หากมีเวลามากพอ อวิ๋นโม่สามารถอาศัยความรู้ทางการแพทย์อันสูงส่งใช้ประโยชน์จากลูกกลอนเสริมกำลังทั้งหกเม็ดนี้รวบรวมทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการเสริมกำลังทั้งหมดได้ แต่ในเมื่อมีเวลาเพียงหนึ่งเดือน เขาต้องทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะพลัง ไม่มีแรงเหลือให้ทรัพยากรเหล่านั้น
จากการประเมินของเขา ฤทธิ์ของดอกชุ่ยถี่ในลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดนี้เพียงพอให้เขาก้าวไปถึงระดับพลังที่เอาชนะอวิ๋นเลี่ยได้ เขาวางแผนว่าจะเก็บยาไว้ให้น้องสาวสองเม็ด และขายอีกสองเม็ดที่เหลือเพื่อนำเงินไปซื้อสมุนไพรอื่นๆ
ครอบครัวของเขาถูกผู้คนในตระกูลอวิ๋นกดขี่อย่างหนัก ในบ้านยากจนข้นแค้น มิเช่นนั้นคงไม่จำเป็นต้องลำบากขายยาเพื่อหาเงินไปซื้อตัวยาอื่นๆ แต่วันคืนเช่นนี้จะกลายเป็นอดีตในไม่ช้า
อวิ๋นโม่นำลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดไปยังตัวเมืองกวนซานเจิ้น
ถนนในเมืองกวนซานเจิ้นมีรถม้าขวักไขว่ ที่นี่เป็นเมืองเล็กซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่พอสมควร เกือบจะเท่าเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง หลังจากอวิ๋นโม่เดินออกจากบ้านตระกูลอวิ๋น ก็นำยาลูกกลอนตรงไปยังร้านขายยาที่ใกล้ที่สุดอย่างไม่ลังเล
ร้านยาแห่งนี้เป็นสาขาของร้านยาจากเมืองใหญ่ใกล้เคียง ให้ราคายุติธรรม อวิ๋นโม่จึงเลือกนำลูกกลอนเสริมกำลังมาขายที่นี่ ในเมื่อมีชื่อเสียงรับรองหนักแน่น กิจการของร้านนี้จึงค่อนข้างคึกคัก มีชาวยุทธ์เข้าๆ ออกๆ ไม่หยุดหย่อน ทันทีที่อวิ๋นโม่เข้าไปในร้าน คนขายที่กำลังแนะนำสมุนไพรให้ลูกค้าก็เห็นเด็กหนุ่ม
ไม่ว่าใครย่อมรู้จัก ‘เศษสวะ’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของตระกูลอวิ๋นเป็นอย่างดี
“ไอ้หยา นี่ไม่ใช่นายน้อยอวิ๋นโม่จากตระกูลอวิ๋นหรือ ทำไมวันนี้มีเวลาว่างมาเดินเล่นที่ร้านยาของข้า” ผู้ดูแลร้านหันกายมาเอ่ยกับอวิ๋นโม่ด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ฐานะของอวิ๋นโม่ในตระกูลอวิ๋นเขาเองก็รู้ดี จึงเข้าใจว่าอวิ๋นโม่ไม่ได้มาที่ร้านเพื่อซื้อของ
อวิ๋นโม่มิได้สนใจผู้ดูแลร้าน เขาเข้าใจน้ำเสียงที่แฝงมาในคำพูดของคนผู้นี้ แต่วันนี้เขามาเพื่อขายยาลูกกลอน ไม่ใช่เพื่อทะเลาะเบาะแว้ง
“นี่คือเด็กตระกูลอวิ๋นคนนั้นหรือ” ลูกค้าที่อยู่ข้างกายผู้ดูแลร้านถาม จงใจมองอวิ๋นโม่ด้วยสายตาเป็นประกาย “จุ๊ๆ ตระกูลอวิ๋นเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองกวนซานเจิ้น กลับต้องมี ‘อัจฉริยะ’ เช่นนี้ ช่างโชคไม่ดีจริงๆ”
“ไม่ผิดเลย ก็เพราะเจ้าขยะน้อยผู้นี้ ตระกูลอวิ๋นถึงได้ถูกอีกสองตระกูลดูหมิ่นไม่น้อย” ผู้มาซื้อยาอีกคนเอ่ยปากขึ้นมา ทั้งยังไม่เบาเสียง พูดเสมือนว่าเขาไม่ได้จงใจแดกดันอวิ๋นโม่
ชื่อเสียงในฐานะตัวไร้ค่าของอวิ๋นโม่ในเมืองกวนซานเจิ้นย่อมเป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว เพราะถึงเขาจะเป็นลูกหลานของตระกูลอวิ๋นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองกวนซานเจิ้น แต่ฐานะในตระกูลของเขาต่ำต้อย ชนิดที่แม้แต่คนธรรมดายังกล้านินทา
สีหน้าของอวิ๋นโม่เรียบเฉย ชาติก่อนแววตาดูถูกและคำนินทาที่เขาเคยได้รับยังมากกว่านี้หลายเท่า เขาเดินมาที่โต๊ะ หยิบลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดออกมา เอ่ยกับเด็กในร้านยา “ข้าต้องการขายลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ด ร้านยาของเจ้าให้ราคาเท่าใด”
“อะไรนะ ลูกกลอนเสริมกำลัง!” ลูกค้าที่อยู่โดยรอบต่างมองมา หลังจากเห็นยาลูกกลอนสองเม็ด แววตาก็ส่องประกายแรงกล้า
ลูกกลอนเสริมกำลัง แม้เป็นเพียงยาลูกกลอนแต่ก็มิใช่ว่าผู้ใดก็สามารถปรุงออกมาได้ สิ่งนี้เป็นของล้ำค่า โดยทั่วไปไม่มีผู้ใดยินดีนำมาขายเพราะตนเองก็ยังมีไม่พอใช้ ดังนั้นลูกกลอนเสริมกำลังจึงเป็นสินค้าหายากราคาสูง เป็นที่ปรารถนาของผู้คน ต่อให้ตนเองผ่านระดับเสริมกำลังไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกกลอนเสริมกำลังอีก แต่หากสามารถซื้อหามามอบให้ลูกหลานในตระกูลของตนเอง ก็นับว่าไม่เลวเลย
แต่คนเหล่านั้นทำเพียงชมดู ในเมื่ออวิ๋นโม่นำลูกกลอนเสริมกำลังมาขายให้ทางร้าน พวกเขาย่อมไม่กล้าแย่งชิง
อวิ๋นโม่เองก็ไม่มีหนทางอื่น เขามั่นใจว่าคนอื่นย่อมสามารถให้ราคาสูงกว่าร้านขายยา แต่เขาไม่กล้าเสี่ยง ด้วยฐานะของเขา คนเหล่านี้อาจแย่งชิงแทนได้ ยามนี้เขามีกำลังเพียงระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้าเท่านั้น ไม่อาจเก็บรักษาลูกกลอนเสริมกำลังเหล่านี้
แม้เมืองกวนซานเจิ้นจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ก็ยังมีสถานที่ประมูลสินค้าขนาดเล็ก ถ้านำไปขายคงได้เงินมากกว่านี้ แต่ย่อมต้องใช้เวลา อวิ๋นโม่ในตอนนี้มีเวลาไม่มาก เขาต้องการยกระดับพลังให้ได้ภายในหนึ่งเดือน
เด็กรับใช้ในร้านตะลึงไปครู่หนึ่งค่อยได้สติกลับมา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม
“ลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดนี้ ร้านยากานหลิงของเรารับซื้อที่…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ แขนเรียวข้างหนึ่งก็ยื่นมาหยิบลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดนั้น อวิ๋นโม่หัวใจกระตุก เจ้าของมือนี้จะต้องเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงกว่าระดับเสริมกำลังแน่นอน ขณะอีกฝ่ายคว้าลูกกลอนเสริมกำลังไป เขาถึงสกัดไว้ไม่ทัน
“ท่านคือผู้ใด จึงกล้ากระทำอุกอาจในร้านยาซวนหลิงของข้า!” เด็กรับใช้ในร้านยาตวาดถาม
“ทำไม มีปัญหาหรือ” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยราบเรียบแต่แฝงความแข็งแกร่ง
“เจ้า…”
เพียะ!
คำด่าทอของเด็กรับใช้ในร้านยังไม่ทันออกจากปาก ฝ่ามือหนึ่งก็กระทบใบหน้า
“เจ้าสุนัขตาบอด ไม่เห็นหรือว่าท่านนี้คือคุณหนูอวิ๋นโหรว ศิษย์ของสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย” ผู้ดูแลร้านรีบเข้ามาคำนับเด็กสาว “คุณหนูอวิ๋นโหรว ต้องขออภัย เจ้าเด็กนี่เพิ่งมาได้ไม่นานจึงไม่รู้เรื่อง”
เด็กรับใช้ในร้านมองป้ายห้อยเอวของเด็กสาว นั่นเป็นป้ายหยกชิ้นหนึ่ง บนนั้นมีอักษรจั่วสุยสองตัว ย่อมเป็นป้ายแสดงฐานะของคนในสำนักศึกษาจั่วสุย
อาณาจักรจั่วสุย เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแถบนี้ เมืองกวนซานเจิ้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่ไม่สำคัญในสายตาของอาณาจักรจั่วสุยเท่านั้น อีกทั้งสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยยังเป็นสำนักศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรนี้ เป็นสถานที่ที่ทุกคนอยากเข้าไป ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาจั่วสุยเป็นกำลังสำคัญของอาณาจักร แค่ร้านยาเล็กๆ แห่งหนึ่งไหนเลยจะกล้าล่วงเกิน
“ขออภัยขอรับคุณหนูอวิ๋นโหรว ข้ามันเป็นสุนัขตาบอด!” เด็กในร้านขาสั่นพูดจาลิ้นพันกัน
“เอาเถอะ!” อวิ๋นโหรวโบกมือ มิได้ถือสาเด็กในร้านอีก เด็กรับใช้ปาดเหงื่อบนกรอบหน้า รีบก้มศีรษะค้อมเอวขอบคุณเสียงดัง
“พี่อวิ๋นโหรว…” อวิ๋นโม่เอ่ยเรียก
สาวงามตรงหน้าเป็นศิษย์ส่วนน้อยของตระกูลอวิ๋นที่สามารถสอบเข้าสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยได้ สตรีผู้นี้เป็นหนึ่งในลูกหลานตระกูลอวิ๋น และเป็นเพียงไม่กี่คนที่ดีต่อครอบครัวของอวิ๋นโม่ ยามที่นางยังไม่ได้ฝากตัวเข้าสำนักศึกษาจั่วสุยก็มักไปมาหาสู่พวกอวิ๋นโม่ แต่เมื่อสอบเข้าสำนักศึกษาได้ น้อยนักที่อวิ๋นโหรวจะกลับบ้านตระกูลอวิ๋น
“อวิ๋นโม่ ได้ยินมาว่าเจ้าจะประลองกับอวิ๋นเลี่ยหรือ” อวิ๋นโหรวขมวดคิ้วไต่ถาม
“ใช่!” อวิ๋นโม่พยักหน้า
อวิ๋นโหรวถอนหายใจ เอ่ยว่า “เจ้ามีความกล้าที่จะต่อสู้กับอวิ๋นเลี่ย นับว่าไม่เลว” ท่าทีสนับสนุนของอวิ๋นโหรวทำให้อวิ๋นโม่ประหลาดใจ
น้ำเสียงในคำพูดต่อมาของอวิ๋นโหรวเข้มขึ้น “ในเมื่อตัดสินใจจะประลองกับอวิ๋นเลี่ย เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องอื่น ต้องหมั่นฝึกฝนให้ดีจึงจะถูก ยามนี้เจ้าอยู่ระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้า ลูกกลอนเสริมกำลังเหล่านี้ สำคัญกับเจ้ามาก ต่อให้ขาดแคลนเงินก็ไม่อาจขายลูกกลอนเสริมกำลังออกไป!”
อวิ๋นโม่ไม่พูดอะไร ถึงอวิ๋นโหรวจะขัดขวางเขา แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน กลับกันในใจยังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา อวิ๋นโหรวขัดขวางเพราะห่วงใยเขา ไม่เหมือนคนอื่นๆ ในตระกูลอวิ๋นที่ทำเพราะดูถูกเขา แต่ว่าอวิ๋นโม่ไม่อาจชี้แจงต่อนาง
เมื่อเห็นอวิ๋นโม่เงียบลงเหมือนจะสำนึกผิด สีหน้าของอวิ๋นโหรวก็อบอุ่นขึ้นมา เกรงว่าคำพูดของตนเองจะทำร้ายเขา
“เงินพวกนี้เจ้านำไปเถอะ เก็บลูกกลอนเสริมกำลังเอาไว้ให้ดี นี่เป็นหลักประกันในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้า อย่าให้เสียเปล่า” อวิ๋นโหรวเอ่ยเสียงอ่อนโยน ขณะคืนลูกกลอนเสริมกำลังให้อวิ๋นโม่ก็มอบเหรียญทองเหรียญหนึ่ง
ดวงตาของอวิ๋นโม่เป็นประกาย เหรียญทองเช่นนี้ยากจะพบเจอในเมืองกวนซานเจิ้น
“ขอบพระคุณพี่อวิ๋นโหรว!” อวิ๋นโม่ไม่ปฏิเสธ เขารับเงินเอาไว้
จากความเข้าใจเรื่องยาลูกกลอนเสริมกำลังของเขา ยาลูกกลอนสองเม็ดนั้นอย่างมากก็คงขายได้ในราคายี่สิบเหรียญเงินเท่านั้น แต่หนึ่งเหรียญทองมีค่าเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญเงิน เดิมทีเขายังคิดจะซื้อสมุนไพรที่ด้อยคุณภาพลงมาสักหน่อย แต่ในเมื่อตอนนี้มีหนึ่งเหรียญทอง เขาย่อมต้องซื้อสมุนไพรที่ดีกว่า และปรุงเป็นยาน้ำเสริมกำลังที่คุณภาพดีขึ้น
“ตั้งใจฝึกฝนให้ดี ต่อให้ไม่สามารถเอาชนะอวิ๋นเลี่ยก็ต้องทำให้ผู้อื่นรู้ว่า เจ้าอวิ๋นโม่ไม่ใช่เศษสวะ” อวิ๋นโหรวลูบศีรษะอวิ๋นโม่พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะหันกายเดินจากไป
สีหน้าของอวิ๋นโม่ออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง นับดูแล้วเขาก็คือผู้เฒ่าที่มีชีวิตมาสามพันกว่าปี กลับถูกสาวน้อยผู้หนึ่งลูบศีรษะ ต่อให้เป็นร่างในชาตินี้ก็มีอายุสิบสี่ปีแล้ว ยังสูงกว่าอวิ๋นโหรวอยู่บ้าง แต่ถูกมองเป็นเพียงเด็กน้อยไปได้
พอเห็นว่าอวิ๋นโหรวมอบเหรียญทองหนึ่งเหรียญแก่อวิ๋นโม่ ผู้ดูแลร้านก็เกิดมีใจต้อนรับขับสู้ขึ้นมา “นายน้อยอวิ๋นโม่ ต้องการซื้อยาลูกกลอนบ้างหรือไม่”
อวิ๋นโม่ส่ายหน้า แม้ร้านยาซวนหลิงจะเป็นสถานที่ซื้อยาที่ดี แต่เขามีทางเลือกที่ดีกว่า ผู้ดูแลร้านเห็นเด็กหนุ่มปฏิเสธก็เผยสีหน้าผิดหวัง เขาได้ยินว่าอวิ๋นโม่จะเดิมพันต่อสู้กับอวิ๋นเลี่ยจึงคิดว่าอีกฝ่ายต้องการหาซื้อสมุนไพรเพื่อเสริมการฝึกฝน
“ข้าไม่ต้องการซื้อของ แต่จะขายของ!” อวิ๋นโม่นำลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดออกมาอีกครั้ง ถึงจะมีหนึ่งเหรียญทอง แต่หากมีเงินเพิ่มขึ้นก็สามารถซื้อของได้มากกว่าเดิม ลูกกลอนเสริมกำลังที่เหลือสองเม็ดพอให้เขายกระดับเพื่อเอาชนะอวิ๋นเลี่ยได้แล้ว ยาสองเม็ดนี้ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้
ผู้ดูแลร้านและเด็กรับใช้ส่ายหน้าติดๆ กัน พวกเขาย่อมไม่กล้าทำเรื่องขัดใจอวิ๋นโหรว
อวิ๋นโม่เอ่ยเสียงเบาอย่างจนปัญญา “พวกเจ้าไม่ต้องกลัวไป เรื่องที่ข้าขายลูกกลอนเสริมกำลังสองเม็ดนี้ ฟ้ารู้ดินรู้เจ้ารู้ข้ารู้ ผู้อื่นไม่รู้ พวกเราต่างไม่พูด พี่อวิ๋นโหรวย่อมไม่มีทางรู้ อีกอย่างเป็นข้าที่ต้องการขายเอง ต่อให้พี่อวิ๋นโหรวรู้ก็จะตำหนิข้า พวกเจ้าร้านยากานหลิงแค่ทำการค้าเท่านั้น นางย่อมไม่โกรธเคืองมาถึงพวกเจ้า”
ผู้ดูแลร้านและเด็กรับใช้สบตากันค่อยกัดฟันตอบรับ พวกเขารู้คุณค่าของลูกกลอนเสริมกำลัง ขอเพียงได้รับมาก็จะสามารถขายออกไปเป็นเงินก้อนใหญ่ ความเสี่ยงนี้ช่างคุ้มค่า
“ราคาเดียว ยี่สิบเหรียญเงิน นายน้อยอวิ๋นโม่ พวกเรายอมเสี่ยง หากท่านไม่พอใจการค้านี้ก็แล้วกันไปเถอะ” ผู้ดูแลร้านเอ่ยเสียงเบา ขณะเดียวกันก็เหลือบตามองประตู ด้วยเกรงว่าอวิ๋นโหรวจะย้อนกลับมา
“ตกลง” อวิ๋นโม่ไม่ร่ำไร ราคานี้อยู่ในการคาดการณ์ของเขา ต่อให้ได้แค่สิบแปดเหรียญเงิน เขาก็จะกัดฟันขาย
หลังจากขายลูกกลอนเสริมกำลังและเปลี่ยนเหรียญทองเป็นเหรียญเงิน ตอนนี้อวิ๋นโม่มีเงินทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญเงิน เมื่อเดินออกมาจากร้านยาซวนหลิง อวิ๋นโม่ก็ตรงไปยังตรอกแห่งหนึ่ง นั่นคือสถานที่ที่เขาต้องการซื้อยา
ถนนยาเถื่อน แม้จะค่อนข้างซอมซ่อ แต่มีผู้คนไม่น้อย เพราะที่นี่มีคนมากหน้าหลายตามาซื้อขายสมุนไพรและยาลูกกลอน สินค้าของที่นี่เป็นไปตามนามของถนน โดยมากเป็นสมุนไพรที่ไม่ได้คุณภาพ บ้างเป็นสมุนไพรปนเปื้อน บ้างก็เป็นสมุนไพรที่เก็บรักษาไม่ดีจนเสื่อมประสิทธิภาพหรือใกล้จะเสื่อมสภาพ
แต่ว่าที่นี่ก็ยังมีสมุนไพรบางชนิดที่ไม่เหมือนกับสินค้าในร้านขายยาทั่วไป หากมีสายตาที่ดีพอ สามารถซื้อสมุนไพรดีๆ ได้ก็นับเป็นโชคดี เพราะว่าสมุนไพรที่นี่จะขายในราคาถูกกว่าร้านขายยาทั่วไปกว่าครึ่ง สำหรับคนทั่วไป การหาซื้อสมุนไพรจากถนนยาเถื่อนก็เท่ากับการพนันตาหนึ่ง แพ้ก็เข้าเนื้อ หากชนะก็นับว่ามีโชค
สำหรับผู้อื่น ถนนยาเถื่อนจึงเป็นสถานที่พนัน แต่สำหรับอวิ๋นโม่ ที่นี่คือสวรรค์ของเขา
………………………………………
MANGA DISCUSSION