กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 43 : ผนึกนอกถ้ํา
Chapter 43 : ผนึกนอกถ้ํา
“คาถาแผดเผา : อัคคีสังหารเดือด!”
พร้อมกับเสียง ฟ” ของไอน้ํา ผิวของหุ่นดินเผาจํานวนนับไม่ถ้วนค่อย ๆ แห้ง จากนั้นก็เกิดรอยร้าวมากมายและขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น ความชื้นกลายเป็นไอ และในที่สุดหุ่นเชิดทั้งหมดก็แตกเป็นเศษดิน
อย่างไรก็ตาม ปาคุระ ไม่ได้สนใจพวกมันมากนัก ในเวลานี้เธอหน้าซีดและเครียดเล็กน้อย
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากใช้คาถาดินจังหุ่นเหล่านั้นเอาไว้ชั่วคราว หัวหน้านินจาอิวะ ก็หันหน้าไปทางปากทางเข้าถ้ําด้วยท่าทางเคร่งขรึม เขาทําได้แค่จินตนาการว่า ข้างในเกิดอะไรขึ้นจากเสียงที่ดังก้องกังวานและการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องของภูเขาตั้งแต่ปีศาจเข้าไปข้างในที่ปากทางเข้าถ้ํา
หลังจากขับไล่กองทัพทหารหินออกไปได้ชั่วคราวด้วยยันต์ระเบิด คาคาชิ ก็ถอยกลับไปอยู่เคียงข้าง ไก และถามอย่างกังวลว่า “ไก พวกเขาจะไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ?”
ไก พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ฉันเชื่อใน คโรโตะ!”
……..ครั้น……….
ทันทีที่ ไก พูด ก็มีเสียงดังอีกเสียงดังมาจากภายในถ้ํา
พร้อมกับเสียงดัง ลมหายใจของจักระที่ชั่วร้ายก็กระจายออกมาจนสามารถสัมผัสได้ถึงภายนอกถ้ํา!
คาคาชิ มองไปที่ถ้ําอย่างรวดเร็วโดยใช้ เนตรวงแหวน
ด้วย เนตรวงแหวน คาคาชิ มองเห็นจักระที่ชั่วร้ายของ โมเรียว มันมากเกินกว่าที่จะถูกกักไว้ในถ้ําได้หมดและแผ่ขยายไปรอบ ๆ ทําให้พื้นที่โดยรอบมืดมนและหนาว เหน็บ
เมื่อเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้ว คาคาชิก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “การเผชิญหน้ากับปีศาจแบบนั้นก็เหมือนกับเดินเข้าไปหาความตาย!”
ภายในถ้ําคุโรโตะ ที่ลอยอยู่กลางอากาศตะโกนบอก ชิซุย “ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง!”
ชิซุยพยักหน้าโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ และคลายซูซาโนะโอะออก
ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีจากจุดเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ แต่ตอนนี้ ชิซุยหายใจแทบจะไม่ออกแล้ว จากสภาพของเขาเห็นได้ชัดว่าการปลุก เนตรวงแหวนกระจงเงาหมื่นบุปผาได้ตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องดี!
เมื่อไม่มีซูซาโนะโอะคอยรั้งเอาไว้ โมเรียวก็เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น
ความล้มเหลวก่อนหน้านี้ในการร่ายวิชาลวงตา ไม่เพียงแต่ขจัดความเย่อหยิ่งของเขาออกไปเท่านั้น แต่ยังทําให้ความมั่นใจในตัวเองลดลงอีกด้วย
ในขณะนี้ โมเรียว เข้าใจแล้วว่าทั้งคุโรโตะและชิซุยเป็นนินจาที่แข็งแกร่งและมีวิชาเนตรแปลก ๆ ซึ่งทําให้เขาหวาดระแวงตามสัญชาตญาณ
เมื่อก่อนเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!
อันที่จริง โมเรียวไม่สามารถตามทันการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นับตั้งแต่การปรากฏตัวของซูซาโนะโอะ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งในโลกนินจาเป็นอย่างไร
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะตกอยู่ในกับดักอันตรายเช่นนี้ ทําให้เขาตื่นตระหนกกับสถานการณ์เล็กน้อย
จนถึงตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่านินจาในลัทธิของเขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องการอ่านาจในโลกนินจาเท่านั้น มันเป็นความผิดพลาดที่เขาเลือกใช้คนอ่อนแอเหล่านั้นเป็นลูกน้องเพื่อใช้จัดการยึดโลกนินจาทั้งหมด
โมเรียวยังรู้อีกว่านินจาประหลาดที่บินอยู่ข้าง ๆ คุโรโตะเป็นหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถจัดการกับมันได้
แต่เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนินจาที่ทรงพลัง 2 คนนี้ ยังไม่รวมมิโกะที่สามารถยับยั้งเขาได้ ดังนั้นไม่ว่าโมเรียวจะเย่อหยิ่งแค่ไหน เขาก็รู้ตัวดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออํานวยสําหรับเขา และถ้าเขาไม่รีบหนีตอนนี้ เขาต้องถูกผนึกอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการ
เมื่อเผชิญหน้ากับการขัดขึ้นที่บ้าคลั่งของโมเรียว คุโรโตะก็ดูเคร่งขรึมขึ้น
เนื่องจาก คุโรโตะได้เปิดเผยหุ่น คาเสะคาเงะ และใช้คาถาแม่เหล็กอย่างเปิดเผย เขาจึงไม่ลังเลที่จะเค้นจักระของเขาทั้งหมดเข้าไปในหุ่น ทําให้ไม่ว่าโมเรียวจะทําลายหอกมากขนาดไหน พวกมันก็จะงอกและแผ่กิ่งก้านสาขาและตอกโมเรียวให้แน่นเข้าไปยิ่งกว่าเดิม
“ไอ้มนุษย์บ้า!”
หอกเหล็กที่พุ่งเข้าใส่ร่างกายของ โมเรียว อย่างต่อเนื่องทําให้ปีศาจคำรามด้วยความโกรธ
ความสามารถของการต่อสู้ในตอนนี้ของหุ่น คาเสะคาเงะ ที่มีจักระทั้งหมดของคุโรโตะ ใกล้เคียงกับตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งคาเสะคาเงะรุ่น 3 เป็นที่รู้จักกันในฐานะคาเสะคาเงะที่แข็งแกร่งที่สุด
เมื่อเขามีพลังที่แท้จริงของคาเงะ การยับยั้งปีศาจก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เวลาผ่านไปวินาทีต่อวินาที!
และในที่สุด รูปแบบการผนึกก็เปิดใช้งาน
เพียงชั่วครู่ ตราสัญลักษณ์ผนึกทั้งหมดที่ถูกจัดเรียงอยู่รอบๆ ก็เปล่งแสงระยิบระยับ มันเรืองแสงขึ้นและสว่างขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องประกาย
โมเรียวรู้สึกถูกคุกคามมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น เขาพยายามหลบหนีแม้ว่าจะต้องทําให้ตัวเองบาดเจ็บเขาก็ทํา
….คร๊ากก…
เนื่องจากการสั่นของภูเขา ท่าให้พื้นดินที่โมเรียวยืนอยู่แตกออกและหอกทรายเหล็กที่แทงพื้นดินบริเวณนั้นอยู่ก็แตกสลายและกระจัดกระจายไปทั่ว
เมื่อเห็นแบบนั้น คุโรโตะจึงตัดสินใจทันที
มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้โมเรียวหลุดไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้น คุโรโตะจึงเค้นจักระที่เหลืออยู่ทั้งหมดเข้าไปในหุ้นทันที
ทรายเหล็กที่แหลกละเอียดเมื่อสักครู่นี้ก็กลับกลายเป็นหอกอีกครั้ง และเจาะร่างกายของปีศาจ
แม้ว่าชิซุยจะต้องการช่วย แต่ทันที่ที่เขาก้าวไปข้างหน้า เท้าของเขาก็อ่อนลง และล้มลงกับพื้น
การใช้ซูซาโนะโอะ ทําให้เขาเสียจักระเกือบทั้งหมดไป แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้สึกในทันที แต่เมื่อเขาคิดที่จะใช้มันอีกครั้ง เขาถึงรู้ว่าร่างกายที่ยังไม่โตเต็มที่ของเขาไม่สามารถทนได้แล้ว!”
ในเวลานี้ มิโกะได้ประกอบพิธีเสร็จแล้ว จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากตําแหน่งแล้วชี้ไปที่โมเรียว แล้วพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูสูงส่ง
“วิชาสะกด : คาถาผนึกมาร! เปิด!”
แสงระยิบระยับรอบ ๆ ถ้สว่างขึ้นตามคําพูดของ มิโกะ และจุดไฟทั้งหมดก็พุ่งเข้าหา โมเรียว
“ไม่!!!” โมเรียว ดิ้นรนด้วยความหวาดกลัวและคร่ครวญด้วยความเจ็บปวด
การขัดขึ้นครั้งสุดท้ายของโมเรียวนั้นรุนแรงมากจนทําให้จักระที่ชั่วร้ายกระจายออกมาจนเต็มถ้ํา ทําให้อากาศในถ้ําใช้หายใจลําบากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม โมเรียวก็ยังสามารถต้านทานการผนึกได้อยู่
เมื่อไม่เห็นทางเลือกใดๆ คุโรโตะจึงถอนหายใจและใช้ วิชาลับฟื้นฟูร่างกาย เพื่อฟื้นฟูจักระ
……แก๊ก-ก…แก๊ก…
คุโรโตะ กระอักเลือดออกมาเพราะใช้จักระมากเกินไปจนร่างกายรับภาระไม่ไหว แต่เขาก็ต้องทําเพราะวิชานี้จะช่วยให้ต่อสู้กับปีศาจได้จนถึงที่สุด
ด้วยการโจมตีระลอกสุดท้าย โมเรียวก็ไม่สามารถต้านทานผนึกได้อีกต่อไป และพร้อมกับเสียงคร่ำครวญ ร่างกายอันใหญ่โตของมันก็พองออกราวกับบอลลูน
ทันทีที่โมเรียวถูกจับ มิโกะประสานอินด้วยลําดับอินหลายลําดับ จากนั้นลูกบอลแสงที่อยู่รอบ ๆ ก็รวมเข้ากับม่านพลัง จากนั้นพวกมันก็พันรอบ โมเรียวทีละชั้น ๆ และจํากัดการเคลื่อนไหวของเขาอย่างแน่นหนา
เมื่อแสงหมดไป ก็เหลือเพียงรังไหมขนาดยักษ์ที่ห่อด้วยผ้าขาวที่มีผนึกพิมพ์อยู่เท่านั้นที่ตกลงมาต่อหน้าคุโรโตะและชิซุย
ชิซุย ที่สามารถนั่งได้ ก็อุทานด้วยความดีใจ “สําเร็จไหม?”
ราวกับจะตอบคาถามของ ชิซุย ทันใดนั้น จักระสีม่วงหนาทึบก็พุ่งออกมาจากรอยร้าวในทันที แต่น่าแปลกที่มันไม่ได้พยายามโจมตีใครเลย แต่มันพยายามหนีไปที่ทางปากถ้ําด้วยความตื่นตระหนก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อร่างของโมเรียวถูกผนึก วิญญาณของก็ซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกผนึก และที่มันเลือกที่จะหนีตอนนี้ก็เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในสภาพที่จะหยุดมันได้…