"อันหราน? ทำไมไท่พูดไม่จาเลย?" เฉิงเสี่ยวเถียนพบว่าเซี่ยอันหรานไม่พูดว่าแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
เซี่ยอันหรานส่ายหัวเบาๆ : "ไม่มีอะไร แค่คิดว่าบ้านของฉันอยู่ใกล้มาก ที่อยู่ที่บริษัทจัดการให้ ฉันไม่ต้องไปอยู่แล้ว"
"อันนั้นน่าจะไม่ได้ อันหราน……ตอนนี้คุณนับว่าเป็นดาราที่เดบิวต์แล้ว แม้ว่าบ้านของคุณจะอยู่ในเมืองก็ตาม แต่การทำงานของดารานั้นพิเศษมาก บางครั้งคุณกลับบ้านดึกมาก บางครั้งคุณอาจออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ชีวิตที่ผิดปกติแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของคุณ นานๆไปครอบครัวของคุณกลับต้องเป็นห่วงคุณด้วยซ้ำ……อยู่นอกบ้านจะดีกว่า คุณวางใจเถอะ เขตนี้ปลอดภัยมากจริงๆ เพราะเป็นที่พักย่านคนรวย เข้าออกก็ต้องแสกนรูม่านตาและลายนิ้วมือ แม้แต่กลุ่มปาปารัสซี่ที่มีชื่อเสียงก็ไม่สามารถรับข่าวสารได้"
เซี่ยอันหรานได้ฟังการบ่นพึมพำของเฉิงเสี่ยวเถียน ก็ราวกับเห็นเฉิงเสี่ยวเถียนส่ายหัวอย่างแรงอยู่ในโทรศัพท์
เซี่ยอันหรานไม่อาจหลีกหนีการพบเธอได้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วได้แต่ตอบรับว่า : "งั้น งั้นก็เอาเถอะ เมื่อคุณมารับฉัน ก็โทรหาฉันด้วยนะ"
น้ำเสียงเฉิงเสี่ยวเถียนเปลี่ยนเป็นร่าเริงทันที : "โอเค อันหรานคุณวางใจเถอะ"
ได้ยินเฉิงเสี่ยวเถียนทางด้านนั้นวางสายไป เซี่ยอันหรานก็ถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นมานวดๆขมับ พูดเบาๆปลอบใจตัวเองว่า : "หมดหนทางแล้ว ได้เพียงแค่นี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดหาข้ออ้างที่จะปกปิดเรื่องของโม่เซ่าเหยียนต่อครอบครัว"
เซี่ยอันหรานสงบจิตใจลง เอาบทพูดขึ้นมาท่อง คิดเกี่ยวกับการเว้นวรรคประโยคและโทนเสียงในการพูด
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนมารับเซี่นอันหราน เซี่ยอันหรานก็เตรียมตัวเกือบพร้อมแล้ว รถที่ใช้มารับเซี่ยอันหรานเป็นรถพี่เลี้ยงนักแสดงสีดำ คนขับรถดูเหมือนจะเป็นคนซื่อตรงมาก พูดน้อยมาก แนะนำตัวเองเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายอีกเลย
ในรถพี่เลี้ยงมีของมากมายหลายอย่าง ถึงแม้จะยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่เป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ในการถ่ายทำได้ เก้าอี้พับได้ นอกจากนี้ยังมีหมอนอิงหนาๆและกล่องยาขนาดใหญ่เป็นต้น เฉิงเสี่ยวเถียนยังมีเป้สะพายหลังหนึ่งใบ กอดกระติกเก็บความร้อนหนึ่งใบ ราวกับหมีแพนด้าตัวอ้วน
เซี่ยอันหรานนั่งลงบนรถ เฉิงเสี่ยวเถียนก็ส่งกระติกเก็บความร้อนให้เซี่ยอันหราน พูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวังเล็กน้อย : "ฉันไม่มีเวลาต้มซุปเอง นี่คือฉันไปซื้อมา ร้อนนี้ไม่เลวเลยนะ ในซุปที่ต้มไม่ใส่ผงชูรส……ถ้าคุณไม่ชอบ ฉันจะไปเปลี่ยน……”
"ต้องรบกวนขนาดนั้นซะที่ไหนล่ะ?" เซี่ยอันหรานเปิดกระติกเก็บความร้อน ชิมน้ำซุปหนึ่งที : "อร่อยจริงๆด้วย"
เฉิงเสี่ยวเถียนแลบๆลิ้น : "อันหรานคุณอารมณ์ดีจริงๆเลย ฉันเกรงว่าคุณคิดว่าซุปนี้ที่ฉันซื้อมาจากร้านอาหาร คิดว่าฉันยังทุ่มเทไม่พอ"
เซี่ยอันหรานดื่มซุปไปสองอึกใหญ่ๆ : "คุณก็ต้องพักผ่อน จะรบกวนคุณแบบนี้ได้อย่างไร? เช่นนี้ก็ดีมากๆแล้ว"
"ไอ๊หยา ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ผู้ช่วยอย่างเราควรจะทำ อันหรานคุณสุภาพเกินไปแล้ว นักแสดงคนอื่นๆอีกหลายคนไม่ได้สุภาพเหมือนคุณอันหรานเลย ถ้าเธอบอกให้ฉันต้มซุป แต่ว่าฉันไปซื้อซุปกลับมา เธอต้องโกรธมากแน่ๆ"
เซี่ยอันหรานไม่รู้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนเคยอยู่กับนักแสดงที่มีปัญหาคนนั้น ก็เลยบ่นพร่ำมาตลอดทาง
สตูดิโอที่ออดิชั่นมีเสียงดังเอะอะ มีนักแสดงมากมายที่ท่องบทอยู่ มีเจ้าหน้าที่และผู้ช่วยวิ่งไปวิ่งมา แทนที่จะเป็นสตุดิโอออดิชั่น บอกว่าเป็นสนามรบน่าจะดีกว่า คนกลุ่มหนึ่งกำลังแย่งชิงตำแหน่งการแต่งหน้าที่ถูกใจ โดยพยายามลองดูว่าอีกฝ่ายต้องการเล่นบทบาทไหน
มีนักแสดงหญิงหลายคนที่มีชื่อเสียงก็พาผู้ช่วยมาเจ็ดแปดคน ครองบริเวณครึ่งหนึ่งของห้องแต่งหน้า เซี่ยอันหรานไม่สามารถส่องกระจกแต่งหน้าได้เลย โชคนยังดีที่เฉิงเสี่ยวเถียนมีกระจกมา ให้เซี่ยอันหรานใช้แต่งหน้าแก้ขัดไปได้เล็กน้อย
เวลานี้ผู้กำกับก็มาเรียกคนไปสัมภาษณ์พอดี ก็เห็นเซี่ยอันหรานแต่งหน้าตนเองอยู่ ก็ตะโกนทันที : "ช่างแต่งหน้าล่ะ? ปล่อยให้นักแสดงออดิชั่นแต่งหน้าตัวเองได้อย่างไร?"
ผู้กำกับพูดจบ เดินเข้าไปในห้อง
"ไม่ว่างเลย มีเวลาแต่งหน้าให้คนอื่นซะที่ไหน เธอแต่งหน้าตนเองไม่ได้หรือไง?" ช่างแต่งหน้าไม่แยแสคำพูดของผู้กำกับ เธอพูดจบ เธอก็ยิ้มให้นักแสดงหญิงที่กำลังแต่งหน้าอยู่ทันที : "คุณซูเซียง เครื่องสำอางที่ฉันใช้สำหรับคุณเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมทั้งหมด เครื่องสำอางแบรนด์เนมเท่านั้นที่เข้ากับผิวพรรณดีๆของคุณได้"
เมื่อกี้ที่เซี่ยอันหรานเข้ามา ก็เห็นซูเซียงรายล้อมไปด้วยช่างแต่งหน้าสองคนและผู้ช่วยเจ็ดแปดคน แล้วก็รู้ว่าซูเซียงก็มาสัมภาษณ์บท"ยู่เอ๋อร์"ด้วย ตอนนี้ซูเซียงมีชื่อเสียงเล็กน้อยแล้ว ซองแดงที่ให้เจ้าหน้าที่ก็เยอะเช่นกัน ไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้ช่างแต่งหน้าจะรายล้อมซูเซียง
เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจ พูดด้วยเสียงเบาๆว่า: "อะไรกัน ไม่ใช่ช่างแต่งหน้าส่วนตัวของเธอนะ มีสิทธิอะไรที่ใช้ได้เพียงคนเดียว"
"ช่างเถอะ" เซี่ยอันหรานยิ้มแล้วส่ายหน้า
วงการนี้ก็คือโหดร้ายแบบนี้แหละ ไม่มีชื่อเสียงในสังคมกฌไม่ทีอำนาจ ก็จะต้องถูกกดขี่ แต่วงการนี้ก็น่าสนใจอย่างมาก มีวิกฤตที่ไร้ขีดจำกัด ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับอาหารที่ส่งกลิ่นดึงดูดคน ทำให้ยังไงซะเซี่ยอันหรานก็ไม่มีทางละทิ้งงานนักแสดงนี้
แต่ซูเซียงหันไปมองเซี่ยอันหราน เห็นรูปร่างหน้าตาของเซี่ยอันหราน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันทีซูเซียงก็ได้ยินช่างแต่งหน้ากระซิบข้างหูสองคำ หลังจากนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า: "ฉันซูเซียงไม่ใช่คนพาล พี่หลู่คุณไปช่วยเด็กใหม่คนนั้นเถอะ เห็นแล้วน่าเวทนา"
หญิงวัยกลางคนที่ดมื่อกี้อยู่ข้างๆซูเซียงมาโดยตลอดก็ยิ้มขึ้นมาทันที: "ซูเซียง ดาราดังที่ไม่วางอำนาจอย่างคุณนี้ช่างมีน้อยซะจริงๆ"
แต่เมื่อหญิงวัยกลางคนเดินมาถึงเซี่ยอันหราน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย: "ไอ๋หยา คุณผู้หญิง คุณดูรูปร่างหน้าตานี้ของคุณสิ ทำไมมองแล้วไม่เหมือนดาราเลยล่ะ ไม่รู้ว่าจะแต่งหน้าให้คุณยังไงเลยจริงๆ สภาพผิวของคุณก็ไม่ค่อยดี แล้วยังไม่ค่อยขาวอีก ให้พี่หลู่ทาแป้งให้คุณเยอะๆหน่อยนะ……"
พูดพลาง หญิงวัยกลางคนคนนั้นก็หยิบตลับแป้งมาคลึงบนใบหน้าของเซี่ยอันหราน กลิ่นของแป้งนั้นฉันจมูก ชัดเจนว่าเป็นแป้งคุณภาพต่ำ แต่งหน้าให้เซี่ยอันหรานไปพลาง จับผิดรูปร่างหน้าตาของเซี่ยอันหรานไปพลาง ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ขี้น้อยใจสักหน่อย บางทีอาจจะผลักช่างแต่งหน้าคนนี้แล้วเดินออกไปทันที
อีกทั้งช่างแต่งหน้าคนนี้ก็แต่งให้เซี่ยอันหรานจัดมาก นอกจากนี้ยังห่างไกลจากภาพลักษณ์ที่มีเสน่ห์และน่ารักของ "ยู่เอ๋อร์" ซึ่งช่างแต่งหน้าคนนี้จงใจ!
เซี่ยอันหรานมองไปที่ซูเซียวซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายราวกับดวงดาวที่รายล้อมพระจันทร์ ได้ยินมาว่าชาติที่แล้วซูเซียงเป็นคนดีอย่างมาก สื่อมวลชนต่างบอกว่าซูเซียงคือหญิงสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา มีการศึกษาสูงมีความฉลาดทางอารมณ์สูง แต่เซี่ยอันหรานคาดไม่ถึงว่าซูเซียงจะใช้อุบายที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้ เพื่อปราบปรามคู่แข่ง ไม่เพียงแต่ใช้คำพูดที่ไม่ดีเพื่อพยายามระงับความมั่นใจในตนเองของฝ่ายตรงข้าม แต่ยังให้ช่างแต่งหน้าจงใจแต่งหน้าให้เธอไม่สมกับบทบาทของตัวละครอีกด้วย
เซี่ยอันหรานยกมือขึ้น ยิ้มแล้วยับยั้งช่างแต่งหน้า: "พี่หลู่ ไม่ต้องรบกวรคุณขนาดนั้นหรอก แบบนี้ก็ใช้ได้แล้วล่ะ"
พี่หลู่หันไปมองซูเซียง เห็นซูเซียงส่ายหน้าเบาๆ พี่หลู่ก็พูดเสียงดังขึ้นมาทันทีว่า: "แบบนี้ไม่ได้หรอก นี่เป็นงานของฉัน อีกอย่างคุณก็เป็นนักแสดงใหม่ คุณเคยถ่ายหนังมาก่อนหรอ? ฉันเคยผ่านงานละครมามากซะกว่าที่คุณเคยทานข้าวมาอีก? ตอนนี้คุณจะมาสั่งสอนให้ฉันแต่งหน้ายังไงงั้นหรอ? คุณรู้หรอว่าบทละครไหนต้องแต่งหน้ายังไง? การแต่งหน้าเหล่านี้ล้วนเป็นการออกแบบจากประสบการณ์ คุณเข้าใจไหม?"
เซี่ยอันหรานยิ้มเบาๆ: "พี่หลู่คุณอย่าโกรธเลย ฉันแค่เห็นว่ายังมีคนอีกมากมายที่รอแต่งหน้าอยู่ คิดว่าพี่หลู่ตงสามารถไปดูแลพวกเธอได้อีกสักเล็กน้อย การแต่งหน้าของฉันมันใช้ได้แล้วล่ะ"
"ได้" พี่หลู่ได้ยินคำพูดของเซี่ยอันหรานที่พูดได้อย่างเข้าใจขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก อีกทั้งเซี่ยอันหรานก็พูดจาอย่างสงบเสงี่ยมกับเธอมาโดยตลอด ทำให้พี่หลู่ไม่สามารถใช้อุบายหลอกลวงเซี่ยอันหรานได้
พี่หลู่ทำได้เพียงใช้กำลังตบแป้งลงไปอีกเล็กน้อย แล้วจึงพูดด้วยความโมโหว่า: "ได้ ถ้าคุณออดิชั่นไม่ประสบความสำเร็จ ก็อย่ามาโยนความผิดให้ฉันก็แล้วกัน!"
เซี่ยอันหรานส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มแล้วพูดว่า: "พี่หลู่ ฉันจะโทษคุณได้ยังไงล่ะ?"
พี่หลู่ร้องเชอะอย่างเย็นชา แล้วหันเดินหลับไปยังข้างๆซูเซียง เข้าใกล้ข้างหูซูเซียงไม่รู้ว่าพูดอะไร ทำให้ซูเซียงยิ้มยกใหญ่ ซูเซียงยิ้มพลางแล้วหันไปมองเซี่ยอันหรานไปพลาง คล้ายกับเซี่ยอันหรานเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง
เซี่ยอันหรานเหลือบมองตัวเองในกระจกที่แต่งหน้าเข้มสีสันฉูดฉาด ก็อดยิ้มไม่ได้ นี่ไม่เหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่งหรอ? แต่วันนี้เธอจะทำให้ซูเซียงพ่ายแพ้ให้กับตัวตลกอย่างเธอนี้ เธอจะต้องชิงบทบาท"ยู่เอ๋อร์"นี้จากในมือซูเซียงมาให้ได้!
"นี่ก็แกล้งกันเกินไป ชัดเจนว่าอันหรานรูปร่างหน้าตาดีมาก แต่ถูกพี่หลู่พูดจนกลายเป็นแบบนั้น ยังสามารถแต่งหน้าให้ไม่น่าดูขนาดนี้ การออดิชั่นนี้จะเป็นยังไงล่ะ? ถ้ารู้ก่อน ไม่ว่ายังไงก็จะให้เชี่ยนหรงมา ถ้าพี่เชี่ยนหรงมานะ ก็ไม่มีใครกล้ารังแกพวกเรา เป็นฉันเองที่ไม่ได้เรื่อง……ฉัน……." เฉิงเสี่ยวเถียนพูดพลางดวงตาแดงกร่ำ
เซี่ยอันหรานยิ้มแล้วกระซิบเบาๆ: "ไม่เป็นไร เธอแต่งหน้าดีๆให้ฉันไม่ได้ ฉันก็แต่งเองได้"
ชาติก่อนตอนที่เซี่ยอันหรานเข้าวงการบันเทิง ล้วนไม่มีผู้ช่วยข้างกาย ตอนที่เธอถ่ายหนังช่างแต่งหน้าก็ไม่ได้สนใจเธอ บางครั้งเธอก็แต่งหน้าทำผมเอง ต่อมาก็ค่อยๆสั่งสมคนในแวดวง ในที่สุดก็มีผู้ช่วยและได้รับความสนใจจากกลุ่ม แต่เพราะความสัมพันธ์ของถังรั่วชิว จึงต้องออกจากวงการบันเทิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"คุณสมบัติพิเศษของบทบาท"ยู่เอ๋อร์"นี้ก็คือน่ารักไร้เตียงสา ดังนั้นไม่ควรจะแต่งหน้าให้จัดเกินไป เซี่ยอันหรานเช็ดหน้าที่แต่งไว้เข้มก่อนหน้านี้ออกไปก่อน หลังจากนั้นก็แต่งหน้าใหม่อีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความมีเสน่ห์และปราดเปรียวของจิ้งจอกสาว"ยู่เอ๋อร์" พอเซี่ยอันหรานแต่งหน้าเสร็จ เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เฉิงเสี่ยวเถียนที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต: "ว้าว……เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ……"
เฉิงเสี่ยวเถียนไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ไม่เพียงแต่เรื่องเสื้อผ้า แต่ความมีเสน่ห์ของเซี่ยอันหรานที่เปลี่ยนแปลงไป เซี่ยอันหรานก่อนหน้านี้งดงามจนทำให้คนซาบซึ้งใจ แต่แฝงไปด้วยท่าทีเล็กน้อย เป็นสาวสวยงดงามน่านับถือของตระกูลผู้รากมากดี แต่เซี่ยอันหรานในตอนนี้คือมีเสน่ห์ปราดเปรียว เหมือนกับสาวน้อยที่ดื้อซนน่ารักคนหนึ่ง
MANGA DISCUSSION