เซี่ยอันหรานยิ้มมุมปาก ทำให้โม่เซ่าเหยียนตกใจอีกครั้งและถอยห่างออกไปเล็กน้อย แต่โม่เซ่าเหยียนจับเอวของเซี่ยอันหรานไว้แน่น ทำให้เธอไม่สามารถถอยห่างออกไปได้และประทับจูบลงไปอีกครั้ง
ทั้งคู่กอดรัดกันด้วยร่างที่เปลือยเปล่า โม่เซ่าเหยียนพลิกตัวและกดเซี่ยอันหรานไว้ใต้ร่าง อันแข็งแกร่งของตน เซี่ยอันหรานถึงกับเริ่มสงสัยว่าโม่เซ่าเหยียนนั้นเป็นมนุษย์หรือไม่ ทำไมเขาถึง,uร่างกายแข็งแรงถึงขนาดนี้ ?
เธอไม่รู้ว่าใช้เวลาไปกับโม่เซ่าเหยียนนานแค่ไหน แต่รู้แค่ว่าโม่เซ่าเหยียนไม่หยุดมือเมื่อเธอหมดแรง แม้ว่าโทรศัพท์ของโม่เซ่าเหยียนจะดังขึ้น แต่ก็ไม่มีทางหยุดเขาได้ เซี่ยอันหรานเกือบคิดว่าเธอกำลังจะตายในอ้อมแขนของเขาซะแล้ว
ในที่สุดโม่เซ่าเหยียนก็ปล่อยเธอไปเมื่อฟ้าเริ่มมืด แต่หลังจากใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนอยู่บนเตียง เซี่ยอันหรานก็ไม่มีแรงที่จะขอบคุณโม่เซ่าเหยียนสำหรับความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ เธอจึงทำได้เพียงหลับไปในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบๆ
เซี่ยอันหรานนอนหลับไปอีกคืนก่อนที่เธอแทบจะตื่นไม่ไหว เมื่อเห็นว่าโม่เซ่าเหยียนไม่ได้อยู่กับเธอ ก็รู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อเธอแต่งตัวและเดินลงไปชั้นล่าง เธอก็เห็นโม่เซ่าเหยียนนั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ
เมื่อเห็นเซี่ยอันหรานเดินลงมาข้างล่าง โม่เซ่าเหยียนก็หยุดการเคลื่อนไหวลงเล็กน้อยก่อนที่จะทานอาหารต่อไป เซี่ยอันหรานเดินไปอย่างระมัดระวังและเห็นว่ามีอาหารเช้าอยู่ข้างๆ โม่เซ่าเหยียน เซี่ยอันหรานที่ไม่ได้ทานอะไรเลย เธอรู้สึกหิวเป็นอย่างมาก เธอเหลือบมองไปที่โม่เซ่าเหยียนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าโม่เซ่าเหยียนไม่ได้เรียกให้เธอนั่งทานอาหารด้วยกัน เซี่ยอันหรานจึงก้มศีรษะลงและดื่มซุป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซุปนี้มีรสชาติดีหรือเพราะเธอหิวมากกันแน่ เธอจึงยกซุปนั้นขึ้นมาดื่มจนหมด และยกจานข้าวขึ้นมาทานต่อ
หลังจากที่เซี่ยอันหรานดื่มซุปจนหมด ก็เพิ่งจะรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ เซี่ยอันหรานเงยหน้าขึ้นและเห็นโม่เซ่าเหยียนจ้องมองเธอ เธอไม่รู้ว่าเขาเฝ้าดูนานแค่ไหนแล้ว เธอกลืนข้าวลงคอและแล้วถามด้วยเสียงต่ำว่า “มีอะไรเหรอ ?”
ทันใดนั้นโม่เซ่าเหยียนก็เดินเข้ามาหาเซี่ยอันหราน และประทับจูบที่ริมฝีปากของเซี่ยอันหรานเบา ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า "ฉันจะไปแล้ว"
หลังจากที่โม่เซ่าเหยียนพูดจบ เขาก็บีบคางของเซี่ยอันหราน และจูบที่ริมฝีปากของเธออีกครั้งก่อนจะจากไป เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วและมองไปยังโม่เซ่าเหยียนที่เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา จากนั้นเธอจึงก้มหน้าดื่มซุปและทานข้าวร้อนๆ ต่อไป
เธอต้องกินมากขึ้นในช่วงเวลานี้ เพื่อที่เธอจะได้รักษารูปร่างและใบหน้าที่กลมโตให้เหมาะสมที่สุดเมื่อเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเทพจิ้งจอกเก้าหาง
จากนั้นเซี่ยอันหรานก็โทรหาโอวหยางเชี่ยนหรง เธอแทบจะรับโทรศัพท์ในทันที แต่ก็ไม่พูด ในความเงียบและบรรยากาศที่แปลกประหลาด เซี่ยอันหรานลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดดัง ๆ "ฉัน ฉันกับโม่เซ่าเหยียน … "
"ไม่ อย่าพูดเลย! " โอวหยางเชี่ยนหรงขัดจังหวะเซี่ยอันหรานเสียงดังด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นปนความตื่นตระหนกเล็กน้อย "ฉันไม่บังอาจสนใจชีวิตส่วนตัวของประธานโม่หรอกนะ อย่าอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับประธานโม่เลย ฉันแค่อยากจะบอกว่าโค้ชศิลปะการต่อสู้ของรอเธออยู่นานแล้ว ฉันจะบอกหมายเลขโทรศัพท์ให้นะ "
ทันใดนั้นโอหยางเชี่ยนหรงก็อ่านหมายเลขโทรศัพท์ยาว ๆ หลังจากที่เซี่ยอันหรานได้ยินหมายเลขโทรศัพท์ เธอก็จดหมายเลขโทรศัพท์และพูดว่า "พี่เชี่ยนหรง … จริงๆ แล้วฉัน … "
“ฉันมีหน้าที่ดูแลเรื่องงานของเธอเท่านั้น ฉันไม่อยากดูแลเรื่องส่วนตัวของเธอด้วย ประธานโม้ได้ให้ฉันเซ็นสัญญารักษาความลับแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากรู้เรื่องและเซ็นสัญญาไปมากกว่านี้ ยิ่งเธอพูดเรื่องประธานโม่กับฉันน้อยเท่าไหร่ ฉันก็เซ็นสัญญาน้อยเท่านั้น ฟ้ารู้ดีว่าฉันพยายามมามากแค่ไหน แค่นี้ก็พอแล้ว” โอวหยางเชี่ยนหรงกล่าวอย่างรวดเร็ว
เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินสิ่งที่โอวหยางเชี่ยนหรงพูดจึงถอนหายใจเบา ๆ "ฉันเข้าใจแล้ว ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันต้องเพิ่มน้ำหนักให้เหมาะสมกับบทนี้ เพราะบทบาทของ 'อวี้เอ๋อร์' น่าจะมีเสน่ห์และน่ารักกว่าฉัน ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของฉันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ หากใบหน้าของฉันอวบอิ่มมากขึ้นเล็กน้อย อาจจะเหมาะกับตัวละครมากกว่า "
"อ้อ … " โอหยางเชี่ยนหรงถอนหายใจ "ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันก็ดีใจ ก่อนหน้านี้ฉันเคยศึกษาตัวละครนี้มาก่อน ถ้าเทียบกับเธอแล้วถ้าอวบอิ่มกว่านี้คงจะดี ฉันจะติดต่อนักโภชนาการให้ แต่อย่าไปบอกผู้กำกับนะว่าเธออยากจะเพิ่มน้ำหนักให้เหมาะสมกับตัวละคร สุยเจี๋ยไม่ชอบนักแสดงที่เจ้ากี้เจ้าการ เธอบอกแค่ว่าช่วงนี้เธอกินเยอะเป็นพิเศษก็พอ สุยเจี๋ยน่ะคาดหวังว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขามากกว่า"
“ฉันเข้าใจแล้ว” เซี่ยอันหรานพยักหน้า
เซี่ยอันหรานได้รับการเพิ่มน้ำหนักและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ในช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มต้น แผนการเพิ่มน้ำหนักเป็นไปได้ด้วยดี และเซี่ยอันหรานก็ขาวและอวบอิ่มในที่สุด
แม้ว่าโอวหยางเชี่ยนหรงจะเห็นเซี่ยอันหรานเป็นครั้งคราว เธอก็อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มของ เซี่ยอันหราน "น่ารักจริงๆ เลย 'อวี้เอ๋อร์' … "
ผลข้างเคียงที่ตามมาคือโม่เซ่าเหยียนเข้านอนกับเธอบ่อยขึ้น ดูเหมือนว่าเซี่ยอันหราน กลายเป็นเค้กที่น่าดึงดูดในสายตาของโม่เซ่าเหยียน ซึ่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา
ในวันก่อนที่เขาจะไปหาทีมงานเพื่อถ่ายทำ โม่เซ่าเหยียนจูบริมฝีปากที่เผยอเล็กน้อยของ เซี่ยอันหราน ทันทีที่เขาเดินเข้าไป เนื่องจากเซี่ยอันหรานดื่มซุปทุกวัน ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอจึงกลมและสดใสเหมือนเยลลี่ โม่เซ่าเหยียนกอดเซี่ยอันหรานไว้แน่นอีกครั้งก่อนที่เธอจะมีเวลาตอบสนอง โม่เซ่าเหยียนจึงกอดเธอไว้อย่างสุดซึ้ง
เซี่ยอันหรานไม่มีเวลาพูดอะไร ดังนั้นเธอจึงมีเวลาเพียงกระซิบเบาๆ ว่า"เจ็บนะ… "
โม่เซ่าเหยียนขบไหล่ขาวเนียนของเซี่ยอันหรานเบา ๆ ราวกับสุนัขตัวใหญ่กำลังเลียกระดูก เมื่อความหลงใหลผ่านไป เซี่ยอันหรานรู้สึกว่าเนื้อและกระดูกทุกชิ้นไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
เซี่ยอันหราน ยกแขนขึ้นปิดหน้าผากและเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าเบา ๆ "โม่เซ่าเหยียน ฉันจะเริ่มถ่ายทำพรุ่งนี้แล้วนะ"
โม่เซ่าเหยียนพยักหน้า "ฉันรู้ เมื่อคุณไปถึงสถานที่ถ่ายทำแล้ว บอกเลขห้องกับฉันด้วยล่ะ"
"ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น" เซี่ยอันหรานส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดอย่างกล้าหาญ "คุณไม่คิดที่จะทำเรื่องแบบนี้ในกองถ่ายใช่ไหม นี่ไม่ได้นะ โม่เซ่าเหยียน ทุกคนจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรา โม่เซ่าเหยียน…คุณเคยสัญญากับฉันไว้ ฉันไม่อยากได้ยินคำจำกัดความของคุณในการเผยแพร่เรื่องนี้ แต่สำหรับฉันการที่คุณไปกองถ่ายเป็นการละเมิดข้อตกลงของฉัน "
เมื่อเซี่ยอันหรานพูดแบบนี้ เธอก็เหลือบมองไปยังโม่เซ่าเหยียนที่ขมวดคิ้วแล้วก็ลดเสียงลงและกระซิบว่า "ฉันไม่มีข้อกำหนดพิเศษใด ๆ ฉันแค่ขอร้องคุณอย่าให้เรื่องนี้ลุกลาม อย่าให้คนอื่นรู้ รวมถึงพ่อแม่ของฉันด้วยพ่อแม่จะต้องเสียใจกับเรื่องนี้แน่ๆ … "
“เสียใจกับเรื่องนี้งั้นเหรอ ?” โม่เซ่าเหยียนขมวดคิ้ว
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามโม่เซ่าเหยียนอย่างจริงจัง "คุณจะแต่งงานกับฉันไหม ? "
"ทำไมฉันต้องแต่งงานกับคุณล่ะ ? " โม่เซ่าเหยียนขมวดคิ้วและตอบอย่างไร้เดียงสา ดูเหมือนว่าเซี่ยอันหรานถามคำถามที่ไม่ควรถาม
เซี่ยอันหรานรู้สึกหายใจไม่ออกและรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ใช่…เธอรู้คำตอบอยู่แล้ว โม่เซ่าเหยียนแค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการระบายอารมณ์เท่านั้น เขาจะแต่งงานกับเธอได้อย่างไร ? คำถามของเซี่ยอันหราน ทำให้เธอรู้สึกสมเพชตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดี แต่เธอก็ยังคงรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินคำพูดจากปากโม่เซ่าเหยียน แม้ว่าเธอจะถูกทรยศโดยถังรั่วชิวและฉู่เสี่ยวเสี่ยวในชาติที่แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยอย่างที่เคยเป็น
สมองของเซี่ยอันหรานเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดโดยไม่เต็มใจ “ถ้าคุณมีลูกสาวแล้วถูกเอารัดเอาเปรียบ และชายคนนั้นก็ไม่ยอมสู่ขอเธอ คุณคิดว่าพ่อกับแม่จะไม่เสียใจเหรอ ? "
"จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น" โม่เซ่าเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา "ฉันจะไม่มีลูก สิ่งมีชีวิตที่ไร้สาระแบบนั้นหรอก"
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้ว ดวงตาเบิกกว้างและมองไปที่โม่เซ่าเหยียน โม่เซ่าเหยียนก้มศีรษะลงดูเหมือนจะไม่รู้ถึงอารมณ์ของเซี่ยอันหราน เขาจูบที่มุมปากของเธอและถามว่า "ยังมีแรงเหลือไหม? "
เซี่ยอันหรานหลับตาลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลออกมาจากมุมตาของเธอ
ดูเหมือนโม่เซ่าเหยียนจะไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยอันหรานถึงร้องไห้ เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยและจูบซับน้ำตาที่มุมดวงตาของเซี่ยอันหราน พลางถามอย่างเย็นชา "ทำไมคุณร้องไห้ล่ะ? รู้สึกไม่สบายเหรอ ? "
เซี่ยอันหรานส่ายหัว เธอมองไปยังโม่เซ่าเหยียนที่ไม่เข้าใจอารมณ์ของเธอแม้แต่น้อย ราวกับว่าเธอกำลังมองไปที่หุ่นยนต์ โม่เซ่าเหยียนที่เคยซุ่มซ่ามและขี้อายมันเป็นภาพลวงตาทั้งหมดของเธอเอง
เซี่ยอันหรานกะพริบตาและน้ำตาไหลออกม เธอไม่มีทางต่อสู้กับโม่เซ่าเหยียนได้อย่างแน่นอน มีเพียงศักดิ์ศรีที่ถูกทำลายของเธอเท่านั้นที่ทำลายความน่าเศร้ามากขึ้น เซี่ยอันหรานร้องไห้และขอร้อง "ได้โปรด โม่เซ่าเหยียน อย่าให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับฉัน โดยเฉพาะครอบครัวของฉัน ได้โปรด…ฉันไม่ต้องการให้ครอบครัวของฉันรู้ว่าฉันกำลังใช้ชีวิตแบบนี้"
โม่เซ่าเหยียนมองลงไปที่เซี่ยอันหรานรู้สึกแปลก ๆ ในใจ เขาก้มศีรษะลงจูบซับน้ำตาของ เซี่ยอันหรานและพูดด้วยเสียงต่ำ "โอเค ฉันสัญญา"
MANGA DISCUSSION