กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ - ตอนที่ 51 ไม่เชื่อ
ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นได้รับความคุ้มครองจากยอดฝีมือหลายท่าน กำลังใจของผู้ฝึกยุทธ์ในตระกูลจึงไม่เหมือนก่อน คิดดูแล้วก็จริง ไม่ต้องพูดถึงโรงประมูลอินทรีเพลิงที่สำนักงานใหญ่แข็งแกร่ง แค่ช่างตีเหล็กฟางที่เป็นอาจารย์หลอมอาวุธ คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าล่วงเกินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอู่ซานเหอผู้น่ากลัวซึ่งมีความสามารถระดับท่องพันลี้เป็นผู้คุ้มครองตระกูลอวิ๋น
อีกทั้งลือกันว่ามีผู้แข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวท่านหนึ่งคอยปกป้องตระกูลอวิ๋นในที่ลับ ความสามารถของเขาอย่างน้อยต้องเป็นระดับก่อจิตขั้นสูง มีแรงหนุนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นที่เผชิญหน้ากับคนภายนอกก็มีความกล้าเพียงพอ อีกอย่างคนเหล่านี้ก็ไม่อยากเชื่อว่าตระกูลฉินและโจรบนภูเขาเหนือเมฆาจะร่วมมือกันจัดการตระกูลอวิ๋น
“เจ้าไปเสียเถอะ ต่อให้เจ้าพูดเรื่องจริง พวกมันก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้” อวิ๋นหลานเหอเอ่ยเสียงเรียบ “พื้นที่บนภูเขาเหนือเมฆาสลับซับซ้อน มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ต่อให้ตระกูลฉินร่วมมือกับพวกโจรคิดเล่นงานพวกเรา พวกเราก็สามารถอาศัยสิ่งแวดล้อมหลบหนีได้”
อวิ๋นโม่ย่อมรู้ความคิดของผู้คนในตระกูลอวิ๋นดีจึงไม่โกรธ แต่อธิบายอย่างใจเย็นอีกรอบ “หากเป็นแค่นั้น ข้าก็เชื่อว่าพวกเจ้าสามารถอาศัยพื้นที่ซับซ้อนหลบหนีไปได้ แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้พวกที่ร่วมมือกับตระกูลฉินไม่ได้มีแค่โจรภูเขา!”
“หือ จากคำพูดของเจ้า สาเหตุที่พวกมันมั่นใจขนาดนี้ หรือเป็นเพราะมียอดฝีมือจากเมืองใหญ่มาสนับสนุน” คนผู้หนึ่งเอ่ยถาม แต่น้ำเสียงแฝงแววหยอกล้อ เพราะเขาไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ตระกูลฉินเพิ่งถูกตระกูลหวังสลัดทิ้ง แล้วจะรีบไปประจบขุมกำลังที่แข็งแกร่งอีกแห่งหรือ นี่ไม่น่าเป็นไปได้
“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว!” อวิ๋นโม่ส่ายหน้า
“งั้นเจ้าลองบอกมา ตกลงแล้วตระกูลฉินเอาความมั่นใจมาจากที่ใด ถึงได้กล้าคิดร้ายต่อตระกูลอวิ๋นเรา”
อวิ๋นโม่กำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา ชี้มาทางเขาพร้อมด่าทอ “พูดจาพล่อยๆ! ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นเรามียอดฝีมือระดับท่องพันลี้คุ้มครอง แล้วตระกูลฉินจะกล้าเล่นงานตระกูลอวิ๋นได้อย่างไร”
เขาหันไปทางอวิ๋นหลานเหอ “หัวหน้ากลุ่ม ลองคิดให้ดีก็รู้ว่าเรื่องที่คนผู้นี้พูดมามันไม่จริง มันต้องมีจุดประสงค์ไม่ดี! คนที่ปิดบังตัวตน พ่นแต่คำโกหก ต้องมีแผนการในใจแน่! ข้าว่าไม่สู้จับตัวมันมาสอบสวนสักรอบหนึ่ง ให้มันสารภาพความจริงออกมา! ตระกูลของเราไม่ใช่ตระกูลอวิ๋นในยามก่อน ไหนเลยจะถูกเด็กรุ่นหลังหลอกปั่นหัวได้”
“ข้ายังคิดว่าเจ้าจะเงียบอีกสักพัก นึกไม่ถึงว่าเพียงครู่เดียวก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้ว” อวิ๋นโม่อมยิ้ม คนที่ออกมาพูดก็คือท่านปู่ของอวิ๋นเลี่ย อดีตผู้อาวุโสแปด อวิ๋นหู่!
“อวิ๋นหู่ ตระกูลอวิ๋นไม่เหมือนเมื่อก่อน ไหนเลยจะถูกคนหลอกได้ง่ายๆ เด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นแค่ระดับเสริมกำลัง หากมีจิตใจชั่วร้าย แค่ศิษย์ระดับเปลี่ยนชีพจรสักคนก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว ดังนั้นไม่ต้องรีบ รอฟังให้ดีว่าเขาจะพูดอะไรแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย” อวิ๋นหลานเหอเอ่ยปาก เขาเกิดความตื่นตัว รู้สึกว่าคำพูดของอวิ๋นโม่มีเลศนัย
อวิ๋นต้ามั่วกุมขวานวิญญาณ เดินขึ้นหน้ามาอีกก้าว จ้องอวิ๋นโม่ราวกับหากอวิ๋นโม่เคลื่อนไหว เขาก็จะเหวี่ยงขวานเล่มนี้ออกไป
“พูดมาเถอะ ตกลงตระกูลฉินเตรียมแผนการอะไรมาใช้กับตระกูลอวิ๋น” เขาเอ่ยปาก
“พวกเจ้าทั้งสอง แค่ดูก็รู้ว่าเจ้านี่ไม่ใช่คนดี ไม่จำเป็นต้องฟังที่มันพูดแต่จับมันไปสอบสวนเลยดีกว่า หากทรมานให้หนักสักหน่อยก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่พูดความจริง!” อวิ๋นหู่เอ่ยเสียงเย็น จากนั้นขยับเท้าพุ่งไปหาอวิ๋นโม่
ผลัวะ!
แค่เท้าเดียวของอวิ๋นหลานเหอก็ทำเอาร่างกายกำยำของอวิ๋นหู่ถอยหลังไปไกล
“อวิ๋นหู่ เจ้าไม่ใช้ผู้อาวุโสแปดอีกแล้ว เมื่อเข้ามาในกลุ่มล่าสัตว์ก็ต้องเคารพความเห็นของหัวหน้ากลุ่ม ที่นี่ข้าต่างหากที่เป็นหัวหน้า!” อวิ๋นหลานเหอเอ่ยเสียงต่ำ สีหน้าเย็นชา ไม่พอใจอวิ๋นหู่มาก
อวิ๋นหู่สะดุ้งในใจ รู้ตัวว่าตนเองแสดงอาการออกนอกหน้ามากเกินไป จึงสงบสติ ประสานหมัดให้อวิ๋นหลานเหอโดยไม่พูดอะไรอีก
อวิ๋นโม่เห็นแล้วก็พยักหน้าเบาๆ สมแล้วที่เป็นหัวหน้ากลุ่มล่าสัตว์ แม้วรยุทธ์จะอยู่ระดับเดียวกับอวิ๋นหู่ แต่ความน่าเกรงขามเหนือกว่าอวิ๋นหู่ไปไกล
“หากมีแค่ตระกูลฉินกับพวกโจรอย่างแมงป่องพิษ คนพวกนั้นย่อมไม่กล้าลงมือกับตระกูลอวิ๋น แต่ว่าหากมีหนอนบ่อนไส้ละก็ ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว” อวิ๋นโม่พูดช้าๆ จงใจมองไปทางอวิ๋นหู่
“อะไรนะ เจ้าจะบอกว่าตระกูลอวิ๋นเรามีคนคบคิดกับศัตรูภายนอก ทำร้ายคนกันเอง” บางคนอุทานด้วยความตกใจ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อคนตรงหน้า แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
“ไอ้เด็กนี่มีจุดประสงค์ไม่ดีจริงๆ ด้วย!” อวิ๋นหู่ตะโกนด่าเสียงดัง “ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นมียอดฝีมือท่องพันลี้คุ้มครอง อนาคตสดใส ขอเพียงร่วมแรงร่วมใจกัน ต้องกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ได้แน่! เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลอื่นๆ ก็ยากจะทำอะไรได้ ข้าเห็นว่าคนผู้นี้คิดยุแยงคนตระกูลอวิ๋น ทำให้พวกเราสงสัยกันเอง ไร้ความกลมเกลียว เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งคอยคุ้มครองก็ไม่อาจรุ่งเรือง”
“หัวหน้ากลุ่ม ท่านปู่ของข้าพูดมีเหตุผล!” อวิ๋นเลี่ยเอ่ยปากบ้าง “คนผู้นี้ปิดบังใบหน้า จะต้องไม่ใช่ตัวดีอะไร คำพูดของมันเชื่อถือไม่ได้!”
“อวิ๋นหู่ เจ้าจะตื่นเต้นไปทำไม หนุ่มน้อยผู้นี้บอกว่าตระกูลอวิ๋นมีคนทรยศ ไม่ได้บอกว่าเป็นเจ้าเสียหน่อย” อวิ๋นหลานเหอปรายตามองอวิ๋นหู่แวบหนึ่ง
อวิ๋นหู่ใจเต้นขึ้นมา คำว่าคนทรยศนี้ ความหมายไม่ธรรมดา ตอนนั้นเขาใช้วิธีเฝ้าเองขโมยเอง ลักลอบนำสมุนไพรของตระกูลออกไปจำนวนไม่น้อย นี่ก็เรียกว่าคนทรยศได้เช่นกัน อวิ๋นหลานเหอพูดคำนี้ออกมา จะบอกว่าไม่จงใจหรือ
“หัวหน้ากลุ่ม หากตระกูลอวิ๋นเรามีคนทรยศ คนผู้นั้นจะต้องมีความสามารถไม่อ่อนด้อย ที่นี่มีแต่ท่านและข้าที่อยู่ระดับเปลี่ยนชีพจร ท่านตำแหน่งสูง เขาไม่อาจใส่ความท่าน จึงเป็นไปได้มากว่าต้องการใส่ความข้า! แน่นอนว่าต่อให้เขาบอกว่าไม่ใช่ข้าแต่เป็นผู้อื่น ข้าก็ไม่มีทางเชื่อ! ข้าเชื่อว่าพวกเราตระกูลอวิ๋นไม่มีทางทรยศตระกูลของตนเอง!”
อวิ๋นหู่กล่าวอย่างใจกว้าง คำพูดเหล่านี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกดี
“หัวหน้ากลุ่ม ข้าคิดว่าอวิ๋นหู่พูดไม่ผิด ตระกูลอวิ๋นเราไม่มีทางมีคนทรยศ คนผู้นี้ปิดบังตัวตน ความเป็นมาไม่ชัดเจน มาถึงก็บอกว่าในตระกูลอวิ๋นเรามีคนสบคบคิดกับคนนอก เห็นได้ชัดว่าประสงค์ร้ายต่อตระกูลอวิ๋น! นี่เป็นตัวอันตรายที่คิดยุแยงผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นให้เกิดความขัดแย้งภายใน สมควรลงโทษ!”
“ถูกต้อง ข้าคิดว่าคนผู้นี้จะต้องถูกตระกูลฉินส่งมาแน่ คิดจะยุแยงพวกเราให้แตกแยก ตระกูลฉินจะได้สบโอกาส!”
“จับมันไว้ ทำตามที่ท่านลุงอวิ๋นหู่บอก หากสอบสวนให้หนักก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่พูดความจริงออกมา!”
“คนจิตใจต่ำช้า ต้องถูกลงโทษ!”
อวิ๋นโม่ใส่หมวกคลุมหน้า บนร่างสวมเกราะ ปิดบังฐานะ ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา เห็นว่าเขามีเจตนาไม่ดี อีกทั้งอวิ๋นหู่ยังชิงกล่าวคำพูดที่ตนเองเตรียมเอาไว้ออกมาก่อน
คราวนี้เหล่าผูู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นต่างพากันส่งเสียงให้อวิ๋นหลานเหอจับตัวอวิ๋นโม่ บังคับให้บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา
………………………………………