ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 41 การออดิชั่น
แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะดื่มซุป แต่ใบหน้าก็ยังดูบวมอยู่เล็กน้อย แต่เนื่องจากเซี่ยอันหรานจงใจแต่งหน้าให้ดูอ่อนหวาน ทำให้ใบหน้าตอนนี้ของเซี่ยอันหรานดูอ่อนโยนและน่ารักกว่าเมื่อก่อน เมื่อทำท่าทางน่ารักก็ไม่ดูฝืนจนเกินไป
แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนจะรู้ว่าเซี่ยอันหรานเปลี่ยนภาพลักษณ์เพื่อจะแสดงละคร แต่เฉิงเสี่ยวเถียนมองไปยังเซี่ยอันหรานที่น่ารักและนุ่มนวลในตอนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย "จริงๆ แล้วอันหราน เธอก็สามารถทำตัวน่ารักได้นี่นา”
"นี่เป็นเพียงการแสดง ถ้าต้องทำตัวน่ารักไปตลอดชีวิต ฉันคงทำไม่ไหว … " เซี่ยอันหรานเม้มริมฝีปากและหัวเราะ
แม้ว่าการทำตัวน่ารักจะเป็นที่น่าพอใจในขณะนี้ แต่มันจะเป็นเรื่องยากที่สุดในการเปลี่ยนแปลง เมื่ออายุมากขึ้น บทบาทที่มีอยู่ก็มีจำกัดเช่นกัน เซี่ยอันหรานไม่ต้องการให้อาชีพการแสดงของเธอมีอายุเพียงไม่กี่ปี
เมื่อเซี่ยอันหรานพูดจบ เธอก็ได้ยินผู้ช่วยผู้กำกับเรียกเธอไปออดิชั่นหน้ากล้อง เซี่ยอันหรานยิ้มและเดินไปที่ประตู เมื่อเธอเห็นซูเซียงกำลังออดิชั่น ใบหน้าของซูเซียงถูกแต่งแต้มด้วยการแต่งหน้าที่ละเอียดอ่อนที่สุด ช่างสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ แต่ความสมบูรณ์แบบนี้ควรเป็นของเมิ่งฉี่หลัว…นางเอกของละครเรื่องนี้มากกว่า "อวี้เอ๋อร์" ที่อ่อนต่อโลกโลก
เมื่อซูเซียงเห็นเซี่ยอันหรานก็หรี่ตาและแสยะยิ้ม เมื่อเซี่ยอันหรานเดินผ่าน เธอก็ยื่นมือไปฉีกเสื้อผ้าของเซี่ยอันหราน ทันใดนั้นเซี่ยอันหรานจึงรีบเอามือปิดแขนเสื้อที่ถูกดึงในทันที
ซูเซียงเห็นเสื้อผ้าของเซี่ยอันหรานถูกฉีก จึงปิดปากทันทีและแสร้งทำเป็นประหลาดใจ "อุ๊ย ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ"
"คุณตั้งใจทำชัดๆ " เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วและพูดเสียงดัง
เซี่ยอันหรานส่ายหัวให้เฉิงเสี่ยวเถียน พลางยิ้มและพูดกับซูเซียงว่า "ไม่เป็นไร ฉันเองก็ต้องขอโทษคุณก่อน"
หลังจากที่เซี่ยอันหรานพูดจบ เธอก็ทำเป็นไม่สนใจซุเซียงและเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ที่เธอต้องกล่าวขอโทษซูเซียงก่อนเพราะเธออยากจะแย่งชิงบท"อวี้เอ๋อร์" จากซูเซียงเพื่อแก้แค้น
หึ คิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะจัดการฉัน…เซี่ยหรานคนนี้ได้งั้นเหรอ ?
เมื่อเซี่ยอันหรานเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือใบหน้าที่เหนื่อยล้าของหมิงเยี่ยนเฟย และดูมีความรำคาญเล็กน้อยบนใบหน้าที่อ่อนโยนและสุภาพ ผู้กำกับสุยเจี๋ยที่นั่งถัดจากหมิงเยี่ยนเฟยสวมแว่นตาสีดำและสีหน้าดูจริงจังเป็นอย่างมาก ชาติที่แล้วหมิงเยี่ยนเฟยรับบทเป็นพระเอกในละครเรื่องนี้ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าบทพระเอกของหมิงเยี่ยนเฟยจะได้รับการยืนยันแล้ว ที่เขามาที่นี่ในวันนี้เพื่อร่วมแสดงกับนักแสดงที่ออดิชั่นสำหรับบทบาทอื่น ๆ
เซี่ยอันหรานจับแขนเสื้อที่ซูเซียงเพิ่งฉีดจนขาดและเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เอียงศีรษะไปยังหมิงเหยี่ยนเฟยยิ้มและพูดว่า "พี่หลัวฉี เป็นอะไรไปเหรอคะ ไม่สบายใจเรื่องอะไร เสื้อผ้าของฉันถูกฉีกจนขาดหมดแล้ว ฉันยังไม่โกรธเลย "
เซี่ยอันหรานเพิ่มประโยค ซึ่งสามารถปกปิดปัญหาเสื้อผ้าของเธอที่ถูกฉีกโดยซูเซียงได้อย่างแนบเนียน
หมิงเยี่ยนผงะ ราวกับว่าเขาเห็นเทพจิ้งจอกตัวน้อย "อวี้เอ๋อร์" ออกมาจากบทจริงๆ ไร้เดียงสาและมีเสน่ห์มากจนคนที่เห็นเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขไปด้วย
หมิงเยี่ยนเฟยพ่นลมหายใจแล้วตอบสนองตามตัวละครของหลัวฉี เขาหัวเราะอย่างดื้อรั้นและต่อบทให้ "เพราะฉันหิวน่ะสิ อยกหาอะไรกินสักหน่อย หืม ? ไม่รู้ว่าเนื้อจิ้งจอกย่างจะเป็นยังไงนะ ?”
เซี่ยหรานกระทืบเท้าของเธออย่างแรงและย่นจมูก "หึ พี่หลัวฉีแกล้งฉัน เกลียดจริงๆ เลย ! "
คำพูดและการกระทำของเซี่ยอันหรานไม่เหมือนการกระทำที่คลุมเครือของเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย แต่เหมือนกับการแสดงเหมือนน้องสาวทำกับพี่ชายมากกว่า ท่าทางตุ้งติ้งแบบนี้กลับทำให้คนอื่นยิ้มอย่างรู้ทัน และนึกถึงน้องสาวหรือลูกสาวตัวน้อยในครอบครัว
หมิงเยี่ยนเฟยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวของเซี่ยอันหรานและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เอาล่ะ ไม่แกล้งเธอแล้ว จะซื้อให้ให้กินนะ"
นี่ไม่ใช่บทพูดที่มีในละคร เซี่ยอันหรานไม่คิดว่าหมงเยี่ยนเฟยจะเพิ่มบทละครเอง อย่างไรก็ตามสถานะกการแสดงบละคร
เซี่ยอันหรานก็ลดปากลงเหมือนอวี้เอ๋อร์และย่นจมูก "ฉันอยากกินซาลาเปาหมูลูกใหญ่ๆ "
"ฮ่าฮ่า … เยี่ยนเฟยเลิกแกล้ง 'อวี้เอ๋อร์' เถอะ" สุยเจี๋ยที่ดูจริงจังอยู่เมื่อครู่ก็หัวเราะขึ้นมา "เอาล่ะ ไม่เลวเลย ฉากต่อไป"
หมิงเยี่ยนเฟยกลับมามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสุภาพตามเดิม และพูดกับเซี่ยอันหรานด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ "ขอโทษนะที่เมื่อครู่เติมบทละครไป"
เวี่ยอันหรานหัวเราะเบา ๆ และส่ายหัว
ฉากต่อไปคือฉากการตายของอวี้เอ๋อร์ ในหนัง…อวี้เอ๋อร์ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยหลัวฉีที่ช่วยเหลือเมิ่งฉี่หลัว ช่วยหลัวฉีตามหาเห็ดหลินจือ แต่ระหว่างที่ตามหานั้น เธอกลับโดนสัตว์ประหลาดทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่เพื่อให้หลัวฉีได้กลับไปช่วยเมิ่งฉี่หลัวโดยเร็ว อวี้เอ๋อร์จึงไม่ได้บอกเรื่องที่เธอบาดเจ็บ เมื่อหลัวฉีนำเห็ดหลินจือกลับไปช่วยชีวิตเมิ่งฉี่หลัว อวี้เอ๋อร์ก็ได้สิ้นใจตายในป่าเพียงลำพัง
ฉากนี้ส่วนใหญ่เป็นฉากอำลาระหว่างอวี้เอ๋อร์และหลัวฉี ชาติก่อนเมื่อซูเซียงแสดงในฉากนี้ เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด พลางเรียกชื่อหลัวฉีอย่างน่าอนาถ จากนั้นก็พยายามดิ้นรนหนีความตายด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการแสดงดังกล่าวจะน่าตื่นเต้น แต่ก็ไม่สอดคล้องกับตัวละครของ อวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์นั้นมีนิสัยซุกซนและมีจิตใจที่ดีมาก เธอเต็มใจที่จะสละชีวิตของตัวเองเพื่อเติมเต็มความสุขของผู้อื่น ความสุขของเธอคือการได้เห็นความสุขของผู้อื่น เธอสามารถเฝ้าดูพี่หลัวฉีที่เธอรักวิ่งไปสู่ความสุข แม้ว่าเธอจะเสียใจ แต่ก็ไม่ควรร้องไห้อย่างอ้างว้าง
เซี่ยอันหรานลดสายตาลงเล็กน้อยและสงสัยอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรกับฉากนี้ และได้ยิน หมิงเยี่ยนเฟยถามอย่างเมินเฉย "อวี้เอ๋อร์ เป็นอะไรไป ? "
นี่คือบทละคร เซี่ยอันหรานเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและส่ายหัว "พี่หลัวฉี ฉันไม่เป็นไร พี่รีบเอาเห็ดหลินจือไปช่วยพี่เมิ่งฉี่หลัวเถอะค่ะ"
น้ำเสียงของเซี่ยอันหรานยังคงกระฉับกระเฉง แต่ริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อยและการเคลื่อนไหวที่แข็งของเธอแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตามหลัวฉีที่นึกถึงเมิ่งฉี่หลัวมาโดยตลอดไม่ได้สังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของอวี้เอ๋อร์แม้แต่น้อย หมิงเยี่ยนเฟยผู้สวมบทหลัวฉีขมวดคิ้ว "ก็ได้ พวกเรารีบไปกันเถอะ"
"ไม่ได้ พี่หลัวฉี … " เซี่ยอันหรานพูดพลางสำลักเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างสดใส "อวี้เอ๋อร์เดินช้าเกินไป พี่รีบไปเถอะ ฉันจะพักอยู่ที่นี่ก่อน”
"อืม งั้นฉันไปก่อนนะ" หลัวฉีซึ่งรับบทโดยหมิงเยี่ยนเฟยรีบพูดคำเหล่านี้เสร็จและจากไปอย่างรวดเร็ว
หมิงเยี่ยนเฟยก้าวไปสองสามก้าว จากนั้นก็นั่งกลับไปที่ตำแหน่งเดิมของเขา ในเวลานี้ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มเหยียดหยามของหลัวฉีอีกต่อไป และเขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสุภาพของหมิงเยี่ยนเฟยตามเดิม เขางอคางมองไปที่เซี่ยอันหรานที่อยู่ตรงกลางห้องโถงและดูว่าเธอจะจัดการกับฉากนี้อย่างไร
เซี่ยอันหรานไม่ได้ร้องไห้แต่อย่างใด ดวงตาสีแดงเล็กน้อยของเธอมองไปที่ทิศทางจากไปของหมิงเยี่ยนเฟย แม้ว่าจะมีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเธอ แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วเมื่อบาดแผลฉกรรจ์ของเธอกำลังเจ็บ เซี่ยอันหรานหายใจเข้าสองสามครั้งราวกับว่าพยายามระงับความเจ็บปวด แต่ท้ายที่สุดมันทนไม่ได้กับอาการบาดเจ็บและร่างกายที่อ่อนแอก็ล้มลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล
“ฉันขอโทษ … พี่หลัวฉี ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียใจเพราะอวี้เอ๋อร์ …” เซี่ยอันหรานท่องบรรทัดนี้ด้วยเสียงสั่นเครือเสร็จแล้วน้ำตาก็ไหลลงมา เธอหายใจแรงและหลับตาลงในที่สุด
การแสดงทั้งหมดของเธอในฉากนี้ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่แสดงให้เห็นภาพของเทพจิ้งจอกตัวน้อยที่ไร้เดียงสาและน่ารัก เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นก่อนที่เธอจะตาย
"โอเค ดีมาก! " สุยเจี๋ยยืนขึ้น "ไม่น่าแปลกใจที่ผู้กำกับเหอเฉวียนยกย่องคุณต่อหน้าฉันมันดีมากจริงๆ! เป็น" อวี้เอ๋อร์ "ที่ฉันต้องการ"
สุยเจี๋ยมีสีหน้าตื่นเต้น แม้ว่าตนจะมีชื่อเสียงจากการสร้างภาพยนตร์โฆษณา แต่สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ แต่เขายังเป็นผู้กำกับอีกด้วย ถ้าเขาทำให้หนังของเขาสมบูรณ์มากขึ้นเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ? แม้ว่าบทบาทของอวี้เอ๋อร์จะไม่ใหญ่โต แต่ก็มีความพิเศษมาก หากเซี่ยอันหรานแสดงได้อย่างประสบความสำเร็จ ก็จะเพิ่มมูลค่าให้กับหนังได้มาก
เมื่อหมิงเยี่ยนเฟยได้ยินสุยเจี๋ยพูดถึงเหอเฉวียน เขาก็มองไปที่เซี่ยอันหรานอีกครั้ง มีนักแสดงไม่มากนักที่เหอเฉวียนยกย่องชื่นชม
เมื่อเซี่ยอันหรานเดินออกมาจากห้องออดิชั่นด้วยรอยยิ้ม เฉิงเสี่ยวเถียนก็รีบทักทายเขาเธอในทันที "เป็นยังไงบ้าง สำเร็จไหม"
ขณะที่เธอพูดเฉิงเสี่ยวเถียนลดเสียงลง: "เมื่อกี้ผู้ช่วยของซูเซียงจงใจพูดต่อหน้าฉันว่าบทบาทของอวี้เอ๋อร์ถูกกำหนดให้ซุูซียงไปแล้ว"
เซี่ยอันหรานส่ายหัวเบา ๆ "ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ฉันพยายามเต็มที่แล้ว"
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนได้ยินคำพูดของเซี่ยอันหราน เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย "อ๋อ ยังไม่ได้กำหนดสินะ"
เซี่ยอันหรานพยักหน้า "ใช่น่ะสิ รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วกลับกันเถอะ"
"อันหราน ยังมีบางอย่างที่ไม่ดีที่จะบอกเธอ รถของพวกเรามีปัญหา ไปส่งพวกเราไม่ได้แล้ว ฉันจะเรียกแท็กซี่ให้นะ … " เฉิงเสี่ยวเทียนพึมพำเล็กน้อยอย่างขอโทษ
เซี่ยอันหรานยิ้มและโบกมือ "ฉันไม่มีอะไรต้องทำแล้ว เธอกลับไปก่อน ฉันกลับเองได้"
“ได้ยังไงล่ะ ?” ดวงตาของเฉิงเสี่ยวเถียนเบิกกว้าง
เซี่ยอันหรานยิ้มและกล่าวว่า "ก็ไม่มีงานอะไรแล้ว เธอควรไปพักผ่อน จะได้ทำงานได้ดีขึ้นในอนาคตไง"
"อ้อ ได้เลย" เฉิงเสี่ยวเถียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และพยักหน้าเบา ๆ เธอหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าและส่งให้เซี่ยอันหราน "นี่คือกุญแจสำหรับคฤหาสน์ ฉันจะส่งที่อยู่ของคฤหาสน์ไปให้นะ"
เซี่ยอันหรานหยุดและมองลงไปที่กุญแจในมือ ทันใดนั้นก็รู้สึกร้อนเล็กน้อยที่ฝ่ามือ เธอรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่บริษัทจัดให้เธอ แต่เป็นเหมือนกรงทองที่โม่เซ่าเหยียนมอบให้เธอมากกว่า