กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 44 : โอกาส
นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into Na…
Chapter 44 : โอกาส
เมื่อเห็นวิญญาณของ โมเรียว พยายามหลบหนี มิโกะ ก็ตื่นตระหนกทันที “หยุดมันไว้เดี๋ยวนี้!”
หากวิญญาณของ โมเรียว สามารถหลบหนีไปได้การผนึกครั้งนี้ก็ไร้ประโยชน์ และปัญหาก็จะตามมาไม่รู้จบ
ฟิว~~~
ก่อนที่ มิโกะ จะพูดเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างพุ่งตัดผ่านสายลม
เสียงนั้นเกิดจากการที่ ชิซุย ขว้างดาวกระจายหลายอันเพื่อขัดขวางการหลบหนี ของโมเรียว!
แม้ว่าพวกมันจะถูกเป้าหมายอย่างแม่นย่า แต่พวกมันก็พุ่งทะลุผ่านไปและไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับวิญญาณของ โมเรียว เลย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่อุปกรณ์นินจาจะไม่สามารถทําอะไรวิญญาณได้!
เมื่อเห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผลการแสดงออกของชิซุย ก็ทรุดลง แม้ว่าเขาจะต้องการโจมตีอีกครั้ง แต่มันก็สายเกินไปแล้วเพราะตอนนี้วิญญาณลอยไปไกลกว่าระยะโจมตีของเขาแล้ว
ภายในเวลาเพียงครู่เดียววิญญาณของ โมเรียว ก็อยู่ใกล้ทางออกถ้ําแล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่แย่ลง คุโรโตะ จึงกัดฟันและใช้ จุติเหนี่ยวสวรรค์ ทันที ทันใดนั้น โมเรียว ในร่างวิญญาณที่กําลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเพราะสามารถหลุดพ้นจากการถูกผนึกได้ ก็ถูกหยุดนิ่งราวกับว่าถูกมือที่มองไม่เห็นจํานวนนับไม่ถ้วนครึ่งร่างเอาไว้ จากนั้นก็ถูกดึงกลับไปแม้ว่าเขาจะเป็นร่างวิญญาณ และเขาไม่สามารถขัดขึ้นได้
“ถ้าฉันจะปล่อย…เฮือก…เฮือก…ให้แกหนีไปได้ง่าย ๆ…แก๊ก – แก๊ก…ฉันจะทุ่มขนาดนี้ไหมล่ะ?…แก๊ก – แก๊ก…คิดหนีไปก็เปล่าประโยชน์!!” คุโรโตะ พยายามพูดด้วยความยากลําบาก และเริ่มต้นใช้ วิชาลับฟื้นฟูร่างกาย อีกครั้ง ทําให้เขามีจักระ พอที่จะใช้จุติเหนี่ยวสวรรค์ เพื่อดึงวิญญาณโมเรียว กลับมาได้
ด้วยการพัฒนาความแข็งแกร่งที่ คุโรโตะ ได้สัมผัสในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ระยะที่มีประสิทธิภาพของ จุติเหนี่ยวสวรรค์ เพิ่มขึ้นจาก 15 เมตรเป็น 20 เมตร แต่การพัฒนานี้ไม่ได้พัฒนาแค่ระยะทาง แต่พัฒนาความรุนแรงด้วย กล่าวคือภายในระยะ 20 เมตร โดยมีเขาเป็นศูนย์กลางเขาสามารถควบคุมแรงโต้ตอบได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้น ความคิดที่จะหลบหนีของโมเรียว จึงไม่สามารถทําได้อีกต่อไป
ขณะที่วิญญาณโมเรียว ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหา คุโรโตะ มิโกะ ก็หยิบกล่องไม้ออกมาจากม้วนคัมภีร์และใช้คาถาผนึกเพื่อผนึกวิญญาณโมเรียว เข้าไปทันที
“ไม่!…อย่า! ไม่…! ไม่…!!!!!”
ในสภาวะวิญญาณโดยปราศจากการปกป้องร่างกายของเขา โมเรียว ไม่สามารถต้านทานการผนึก มิโกะ ได้และด้วยเสียงคารามที่ไม่หวาดกลัวครั้งสุดท้าย เขาก็ถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ในกล่องไม้
เมื่อเห็นว่ามันจบลงแล้ว ทั้ง 3 คนก็ทรุดตัวลงกับพื้นและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในเวลานี้ทั้ง 3 คนแทบจะหมดแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ
มิโกะ ได้สร้างผนึกที่ซับซ้อนหลายผนึกซึ่งเธอต้องใช้พลังชีวิตของเธอในการ สร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งผนึกสุดท้ายที่ใช้ผนึกร่างของ โมเรียว เธอต้องใช้จักระทั้งหมดของเธอและสร้างภาระมากมายให้กับเธอทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่เธอก็ใช้พลังไปไม่น้อยกว่าคนอื่น ๆ
สถานการณ์ของ ชิซุย ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย การปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยได้สร้างภาระให้กับร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก แถมเขายังใช้ซูซาโนะโอะ ออกมาอีก ทําให้ร่างกายของเขารับภาระมากกว่าที่จะจินตนาการได้
สําหรับ คุโรโตะ อาการของเขาแย่ที่สุด เขาต้องพึ่งพา วิชาลับฟื้นฟูร่างกาย เพื่อให้มีจักระเพียงพอในการต่อสู้ ดังนั้นอายุขัยของเขาจึงสั้นลงอย่างน้อย 2 ถึง 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งที่แท้ จริงของโมเรียว หากไม่ใช่เพราะวิธีการดักจับและการซุ่มโจมตี ชัยชนะของพวกเขาคงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการ
หลังจากพักผ่อนสักครู่ มิโกะ ก็ขอบคุณ คุโรโตะ และ ชิซุย อย่างจริงใจ “ฉันขอบคุณพวกท่านทั้ง 2 มาก ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า โมเรียว หนี้ ไปได้!”
มิโรค รู้สึกขอบคุณทั้ง คุโรโตะ และ ชิซุย จากก้นบึงของหัวใจ เดิมที่เธอคิดแต่ว่าเธอเพียงแค่ใช้ความตายเพื่อเร่งกระบวนการผนึกเท่านั้นเธอก็จะสามารถผนึกปีศาจได้สําเร็จ แต่ด้วยความช่วยเหลือของ คุโรโตะ และ ชิซุย สิ่งต่างๆ จึงกลับกลายเป็นคนละอย่างกับที่เธอคิด
หลังจากเก็บหุ่น คาเสะคาเงะ กลับไปแล้ว คุโรโตะ ก็พยักหน้าให้ มิโกะ “ผมได้ทําตามสัญญาแล้วนะครับ”
มิโกะ ก็พยักหน้าเช่นกัน “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันก็จะทําตามสัญญาด้วยเช่นกัน”
ในเวลานี้ ชิซุย ก็ยืนขึ้นและถาม คุโรโตะ ด้วยความสงสัย “คุณคุโรโตะครับ เมื่อกี้คณใช้วิชาเชิดหุ่นใช่ไหมครับ แล้วหุ่นตัวนั้นก็ใช้คาถาแม่เหล็กได้ด้วย มันเป็นไปได้ยังไงกันครับ?!”
เมื่อฟังคําถามของ ชิซุย คุโรโตะ จึงตัดสินใจไม่ปิดบังอีกต่อไป และบอกความจริงไปตรง ๆ ว่า “อม มันคือหุ่นเชิดที่ได้มาโดยบังเอิญ และใช่ มันใช้คาถาแม่เหล็กได้ส่วนคําถามที่ว่ามันเป็นไปได้ยังไง…ก็ตอบง่ายมาก ก็เพราะว่ามันเป็นหุ่นเชิดมนุษย์ที่สร้างจากศพของคาเงะคาเงะรุ่น 3 ยังไงล่ะ”
“อะ อะไรนะ!!”
ไม่เพียงแต่ ชิซุย เท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ มิโกะ ก็ตกตะลึงทันที่ที่พวกเขาได้ยินเรื่องนี้
จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร คาเสะคาเงะรุ่น 3 เป็นที่รู้จักกันในนาม คาเสะคาเงะ ที่แข็งแกร่งที่สุดกลายเป็นหุ่นเชิด!
“อืม! คาเสะคาเงะรุ่น 3 ถูกฆ่าตายและกลายเป็นหุ่นเชิดมนุษย์ด้วยวิชาต้องห้ามของปรมาจารย์นักเชิดหุ่นของ ซึนะ ที่ตอนนี้เป็นนินจาถอนตัว ไม่นานก่อนหน้านี้ฉันบังเอิญได้เจอเขาและต่อสู้กัน และโชคดีที่ฉันชิงหุ่นเขามาได้โดยบังเอิญ”
นี้คือค่าอธิบายสั้น ๆ ของ คุโรโตะ เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับ ซาโซริ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ก็ทําให้ ชิซุย ประหลาดใจอีกครั้ง “คาเสะคาเงะ ถูกลอบสังหารโดยนินจาของหมู่บ้านตัวเองเหรอ?”
คุโรโตะ พยักหน้า “ใช่ เพราะข้อมูลนี้เป็นความลับระดับสูง ฉันจึงไม่เคยเอาเขาออกมาใช้ นอกจากนี้เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของ ซึนะ อีกด้วย หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ต้องเกิดปัญหาระหว่าง โคโนฮะ กับ ซึนะ แน่นอน”
เมื่อได้ยิน คุโรโตะ พูดถึงความจริงจังของข้อมูล และอาจยกระดับเป็นสงครามระ หว่าง 2 แคว้นใหญ่ได้ มิโกะ และ ชิซุย จึงสัญญาอย่างจริงจังว่า “เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลนี้เด็ดขาด!!!”
เห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่ คุโรโตะ กล้าใช้หุ่นเชิด คาเสะคาเงะ ที่นี่เพราะเขามั่นใจว่า ทั้ง ชิซุย และ มิโกะ จะไม่เปิดเผยข้อมูลนี้ให้ใครทราบแน่นอน
มิโกะ เป็นคนนิสัยดีที่ยอมเสียสละตัวเองมากกว่าปล่อยให้ปีศาจทําลายล้างโลกนอกจากนี้เธอก็ยังเป็นหนี้เขาด้วย ดังนั้นเธอจะไม่เปิดเผยมันแน่นอน
ส่วน ชิซุย?
จําเป็นต้องกังวลเรื่องเขาด้วยหรือ?
อิจิฮะ ชิซุย ฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามระหว่าง อุจิฮะ และ โคโนฮะ แม้ว่าเขาจะถูกทรยศโดย ชิมระ ดันโซ เขาเป็นคนที่ทําทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะ คุกคามความสงบสุขของโคโนฮะ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ คุโรโตะ รู้เรื่องเนตรวง แหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของ ชิซุย ดังนั้นพวกเขาทั้งคู่จึงรู้ความลับของกันและกัน
และแม้แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ถ้าเรื่อง หุ่นคาเสะคาเสะ รั่วไหลออกไป
มันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะมอบมันให้กับหมู่บ้านเป็นสินสงคราม ท้ายที่สุด แล้วเขาก็ได้มันมาโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเขาคือผู้ฆ่าคาเสะคาเงะ เสียหน่อย
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือการซ่อนการมีอยู่ของ เนตรจุติ
อย่างไรก็ตาม คุโรโตะ ก็ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยและถาม ชิซุย ว่า “ข่าวลือเรื่องวิชาเนตรขั้นสูง ที่สูงกว่า เนตรวงแหวน…เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา เป็นความจริงสินะ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดเธอปลูกมันได้แล้วใช่ไหม ชิซุย?”
ชิซุย ไม่ได้พยายามซ่อนหรือหลบเลี่ยงค่าถามแต่อย่างใด และตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ครับ วิชาที่ผมใช้สู้กับ โมเรียว เมื่อกี้เรียกว่า ซูซาโนะโอะ มันเป็นวิชาที่ตระกูลอุจิฮะ ทุกคนสามารถใช้ได้เมื่อพวกเขา ปลุกเนตรวงแหวนกระจก เงาหมื่นบุปผาได้…”
อย่างที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ การเปิดเผยความลับของตนเองเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่ มิโกะ, คุโรโตะ และ ชิซุย แบ่งปันความลับส่วนตัวของพวกเขาแก่กัน และกันมิตรภาพระหว่างพวกเขาก็ลึกซึ้งขึ้นมาก
เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้ว คุโรโตะ จึงตัดสินใจถามบางอย่างจาก มิโกะ “ท่านมิโกะ แล้วท่านจะทําอย่างไรกับวิญญาณของโมเรียว?”
มิโกะ ที่กําลังตรวจสอบผนึกบนกล่องไม้ทรงลูกบาศก์ที่ผนึกวิญญาณของ โมเรียวอยู่ซ้ําแล้วซ้ําเล่าก็ตอบคาถามของ คุโรโตะ อย่างใจเย็น “ฉันจะใช้คาถาผนึกทับลงไปอีก หลังจากนั้นฉันจะเลือกสถานที่ที่เหมาะสมใน แคว้นโอน เพื่อซ่อนมันเอาไว้ แบบนี้ ร่างและวิญญาณของโมเรียว ก็จะได้อยู่แยกจากกันหลายร้อยไมล์ ทําให้โอ กาสที่มันจะฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งมีน้อยขึ้น!”
เมื่อเทียบกับผนึกที่ใช้ผนึกร่างของ โมเรียว แล้ว ผนึกบนกล่องไม้นี้อ่อนแอกว่ามาก ตามการเดาของ คุโรโตะ นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทําให้ โมเรียว ถูกปลดปล่อยออกมาตามในการ์ตูน แต่เนื่องจาก มิโกะ ได้บอกว่าเธอจะผนึกซ้ําลงไปอีกและเอามันไปไว้ในที่ปลอดภัยคุโรโตะ จึงตัดสินใจว่าไม่ต้องกังวลกับมันมากนัก
อันที่จริง จิตใจของ คุโรโ เลิกคิดเรื่อง โมเรียว ไปนานแล้ว และเขาก็เริ่มคิดว่าเขาจะของให้ มิโกะ สอนวิชาสะกดของเธอให้เขาอย่างไรดี
หลังจากที่ได้เห็นผนึกที่เธอใช้ผนึก โมเรียว คุโรโตะ ก็สรุปได้เลยว่า วิชาสะกด ของเธอนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นหนึ่งในวิชาสะกดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนินจา
หากเขาพลาดโอกาสนี้ แผนสร้างสัตว์หางเทียมของเขาอาจเป็นเพียงความฝันตลอดไปกาล และ คุโรโตะจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นแน่นอน…