ของขวัญวันสวาท - ตอนที่ 9
“งั้นหรือ? มันก็สาสมกันดีกับเธอแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าเล็กมันส่งของขวัญมาให้ฉัน ฉันจะทำยังไงกับของขวัญของฉันก็ได้”
ปรางค์ทิพย์นิ่งอึ้งไป ใช่! เธอเป็นของขวัญที่ถูกส่งมา เขามีสิทธิ์จะทำอะไรกับเธอก็ได้ เธอนั่นแหละที่ไปหลงลมปาก เชื่อคำพูดของเจ้านายเธอที่ว่า…คุณท่าน หมดสมรรถภาพทางเพศแล้ว
“คุณโกหกน้องชายของคุณเพื่ออะไรคะ?”
เมื่อหญิงสาวตั้งสติได้ เธอยิงคำถามที่ค้างคาใจทันที
“คุณไม่ได้พิการ คุณไม่ได้…..”
ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข็นออกไปที่หน้าต่างแล้วรูดม่านเปิดโดยเร็ว แสงสว่างด้านหน้าสาดจ้าเข้ามาในห้องจนหญิงสาวต้องยกมือป้องสายตาเอาไว้
“ถ้าเธออยากรู้ความจริง เธอก็ควรเล่าความจริงในส่วนของเธอให้ฉันฟังทั้งหมด”
เขายื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เธอมองแผ่นหลังที่ผึ่งผายของเขาแล้วอดทะท้อนใจไม่ได้ เธอเพิ่งพบเขา ไม่รู้จักตัวตนของเขาแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เธอรับรู้มาตลอดก็แค่คำบอกเล่า
“ขอฉันพักก่อนได้ไหมคะ ฉันระบมไปหมดแล้ว”
ทันทีที่เธอท้วงขึ้น ร่างในรถเข็นก็หันกลับมาทันที ล้อรถเคลื่อนเร็วมาที่เตียง
“กินข้าวแล้วก็กินยาซะ”
น้ำเสียงของเขานุ่มขึ้น แววตามีความอาทรที่ปิดไม่มิด ปรางค์ทิพย์เหลือบตาดูข้าวต้มเครื่องพร้อมยาที่วางอยู่ข้างกัน
“ไม่ใช่ยาปลุกกำหนัดอย่างที่เธอคิดหรอก ฉันรู้ว่าควรทำอะไร?”
หญิงสาวหันกลับมายิ้มซีดเซียวกับเขา
“ขอบคุณนะคะ”
เมื่อเธอกล่าวขอบคุณ สีหน้าของชายหนุ่มก็เก้อกระดากไปวูบหนึ่ง เขาเคลื่อนรถกลับไปที่หน้าต่างเหมือนเดิม ทอดสายตาออกไปภายนอกอย่างครุ่นคิด นานๆ ครั้งเขาจึงเหลือบแลมาที่หญิงสาวที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอย่าง
เงียบๆ
“เธอจะนอนพักก่อนใช่ไหม?”
เขาถามย้ำอีกครั้งเมื่อปรางค์ทิพย์กินยาที่เขาจัดไว้ให้ หลังจากที่เธอรับประทานอาหารเสร็จ
“ดูท่าทางคุณรัณอยากรู้ว่าฉันถูกส่งมาด้วยเงื่อนไขอะไร?”
“ใช่! ฉันอยากรู้”
“คุณเล็กต้องการให้คุณรัณลุกขึ้นสู้อีกครั้งค่ะ”
รัณขมวดคิ้วทันทีที่ได้รับคำตอบ
“เขาบอกเธออย่างนั้นรึ”
“คุณทำท่าเหมือนไม่เชื่อ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“เชื่อเถอะค่ะ คุณเล็กต้องการให้คุณลุกขึ้นสู้อีกครั้ง คุณเล็กบอกกับฉันว่า คุณเล็กจะส่งของขวัญให้คุณทุกปี เป็นผู้หญิง….เอ่อ… เพื่อให้คุณมีความรัก เพราะคุณเล็กเชื่อว่า ความรักจะเยียวยารักษาทุกอย่าง”
“แล้วเธอก็เชื่อมัน”
หญิงสาวนิ่งไป แน่นอนว่าตอนนั้นเธอเชื่อ…
“ฉันไม่มีหนทาง..ปฏิเสธ”
ปรางค์ทิพย์บอกปัดไปอีกทาง คำว่าปฏิเสธของเธอย่อมหมายถึงการเป็นของขวัญให้กับเขา ไม่ว่าเธอจะเชื่อคำพูดของเขาหรือไม่ก็ตาม เธอไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอที่เขาให้ไว้ได้เลย
รัณมองหญิงสาวนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันเก้าอี้เลื่อนกลับไปที่ริมหน้าต่างแล้วทอดมองชีวิตที่กำลังโลดแล่นอยู่ภายนอก เขาไม่รู้หรอกว่า คำพูดของผู้หญิงคนนี้ จะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เธออาจจะโกหกทุกคำที่พูด หรืออาจจะพูดจริงทั้งหมด แต่ถ้านับจากลางสังหรณ์ของเขา ประกอบกับเรื่องเมื่อคืน มันทำให้เขาค่อนข้างเชื่อเธอ ทว่า…เธอคือของขวัญที่น้องชายของเขาส่งมา เขาจะไว้ใจเธอได้หรือ?
“คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดใช่ไหมคะ?”
จู่ๆ หญิงสาวก็โพล่งถามขึ้นมา รามกับนั่งอยู่ในใจของเขา
“ฉันจะไว้ใจเธอได้แค่ไหน?”
เขาย้อนถามโดยไม่ได้หันกลับมามองเธอเลย ปรางค์ทิพย์จนคำพูด เธอตอบเขาไม่ได้ จึงนิ่งเงียบอยู่นาน
“ตัวเธอเองยังตอบฉันไม่ได้ แล้วอย่างนี้ จะให้ฉันเชื่อใจเธอได้หรือ? ปรางค์ทิพย์”
“ฉันพูดความจริงค่ะ ที่เหลือก็แล้วแต่คุณรัณ”
ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้เข็นแล้วเลื่อนเข้ามาหาเธอที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง
“ฉันอยากให้เธอพูดความจริงให้หมด นายเล็กมันพูดอะไรกับเธออีก ก่อนที่มันจะส่งเธอมาหาฉัน”
รัณวางเท้าลงบนพื้นพรมหน้าเตียงแล้วยันกายลุกขึ้น เงาจากร่างสูงใหญ่ของเขาทาบทับลงมาบนตัวหญิงสาว ราวเงาทมิฬมืดที่บดบังเงาร่างของเธอไว้สิ้น
“คุณ..จะทำอะไรคะ”
หญิงสาวถามเสียงสั่นระริก เมื่อร่างสูงใหญ่เคลื่อนขึ้นมาคร่อมทับอยู่บนตัวเธอ แล้วก่อนๆ เอนลงกอดเธอไว้ทั้งตัว ร่างเล็กๆ ของเธอสะท้านขึ้นมาทันที
“ฉัน….ฉันยังไม่พร้อมนะคะ ฉัน…ฉัน…เจ็บไปหมดทั้งตัว”
เธอพยายามร้องขอเขาอย่างน่าสงสาร เพราะถ้าเขาต้องการจริงๆ เธอเองก็คงไม่มีแรงขัดขืนกำลังของเขาได้
“กลัวหรือ?”