ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 100 คิดแผนร้ายอีกครั้ง
ที่น่าเสียดายก็คือ ตอนนี้จางหมิ่นไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้เลย แม้ว่าจางหมิ่นจะรู้สึกว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นร้ายกาจอย่างถึงขีดสุด แต่ว่าก็ไม่มีวิธีที่จะเล่นงานฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้เลย
จางหมิ่นกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งเดียวที่เธอสามารถจะทำได้ก็คือปกป้องเฉิงเสี่ยวเถียนอย่างสุดกำลัง พูดโน้มน้าวอย่างเต็มที่ให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนความคิดเสีย
จางหมิ่นสูดหายใจเข้าเต็มปอดเฮือกใหญ่ หันหน้าไปมองเซี่ยอันหราน จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กๆ “คุณหนูฉู่คะ ความคิดของคุณนั้นดีมากเลยค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าทำลงไปจะไม่เสี่ยงเกินไปเหรอคะ ในเมื่อเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลังจากที่เฉิงเสี่ยวเถียนถูกคุกคามไปแล้ว เรื่องกระจายเป็นวงกว้าง ทำให้เซี่ยอันหรานโกรธแล้วไปแจ้งความกับตำรวจ ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อไปคะ”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกลอกตาใส่จางหมิ่นไปหนึ่งที แล้วส่งเสียง “หึ” เย็นๆ ออกมา “ต่อให้พวกมันไปแจ้งความ แล้วมันจะทำอะไรได้ หรือว่าเทียนหลีจะยอมให้ฉันติดคุกอย่างนั้นเหรอ หรือต่อให้ฉันติดคุก ก็จะมีคนเข้าไปถูกขังแทนตัวฉันอยู่ดี”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดไปพลางและก็กวาดตาไปมองจางหมิ่นไปพลาง จางหมิ่นรู้สึกตกใจหวาดผวาจากสายตาของฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กวาดตามองมาที่ตน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้แทบจะพูดออกมาตรงๆ แล้วว่า ถ้าหากว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวถูกเปิดโปงเรื่องออกมาและถูกจับ ถึงตอนนั้นคนที่จะต้องเข้าไปติดคุกแทนก็คือตัวเธอเอง จางหมิ่น
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เพื่อตัวของเฉิงเสี่ยวเถียนแล้ว แต่ก็ถือว่าเพื่อตัวเธอเองที่จะได้ไม่ต้องรับโทษของฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นจะต้องไม่ให้เฉิงเสี่ยวเถียนทำให้เรื่องบานปลาย เพราะเมื่อถึงตอนนั้นเฉิงเสี่ยวเถียนก็จะมีคนมาคอยช่วยปกป้องอยู่ดี แล้วตัวเธอล่ะ จางหมิ่นใครจะเป็นคนมาช่วย
จางหมิ่นก้มหน้าลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว “คุณหนูฉู่คะ ไม่ว่าด้วยเหตุอะไรคุณเซียวก็จะต้องมาอยู่ที่ข้างกายของคุณอย่างแน่นอน เพื่อปกป้องคุณ…….”
ประโยคนี้พูดได้ถูกใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นอย่างมาก ทำให้มุมปากของฉู่เสี่ยวเสี่ยวยกขึ้นยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า “คำพูดนี้ของเธอ พูดได้ดีมากเลยนะ!”
“ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนี่คะ คุณหนูฉู่” จางหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่ต่อมาในทันทีเธอก็ทำท่าทางเป็นกังวล เงยหน้าแล้วมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าคุณหนูฉู่เคยคิดไหมคะว่า ถ้าหากว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ทางฝั่งตำรวจอาจถูกคุณเซียวทำให้เรื่องเรียบร้อยดีได้ แล้วทางฝั่งนักข่าวล่ะ ถ้าคิดว่าทางนักข่าวเองก็ถูกซื้อตัวไป ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าอย่างแล้วเซี่ยอันหรานก็จะเป็นโคมที่มีน้ำมันเหลืออยู่น้อยนิด ง่ายต่อการจัดการ และไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว”
“เธอต้องการจะสื่ออะไร” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินที่จางหมิ่นพูดดังว่า ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย และหันหน้าไปมองจางหมิ่นแล้วหรี่ตาถามอย่างสงสัย
จางหมิ่นขมวดคิ้ว ทำท่าทางประหนึ่งว่ากำลังรู้สึกสงสารอยู่ “เมื่อถึงตอนนั้นคุณหนูฉู่จะยังสามารถทำงานอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปได้อีกหรือคะ ในตอนนี้คุณหนูฉู่ ท่านคือนักแสดงนำหญิงนะคะ เซี่ยอันหรานเป็นนักแสดงตัวรอง แต่ว่าถ้าหากมีข่าวแย่ออกไปล่ะก็ คุณหนูฉู่จะยังสามารถทำงานอย่างสุดความสามารถในวงการได้หรือคะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นการให้ยื่นบัลลังก์ตำแหน่งอันสูงสุดให้เซี่ยอันหรานไปเสียเฉยๆ เหรอคะ ปัจจุบันนี้โลกก็ได้พัฒนาอินเทอร์เน็ตไปอย่างมาก พวกเธอไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกบรรดานักข่าวมาเลย เพียงแค่ต้องเขียนข้อความลงบนเวยป๋อไม่กี่ข้อความ ก็สามารถที่จะทำลายชื่อเสียงของคุณหนูฉู่ได้แล้วนะคะ ถ้าหากว่าชื่อเสียงของคุณหนูฉู่ไม่ดี ทำให้เกิดการรวมตัวต่อต้านของบรรดาผู้ชม ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วก็คงจะหาวิธีจัดการยากแล้วค่ะ”
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินคำที่จางหมิ่นพูดดังว่า ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แต่ว่าก็ยังคงปากหนัก “มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ หรือว่าพวกคนดูเน่าๆ ที่โง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะมาขัดขวางการถ่ายละครของฉันได้อย่างนั้นเหรอ ที่เทียนหลีมีอยู่ก็คือเงินทองนะ สามารถหาผู้กำกับและนักเขียนบทมาให้ฉันได้อยู่แล้ว”
จางหมิ่นก็รับรู้ได้แล้วว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นเกลียดเซี่ยอันหรานเสียจนเข้ากระดูกดำ ขอเพียงแค่พูดถึงเซี่ยอันหรานขึ้นมา ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็จะต้องเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
จางหมิ่นเห็นว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวมีท่าทีดูเหมือนกับว่าจะเปลี่ยนใจจึงรีบพูดขึ้นต่อว่า “ฉันทราบดีค่ะว่าคุณเซียวดูแลและปกป้องคุณหนูฉู่ดี แล้วเฉิงเสี่ยวเถียนนั่นมีอะไรดีคะ ถึงได้คุ้มค่าที่จะให้คุณหนูฉู่เอาชื่อเสียงของตนเองเข้าไปเสี่ยง ให้ไปเปลืองแรงเปลืองเวลาเพื่อเล่นงานเธอ แล้วถ้าเธอจะมาฉุดรั้งเส้นทางการเป็นดาราของคุณหนูฉู่ อย่างนั้นยิ่งไม่คุ้มค่าเลยนะคะ เธอเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยตัวน้อยๆ ถ้าหากว่าเป็นการผลักความผิดอย่างเรื่องขโมยของไปเสีย แล้วเธอจะยังสามารถทำงานอยู่ในกองถ่ายได้อีกเหรอคะ แม้แต่เซี่ยอันหรานก็ยังจะต้องขายหน้าไปด้วย เธอเลี้ยงดูผู้ช่วยให้รู้จักขโมยของ เธอใจร้ายกับผู้ช่วยเอามากๆ เสียจนทำให้ผู้ช่วยจำเป็นที่จะต้องไปขโมยของเพื่อดำรงชีวิต”
จางหมิ่นกล่าวเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมามองดูท่าทีของฉู่เสี่ยวเสี่ยวอย่างละเอียด ตั้งใจมองดูความเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยบนใบหน้าของฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นกลัวว่าตัวเองจะพูดโน้มน้าวฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่สำเร็จ และฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังคงยึดมั่นในความตั้งใจเดิมอยู่
เมื่อถึงตอนที่เรื่องราวทุกอย่างทำสำเร็จตามแผนแล้ว ตัวเธอกับเฉิงเสี่ยวเถียนก็จะพังพินาศ แต่เมื่อนำเรื่องความคิดของฉู่เสี่ยวเสี่ยวมาเปรียบเทียบกับเรื่องปรักปรำเฉิงเสี่ยวเถียนถึงการขโมยของ ทีนี้ความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงต่อเธอและเฉิงเสี่ยวเถียนก็จะน้อยลงมาแล้ว
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเบือนหน้าหนีไปแล้วครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วจึงยิ้มขึ้นมาบางๆ “ไม่คิดเลยนะว่าแกจะมีความคิดดีๆ กับเขาเหมือนกัน”
ในใจของจางหมิ่นเบาลงอย่างโล่งอก แล้วรีบส่ายหน้าทันที “คุณหนูฉู่ นี่เป็นความคิดที่ดีอะไรกันคะ ฉันยังคิดแผนการดีๆ ที่จะจัดการเซี่ยอันหรานไม่ออกเลยนะคะ นี่ฉันยังทำได้ไม่ดีพอหรอกค่ะ”
“โห……..” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวค่อยๆ ยิ้มขึ้นมาอย่างช้าๆ “เธอฉลาดขึ้นมาเร็วมากจริงๆ นะ ทำให้ฉันประหลาดใจเสียจริงๆ เลย เธอคิดเพื่อฉันมาเสียขนาดนี้เลย ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ เธอไปจัดการเถอะ เธอจะต้องจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อยนะ!”
จางหมิ่นชะงักไปเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้ว “คุณหนูฉู่ ฉันอยากที่จะช่วยท่านจัดการเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ แต่ว่าเป็นเพราะว่าฉันต้องคอยดูแลคุณหนูฉู่มาโดยตลอด เลยเคยเกิดเรื่องขัดแย้งกับเฉิงเสี่ยวเถียน เฉิงเสี่ยวเถียนเลยไม่ไว้ใจฉันแล้วค่ะ ”
จางหมิ่นไม่สามารถออกหน้าไปจัดการทำร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยตัวเองได้ ถ้าหากว่าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา เธอก็จะต้องถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวกล่าวโทษ ถ้าหากว่าเรื่องทำสำเร็จขึ้นมา ก็จะต้องเป็นการกระทำผิดต่อเซี่ยอันหราน
จางหมิ่นเห็นว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่กล้าลงมือเล่นงานต่อเซี่ยอันหราน ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวต่ออำนาจที่คอยหนุนหลังเซี่ยอันหรานอยู่ ถ้าอย่างนั้นแล้วคนที่ถูกบังคับขู่เข็ญจากฉู่เสี่ยวเสี่ยว ด้วยเหตุอะไรทำไมถึงจะต้องไปกระทำผิดต่อเซี่ยอันหรานด้วยล่ะ
แต่จางหมิ่นเองก็ไม่กล้าลงมือทำ แม้ว่าความคิดนี้จะเป็นตัวเธอเองที่เสนอขึ้นมา เธอคิดว่าไม่สามารถลงมือเล่นงานเฉิงเสี่ยวเถียนได้ เพราะรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่หน้าไหว้หลังหลอกอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะความคิดก่อนหน้าของฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นโหดร้ายยิ่งกว่านี้ เธอก็คงจะไม่เสนอความคิดทำร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยเรื่องขโมยของแบบนี้ขึ้นมา
“ห๊ะ?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินคำที่จางหมิ่นพูด ก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “นี่เธอตั้งใจเต็มที่ขนาดนี้เลยอย่างงั้นเหรอ ยากนะที่จะได้เห็นเธอเป็นแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะตั้งใจทำเพื่อฉันเสียขนาดนี้”
จางหมิ่นพยักหน้า พูดออกไปอย่างจริงใจว่า “ถ้าหากว่าไม่มีคุณหนูฉู่และคุณเซียว คุณแม่ของฉันก็คงจะลาโลกไปตั้งนานแล้วค่ะ ทำไมฉันถึงจะจำบุญคุณของคุณหนูไม่ได้ล่ะคะ”
“เป็นความจริงเหรอ” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่เชื่อจางหมิ่นว่าจะอุทิศตัวทำเพื่อเธอถึงขนาดนี้
คุณแม่ของจางหมิ่นได้รับความช่วยเหลือที่ดีขึ้นมาได้ ก็เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอและเซียวเทียนหลี แต่ว่าเธอก็กลั่นแกล้งทรมานจางหมิ่นมาโดยตลอดไม่ขาด แล้วจางหมิ่นจะทำเพื่อเธอได้ถึงขนาดนี้อย่างงั้นเหรอ
“เป็นความจริงค่ะ แต่ว่าสาเหตุที่ฉันทำเพื่อคุณหนูฉู่ขนาดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพราะว่าได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูฉู่และคุณเซียว” จุดประสงค์ที่สำคัญมากที่สุดของจางหมิ่นในตอนนี้ก็คือการได้รับความเชื่อมั่นจากฉู่เสี่ยวเสี่ยว แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นการขัดต่อความจริง แต่ว่าเธอก็ไม่คิดเสียใจเลย
“ห๊ะ? ยังมีสาเหตุอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามออกมา
จางหมิ่นพยักหน้า ตอบกลับไปด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “และยังเป็นเพราะว่าฉันกลัว กลัวว่าจะเผลอไปทำให้คุณหนูฉู่รู้สึกขัดใจ คุณหนูฉู่ในตอนนี้ได้รับการปกป้องจากคุณเซียว และยังเป็นดาราดัง ในอนาคตจะต้องมีคนมากมายมาคอยติดตาม แล้วการไปทำให้คุณหนูขัดข้องใจจะมีดีอะไรกันคะ ถ้าอย่างนั้นสู้ไปช่วยคุณหนูฉู่จัดการเรื่องให้เรียบร้อยไม่ดีกว่าเหรอ ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะสร้างผลประโยชน์อะไรได้บ้าง”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินดังว่า สุดท้ายแล้วก็ยิ้มออกมา “คำพูดนี้ ก็ดูท่าจะเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นเธอคิดว่า ควรให้ใครมาจัดการเรื่องนี้ดี”
จางหมิ่นหลุบตาลงต่ำแล้วครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วจึงค่อยพูดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ไม่แน่ว่าเก๋อหงหงอาจจะจัดการเรื่องนี้ได้ดีก็ได้นะคะ ฉันเคยเห็นว่าเก๋อหงหงคุยกันอยู่กับเฉิงเสี่ยวเถียน ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะคะ และอีกอย่างเก๋อหงหงก็เป็นเด็กใหม่ เธอไปมีเรื่องขัดแย้งขึ้นกันกับฝั่งของเซี่ยอันหรานขึ้นมา เซี่ยอันหรานก็คงไม่ไปต่อต้านอะไรเธอมากนักหรอกค่ะ”
เก๋อหงหงเองก็เป็นหนึ่งในผู้ช่วยของฉู่เสี่ยวเสี่ยว พึ่งจะมาอยู่ดูแลที่ข้างกายของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ไม่กี่วัน และเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ ที่ทำก็เพียงแค่ทำเรื่องช่วยยกของไปมา แต่ว่าเก๋อหงหงนั้นคอยเล็งตำแหน่งของจางหมิ่นอยู่ตลอดเวลา เธอรู้สึกว่าจางหมิ่นคอยอยู่ข้างกายของฉู่เสี่ยวเสี่ยวและอยู่ใกล้ตัวของฉู่เสี่ยวเสี่ยวมากที่สุด จะต้องได้รับสิ่งดีๆ มาไม่น้อยเลยอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นเลยมักจะเอาเรื่องของจางหมิ่นไปรายงานต่อฉู่เสี่ยวเสี่ยว
การที่จางหมิ่นเสนอชื่อของเก๋อหงหงขึ้นมานั้น ก็เพราะว่าตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเชื่อใจเก๋อหงหงมากกว่า และเก๋อหงหงก็แค่ไปสืบข่าวคราวทางฝั่งของเซี่ยอันหรานเท่านั้น ไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรกับเซี่ยอันหราน
ถ้าหากว่าเก๋อหงหงทำสำเร็จขึ้นมาก็ถือได้ว่าตัวเธอจางหมิ่นนั้นเสนอแนะออกมาได้ดี เธอก็จะถูกทรมานจากฉู่เสี่ยวเสี่ยวน้อยลงหน่อย แต่ถ้าหากว่าเก๋อหงหงทำพลาดขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็คงจะไม่เชื่อใจเธอมากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นข้างกายของจางหมิ่นก็จะลดจำนวนคนที่คอยสอดส่องลงไปหนึ่งคน
การที่จางหมิ่นคิดได้เช่นนี้ ทั้งหมดนี้ก็เพียงเพราะว่าตนเองรู้สึกหวาดกลัว ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนกลายเป็นคนที่ในตอนนี้ได้คิดวางแผนอย่างรอบด้านแบบนี้กัน
ก่อนหน้านี้ทำไมเธอถึงคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้กันนะ
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าจางหมิ่นเสนอชื่อของเก๋อหงหงขึ้นมา ก็พยักหน้าลงตอบรับ “เธอกระตือรือร้นดีนะ”
กล่าวจบ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ถอดสร้อยเพชรที่สวมใส่อยู่ที่บริเวณคอออก แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า “เธอเอาสร้อยเพชรเส้นนี้ไปให้กับเก๋อหงหง ให้เธอแอบเอาสร้อยเส้นนี้ไปใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ของเฉิงเสี่ยวเถียนซะ หลังจากที่เธอทำงานเสร็จ พวกเราก็จะไปจับโจร!”
เมื่อพูดเช่นนั้น ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็อดที่จะหัวเราะออกมาได้ “ถ้าหากว่าแผนนี้สำเร็จล่ะก็ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะฉันเองก็ไม่ได้มีเรื่องให้รู้สึกดีใจแบบนี้มานานแล้ว”
จางหมิ่นรับเอาสร้อยเพชรที่อยู่ในมือของฉู่เสี่ยวเสี่ยวมา แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นฉันขอตัวไปจัดการก่อนนะคะ”
หลังจากนั้นจางหมิ่นก็เดินจากไป เธอไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบเดินไปยังรถตู้คันที่จอดอยู่ข้างหลังรถของฉู่เสี่ยวเสี่ยว แล้วเคาะลงไปบนกระจกของรถคันนั้น
“มีอะไร คนกำลังหลับกำลังนอน” ทันทีที่เก๋อหงหงเห็นจางหมิ่นก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา เธอสงสัยว่าทำไมกัน ทำไมจางหมิ่นถึงสามารถไปนั่งอยู่ด้วยกันกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวบนรถคันที่แสนสบายคันนั้นได้ เธอกลับต้องมาอยู่คนเดียวพร้อมกับกองเสื้อผ้าขนาดใหญ่ของฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่อัดแน่นอยู่ในรถตู้คันเล็กนี้
ท่านเทพบนสรวงสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เดิมทีเก๋อหงหงก็ได้ยินมาว่าสามารถไปหาเงินกับพวกดาราได้ง่ายๆ จึงวิ่งโร่มาทำงานสบายๆ เพื่อหาเงินและก็ไปมีเรื่องราวความรักกับดาราชายหลายต่อหลายคน เพราะเหตุนี้ถึงได้มาเป็นผู้ช่วย
แต่ว่าตอนนี้ นอกจากพวกดาราชายพวกนั้นไม่สนใจเธอแล้ว แม้แต่เงินที่หามาได้ยังน้อยกว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ช่วยเหมือนกันตั้งเยอะ เธอไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย!
จางหมิ่นไม่รู้สึกโกรธกับท่าทีอันไร้มารยาทของเก๋อหงหง แล้วพูดพลางส่งรอยยิ้มไปให้ “คุณหนูฉู่มีเรื่องจะให้เธอทำ”
“ห๊ะ?” ดวงตาของเก๋อหงหงเบิกโต “เรื่องอะไร……..”
เก๋อหงหงยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเท่าไหร่นัก ก็ชะงักค้างไปด้วยความตะลึง ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่สร้อยคอเพชรที่จางหมิ่นถือมาด้วยในมือ ใช้ความพยายามอย่างมากในการกลืนน้ำลาย อึกใหญ่เข้าไป “เป็นสร้อยที่สวยจังเลย!”
ถ้าหากว่าเป็นของเธอก็คงจะดีสิ!
#สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน ตอนนี้ไรท์กำลังเร่งเขียนเพิ่มเติมอยู่ค่ะ ผู้อ่านโปรดอดใจรอสักหน่อย ขอบคุณที่ติดตามค่ะ