ขอซื้อเธออาทิตย์ละครั้ง ~เพื่อนกัน ห้าพันเยน~ - ตอนที่ 3.1 (1) มิยากิยื่นเงินห้าพันเยนให้ฉันอีกแล้ววันนี้ [1]
- Home
- ขอซื้อเธออาทิตย์ละครั้ง ~เพื่อนกัน ห้าพันเยน~
- ตอนที่ 3.1 (1) มิยากิยื่นเงินห้าพันเยนให้ฉันอีกแล้ววันนี้ [1]
หน้าฝนหนนี้จบลงเร็วกว่าทุกที ตอนนี้ก็เดือนกรกฏาแล้ว
ร้านหนังสือเรียงรายไปด้วยนิตยสารไอดอลกับนางแบบในชุดแฟชั่นฤดูร้อนบนหน้าปก เหมือนกับเมื่อปีก่อนเลย
ฉันหยิบนิตยสารที่เรียงเป็นตับนั่นขึ้นมาเล่มนึง เล่มที่หน้าปกมีตัวอักษรฉูดฉาดเป็นประกายเด่นเลย
นี่สินะ เล่มที่อุมินะพูดถึง?
ไม่แน่ใจเลยแฮะ ตอนนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจฟังด้วยสิ
ฉันได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางจ้องดูนิตยสารเล่มนั้นในมือ
นอกจากคำแนะนำเกี่ยวกับการแต่งตัวให้เข้ากันแล้ว แต่ละหน้ามันมีแต่คำฟุ้งเฟ้อ หาสาระไม่ได้อย่างชุดดึงดูดสายตาหนุ่มๆ หรือยกระดับตัวเองเต็มไปหมด
ไม่ว่าจะดูยังไง พวกมันก็ไม่ได้เข้ากับรสนิยมฉันเลย
นี่เพิ่งจะเริ่มเดือนกรกฎาเอง กว่าจะถึงช่วงหยุดหน้าร้อนก็ยังอีกไกล แต่ฉันก็อยากลองชุดใหม่สำหรับช่วงหยุดยาวแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะชุดไหนก็ได้ซักหน่อย
หน้าร้อนครั้งหน้าจะไม่เหมือนกับปีนี้ที่อยู่ในฐานะนักเรียนม.5 แล้วด้วย ตอนนั้นฉันคงยุ่งกับการเรียนเพื่อสอบเข้ามหาลัย ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้สนุกกับหน้าร้อนได้แบบเต็มที่ แต่นิตยสารเล่มนี้ก็ดูไม่ได้มีชุดที่ช่วยให้ฉันได้มีอารมณ์ร่วมไปกับช่วงหยุดฤดูร้อนเลยซักอัน
ถึงฉันจะใส่ชุดนักเรียนในแบบที่แอบผิดกฎนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ยังไม่โดนอาจารย์ว่าอะไร แต่อุมินะน่ะชอบแต่งตัวแบบจัดเต็มจนโดนเรียนไปดุจริงๆ เลย ไม่แปลกหรอกที่รสนิยมพวกเราจะต่างกัน
“ถึงจะบอกว่าช่วยให้เป็นที่นิยมก็เถอะ”
ฉันอ่านคำนึงที่อยู่บนหน้าปกออกมา
แทนที่จะใส่ชุดที่ทำให้คนมาชอบฉัน ฉันขอใส่ชุดที่ฉันชอบดีกว่า จะรออีกหน่อยก่อนไปสนใจเรื่องยกระดับตัวเองก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อีกอย่าง ถ้าจะเลือกอ่านอะไรล่ะก็ ฉันชอบหนังสือที่มันเป็นผู้ใหญ่กว่านิตยสารแฟชั่นล่องลอยแบบนี้มากกว่า
แต่การดูพวกนิตยสารแบบนี้ก็เป็นส่วนนึงในการเข้ากับสังคมเพื่อนล่ะนะ แล้วแต่ละเดือนฉันก็มีเงินไว้เผื่อใช้เผื่อเหลืออยู่แล้วด้วย
มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้หัวประมาณนึงเลยนะเพื่อให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนเป็นไปได้อย่างราบรื่น อย่างในห้องเรียนฉันตอนนี้ นั่นก็คือการทำให้อิบารากิ อุมินะถูกใจ ไม่สิ พูดแบบนั้นก็อาจจะเกินไปหน่อย ใช้คำว่าสามารถเออออตามบทสนทนาของเธอได้ในเวลาที่จำเป็นจะตรงกว่า
อุมินะเป็นคนโดดเด่น เพื่อนคนนึงที่มีใจรักสนุกมากกว่ามีใจจะเรียน แล้วเธออยู่ในระดับสูงเลยในสังคมโรงเรียน เธออารมณ์ร้อน แถมยังโมโหง่ายอีก การไปขัดใจอะไรเธอน่ะได้สร้างปัญหายุ่งยากตามมาเต็มไปหมดแน่ แต่ถ้าเกิดวางแผนรับมือให้ดี แล้วเลี่ยงการไปทำให้เธออารมณ์เสียได้ เท่านั้นก็จะทำให้สนุกไปกับชีวิตในโรงเรียนได้แล้ว
บางคนเรียกฉันว่าเป็นยัยคนสวยไปหมดด้วย แต่จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ คำพูดพวกนั้นมันออกมาก็แค่เพราะว่าอิจฉาเท่านั้นแหละ
TN: 八方美人 (happou bijin) แปลตามตัวอักษรจะแปลว่า “คนที่สวยไปหมดทุกทิศ” มักเอาไว้ใช้ในความหมายเชิงเสียดสี หมายความถึงคนที่พยายามทำให้ทุกคนรอบๆ ถูกใจตัวเอง เข้าได้กับคนเขาไปหมด แต่ก็มีนัยยะซ้อนเร้น จนอาจดูไม่จริงใจ
ในเมื่อฉันแวะมาดูที่ร้านหนังสือแล้ว ฉันเลยว่าจะดูรอบๆ ซักหน่อย ฉันเอานิยายเล่มนึงวางไว้บนนิตยสารเล่มนั้น ก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน มันก็ไม่ได้มีแถวต่อยาวอะไรหรอก แต่ฉันก็รอจนถึงคิวของตัวเอง เอาหนังสือวางบนเคาน์เตอร์ พอเลขราคาขึ้นมาให้เห็น ฉันก็ล้วงหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋า
“อาเระ?”
กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสตางค์
กระเป๋าสตางค์ที่ควรจะอยู่ในนี้มันหายไป
ฉันจำได้ว่าเมื่อเช้า ฉันใส่มือถือลงกระเป๋ามาแล้วนะ แล้วมันก็ยังอยู่ในนี้ด้วย
แต่ว่า แล้วกระเป๋าสตางค์ล่ะ?
ขนาดรื้อข้างในกระเป๋าทั้งใบจนทั่วแล้ว แต่มันก็ไม่ได้อยู่ตรงไหนเลย
บางที ฉันอาจจะลืมเอาไว้ที่โรงเรียนก็ได้มั้ง
ไม่สิ น่าจะลืมเอามาจากที่บ้านเลยมากกว่า
จำไม่ได้ด้วยว่าได้หย่อนลงกระเป๋ามามั้ย
ฉันเหลือบไปมองพนักงานแคชเชียร์ ซึ่งเธอก็มองฉันกลับมาด้วยสายตาสงสัย
แย่แล้ว ต้องรีบแล้วสิ
“อ่า— คือว่า—”
ถึงจะน่าอายก็เถอะ แต่คงไม่มีทางเลือกนอกจากเอาหนังสือกลับไปคืนที่แล้วล่ะ
“หนังสือนี้—”
“ฉันจ่ายเอง”
“เอ๊ะ?”
ก่อนที่ฉันจะทันได้พูดว่า “ขอเอาไปคืนที่เดิมนะคะ พอดีลืมเอากระเป๋าสตางค์มา” ก็มีมือข้างนึงยื่นมาจากข้างหลังฉัน แล้วก็เอาแบงค์ 5,000 เยนวางบนถาดจ่ายเงินอย่างสบายๆ
“คุณเซนได ใช้นี่สิ”
พอฉันหันหลังไป ก็เจอนักเรียนหญิงอีกคนที่ใส่ชุดนักเรียนแบบเดียวกันกับฉันยืนอยู่
แล้วเธอก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหนด้วย ถึงจะไม่เคยคุยกัน แต่เธอก็เป็นคนที่ฉันเจอหน้าทุกวันอยู่ดี
“…มิยากิ ใช่มั้ย?”
คิดว่า น่าจะใช่นะ
ฉันจำนามสกุลเพื่อนร่วมชั้นได้หมดแล้ว
ถึงจะไม่รู้ชื่อต้นเลยก็เถอะ
“ใช้เงินนั่นจ่ายสิ”
เธอไม่บอกเลยว่าฉันเรียกชื่อถูกหรือเปล่า กลับกัน เธอดันแค่บอกเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเอาแบงค์ 5,000 เยนไปวางในถาดซะอย่างนั้น
“ไม่ต้องหรอก ฉันเกรงใจ”
“อย่าคิดมากเลย”
ไม่ใช่แล้ว ต้องคิดมากสิ
ฉันไม่อยากยืมเงินจากคนที่ไม่ได้สนิทด้วยหรอกนะ ตามปกติฉันก็ไม่ชอบยืมเงินใครหรือให้ใครยืมเงินอยู่แล้วด้วย ยิ่งจะยืมเงินมาเพื่อซื้อนิตยสารที่ฉันก็แค่ซื้อมาเพื่อจะได้เข้ากับคนอื่นได้เท่านั้นเองนี่ยิ่งไม่อยากเข้าไปใหญ่เลย
“ไม่ล่ะ เอาคืนไปเถอะ”
ฉันเอาแบงค์ 5,000 เยนออกมาจากถาด ยื่นคืนให้มิยากิ เธอก็ดันเอากลับไปวางในถาดอีกรอบ
“เออคือ จะใช้เงินนี้จ่ายเลยหรือเปล่าคะ?”
คุณพี่สาวพนักงานมองมาทางฉันอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ใช่ค่ะ ขอฝากด้วย”
ฉันยังไม่ทันตอบเลย มิยากิกลับตอบแทนฉันไปแล้ว
แต่ฉันไม่อยากยืมอะไรที่ฉันไม่ได้อยากจะยืมนี่
ฉันเอื้อมมือไปที่แบงค์ใบนั้นอีกที แต่คุณพี่สาวพนักงานไวกว่า เธอเอาธนบัตรใส่ลงเครื่องแคชเชียร์ก่อนที่ฉันจะทันหยิบมาได้
สุดท้าย ฉันก็เลยได้นิตยสารกับนิยายอย่างละเล่ม แบงค์ 1,000 เยน 3 ใบ แล้วก็เหรียญอีกนิดหน่อยมา
“ขอบใจนะมิยากิ เหมือนฉันจะลืมกระเป๋าสตางค์พอดีน่ะ ช่วยได้พอดีเลย”
หลังจากที่เดินออกมาจากแคชเชียร์แล้ว ฉันก็พูดขอบคุณเธอ
ความตั้งใจของฉันที่อยากเลี่ยงการยืมเงินหรือให้ใครยืมเงินโดนเมินใส่ไปแล้ว แต่ในเมื่อสุดท้ายฉันยืมเงินมา ฉันก็คิดว่าอย่างน้อยที่สุดที่ฉันจะทำได้ก็คือโค้งตัวขอบคุณเท่านั้นเอง ถึงจะไม่ได้เต็มใจนักก็ตามที แต่เธอก็ไม่พูดอะไรเลย อีกอย่าง เธอไม่ได้แก้คำพูดฉันด้วย แสดงว่าเธอก็คือมิยากิจริงๆ สินะ
“เอ้านี่ เงินทอน เดี๋ยวส่วนที่ใช้ไป ฉันใช้คืนให้ที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะ”
ฉันยื่นเงินที่ได้จากพนักงานให้มิยากิ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่รับซะงั้น
“ไม่ต้องจ่ายฉันคืนหรอก เก็บเงินทอนไว้เลยก็ได้นะ”
เธอว่าแบบนั้น ก่อนจะหันหลังให้แล้วเริ่มเดินออกไปแล้ว
“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ”
“ฉันไม่อยากได้จริงๆ เลยให้คุณเซนไดเลยไง”
“ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอก เอาคืนไปเถอะ”
“งั้นก็โยนทิ้งไปเลยก็ได้”
“โยนทิ้ง!? นี่มันเงินนะ!”
ตอนที่มิยากิรีบเดินหนี ฉันก็คว้าไหล่เธอเอาไว้
ฉันไม่รู้จักเธอหรอกเพราะเราไม่เคยคุยกันที่โรงเรียนเลย แต่ดูเหมือนคุณมิยากิจะพิลึกๆ นะ ตามปกติ ไม่มีทางที่ใครเขาจะมีความคิดอย่างการเอาเงินไปโยนทิ้งแวบเข้ามาในหัวกันหรอก แถมนักเรียนหญิงมอปลายเขาก็ไม่พูดกันหรอกนะ ที่ว่าไม่เอาเงินเดือนเนี่ย จะได้ยินก็คงมีแต่พวกผู้บริหารตำแหน่งสูงๆ ในบริษัทใหญ่เท่านั้นแหละ
อีกอย่าง ที่ทำให้ฉันโมโหเลยคือการที่เธอคิดว่าฉันจะเป็นคนประเภทที่ยอมรับเอาเงินทอนไปง่ายๆ ตอนที่เธอบอกว่าไม่เอาเนี่ยสิ
“อ่า จริงสิ งั้นเอาเป็นเดี๋ยวฉันของยืมเงินทอนไปด้วยแล้วกันนะ ถ้าแบบนั้น พรุ่งนี้ฉันจะได้คืนเงินเธอพร้อมกันทีเดียวเลย”
ฉันอยากจะโกรธใส่เธอมากๆ เลยนะ แต่ต้องอดทนเอาไว้ก่อน
ถ้าเกิดมิยากิเอาเรื่องอย่าง “คุณเซนไดมาตะโกนโวยวายใส่ฉันด้วย” ไปเล่าต่อที่โรงเรียนล่ะก็ แบบนั้นคงไม่ดีกับภาพลักษณ์ของฉันเท่าไหร่แน่
“บอกแล้วหนิว่าไม่มีปัญหา ไม่ต้องคืนฉันหรอก”
มิยากิปัดมือฉันออกจากบ่าเธอ ก่อนจะเริ่มเดินต่อ
จนเธอเดินผ่านประตูอัตโนมัติออกไปข้างนอกแล้ว
ฉันไล่ตามเธอไป แล้วตะโกนเรียกเธอจากข้างหลัง
“ฉันจะใช้คืนให้ เดี๋ยวฉันจ่ายเงินคืนเธอรวมกับเงินทอนนี่ 5,000 เยนให้ที่โรงเรียนนะ”
“…ถ้างั้น ก็ทำงานใช้ 5,000 เยนนั่นคืนซะสิ”
การโต้ตอบกันระหว่าง ฉันจะใช้คืนให้ กับ ไม่ต้องคืนหรอก มันวกออกไปในแบบที่ฉันคิดไม่ถึง จนทำเอาฉันหยุดเดินเลยด้วย
TN: เป็นการพบกันครั้งแรกที่แปลกสุดๆ เลยแฮะ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r