่าเหยียน ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ ราวกับว่าประกายในดวงตาของเขามีต้นกำเนิดมาจากเธอ เมื่อเธอเดิมมายังโม่เซ่าเหยียน สายตาของเขาก็ยิ่งสว่างไสวมากขึ้น
สายตาของโม่เซ่าเหยียน ทำให้เซี่ยอันหรานเดินทุกย่างก้าวอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ระยะห่างช่วงสั้นๆนี้ คล้ายกับเป็นพิธีหนึ่งที่จริงจัง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะปฏิบัติอย่างระมัดระวัง
เซี่ยอันหรานนั่งลงข้างๆโม่เซ่าเหยียน ตักโจ๊กหนึ่งช้อน ส่งไปยังข้างปาก โม่เซ่าเหยียนอ้าปากทันที กลืนโจ๊กช้อนนี้ลงคอ เซี่ยอันหรานป้อนโจ๊กเขา โม่เซ่าเหยียนก็ทานโจ๊ก ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่สูงใหญ่ของโม่เซ่าเหยียน ทำให้เซี่ยอันหรานยากที่จะมองว่าโม่เซ่าเหยียนเป็นเด็กคนหนึ่ง เซี่ยอันหรานก็แทบอยสกจะชื่นชมโม่เซ่าเหยียนว่า"เชื่อฟังดีมาก….."
เซี่ยอันหรานก้มหน้ามองโม่เซ่าเหยียนที่กำลังป่วยอยู่ เขารูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าที่ขาวหมดจดแฝงไปด้วยรอยบวมแดงที่กระจัดกระจายอยู่ ทำให้ราชาแห่งธุรกิจคนนี้ดูอ่อนแอและน่าสงสารอย่างชัดเจน เซี่ยอันหรานรู้สึกว่าความพ่ายแพ้ที่เธอมีให้โม่เซ่าเหยียนมันสมเหตุสมผล เมื่อเธอพยายามที่จะหนีจากเขา เขาก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ทำให้เธอจนปัญญาที่จะหลบหนีไปได้ ขณะที่เธอหวาดกลัวในอำนาจของเขา เขาก็แสดงถึงความอ่อนแอราวกับเด็กต่อเธออย่างคาดไม่ถึง
อำนาจของเขาบีบบังคับให้เธอจนปัญญาที่จะหลบหนี ความหล่อเหลาและความสามารถของเขาดึงดูดเธอ ความอ่อนแอของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสงสารเขาเป็นห่วงเขา
ผู้ชายคนนี้ ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าเขาจะดูทรงพลัง แต่เพียงแค่กุ้งตัวเดียวก็สามารถเอาชีวิตของเขาได้ การทำอาหารเย็นครั้งหนึ่งสามารถทำให้ฐานะที่ทีเกียรติของเขาต้องสูญเสียไป
แต่ผู้ชายคนนี้ เพราะความที่ไม่สมบูรณ์แบบของเขา ก็ยิ่งส่งผลต่อหัวใจของเธอ
เซี่ยอันหรานเห็นโจ๊กเปื้อนข้างปากของโม่เซ่าเหยียนเล็กน้อย จึงนำมือไปเช็ดโจ๊กที่มุมปากของเขา ขณะที่นอ้วมือของเซี่ยอันหรานเช็ดโจ๊กให้โม่เซ่าเหยียน เซี่นอันหรานอดไม่ได้ที่จะลูบคลำริมฝีปากที่ซีดขาวเล็กน้อย เซี่ยอันหรานก็เข้าใกล้โม่เซ่าเหยียน แล้วจูบโม่เซ่าเหยียนเล็กน้อย
หลังจากจูบแล้ว เซี่ยอันหรานก็ยิ้มกับโม่เซ่าเหยียนแล้วพูดว่า: "นี่คือการมอบรางวัลให้กับคุณที่เชื่อฟัง"
โม่เซ่าเหยียนมองเซี่ยอันหรานอย่างลึกซึ้งใช้สายตาที่ทำให้เซี่ยอันหรานไม่คุ้นเคย เซี่ยอันหรานไม่เคยเห็นสายตานี้ของโม่เซ่าเหยียนมาก่อน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ช่วงเวลาหนึ่งก็ไม่เข้าใจความหมายแฝงในสายตาของโม่เซ่าเหยียน รู้สึกว่าสายตานี้ของโม่เซ่าเหยียนเหมือนกับตาข่ายที่ลมไม่สามารถทะลุผ่านได้ คลุมเธออย่างมิดชิด มัดเธอเอาไว้แน่น
สัญชาตญาณของเซี่ยอันหรานต้องการที่จะก้าวถอยหลังก้าวหนึ่งเพื่อหลีกหนี แต่โม่เซ่าเหยียนก็ดึงฉุดเซี่ยอันหรานไว้ทันที แล้วจูบเซี่ยอันหรานอย่างมั่นคง
จูบของโม่เซ่าเหยียนรุนแรงมาโดยตลอด แต่จูบของโม่เซ่าเหยียนในครั้งนี้ยิ่งเร่าร้อนมากกว่าเมื่อก่อน เซี่ยอันหรานไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะหายใจ จูบของโม่เซ่าเหยียนทั้งเผด็จการทั้งรุนแรง ทำให้เซี่ยอันหรานไม่ทีแม้กำลังที่จะต้านทาน
MANGA DISCUSSION