กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ - ตอนที่ 60 สตรีลึกลับ
“ของสิ่งนี้ใกล้ผุพังเต็มที ข้าว่ามันเป็นแค่หยกธรรมดา ไม่แน่ว่าอาจไม่มีราคาเลยก็เป็นได้ เจ้าถึงได้หา ‘คุณค่ามหาศาล’ ของมันไม่เจอสักที” อวิ๋นโม่เบ้ปากด้วยใบหน้าอวดดี “ปากก็บอกว่าจะตอบแทนบุญคุณ สุดท้ายกลับเอาของผุๆ พังๆ มาหลอกลวงผู้อื่น”
“ของสิ่งนี้เกือบจะคร่าชีวิตข้าไป เจ้ากล้าบอกว่ามันเป็นของผุพังหรือ?” บุรุษหนุ่มถลึงตา โกรธจนแทบทนไม่ไหว ขุมอำนาจใหญ่ที่ต้องการฆ่าเขา ถึงอยากได้ของชิ้นนี้เพียงไรก็ยังทำไม่สำเร็จ แต่เจ้าเด็กน้อยระดับเสริมกำลังตรงหน้าช่างดีนัก ถึงกับกล้าทำท่ารังเกียจออกมา
“ข้าว่าเจ้าคงไม่มีของดีอะไรเสียมากกว่า เอาเถอะๆ ของสิ่งนี้ข้าจะฝืนใจรับเอาไว้แล้วกัน ต่อไปพวกเราก็ไม่ติดค้างกันอีกแล้ว” อวิ๋นโม่ยื่นมือออกไปด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก
“ของสิ่งนี้ไม่ได้ให้เจ้า!” ชายหนุ่มกำแผ่นหยกแน่น
“เฮ้อ!” อวิ๋นโม่ถอนหายใจคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง “เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าจะตอบแทนบุญคุณ สุดท้ายแม้แต่ของเก่าใกล้พังชิ้นเดียวก็ยังเสียดายไม่หาย”
ชายหนุ่มมุมปากคว่ำ ตอบอย่างเสียไม่ได้ “หยกชิ้นนี้ไม่ได้ผุ! มันอาจเก็บความลับฟ้าดินบางประการเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะข้าไม่มีอะไรจะมอบให้จริงๆ ข้าก็ไม่มีทางหยิบมันออกมาหรอก”
“เจ้าไม่ใช่ว่ายังมีวิชาต่อสู้และศาสตร์ลับอยู่หรือ?” อวิ๋นโม่เตือน
“เจ้ารอคอยสิ่งนี้อยู่สินะ” บุรุษหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเมื่อครู่อวิ๋นโม่บอกว่าอะไรนะ ไม่ติดค้างกัน แต่ตอนนี้กลับสนใจวิชาต่อสู้และเคล็ดลับของเขา “วิชาต่อสู้และศาสตร์ลับ เจ้าอย่าได้หวังเลย หากเจ้าเริ่มฝึก อาจได้ตายเร็วกว่าเดิม”
“ตกลงเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่? เดี๋ยวก็บอกว่าไม่มีอะไรจะให้ เดี๋ยวก็บอกว่าไม่สามารถมอบวิชาต่อสู้กับเคล็ดลับให้ข้า ไอ้ของผุๆ นี่ก็ไม่เต็มใจจะให้ข้าอีก ช่างเถอะ เจ้าไปเสีย ถือว่าข้าไม่เคยช่วยชีวิตเจ้าแล้วกัน” อวิ๋นโม่บโบกมือไล่
บุรุษหนุ่มโกรธจนกัดฟันกรอด หากไม่ใช่เพราะเด็กนี่เคยช่วยเขาเอาไว้ เขาคงซัดมันตายในฝ่ามือเดียวไปแล้ว
“แผ่นหยกนี้ไม่ธรรมดา ข้าให้เจ้ายืมชั่วคราว หากมีวาสนา เจ้าอาจมีโอกาสล่วงรู้ความลับของมัน”
‘ตอนนี้ข้าก็สามารถล่วงรู้ความลับของมัน’ อวิ๋นโม่เอ่ยในใจ เขาย่อมไม่กล้าพูดออกมา
“ถ้าภายหน้าข้ารู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร แล้วจะมารับกลับไป”
“ขี้งก” อวิ๋นโม่พึมพำ จากนั้นยื่นมือออกไป “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เอามาเถอะ”
ชายหนุ่มวางแผ่นหยกบนมืออวิ๋นโม่ ย้ำอย่างหนักแน่นอีกครา “จำไว้ ให้เจ้ายืม ภายหน้าข้าจะกลับมารับคืน”
“รู้แล้วๆ บุญคุณเจ้าก็ได้ตอบแทนแล้ว ข้าไปได้แล้วกระมัง?” อวิ๋นโม่พูดอย่างหมดความอดทน
“ไอ้เด็กตัวเหม็น!” ชายหนุ่มโกรธจนปวดฟันไปหมดแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงตุบตับดังจากบริเวณนั้น
“หยุดตีได้แล้ว ข้าคืนของผุๆ นี่ให้เจ้าก็ได้!” อวิ๋นโม่ร้องเสียงดัง
ตุบ! ตับ! ตุบตับ!
จากนั้นก็มีเสียงงึมงำดังขึ้นมา
“จำไว้ สิ่งนี้ให้เจ้ายืม ภายหน้าข้าจะกลับมารับคืน เจ้าเก็บรักษาให้ข้าดีๆ อีกอย่าง อย่าให้ผู้อื่นเห็นแผ่นหยกนี้ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการหาความตายใส่ตัว!” ชายหนุ่มพูดพลางนวดมือของตนเอง สีหน้าคลายความขุ่นเคืองไปบ้าง “จริงสิ ข้ามีนามว่า ฟู่กุ้ยเหริน! ฟู่จากคำว่าจ่ายเงิน กุ้ยในคำว่าล้ำค่า เหรินที่แปลว่ามนุษย์ หากพวกเรามีวาสนาค่อยพบกันใหม่!”
อวิ๋นโม่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น ลูบคลำใบหน้าปูดบวม เอ่ยเสียงอู้อี้ “คนประเภทไหนกัน ใครบอกว่าตอบแทนบุญคุณ นี่มันก่อความแค้นชัดๆ!”
มุมปากฟู่กุ้ยเหรินคว่ำลง พยายามฝืนใจไม่เข้าไปตบตีอวิ๋นโม่อีกครั้ง เขากระโดดขึ้นไปบนสายรุ้งเหยียบความว่างเปล่าและจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเห็นสายรุ้งหายลับไปบนท้องฟ้า อวิ๋นโม่ก็ผุดยิ้ม “ฟู่กุ้ยเหริน? ฟู่กุ้ยเหริน? หึๆ น่าสนใจ โอ๊ย! คนหน้าเหม็นผู้นี้ลงมือหนักจริงๆ!”
ได้รับมายาเนตรปีศาจโดยที่ฟู่กุ้ยเหรินไม่สงสัย อวิ๋นโม่ย่อมต้องอารมณ์ดีอยู่แล้ว โดนซ้อมนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร เขาหยิบยาออกมาทาบนแผล จุดที่บวมช้ำค่อยๆ จางหายไป
เมื่อได้รับทักษะวิญญาณของจักรพรรดิมารในตำนาน อวิ๋นโม่ก็ไม่มีอารมณ์จะไล่ฆ่าสัตว์อสูรแล้ว พอมั่นใจว่าฟู่กุ้ยเหรินจากไปแล้ว เขาก็กลับมาใส่หน้ากากอีกครั้ง ค้นหาสถานที่ลับตาแล้วคลายผนึกบนแผ่นหยก ในเมื่อทักษะวิญญาณถูกวาดอยู่บนแผ่นหยก แน่นอนว่าผนึกนี้ก็ต้องใช้ญาณหยั่งรู้สร้างขึ้นมา ผนึกนี้มีอยู่สามชั้น แบ่งตามมายาเนตรปีศาจทั้งสามระดับ หากผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อจิตทำตามวิธีที่ระบุในแผ่นหยกก็จะสามารถเปิดผนึกชั้นที่หนึ่ง ได้ ญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อจิตทั่วไป จึงเปิดผนึกชั้นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
มายาเนตรปีศาจแบ่งออกเป็นสามระดับ ระดับที่หนึ่งเรียกว่าภูเขาศพทะเลโลหิต ระดับที่สองคือภวังค์นิรันดร์ ระดับที่สาม เรียกดับวิญญาณ
หลังจากอวิ๋นโม่ปลดผนึกชั้นที่หนึ่งได้แล้ว วิธีการฝึกฝนภูเขาศพทะเลโลหิต มายาเนตรปีศาจระดับที่หนึ่งก็ปรากฏและไหลเข้าสู่กระแสวิญญาณของอวิ๋นโม่
“คิดไม่ถึงว่าทักษะวิญญาณที่คนมากมายแสวงหาจะตกอยู่ในมือข้า” อวิ๋นโม่อดตื่นเต้นไม่ได้ ระดับการบำเพ็ญเพียรของจักรพรรดิมารในตอนนั้นเพิ่งเข้าสู่ระดับเทพสวรรค์ แต่สาเหตุที่สามารถรับมือเหล่าเทพสวรรค์ได้เนิ่นนานก็เพราะความสามารถของวิชามายาเนตรปีศาจ!
หลังจากปลดผนึกชั้นที่หนึ่ง อวิ๋นโม่ก็ทดลองปลดผนึกชั้นที่สอง ผลคือล้มเหลว
“วิธีปลดผนึกคงต้องทำตามที่แผ่นหยกเขียนไว้ ต้องมีญาณตระหนักรู้ที่แข็งแกร่งระดับคงเขตแดนเสียก่อน จึงจะเปิดผนึกขั้นที่สองได้”
อวิ๋นโม่ไม่ได้ผิดหวัง หากฝึกภูเขาศพทะเลโลหิตสำเร็จ ด้วยทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ยามเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับท่องพันลี้ อวิ๋นโม่ก็คงไม่แพ้แล้ว เพราะญาณหยั่งรู้ของเขาเทียบได้กับยอดยุทธ์ท่องพันลี้ทั่วไป หลังจากฝึกมายาเนตรปีศาจสำเร็จ แน่นอนว่าจะต้องสูสีกับระดับท่องพันลี้ อวิ๋นโม่จมลึกอยู่ในความลี้ลับของมายาเนตรปีศาจ การฝึกครั้งนี้ยาวนานถึงสามวัน
“สมกับที่เป็นทักษะวิญญาณที่จักรพรรดิมารสร้างขึ้นมาถึงฝึกได้ยากขนาดนี้” อวิ๋นโม่รู้สึกคอแห้งอยู่บ้าง เขาไม่ได้กินดื่มมาสามวันสามคืนก็ยังฝึกภูเขาศพทะเลโลหิตไม่สำเร็จแม้แต่น้อย อันที่จริงตอนนี้เขาเพิ่งจับเค้าโครงได้บ้างเท่านั้น ก่อนหน้านี้ถึงกับไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
“ดูท่าหากต้องการฝึกภูเขาศพทะเลโลหิตให้สำเร็จในขั้นต้น คงต้องใช้เวลามากกว่านี้” อวิ๋นโม่ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เป็นเพราะเขาหิวมากเกินไป จึงจำเป็นต้องหยุดฝึกเพื่อหาอาหาร ไม่อย่างนั้นเขาก็จะฝึกต่อไปจนกว่าจะสำเร็จภูเขาศพทะเลโลหิตขั้นต้น
“หากรู้แต่แรกคงเตรียมอาหารแห้งและน้ำดื่มไว้ในถุงเฉียนคุนแล้ว” อวิ๋นโม่พูดกับตัวเอง
การล่าสัตว์อสูรย่อมต้องได้กินเนื้อสัตว์อสูร เขาจึงไม่ได้เตรียมอาหารแห้งเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้จำเป็นต้องหาอาหารแล้ว ในเมื่อมีมายาเนตรปีศาจ อวิ๋นโม่ก็ตัดสินใจกลับไปที่สระน้ำเย็น เขาคิดว่าหากสามารถฝึกภูเขาศพทะเลโลหิตขั้นต้นได้สำเร็จ บางทีอาจรับมืออสรพิษเหมันต์ระดับสามได้สักตั้ง หากฆ่าอสรพิษเพศเมียได้ ภารกิจสะสมพลังปราณของอวิ๋นโม่ก็จะเสร็จสิ้น ส่วนมันจะมีผลึกอสูรหรือไม่ คงได้แต่เสี่ยงโชคเอา
สัตว์อสูรที่มีสายเลือดของสัตว์เทพเจือปน พลังปราณที่อยู่ในร่างกายย่อมเข้มข้นกว่าสัตว์อสูรอื่นๆ มาก
อวิ๋นโม่ฆ่าสัตว์อสูรไปตัวหนึ่ง เมื่อกินอิ่มแล้วก็มองหาต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นที่พัก เขาไม่ได้เข้าใกล้สระน้ำเย็น หากถูกอสรพิษเพศผู้พบเข้าจะต้องอันตรายมาก จึงหาต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสระน้ำเย็นมากนัก พออยู่บนยอดไม้ อวิ๋นโม่ก็สามารถฝึกฝนได้อย่างสบายใจ ทั้งยังเฝ้าดูสถานการณ์บริเวณสระน้ำเย็นได้อีกด้วย
“รู้สึกว่าใกล้สำเร็จแล้ว!”
วันนี้อวิ๋นโม่หน้าตาสดใส เพราะรู้สึกว่าตนใกล้จะสำเร็จทักษะภูเขาศพทะเลโลหิตขั้นต้นแล้ว เขากระโดดลงจากต้นไม้ เตรียมออกหาอาหาร
“โฮก!” ทันใดนั้นเสียงคำรามราวกับฟ้าผ่าก็ดังขึ้นข้างหูอวิ๋นโม่ ที่แท้ก็มีสัตว์อสูรระดับสองตัวหนึ่งดักรออยู่ใต้ต้นไม้ คิดจะล่าอวิ๋นโม่
“เจ้าตัวนี้ดูไปเหมือนหมูป่า เนื้อกลับรสชาติไม่เท่าไร” อวิ๋นโม่เบ้ปาก เขาเคยล่าสัตว์อสูรชนิดนี้มาแล้ว รสชาติย่ำแย่มาก จึงหมดความตื่นเต้นไปเสียเฉยๆ
อวิ๋นโม่กำหมัด เตรียมฆ่าสัตว์อสูรระดับสอง แต่แล้วก็ต้องหยุดมือในฉับพลัน เพราะค้นพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวในจุดที่ไม่ไกลออกไป
พรึ่บ!
แถบผ้าไหมผืนหนึ่งพุ่งเข้ามารัดร่างสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว
“โฮก!!!”
สัตว์อสูรตัวนั้นคำรามอย่างบ้าคลั่ง คิดฉีกแถบผ้าไหมทิ้ง แต่ว่า บนแถบผ้าไหมมีพลังปราณไหลเวียนไม่ขาดตอน ยิ่งถูกแถบผ้าไหมรัดแน่นเข้า สัตว์อสูรตัวนั้นก็ยิ่งทำลายแถบผ้าไหมไม่ได้
“สัตว์เดรัจฉาน ยังกล้าวางท่าดุร้าย!” เสียงรื่นหูเสียงหนึ่งลอยมา จากนั้นเงาร่างที่เหมือนกับผีเสื้อก็มาถึง เป็นสตรีในชุดขาวผู้หนึ่ง นางมิได้งดงามโดดเด่น แต่ความบริสุทธิ์ดุจดอกบัวขาวทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกชื่นชม หญิงสาวขยับมือครั้งหนึ่ง แถบผ้าไหมก็เคลื่อนไหว เหวี่ยงสัตว์อสูรที่ถูกพันรัดไปไกล
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร” อวิ๋นโม่ยืนตะลึงด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เขายืนมองสตรีผู้นั้นจนตาค้าง แม้แต่ปลายจมูกก็ยังแสบร้อนขึ้นมา
“เอ่อ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
สตรีผู้นั้นโบกมือขึ้นลงตรงหน้าอวิ๋นโม่
………………………………………