ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 109 รอยยิ้มแห่งความตาย
เมื่อจางหมิ่นได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะทำอะไรกันแน่ สมมติถ้าเก๋อหงหงขโมยสร้อยจริง นี่ก็เธอลงโทษโหดร้ายเกินแล้ว
แต่เมื่อจางหมิ่นคิดมาถึงเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวโหดร้ายล่ะ? เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นความคิดของเธอ เห็นๆกันอยู่ว่าเธอเป็นคนไม่อยากให้เก๋อหงหงอยู่เคียงข้างฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีกและไม่อยากให้เขาหันมาทำร้ายเธออีก ดังนั้นเธอจึงพูดกระตุ้นให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวลงโทษเก๋อหงหงหนักขึ้น
ในกรณีเรื่องของวันนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอาจจะเป็นเพชฌฆาต แต่จางหมิ่นก็เป็นคนที่ผลักเก๋อหงหงให้โดนมีดของเพชฌฆาตเอง เธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกว่าคนอื่นเขาโหดร้ายได้ล่ะ? เธอจางหมิ่นไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นแล้ว
จางหมิ่นคิดมาถึงตรงนี้ก็หลับตาแน่นแล้วหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง นอกหน้าต่างในช่วงเวลากลางคืนยิ่งมืดมิดมากขึ้น ไม่มีแสงส่องออกมาแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าโลกทั้งใบตกอยู่ในความมืดซะอย่างนั้น
“อ๊า…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวบิดขี้เกียจอย่างช้าๆ: “จริงๆเลยนะ ก็เพราะเก๋อหงหงคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันลำบากมาทั้งคืนแถมยังไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วย ฉันอยากนอนพักผ่อนสบายๆสักหน่อย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ เธอก็หันหลังแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วโยนโทรศัพท์ให้จางหมิ่น: “ถ้างั้น ช่วงนี้เธอทำตัวดีมาก ฉันเชื่อใจเธอ โทรศัพท์นี้ฉันให้เธอเก็บไว้ ถ้าเทียนหลีโทรหาฉัน เธอก็มาหาฉัน ส่วนคนอื่นๆเธอไม่ต้องไปสนใจ!”
ในขณะที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูด เธอก็บิดตัวอีกครั้ง: "ง่วงจริงๆเลย เหนื่อยจะตายแล้ว"
เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวนอนลงบนเตียงและหลับตาลง จางหมิ่นก็เอื้อมมือออกไปแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทิ้งไว้บนเตียง “คุณฉู่ ฉันไปก่อนนะคะ” หลังจากที่จางหมิ่นพูดจบ เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เธอก็โค้งคำนับลงเล็กน้อย จากนั้นก็ออกจากห้องไป
เมื่อเดินออกจากห้องฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นก็กลับไปที่ห้องตัวเอง เธอถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้และหรี่ตาลง ตั้งแต่จางหมิ่นตามติดฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอก็ไม่เคยได้นอนหลับอย่างสบายๆเลย เธอไม่สามารถผิดคำสั่งใดๆของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ ไม่เช่นนั้นเธอและแม่ของเธอก็จะถูกคุกคาม
จางหมิ่นกึ่งหลับกึ่งตื่น จนกระทั่งใกล้รุ่งสาง เสียงโทรศัพท์ของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ดังขึ้น จากนั้นจางหมิ่นก็รีบรับสายทันทีและได้ยินเสียงแหบของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “คุณฉู่ เก๋อหงหงนั่นตายแล้ว! จู่ๆเธอก็ตาย! ใครจะไปรู้ว่าเธอจะอ่อนแอขนาดนี้ ไอ่เด็กอายุสั้นคนนี้โชคร้ายเกินไปแล้ว คุณฉู่ ทำยังไงดี? คุณบอกลูกพี่เซียวหน่อยว่าช่วยปิดเรื่องนี้ให้หน่อย ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ไอ่เด็กคนหนึ่งที่ตายไป"
เมื่อจางหมิ่นได้สิ่งที่ชายคนนั้นพูด ก็ทำเธอตกตะลึงขึ้นมาทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปรับอารมณ์ของเธอให้คงที่และพูดเบาๆว่า “ตอนนี้คุณฉู่พักผ่อนอยู่ ฉันคือจางหมิ่นเลขาของเธอ เก๋อหงหงตายแล้วงั้นเหรอ?”
เสียงแหบแห้งของชายที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์หยุดไปชั่วคราวก่อนจะตอบว่า "อ้อ คุณคือเลขาจางสินะ ก็คือเก๋อหงหงอะ เราแค่ลงโทษเธอนิดๆหน่อยๆ พวกพี่ๆยังไม่ทันได้สมใจอยาก เธอก็ตายแล้วซะงั้น ใครจะไปรู้ว่าเธอจะทนไม่ไหวขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อน เราคงค่อยเป็นค่อยไปแล้วแหละ”
แม้ว่าชายคนนั้นจะไม่พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าคำว่า "ลงโทษ" คือลงโทษยังไง แต่จางหมิ่นก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาจะสื่อมันหมายถึงอะไร จางหมิ่นหลับตาลงแน่น มือของเธอกำลังสั่นเทาและร่างของเธอก็สั่นไปทั้งตัว
แม้ว่าเก๋อหงหงจะน่ารังเกลียด แต่ชีวิตนี้ของเขาก็ถูกฆ่าตายเพราะเธอ จางหมิ่นรู้สึกว่าผิวหนังและวิญญาณของเธอช็อคจนแหลกสลายกลายเป็นผง สายตาตรงหน้าเธอดำสนิท เธอมองไม่เห็นทางข้างหน้าและไม่สามารถหันหลังกลับไปได้ เพราะกลัวว่าหากเธอหันกลับไปจะเห็นดวงตาอันเศร้าโศกของเก๋อหงหง
“ฉันรู้…” จางหมิ่นพยายามสงบสติอารมณ์และพูดเบาๆ “ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณฉู่เอง”
“ดี เร็วๆล่ะ ศพยังวางไว้ที่นี่ ตอนนี้เรื่องใหญ่โตมากปกปิดยากแล้ว” หลังจากเสียงแหบๆของชายคนนี้พูดจบ เขาก็รีบวางสายทันที
จางหมิ่นค่อยๆหลับตาลงช้าๆแล้วก้มศีรษะลงและถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงห้องของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็เดินไปที่ข้างเตียงเธอ
จางหมิ่นก้มศีรษะลงและหรี่ตามองฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังหลับอยู่ อันที่จริงฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ถือว่าดูสวย ความงามของเธอนั้นแตกต่างจากความงามที่สดใสของเซี่ยอันหราน ความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเปรียบเสมือนดอกกล้วยไม้ในหุบเขาลึกหรือดอกบัวสีขาวที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ แต่ความงามของเซี่ยอันหรานนั้นน่าดึงดูดมาก แต่ความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร
แต่เวลานี้ จางหมิ่นไม่สามารถมองเห็นความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้เลย เธอก้มหน้ามองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ราวกับกำลังดูก้อนตะกอนที่ทั้งสกปรกและน่าเกลียด ทำให้คนรู้สึกขยะแขยง
“คุณฉู่ ตื่นได้แล้วค่ะ มีคนโทรหาคุณ” จางหมิ่นหรี่ตาเล็กน้อยแล้วเขย่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวอย่างอ่อนโยน
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหาวแล้วบิดตัวไปมา เธอยังคงหลับตาอยู่ จากนั้นก็พูดอย่างเกียจคร้านว่า: "ใครเหรอ? สายจากเทียนหลีเหรอ? ถ้าไม่ใช่สายของเทียนหลีฉันไม่รับ"
“ถึงแม้จะไม่ใช่สายจากคุณ แต่…ดูเหมือนว่าจะเป็นสายสำคัญ” จางหมิ่นเดินเข้าไปใกล้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวแล้วลดเสียงลงพร้อมกับพูดว่า “คุณฉู่ เก๋อหงหงตายแล้ว!”
“ตายแล้วก็ตายแล้วนะสิ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินว่าไม่ใช่สายจากเซียวเทียนหลี หลังจากนั้นก็ไม่สนใจและขี้เกียจจะฟังอีก จากนั้นเธอก็หาวอีกครั้งและหลับต่อไป
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้ว่าสิ่งที่จางหมิ่นพูดหมายความว่าอะไร เธอขมวดคิ้วช้าๆแล้วลืมตาขึ้นและหันไปมองจางหมิ่น: “เธอบอกว่าเก๋อหงหงตายแล้วงั้นเหรอ เธอ ตายได้ยังไง"
จางหมิ่นกระซิบด้วยน้ำเสียงที่สงบโดยไร้ความรู้สึก : “ได้ยินมาว่า เธอถูกลงโทษ ทั้งๆที่ยังไม่ทันถึงไหนก็ตายซะแล้ว!"
“อ้อ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกระพริบตาถี่ๆและสูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะคอยพูดว่าอยากให้เซี่ยอันหรานตาย ถึงแม้เธอเคยเห็นเซียวเทียนหลีฆ่าคนและเธอไม่เคยทำให้ใครตายด้วยตัวเธอเองมาก่อน ตอนนี้จู่ๆเก๋อหงหงก็มาตายเพราะ "การลงโทษ" ของเธอเอง ทำให้ในใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยวช็อคหนักมาก
เมื่อเทียบกับความรู้สึกผิดและการโทษตัวเองระหว่างจางหมิ่นและฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกังวลมากกว่าเพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะสาวมาถึงเธอ แม้ว่าจางหมิ่นจะมีความสามารถในการจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ แต่เธอฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังจะเป็นนักแสดง ถ้าหากเธอไม่สามารถเป็นคนดังได้เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอก็ทำได้เพียงดูเซี่ยอันหรานค่อยๆกลายเป็นคนดัง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่คุ้มแน่ๆ
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหายใจเข้าลึกๆแล้วหยิบโทรศัพท์จากจางหมิ่น และโทรหาเซียวเทียนหลี แต่ก็ยังคงเป็นหวังอี้เลขาของเซียวเทียนหลีเช่นเคยที่เป็นคนรับสาย: “ต้องขอโทษด้วยครับคุณฉู่ คุณเซียวไม่สามารถรับสายได้”
“ไม่สามารถรับสายได้?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตะโกนเสียงดัง: “สายจากฉันก็ไม่สามารถรับได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรนายให้ รีบหาเทียนหลีให้เจอ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา ไม่อย่างนั้น…”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหรี่ตาลงและพยายามคิดเรื่องที่เธอสามารถคุกคามเซียวเทียนหลีได้ จากนั้นจู่ๆเธอก็ลดเสียงลงและพูดกับหวังอี้ว่า: "ถ้านายไม่ช่วยฉันติดต่อเทียนหลี ฉันจะไปตาย ดูสิว่าเธอจะอธิบายกับเทียนหลียังไง นายก็แค่หมาที่อยู่ข้างๆคอยรับใช้เทียนหลี นายก็น่าจะรู้ว่าฉันสำคัญกับเทียนหลีแค่ไหน นายรีบไปติดต่อเทียนหลีเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้!
หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ ฝั่งหวังอี้ก็เงียบลง จากนั้นฉู่เสี่ยวเฉี่ยวก็ได้ยินเสียงลมพัดมาจากโทรศัพท์ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าข้างนอกหิมะกำลังตก
ทันใดนั้น เสียงยิ้มแย้มของเซียวเทียนหลีก็ดังผ่านโทรศัพท์: "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ยินเสียงของเซียวเทียนหลีมานานแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะสูดจมูกด้วยความน้อยใจพร้อมกับพูดในขณะที่กำลังร้องไห้: “เทียนหลี ทำไมช่วงนี้เธอไม่ติดต่อเค้ามาเลย เธอรู้หรือเปล่าว่าเค้าคิดถึงเธอมากแค่ไหน? "
“อ้อ? คิดถึงฉันอยู่จริงๆเหรอ? คุณไม่มีเรื่องอย่างอื่นให้ทำเหรอ?แก้เหงาเหรอ?” เซียวเทียนหลีพูดออกมาช้าๆด้วยรอยยิ้ม
น้ำเสียงของเซียวเทียนหลีคลุมเครือมาก แต่เพราะว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเคยนอนกับถังรั่วชิวมาก่อน ทำให้ในใจรู้สึกผิดและรู้สึกดูเหมือนกับว่าเซียวเทียนหลีจะมีเรื่องอื่นที่จะพูด เธอจึงพูดอย่างประหม่าว่า: "ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันไม่มีเรื่องอะไรให้ทำทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อคุณหรอก”
เซียวเทียนหลีหัวเราะออกมาเบาๆและพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเคลือตามปกติของเขา: “ก็แค่ล้อเล่น ทำไมคุณถึงกลัวขนาดนี้ล่ะ? บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆถึงทำให้คุณกลัวจนอยากตาย?”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเซี่ยอันหราน!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเสียงดัง
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าการตายของเก๋อหงหง ยังไงซะเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียนก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าเซี่ยอันหรานไม่ยั่วให้เธอโมโหและถ้าเฉิงเสี่ยวเถียนถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมยแล้วถูกจับกุมได้อย่างราบรื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็ไม่ต้องไปลงโทษเก๋อหงหงและเก๋อหงหงก็จะไม่ตาย ทั้งประโยคนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยความมั่นใจและตรงไปตรงมา เพราะในก้นบึ้งของหัวใจเธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ตัวเองไม่ผิดเลยสักนิด คนที่ผิดคือเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียน!
แต่เก๋อหงหงตายภายใต้มือของคนที่เธอส่งไป ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกลำบากเล็กน้อย
“เซี่ยอันหราน?” เซียวเทียนหลีหันศีรษะและเหลือบมองหน้าจอที่อยู่ในห้อง หน้าจอกำลังฉายฉากหนึ่งในรายการที่เซี่ยอันหรานและนักแสดงอีกคนที่ชื่อหมิงเยี่ยนเฟยเข้าร่วมด้วยกัน
ในวิดีโอ แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะมีบาดแผลบนมือ แต่เธอก็ยังช่วยชายคนที่ชื่อหมิงเยี่ยนเฟยทำอาหาร แม้ว่าจะเป็นเพียงอาหารง่ายๆไม่กี่เมนู แต่ดูเหมือนจะอร่อยมาก และแม้ว่าจะถูกกลั่นด้วยหน้าจอทีวีแต่ก็ยังทำให้ได้กลิ่นหอมของอาหาร
เซียวเทียนหลีเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของโม่เซ่าเหยียนตลอด รวมถึงดังฟังเสียงของโม่เซ่าเหยียนที่คุยกับเซี่ยอันหราน อีกทั้งยังมีวิดีโอและรูปภาพของโม่เซ่าเหยียนเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยอันหราน เซียวเทียนหลีก็มีเช่นกัน
เซียวเทียนหลีดูวิดีโอที่เซี่ยอันหรานทำท่าทางกำลังเป่าข้าว จากนั้นก็ค่อยๆหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังและป้อนให้หมิงเยี่ยนเฟย เขายกมุมปากขึ้นเบาๆแล้วเลิกคิ้วและแสดงรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา : "เซี่ยอันหราน่ะ ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้ไม่อนุญาตให้คุณไปหาเรื่องเธอ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ถึงไม่เชื่อฟังฉัน?”
แม้ว่าคำพูดของเซียวเทียนหลีจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่พอหูของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเข้าก็รู้สึกน่ากลัวอย่างมาก บางทีถ้าสำหรับคนอื่นๆ รอยยิ้มหมายถึงความสนิทชิดใกล้และความอ่อนโยน แต่สำหรับเซียวเทียนหลีรอยยิ้มของเขาหมายถึงความตาย
ยิ่งเซียวเทียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยนและเมตตามากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะตายอย่างน่าสังเวชมากเท่านั้น!