เมื่อเห็นว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวพาเก๋อหงหงออกไปแล้ว ทีมงานคนอื่นๆก็เริ่มกระซิบกัน
“เรื่องนี้จบแบบนี้เลยงั้นเหรอ? นี่มันจริงๆเลย ไม่ให้พวกเราพักผ่อนแล้วมาตรวจสอบไปตั้งครึ่งวันทำอย่างกับพวกเราเป็นขโมย สรุปพอหาขโมยเจอกลับเป็นคนรอบตัวเธอ เขาจงใจแกล้งเรางั้นเหรอ?”
“นั่นสิ ยังมาพูดเจ้านายทาสอะไรนั่นอีก เขาปฏิบัติกับเราว่าเราเป็นทาสจริงๆงั้นสิ?”
“หยิ่งชะมัดเลยจริงๆ พอมีอำนาจหน่อยก็อาละวาดใหญ่เลย”
“คนแบบนี้ถ้าดังขึ้นมา อนาคตอยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบเลยนะสิ หยิ่งยโสจริงๆเลย ไม่รู้เลยว่าใครอยู่เบื้องหลังเธอกันแน่?”
“แต่คำพูดสุดท้ายที่อันหรานพูดกับเขานั้นสุดยอดไปเลย ไม่อย่างนั้นในใจก็คงรู้สึกกระอักกระอ่วงตลอดเวลา ถึงแม้ปกติอันหรานจะดูอ่อนแอมาก ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าพูดขนาดนี้”
"นั่นสิ……"
เมื่อได้ยินเสียงสนทนาเหล่านี้ ผู้กำกับจินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ขมวดคิ้วและโบกมือไปมา “เอาล่ะ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เฉิงเสี่ยวเถียนยังคงจำสายตาที่เก๋อหงหงมองเป็นครั้งสุดท้ายได้ดีและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ท่าทางของเธอยังดูพะวง ก่อนที่จะกลับไปที่ห้อง เธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม เซี่ยอันหรานด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ: “อันหราน เธอว่า… เธอว่า… เก๋อหงหงจะเป็นยังไงบ้าง?"
เซี่ยอันหรานตบไหล่เฉิงเสี่ยวเถียนและพูดปลอบโยนเธอเบาๆ: “ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็เป็นผลลัพธ์อันเจ็บปวดที่เขาเป็นคนเลือกเอง มันไม่เกี่ยวกับเรา"
เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วและถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็หันหลังกลับห้องไป
เซี่ยอันหรานถอนหายใจยาว พอกลับถึงห้องเธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับตาลง วันนี้เธอจงใจกระตุ้นฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอไม่คิดเลยว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่โมโห กลับกันดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายถอยด้วยซ้ำ หรือว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังคงกังวลเกี่ยวกับเธออยู่ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยว ก็อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิดหรือเขาอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกกลัวอยู่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่างน้อยช่วงนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ยังไม่แข็งแกร่งมากถึงขั้นสามารถรังแกเธอได้ สถานการณ์ในตอนนี้ยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้
แต่ถ้าฉู่เสี่ยวเสี่ยวกลัวเธอ ทำให้เซี่ยอันหรานรู้สึกว่ามีเพียงคนเดียวที่จะทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกลัวได้นั่นก็คือโม่เซ่าเหยียน เซี่ยอันหรานรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับ โม่เซ่าเหยียน ส่วนใหญ่เป็นความสัมพันธ์ในฐานะคนรวยและผู้ถูกเลี้ยงดู แต่ในสายตาของคนนอก บางทีอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ดูคลุมเครือแบบนี้เลยทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ถ้าเซี่ยอันหรานไม่เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อได้ยินว่าจู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เข้าค่ายนางเอกปีนขึ้นไปบนเตียงของราชาโม่เซ่าเหยียนเพื่อแลกเปลี่ยนในเชิงพาณิชย์ ก็จะรู้สึกแปลกใจและไม่อยากยั่วยุผู้หญิงแบบนี้ให้โมโห
เมื่อคิดถึงโม่เซ่าเหยียน เซี่ยอันหรานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวแล้วหลับตาแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า “โม่เซ่าเหยียนนะ โม่เซ่าเหยียน นายกำลังคิดอะไรกันแน่? ทำไมนายไม่ละเลยฉัน แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยฉันไป?"
ไม่ว่าต่อไปในอนาคตจุดจบของเก๋อหงหงจะเป็นอย่างไร มันก็เป็นผลลัพท์อันเจ็บปวดที่เขาเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับเรื่องโม่เซ่าเหยียน ทั้งๆที่เธอว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่เจ็บปวด แต่เธอก็ยังอยากลิ้มรสชาติของมัน
ตอนนี้โม่เซ่าเหยียนเหมือนได้กลายเป็นแผลที่เน่าเฟะในหัวใจของเธอไปแล้ว เซี่ยอันหรานไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงเขามากเกินไปและไม่กล้าคิดถึงความสัมพันธ์ช่วงก่อนหน้านี้ของพวกเขา เพียงแค่เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับโม่เซ่าเหยียนเพียงเล็กน้อย เซี่ยอันหรานก็จะถูกกดดันและรู้สึกสุดจะทนกับเหตุการณ์ครั้งนั้นในอดีต รู้สึกเงียบเหงาและโดนทอดทิ้งในตอนนี้ แล้วก็ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจโดยที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ มันทำให้เธอเจ็บจนแทบทนไม่ไหว
แม้ว่าเบื้องหลังของฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะเป็นคนแน่นแฟ้น แต่วันนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรังแกทีมงานเหล่านี้เกินไปมาก ตอนนี้ก็เป็นยุคดิจิตอลแล้ว มีการเพิ่มเวยป๋อเกี่ยวกับละครเรื่อง《พระราชวังฟีนิกซ์》บนเวยป๋อแล้ว
“ทำงานในกองถ่ายมาตั้งนานก็ไม่เคยเจอนักแสดงหญิงที่เอาแต่ใจขนาดนี้มาก่อนเลย บ้าไปแล้วจริงๆ คุณพี่คะ ถ้าจะหยิ่งยโสขนาดนี้ ทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ? ถ่ายละครรับบทข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง จริงๆนางมารร้ายในชีวิตจริงยังร้ายยิ่งกว่านางร้ายในละครซะอีก”
เวยป๋อของบุคคลนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นทันที เนื่องจากบุคคลนี้มักโพสต์ภาพบางส่วนในกองถ่ายและได้รับการบูชาเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่จากแฟนๆที่คอยสังเกตเมิ่งเทียนมานานแล้ว
หลังจากที่แฟนๆคนแรกของเมิ่งเทียนเห็นเข้า ก็แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ว่า “ใครเหรอ? อันหรานหรือเปล่า? ช่วงนี้ฉันก็ไม่ชอบเธอ เธอนิสัยเสียในกองถ่ายงั้นเหรอ?เทียนเทียนของฉันถ่ายทำกับผู้หญิงแบบนี้ ฉันเป็นห่วงมากจริงๆ”
“ไม่ใช่อันหราน นิสัยของอันหรานดีมากเลยแหละ ถ้าไม่พูดถึงความจงรักภักดี เธอก็เป็นคนอ่อนโยนมาก คนที่พูดถึงคืออีกคนต่างหาก ทักษะการแสดงแย่มากแต่ยังเล่นเป็นนางเอก นิสัยไม่ดียังตีหน้าทำตัวเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ คนอื่นจะรู้หรือไม่รู้ รอละครออกอากาศแล้วดูผู้หญิงคนไหนเล่นแย่ที่สุดก็คือคนนั้นแหละ แม้แต่บทพูดยังจำไม่ได้ ทำให้เมิ่งเทียนต้องลำบาก แต่ก็หมดหนทาง ใครใช้ให้เป็นผู้หญิงที่มีคนรวยเลี้ยงดูไว้ล่ะ… "บล็อกเกอร์ของเวยป๋อนั้นได้รับการโต้กลับทันที
ในไม่ช้านักแสดงหญิงที่มีบุคลิกแย่ๆ ทักษะการแสดงแย่ๆ และนิสัยไม่ดีคนนี้ ก็ถูกแฟนคลับที่จงรักภักดีของเมิ่งเทียนหมายหัวเป็นอันดับหนึ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน แต่ก่อนที่จะเข้ามาถ่ายทำก็เสียเงินจ้างนักข่าวหลายคนมาสัมภาษณ์เธอ แม้จะไม่เกิดกระแสใดๆ แต่ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว หากต้องการหาตัวตนของเธอก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
แต่ในกองถ่ายไม่ได้มีเพียงคนแฉแค่คนเดียวเท่านั้น ยังมีคนอื่นๆที่โกรธจนทนไม่ไหวก็ออกมาแฉบนอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน และทำให้เรื่องราวในคืนนี้ยิ่งพูดก็ยิ่งบอกรายละเอียดนั้นออกมา เนื่องจากสิ่งที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำลงไปในคืนนี้ อยู่ในระดับที่เกินไปมาก ไม่ใช่แค่แฟนๆของนักแสดงในเรื่อง《พระราชวังฟีนิกซ์》เท่านั้นที่เห็นข่าวการแฉนี้ แฟนๆของนักแสดงคนอื่นๆต่างก็ซุบซิบนินทาเรื่องนี้เช่นกัน
อะไรกัน? ตอนนี้ยังมีนักแสดงที่ทำกับคนอื่นเหมือนเป็นทาสอยู่อีกเหรอ? อนาคตถ้าคนแบบนี้ได้ถ่ายทำกับนักแสดงคนโปรด ถ้าเป็นเช่นนั้นนักแสดงคนโปรดของตัวเองก็คงโดนรังแกตายพอดีนะสิ?
ในยุคนี้ที่อินเทอร์เน็ตพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ชื่อของฉู่เสี่ยวเสี่ยวมีชื่อเสียงในอีกแง่มุมบนอินเทอร์เน็ตทันที
แต่ในตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังไม่รู้ว่าเธอได้รับฉายาว่า “ตู๋ไป๋เหลียน” บนอินเทอร์เน็ต เธอกำลังจ้องเก๋อหงหงในห้องอย่างดุร้ายและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “เธอพูดมาสิ ตกลงสร้อยเพชรไปอยู่ที่ห้องเธอได้ยังไง? เธอขโมยสร้อยเพชรไว้หรือหลังจากนั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงงั้นเหรอ”
แม้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่เปลี่ยนใจเรื่องที่จะลงโทษเก๋อหงหง แต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยากรู้ว่าระหว่างนั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่และถ้าเซี่ยอันหรานเล่นของ เธอจะได้ป้องกันไว้ก่อน ดังนั้นหลังจากฉู่เสี่ยวเสี่ยวพาเก๋อหงหงกลับมาที่ห้อง เธอจึงถามเก๋อหงหงอย่างละเอียดทันที
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่มีทางขโมยสร้อยไว้แน่นอน” เก๋อหงหงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดด้วยเสียงร้องไห้ออกมา: “ฉันจะกล้าได้ยังไง? คุณฉู่ คุณเชื่อฉันนะ! ฉันไม่ได้ซ่อนสร้อยไว้เป็นการส่วนตัวจริงๆ”
“แล้วทำไมถึงเจอสร้อยเพชรในห้องเธอ?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยืนขึ้นด้วยความโกรธ จากนั้นก็ชี้ไปที่เก๋อหงหงแล้วด่าว่า: “เธอยังมีหน้ามาพูดอะไรอีก? เธอจะอธิบายยังไง?”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ!” ในขณะที่เก๋อหงหงร้องไห้ก็อธิบายด้วยความตื่นตระหนกไปด้วย ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นจางหมิ่นแล้วรีบวิ่งไปคว้ามือจางหมิ่นไว้: “พี่จางหมิ่น ช่วยฉันพูดหน่อยสิ พี่ก็รู้ว่าฉันไม่กล้า ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน พี่ช่วยฉันขอร้องคุณฉู่หน่อย!”
แน่นอนจางหมิ่นรู้ว่าเก๋อหงหงไม่กล้าขโมยสร้อยของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไว้เป็นส่วนตัวแน่นอน แต่เก๋อหงหงคนนี้ไม่สามารถเก็บไว้อีกต่อไปแล้ว เก๋อหงหงพูดถึงสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับจางหมิ่นให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวฟัง จางหมิ่นเลยไม่อยากให้เก๋อหงหงอยู่รับใช้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีกต่อไป
จางหมิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจเบาๆ "คุณฉู่เป็นคนฉลาดมาก ถ้าเธอไม่ได้ซ่อนสร้อยไว้เป็นการส่วนตัว ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณฉู่ก็ไม่เอาผิดเธอหรอก เธอไม่ควรให้ฉันขอร้องคุณฉู่ เธอควรอธิบายว่าทำไมถึงเจอสร้อยในห้องเธอ…แล้วก็…”
ขณะที่จางหมิ่นพูด เขาก็มองแล้วทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูด
จางหมิ่นพูดยกย่องในความฉลาดของฉู่เสี่ยวเสี่ยว นี้ยังคงทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวสุขกายสบายใจ ถ้าเธอได้ยินก็จะคลายความโกรธออกมาบ้าง เธอเหลือบไปที่จางหมิ่นอย่างได้ใจและคิดว่า: ถึงจางหมิ่นจะดูซื่อๆบื้อๆ แต่ก็ยังพูดคำพูดรื่นหูเป็นนะเนี่ย
น้ำเสียงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองจางหมิ่นผ่านๆ แล้วเม้มริมฝีปากและพูดว่า "จะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาอ้ำๆอึ้งๆ ฉันไม่กินเธอหรอก!"
จางหมิ่นเหลือบมองที่สีหน้าของฉู่เสี่ยวเสี่ยว แล้วมองลงไปที่เก๋อหงหง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า "คุณฉู่ ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ตอนที่ฉันเอาสร้อยเพชรให้เก๋อหงหง เก๋อหงหงคิดว่าคุณให้เธอ!”
“เฮ้อ… มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ เธอนี้มันเพ้อฝันจริงๆเลย!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างเย็นชาแล้วหันไปมองเก๋อหงหง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย: “เก๋อหงหง เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เธอมันเลขาจนๆ ยังอยากได้สร้อยเพชรด้วย เธอคู่ควรที่จะใส่มันเหรอ?”
แม้ว่าความคิดของเก๋อหงหงจะดูไม่เหมาะสม แต่เขาก็ยังเด็กและผอมบางมาก หลังจากโดนฉู่เสี่ยวเสี่ยวประชด ใบหน้าของเก๋อหงหงก็แดงก่ำด้วยความเขินอายทันที ก่อนหน้านี้เธอกลัวจนร้องไห้ไม่หยุดแต่ตอนนี้เธอหยุดร้องได้แล้ว เพราะน้ำตาทั้งสองข้างไหลออกมาอย่างเงียบๆด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“ฉัน…ฉัน…ฉันไม่คู่ควร…” เก๋อหงหงพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นจนจบประโยค แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวด้วยความสั่นเทา จากนั้นก็พูดว่า "แต่ฉันก็ไม่กล้าซ่อนสร้อยไว้เป็นการส่วนตัวจริงๆ!"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพ่นลมหายใจออกด้วยความเย็นชาแล้วกรอกตาใส่เก๋อหงหงอย่างดูถูกและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ช่างเถอะ เธอก็พูดเป็นแค่ไม่กี่ประโยคนี้เท่านั้นแหละ เอาล่ะ ฉันเก็บเธอไว้ข้างๆฉันไม่ได้แล้ว เธอไปเถอะ"
“ห๊ะ?” เก๋อหงหงไม่คิดเลยว่า ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่ลงโทษเธอแล้วปล่อยให้เธอไปเลย เก๋อหงหงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วโค้งคำนับให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยว: “คุณฉู่ยกโทษให้ฉันได้ ดีมากเลยจริงๆ ได้โปรดคุณฉู่ให้ฉันอยู่เคียงข้างคุณได้ไหม ฉันจะไม่ทำเรื่องอะไรผิดพลาดอีกแล้ว”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเม้มปากแล้วยิ้ม: “ฉันไม่เก็บเธอไว้อีกแล้ว รีบไปไกลๆซะ!”
เมื่อเก๋อหงหงได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างชัดเจน เธอก็ไม่กล้าที่จะอยู่อีกต่อไปและรีบเดินออกจากห้องของฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นเห็นว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวปล่อยเก๋อหงหงไปง่ายๆแบบนี้ เขาก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าจางหมิ่นจะไม่ต้องการให้เก๋อหงหงอยู่ข้างๆฉู่เสี่ยวเสี่ยวต่อ แต่เธอก็ไม่อยากให้เก๋อหงหงถูกลงโทษอย่างรุนแรงเกินไป
จางหมิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวโทรหาใครสักคนตอนเก๋อหงหงออกไป ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดคุยโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ: “เก๋อหงหงนั้นฉันให้พวกนาย เขากล้าทำแผนฉันพัง ฉันก็ต้องลงโทษเธอแน่นอน! ให้พวกนายแล้วกัน แล้วแต่พวกนายเลยว่าจะทำอะไร แค่ทำให้เขารู้สึกตายทั้งเป็นก็พอ"
MANGA DISCUSSION