คำพูดเช่นนี้โอหังนัก คนตระกูลอวิ๋นส่วนใหญ่รับไม่ได้ แต่รับไม่ได้แล้วอย่างไร บุกเข้าไปฆ่าหวังจิงอวิ๋นหรือ
เหอะๆ ข้างกายเขาคือผู้แข็งแกร่งที่สามารถปะทะกับท่านประมุขตระกูลได้ อีกอย่างตระกูลหวังยังมีผู้แข็งแกร่งระดับก่อจิตชั้นสูง เป็นว่าที่ยอดฝีมือระดับท่องพันลี้สามคน หากล่วงเกินตระกูลหวัง ตระกูลอวิ๋นจะต้องถูกล้างตระกูลแน่ คนในตระกูลอวิ๋นล้วนหนักใจ อดรู้สึกต่ำต้อยกว่าผู้อื่นไม่ได้ แม้แต่ตระกูลฉินที่เคยอยู่ในระดับเสมอกัน ตอนนี้ยังรู้สึกว่าสูงส่งกว่าพวกเขาขั้นหนึ่ง
ขณะนี้บรรยากาศในห้องโถงหนักอึ้งอย่างที่สุด
“ท่านประมุขตระกูลอวิ๋น ตกลงตระกูลอวิ๋นมีความเห็นเช่นไรกันแน่ เห็นด้วยกับส่วนแบ่งที่ตระกูลหวังจัดสรร หรือว่าไม่เห็นด้วย” หวังจิงอวิ๋นเปิดปากทำลายความเงียบ “หากไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่ขอรบกวนทุกท่านแล้ว ผ่านไปอีกสักหลายวัน ท่านเจ้าบ้านตระกูลหวังของพวกเราจะมาเจรจากับทุกท่านเอง” เจรจาหรือ มาจัดการตระกูลอวิ๋นเสียมากกว่า การคุกคามเช่นนี้ทำให้คนตระกูลอวิ๋นโกรธเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จนรู้สึกสิ้นหวัง
อวิ๋นเสี่ยวกั่วและอวิ๋นเลี่ยที่อยู่ข้างกายหวังจิงอวิ๋นไม่กล้าพูดอะไรมาตลอด ตอนนี้พอได้รับสายตาสื่อความหมายจากกลุ่มผู้นำตระกูลอวิ๋นบางคนจึงเริ่มเอ่ยปาก
“ข้าคิดว่าสามารถร่วมมือกับตระกูลหวังถือเป็นโชคดีของตระกูลอวิ๋นแล้ว” อวิ๋นเสี่ยวกั่วเอ่ย “นายน้อยหวัง ท่านอย่าได้ขุ่นเคือง คนที่เมื่อครู่ไม่เห็นด้วยล้วนเป็นคนที่ไม่รู้ข้อดีของการร่วมมือกับตระกูลหวัง หากพวกเขาทราบว่าตระกูลอวิ๋นเราจะได้รับผลประโยชน์มากแค่ไหน จะต้องให้ความร่วมมือกับตระกูลหวังด้วยความดีใจแน่นอน”
“ใช่แล้วๆ! นี่เป็นแผนการระยะยาว ร่วมมือกับตระกูลหวัง ตระกูลอวิ๋นเราจะได้กำไรมหาศาล ต่อไปหากติดตามอยู่ด้านหลังตระกูลหวัง จะต้องมั่งคั่งแน่นอน” อวิ๋นเลี่ยยิ้มตอบ “นายน้อยหวังเป็นตัวแทนตระกูลหวังมามอบโอกาสให้ตระกูลอวิ๋น พวกเราก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ดี!”
คราวนี้ผู้อาวุโสแปดก็เอ่ยปากบ้างแล้ว “ข้าคิดว่าเด็กน้อยทั้งสองพูดไม่ผิด นี่เป็นโอกาสดีของพวกเราตระกูลอวิ๋นจริงๆ ท่านประมุขตระกูล ท่านก็รับปากเถอะ!”
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรอง แม้มีสีหน้าไม่สู้ดี แต่อำนาจของตระกูลหวังยิ่งใหญ่ เผชิญหน้ากับอิทธิพลของตระกูลหวัง พวกเขาก็ยอมก้มหัว ตอนนี้จึงพากันเกลี้ยกล่อมอวิ๋นเว่ยเซิง “ท่านประมุขรับปากเถอะ นายน้อยตระกูลหวังเป็นตัวแทนตระกูล มาด้วยความจริงใจ พวกเราไม่อาจเลือกผิด”
ผู้นำคนอื่นในตระกูลอวิ๋นพากันเอ่ยปากเห็นด้วย ทั้งยังช่วยกันเกลี้ยกล่อมอวิ๋นเว่ยเซิง คนที่แข็งข้ออย่างผู้อาวุโสสามและอวิ๋นหลานเหอ ถึงจะอ้าปากแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
คนตระกูลอวิ๋นต่างรู้สึกอับจน พวกเขาเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ ในเมืองกวนซานเจิ้นสามารถพูดได้ว่าไม่เป็นรองใคร ไหนเลยจะเคยต้องทนรับความอดสู แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลหวังอันแข็งแกร่ง พวกเขากลับไม่อาจต่อต้าน ทำได้เพียงก้มหน้าหลบตาร้องขอชีวิตราวกับสุนัข ช่างน่าอัปยศ
อวิ๋นเสวียนเซิงที่อยู่ข้างกายอวิ๋นโม่กำหมัดจนสั่นสะท้าน สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา เดินออกไปข้างนอกราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ
“จบแล้ว ตระกูลอวิ๋นจบสิ้นแล้ว” อวิ๋นเสวียนเซิงพึมพำ
อวิ๋นโม่คว้าเขาเอาไว้ เอ่ยเสียงต่ำ “ตระกูลอวิ๋นยังไม่จบสิ้น ไม่ต้องกังวลไป”
อวิ๋นเสวียนเซิงหยุดลงข้างกายอวิ๋นโม่ แต่สีหน้ายังคงย่ำแย่ “ถึงขนาดนี้แล้วยังจะมีหนทางใดอีก เพื่อไม่ให้ตระกูลต้องถูกล้างบาง ประมุขตระกูลมีแต่ต้องให้ความร่วมมือ ต่อไปตระกูลอวิ๋นเราก็จะกลายเป็นทาสของตระกูลหวังแล้ว เกรงว่าแม้แต่ตระกูลฉิน เราก็ยังเทียบไม่ได้”
“ข้าเกลียดเหลือเกิน! แค่เด็กตระกูลหวังคนหนึ่งเท่านั้น กลับทำให้ตระกูลอวิ๋นของเราต้องอับอายเช่นนี้”
บางคนคำรามเสียงต่ำ สองตาแดงฉาน แต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ทั้งยังไม่กล้าอาละวาดเสียงดัง
หวังจิงอวิ๋นหันไปมองพวกศิษย์รุ่นเยาว์ตระกูลอวิ๋นอย่างขบขัน ราวกับดูฝูงมด เขาวางตัวสงบนิ่ง ไม่มีทีท่าของผู้ชนะ เพราะในสายตาของเขา การเอาชนะขุมกำลังเล็กๆ อย่างตระกูลอวิ๋น ไม่นับเป็นอะไรได้ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อจิตตระกูลหวังมองหวังจิงอวิ๋นพลางผงกศีรษะด้วยความพอใจ
คนมากมายกำลังถอนหายใจ
ขณะที่อวิ๋นเสี่ยวกั่ว อวิ๋นเลี่ย และผู้นำตระกูลอวิ๋นบางคนกำลังเกลี้ยกล่อม ประมุขตระกูลอวิ๋นเว่ยเซิงก็ลุกขึ้นยืน
“ตระกูลอวิ๋นจะไม่ตกลง!”
ขณะที่อวิ๋นเว่ยเซิงกำลังเอ่ยปากประกาศการตัดสินใจ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางห้องโถง ทำให้ทุกคนหันไปมอง บางคนมีสีหน้าสงสัย บางคนมีสีหน้าไม่กล้าเชื่อ บางคนมีสีหน้าโกรธเคือง และยังมีบางคนที่ยินดีชมดูความเดือดร้อนของผู้อื่น
ผู้พูดคืออวิ๋นโม่ อวิ๋นเสวียนเซิงมองอวิ๋นโม่อย่างตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดคำนั้นออกมา เขากระตุกเสื้ออวิ๋นโม่ก่อนพูดเสียงเบา “อวิ๋นโม่ อย่าวู่วาม!”
ขณะที่คนทั้งหมดกำลังมองมา อวิ๋นโม่ก็มองไปทางหวังจิงอวิ๋น เอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ผลกำไรเล็กน้อยเพียงเท่านี้ เจ้าเห็นตระกูลอวิ๋นเป็นทาสรับใช้เหมือนพวกตระกูลฉินหรือ หวังจิงอวิ๋นใช่ไหม เจ้าเก็บความคิดนี้ไสหัวกลับไปเมืองฉยงอวี่เสียเถอะ กิจการของตระกูลอวิ๋นไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าจะเข้ามายุ่มย่ามได้ หากอยากใช้กำลังก็เข้ามาได้เลย”
“บังอาจ!” คนของตระกูลฉินระเบิดอารมณ์ออกมาก่อน
ฉินเหอหลินสีหน้าดำคล้ำ ร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “อะไร คนตระกูลอวิ๋นไม่ได้รับการอบรมมาบ้างหรือ”
“ประมุขตระกูลอวิ๋น ทางที่ดีสมควรอบรมเด็กรุ่นหลังของพวกท่านบ้าง พูดจาเช่นนี้เท่ากับไม่เห็นตระกูลฉินของข้าอยู่ในสายตาหรือ” ยอดฝีมือระดับเปลี่ยนชีพจรตระกูลฉินผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
สีหน้าหวังจิงอวิ๋นเปลี่ยนไป เดิมทีคิดว่าอวิ๋นโม่เป็นแค่เด็กหนุ่มอ่อนแอ คิดไม่ถึงว่าจะพูดเช่นนี้ออกมา ดูท่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะไม่ได้อ่อนแอ แต่ว่า… สมองมีปัญหาแล้ว!
“อย่างไรกัน ตกลงตระกูลอวิ๋นหมายความเช่นนี้หรือ” หวังจิงอวิ๋นไม่ได้โกรธเคือง แต่มองไปทางอวิ๋นเว่ยเซิงอย่างนึกสนุก เขาเห็นว่าอวิ๋นโม่ทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหาเรื่องตาย ตนไม่ต้องลงมือ ตระกูลอวิ๋นก็ต้องจัดการให้ด้วยตัวเอง คำพูดของอวิ๋นโม่ทำให้คนมากมายออกปากติเตียน
“อวิ๋นโม่ เจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง กล่าววาจาไร้สาระอะไรที่นี่!” ผู้อาวุโสแปดมีโทสะ แทบจะพุ่งเข้าไปซัดสักหนึ่งฝ่ามือ
ผู้อาวุโสใหญ่ก็ตำหนิต่อ “อวิ๋นโม่ ผู้ใดให้ท้ายเจ้าถึงเพียงนี้ กล้ากล่าววาจาไร้สาระในหอประชุม”
“เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จะเป็นตัวแทนตระกูลอวิ๋นทั้งหมดได้อย่างไร” ผู้อาวุโสรองเบิกตาโตราวกับโคมไฟ เขาโกรธอวิ๋นโม่มาก เพราะเกรงว่าจะทำให้แขกผู้มีเกียรติอย่างตระกูลหวังขุ่นเคือง
อวิ๋นเสี่ยวกั่วก็ตำหนิ “อวิ๋นโม่ หากเจ้าอยากตายก็หยิบมีดมาปาดคอตัวเองไปเลย อย่าได้ทำให้คนทั้งหมดในตระกูลอวิ๋นต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“เปิดปากมาก็ลบหลู่แขกอย่างตระกูลฉิน สร้างความขุ่นข้องแก่แขกสูงศักดิ์อย่างตระกูลหวัง ช่างไม่รู้จักมารยาท อวิ๋นโม่ เจ้าสมควรตาย!” บางคนตื่นตระหนกมาก เห็นว่าสมควรประหารอวิ๋นโม่เสีย
“อวิ๋นโม่ เขา… เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาก็แค่… ก็แค่… หุนหันพลันแล่นไปบ้างเท่านั้น” อวิ๋นเสวียนเซิงเอ่ยเสียงอ่อน ต้องการปกป้องอวิ๋นโม่ เขาพยายามรั้งอวิ๋นโม่ เอ่ยเสียงเบาว่า “พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“หึๆ ไม่ต้องกลัว พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้” อวิ๋นโม่ยิ้มตอบ บอกให้อวิ๋นเสวียนเซิงสบายใจได้
อวิ๋นเสวียนเซิงสีหน้าซีดขาว ในใจหวาดกลัวเป็นที่สุด แต่ถึงจะกลัวก็ไม่ได้หนีไปคนเดียว ในใจกำลังคิดอย่างไม่เข้าใจว่าปกติอวิ๋นโม่เป็นคนสุขุม ทำไมอยู่ๆ ถึงได้หุนหันขึ้นมา
“แล้วไปเถอะ หากจะตายก็ตายด้วยกัน ใครใช้ให้ข้าคบเขาเป็นสหาย” อวิ๋นเสวียนเซิงตัดสินใจยืนอยู่เคียงข้างอวิ๋นโม่
คนส่วนใหญ่ล้วนตำหนิอวิ๋นโม่ มีแต่ประมุขตระกูล ผู้อาวุโสสาม และคนอย่างอวิ๋นหลานเหอที่แววตามีความชื่นชม ‘ในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลอวิ๋นยังมีคนกระดูกแข็งอยู่ เพียงแต่เอ่ยปากไม่ถูกเวลา!’ ผู้อาวุโสสามถอนหายใจ ทันใดนั้นยอดยุทธ์ระดับก่อจิตตระกูลหวังก็กล่าวขึ้น
“ตระกูลอวิ๋นกลับมีเด็กไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้ ช่างเป็นโชคร้ายของตระกูลจริงๆ ประมุขตระกูลอวิ๋น ให้ข้าช่วยท่านจัดการตัวก่อปัญหานี้เถอะ!” พูดแล้วก็ลุกขึ้น ย่างเท้าไปทางอวิ๋นโม่ เตรียมจะลงมือ
อวิ๋นโม่มองผู้มาด้วยความสงบนิ่ง ลูกศิษย์ตระกูลอวิ๋นที่อยู่รอบๆ เขาสูดหายใจด้วยความหวาดกลัว พากันล่าถอยออกไป เหลือแต่อวิ๋นเสวียนเซิงที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างกายอวิ๋นโม่
“ท่าน ท่านเป็นยอดฝีมือระดับก่อจิต กลับรังแกเด็กรุ่นหลัง นี่หมายความว่าอย่างไร” อวิ๋นเสวียนเซิงเสียงสั่นอย่างระงับไม่อยู่
อวิ๋นโม่ตบบ่าอวิ๋นเสวียนเซิงเบาๆ สหายคนนี้ ไม่เสียทีที่เขายอมรับ
“ตัวอัปยศของตระกูลอวิ๋น จะต้องให้แขกผู้มีเกียรติอย่างตระกูลหวังเปื้อนมือได้อย่างไร ให้ข้าจัดการเขาเองเถอะ!” ผู้อาวุโสแปดเอ่ยเสียงต่ำ คนอื่นล้วนไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะถึงอวิ๋นโม่จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นว่าเขาสมควรต้องตาย แต่ผู้อาวุโสแปดไม่เห็นด้วย เขายังจำความแค้นที่อวิ๋นโม่ทำร้ายอวิ๋นเลี่ยได้ จึงคิดฉวยโอกาสนี้ฆ่าอวิ๋นโม่เสีย
“อวิ๋นหู่!” อวิ๋นเว่ยเซิงถลึงตาใส่ ต้องการให้เขาถอยออกไป จากนั้นเดินไปหยุดเบื้องหน้ายอดยุทธ์ระดับก่อจิตตระกูลหวัง “เด็กๆ ไม่รู้ความก็แล้วไปเถอะ ขอท่านอย่าได้โกรธเคือง เพราะข้าที่เป็นผู้ใหญ่อบรมไม่ดี ต้องโทษว่าข้าผิดเอง ขอสหายโปรดละเว้น”
“ประมุขตระกูลอวิ๋น เก็บคนเช่นนี้เอาไว้ ท่านนอนหลับหรือ” ยอดยุทธ์ระดับก่อจิตตระกูลหวังยิ้มตอบอย่างไม่คิดจะปล่อยไป “ท่านต้องเข้าใจว่านี่เป็นเมล็ดพันธุ์ชั่วร้ายที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะชักนำเภทภัยมาสู่ตระกูลอวิ๋น”
………………………………………
MANGA DISCUSSION