ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 105 ใครคือขโมย
วันนี้เฉิงเสี่ยวเถียนได้เปลี่ยนแนวคิดและรู้ถึงความชั่วร้ายในตัวมนุษย์ แม้ว่าเธอจะเคยเห็นข่าวคดีฆาตกรรมในทีวี เคยเห็นนักแสดงหญิงเหล่านั้นที่สู้กันเอง และเคยเห็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ต่อสู้กันอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อแย่งชิงอำนาจในนวนิยายราชวงศ์ศักดินาโบราน
แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฉิงเสี่ยวเถียนเห็น "สิ่งเลวๆ" เช่นนี้ในความเป็นจริง เฉิงเสี่ยวเถียนไม่กล้าถามเกี่ยวกับอดีตของเซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีก ตลอดที่ผ่านมาเธอเป็นคนอยากรู้อยากเห็นมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอรู้สึกไม่อยากรู้เรื่องนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ เธอกลัวรู้ความเลวของคนๆหนึ่งนั้นไร้ซึ่งขอบเขต
“อันหราน เธอว่าควรทำยังไงดี?” เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ต่อไปฉันจะระวังให้มากขึ้นและจะไม่ทำให้เธอต้องลำบากอีก”
เซี่ยอันหรานยิ้มพร้อมกับส่ายหัว: "เป็นฉันต่างหากที่ทำให้เธอลำบาก"
อันที่จริงเซี่ยอันหรานก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย หากเธอไม่เจอสร้อยในกระเป๋าเป้ของเฉิงเสี่ยวเถียน และถ้าเฉิงเสี่ยวเถียนถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวใส่ร้ายจนสำเร็จ เธอก็ไม่รู้จริงๆว่าจะต้องเผชิญกับมันเรื่องนี้ยังไง ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอต้องรู้สึกผิดต่อเฉิงเสี่ยวเถียนแค่ไหนกัน
แต่โชคดีที่เธอเจอทันเวลา ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับคืนมาได้แล้วจริงๆ
“เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ฉันจะกลับไปที่ห้องก่อนนะ” เซี่ยอันหรานพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ: “เธอก็ต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าตื่นตระหนกเด็ดขาดและอย่าทำท่าทางเหมือนรู้ว่าสร้อยอยู่ที่เก๋อหงหง ถ้าหากฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องการจับขโมยในครั้งนี้แล้วไปเจอสร้อยที่เก๋อหงหง คงทำให้ทีมงานทั้งหมดไม่พอใจมากแน่ ต่อไปเธอก็จะลงมือใส่ร้ายเรายากขึ้น"
“ฉันเข้าใจแล้ว” เฉิงเสี่ยวเถียนพยักหน้าเบา ๆ : “ไม่ต้องห่วงหรอก”
เซี่ยอันหรานพยักหน้าแล้วหันหลังเตรียมตัวเดินออกจากห้องของเฉิงเสี่ยวเถียน ขณะที่เซี่ยอันหรานเปิดประตูออก จู่ๆเฉิงเสี่ยวเถียนก็ถามขึ้นมา: "อันหราน ฉันสงสัยมาตลอด เห็นๆกันอยู่ว่าเธออายุน้อยกว่าฉัน แต่ทำไมเธอถึงเข้าใจอะไรมากขนาดนี้ แถมยังดูเหมือนว่าเธอผ่านประสบการณ์มามากมายอย่างงั้น?”
เพราะอายุทั้งสองชาติรวมกันเพียงพอที่จะเป็นพี่ใหญ่ของเธอไงล่ะ!
ในใจเซี่ยอันหรานคิดแบบนั้น เธอค่อยๆหันกลับไปช้าๆและกระพริบตาปริบๆให้เฉิงเสี่ยวเถียน ทำท่าทางไร้เดียงสาพร้อมกับพูดอย่างน่าขันว่า “จริงเหรอ? ฉันดูเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ผู้ใหญ่แปลว่าแก่หรือเปล่านะ? เธอกำลังบอกว่าฉันแก่งั้นเหรอ?”
เฉิงเสี่ยวเถียนเห็นท่าทางที่ไร้เดียงสาของเซี่ยอันหรานและรู้ว่าเซี่ยอันหรานจงใจหยอกล้อเธอ เฉิงเสี่ยวเถียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ ไม่ใช่ อันหราน เธอดูน่ารักมาก ทั้งเด็กทั้งสวยแถมยังน่ารัก”
เซี่ยอันหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา: “พอแล้ว ไม่ล้อแล้ว ฉันกลับก่อนนะ"
หลังจากที่เซี่ยอันหรานพูดจบก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง หลังจากกลับมาถึงห้อง เซี่ยอันหรานก็ถอนหายใจยาวแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองดูค่ำคืนอันมืดมิดด้านนอก และพูดเบาๆว่า "ฉู่เสี่ยวเสี่ยวนะฉู่เสี่ยวเสี่ยว ดูๆแล้วถ้าเธอยังไม่ตาย ฉันคงไม่ได้ใช้ชีวิตดีๆ"
ถึงแม้เซี่ยอันหรานจะพูดด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ แต่พอเธอคิดว่าจะฆ่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ทำตัวเองตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย
เธอเซี่ยอันหรานใช้ชีวิตมาแล้วสองชาติ ยังไม่เคยฆ่าใครจริงๆ ไม่ว่าจะมีเกลียดฉู่เสี่ยวเสี่ยวมากแค่ไหน พอคิดว่าจะฆ่าคนในใจของเซี่ยอันหรานก็สั่นคลอน
เซี่ยอันหรานนั่งบนโซฟาข้างหน้าต่างแล้วหลับตาลงช้าๆ เธอปล่อยวางให้สมองว่างเปล่าและมีเงาของโม่เซ่าเหยียนปรากฏขึ้นในหัวของเธอ บางทีอาจจะเป็นเพราะห่างกับโม่เซ่าเหยียนนานเกินไป ภายในหัวของเซี่ยอันหรานเงาของโม่เซ่าเหยียนค่อยๆจางลง สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันหรานรู้สึกว่าถ้าโม่เซ่าเหยียนบอกเธออย่างชัดเจนในตอนนี้ว่าเขาไม่อยากอยู่กับเธออีกต่อไปแล้ว เธออาจจะไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไปก็ได้ อาจจะ……
เซี่ยอันหรานหลับตาลงอย่างแรงและหลังจากรอมาครึ่งชั่วโมงกว่า ก็ได้ยินเสียงข้างนอกเอะอะโวยวายกัน มีคนเคาะประตูห้องของเซี่ยอันหรานและพูดด้วยน้ำเสียงลังเลว่า: "อันหราน เกิดเรื่องแล้ว ผู้กำกับบอกให้ทุกคนไปรวมกันที่ล็อบบี้"
คืนนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้บ้างล่ะ? ก็มีแต่เรื่องที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำสร้อยเพชร "สูญหาย" เท่านั้นแหละ เซี่ยอันหรานรู้ว่าในคืนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะแสดงละครได้ดี แต่ไม่คิดว่าคืนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะโวยวายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้
ถ้าเป็นเพราะเรื่องสร้อยแล้วฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้างั้นก็น่าสนใจเข้าแล้วนะสิ คืนนี้ถ้าฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำเรื่องให้ใหญ่โตมากแค่ไหนก็จะขายหน้าคนอื่นมากเท่านั้น!
เซี่ยอันหรานหันกลับมาเปิดประตูทันที เมื่อเห็นทีมงานยืนอยู่ตรงประตู เซี่ยอันหรานก็ถามด้วยร้อยยิ้ม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ? ถึงให้ทุกคนไปรวมกันที่ล็อบบี้”
“เฮ้อ…” ทีมงานที่มาบอกเซี่ยอันหรานให้ไปที่ล็อบบี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้: “คุณอันหราน ก็เพราะคุณฉู่ทำสร้อยหายนะสิ เธอเอาแต่พูดว่าคนในทีมงานของเราขโมยไป ให้พวกเราออกไปกันให้หมดเธอจะค้นห้อง”
เซี่ยอันหรานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย: “แปลกจัง ถ้าสร้อยหายก็ควรหาจากคนรอบข้างก่อนไม่ใช่หรือไง? สมมติถ้าทำเครื่องประดับแพงๆหายจริงๆ ก็ควรโทรแจ้งตำรวจสิ เธอจะมาค้นห้องของเราได้ยังไงกัน? "
“ใครๆก็ว่าอย่างนั้น เฮ้อ เมื่อกี้เมิ่งเทียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปรอบหนึ่ง แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ อันหราน เธอนี้ช่างเข้าใจสถานการณ์จริงๆ” ทีมงานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้: “เรา เรา… ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอก็รู้นิสัยของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ผู้กำกับจินของเราก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน หมดหนทาง…”
ในขณะที่ทีมงานพูดก็ลดน้ำเสียงลง: "คนที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวแข็งแกร่งจริงๆ"
"โอ๊ะ?" เซี่ยอันหรานผู้ที่คอยสงสัยเกี่ยวกับคนที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวเสมอมา ก็ถอนหายใจเบาๆและแสร้งทำเหมือนถามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ: "ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็น่ากลัวมาตลอดหนิ ตกลงใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังเธอนะ? ทำให้ทุกๆคนกลัวเธอมากขนาดนี้?"
“โธ่เอ้ย นี่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามคนที่อยู่เบื้องหลังเธอนั้นน่ากลัวมากเลยแหละ อันหราน เธอไปที่ล็อบบี้ได้ใช่ไหม? ฉันก็แค่คนส่งสาร จริงๆก็ลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน” สีหน้าของทีมงานเต็มไปด้วยความลำบากใจ
เซี่ยอันหรานยิ้มและพูดว่า "ฉันรู้แล้ว ฉันจะไปที่ล็อบบี้เดี๋ยวนี้แหละ"
“เฮ้อ…” ทีมงานถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณอันหรานพูดแบบนี้ ฉันก็โล่งใจ ถ้าทุกคนนิสัยดีเหมือนคุณอันหรานก็คงดี พวกเราก็ไม่ต้องลำบากใจขนาดนี้ คุณอันหรานก็รู้ลูกน้อยตัวเล็กๆอย่างพวกเรา ต่างก็ฟังแล้วทำตามคำสั่งเท่านั้น ทำให้พวกเราลำบากใจก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถ้างั้นคุณอันหรานไปก่อนเถอะ ฉันจะต้องไปแจ้งคนอื่นๆอีกน่ะ"
เซี่ยอันหรานยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆแล้วเดินลงชั้นล่างไป เมื่อมาถึงล็อบบี้ก็มีคนลงมาเยอะมากแล้ว เฉิงเสี่ยวเถียนเองก็ยืนทำหน้ากังวลอยู่ตรงนั้น เมื่อเธอเห็น เซี่ยอันหรานกำลังเดินมา เฉิงเสี่ยวเถียนก็รีบวิ่งไปด้านข้างเซี่ยอันหรานและบีบไปที่ชายเสื้อของเซี่ยอันหรานด้วยความขี้ขลาด: "อันหราน…"
เซี่ยอันหรานตบหลังมือของเฉิงเสี่ยวเถียนเบา ๆ : "ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก"
เฉิงเสี่ยวเถียนก้มศีรษะลง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังจ้องเธอและเซี่ยอันหราน ตอนนี้พอเฉิงเสี่ยวเถียนเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีและอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งเล็กน้อย
แต่พอฉู่เสี่ยวเสี่ยวเหลือบไปที่เฉิงเสี่ยวเถียนก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ยในขณะที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงกลางโซฟาพร้อมกับยิ้มอย่างได้ใจ คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉู่เสี่ยวเสี่ยวคือผู้กำกับจินผู้ที่มีใบหน้าสงบและเมิ่งเทียนที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ถ้าไม่นับตอนโมโหเมิ่งเทียนก็เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีแย่ๆแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก
ไม่แปลกใจเลยที่เมิ่งเทียนโกรธ ทีมงานกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมหลังจากถ่ายทำเสร็จก็ดึกมากแล้ว แถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อถ่ายฉากพระอาทิตย์ขึ้น ทีมงานส่วนใหญ่มักอาศัยเวลานี้เข้านอน ต่างก็รู้ว่าการเป็นทีมงานในการถ่ายทำบางครั้งแทบไม่มีเวลานอนเลย ดังนั้นเวลานอนจึงมีค่ามากๆ
ดังนั้นสีหน้าของเมิ่งเทียนดูน่าเกลียดมาก น้ำเสียงของเขาก็แย่ลงมากเช่นกัน: "ฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอมีอะไรก็รีบๆพูด ไม่ใช่ลากคนมามากมายแล้วรออยู่แบบนี้ พรุ่งนี้เธอไมมีเรื่องอะไรให้ทำ แต่พรุ่งนี้พวกเราต้องถ่ายทำต่อ"
ใบหน้าของผู้กำกับจินก็แย่มากเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้ทำตามคำสั่งของเธอเลย ทุกคนมาครบแล้ว เธอจะหาสร้อยก็รีบหาเถอะ…”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยกมือขึ้นแล้วมองดูเล็บของตัวเองพร้อมกับพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “จะรีบทำไมกัน? ค่อยเป็นค่อยไป ยังไงเราก็มีเวลาทั้งหนึ่ง”
“นี่…” ผู้กำกับจินพูดด้วยความลำบากใจ “พรุ่งนี้เราต้องถ่ายทำกันจริงๆ ถ้าคืนนี้ยังยึกยักไปมา พรุ่งนี้เราก็ถ่ายทำไม่ได้”
“หึ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา “ถ่ายละครสำคัญกว่าฉันหาสร้อยงั้นเหรอ? คุณรู้ไหมว่าสร้อยของฉันราคาเท่าไหร่? แค่คุณ? ชาตินี้ทั้งชาติคุณก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อสร้อยนี้หรอก”
“เธอ!” ความหยิ่งยโสของฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้ผู้กำกับจินโกรธจนลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้ไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นเวลานานโดยไม่ได้พูดอะไร
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเยาะเย้ยอย่างดูถูกเหยียดหยาม เดิมไม่อยากพูดอะไรด้วยซ้ำ แต่จางหมิ่นซึ่งยืนอยู่ข้างๆฉู่เสี่ยวเสี่ยวก้าวไปข้างหน้าและพูดเสียงเบาว่า "คุณฉู่ หาสร้อยเพชรสำคัญกว่า"
ในขณะที่จางหมิ่นพูดก็หันศีรษะและมองไปที่ห้องของเซี่ยอันหราน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นสายตาของเซี่ยอันหรานก็หันไปมองตามเซี่ยอันหราน และเพิ่งตระหนักขึ้นมาได้ว่าการลงโทษเซี่ยอันหรานกับเฉิงเสี่ยวเถียนต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย: “ถ้างั้น ตอนนี้เรามาเริ่มค้น ค้นแต่ละห้องให้ทั่วรอบหนึ่ง ดูสิสร้อยของฉันอยู่ที่ใครคนนั้นก็คือขโมย!"
แม้ว่าเมิ่งเทียนจะรู้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวมีคนหนุนหลังอยู่ แต่เขาในฐานะที่เป็นผู้ชายก็มีนิสัยเจ้าอารมณ์อยู่บ้าง แถมเขาก็ถือว่าเป็นคนฮอตระดับหนึ่ง เขาไม่สามารถยืนรอให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวค้นห้องต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วทันที"ฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอทำของหายก็ควรโทรแจ้งตำรวจแล้วให้ตำรวจมาสอบสวน เธอมีสิทธิ์อะไรมาค้นตัวพวกเรา?”
“เพราะฉันคือฉู่เสี่ยวเสี่ยว ฉันเลยมีอำนาจที่จะค้นตัวนาย” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเอียงศีรษะและพูดด้วยรอยยิ้มอย่างได้ใจ: “ถ้านายมีปัญญาก็ลองต่อลองกับฉันสิ ดูสิว่านายจะลงเอยยังไง?”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกเสมอว่าตัวเองไม่ได้รับบความเป็นธรรมมามากพอแล้ว การถ่อมตัวเพื่อเอาใจผู้อื่นในตอนที่เธอทำเช่นนั้น เธอสามารถหาทุกวิถีทางเพื่อประจบคนอื่นแถมเธอยังต้องพยายามใช้สมองอย่างมาก
แต่หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้รับความช่วยเหลือจากเซียวเทียนหลี ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าคนมากมาย เธอคิดแค่ว่าจะใช้อำนาจในมือเพื่อกดขี่ผู้อื่น แสดงอำนาจในมือให้คนอื่นเห็นและขี้เกียจที่จะใช้สมอง ทำให้ดูโง่กว่าเมื่อก่อนเยอะเลยทีเดียว