กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 39 : เตรียมซุ่มโจมตี
นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into Na…
Chapter 39 : เตรียมซุ่มโจมตี
เนื่องจากหัวหน้าศัตรูได้รับบาดเจ็บสาหัสและศัตรูก็เหลือกําลังน้อยมาก ขั้นตอนต่อไปก็คือการคุ้มกันมิโกะ ไปยังภูเขาปีศาจในแคว้นนูมะ
ก่อนออกเดินทาง มิโกะซ่อนชิองไว้ในห้องลับในวิหาร
ไม่มีใครรู้ว่า มิโกะพูดเรื่องอะไรกับชิอง แต่คุโรโตะเดาได้ว่ามิโกะพร้อมที่จะเสียสละตัวเองหากจําเป็น แม้จะเขาจะสัญญากับเธอแล้วว่าจะปกป้องเธอก็ตาม
เขาทําอะไรไม่ได้นอกจากทําข้อตกลงให้สําเร็จ
เมื่อเตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ในที่สุดทีมก็ฝ่าวงล้อมกองทหารหินออกไป
ปาคุระ ใช้คาถาแผดเผาของเธอในการเปิดเส้นทางด้านหน้า โดยที่ทีม 11 ของโคโนฮะรับผิดชอบในการป้องกันรอบ ๆ มิโกะ และ นินจาอิวะ ก็รับผิดชอบในการป้องกันกองทหารหินที่ไล่ตามมาด้วยคาถาดิน
ในไม่ช้า ทีมก็ทะลวงกองทัพหินออกมาได้และเคลื่อนที่ไปยังเป้าหมาย
ระหว่างทาง มิโกะคอยชี้นําทุกคนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของกองทัพผีและปีศาจ
ด้วยการตรวจจับตลอดเวลาของมิโกะ ทําให้ทีมรู้ว่าปีศาจก่าลังไล่ตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยความเร็วของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วของนินจาชั้นยอดเลย
โชคดีที่ในการต่อสู้ครั้งก่อนในม่านพลัง ตัวปีศาจไม่สามารถเข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะลําบากกว่านี้
ที่วิหาร ปีศาจและกองทัพผีไม่สามารถผ่านม่านพลังของมิโกะเข้ามาได้ ดังนั้นสิ่งที่มันทําได้ก็คือส่งลูกน้องเข้าไปด้านในเพื่อฆ่ามิโกะ แต่ตอนนี้มิโกะออกมาจากม่านพลังแล้ว โมเรียวจึงไม่นิ่งเฉยและรอให้ตัวเองถูกผนึกอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่า โมเรียวกําลังเข้าใกล้พวกเขาอย่างต่อเนื่อง หัวหน้านินจาอิวะ ก็พูดว่า “นี่! เราวิ่งต่อไปแบบนี้ไม่ทันแน่!”
และนินจาอิวะ ไม่ใช่พวกเดียวที่รู้สึกเครียด
ปาคุระเห็นด้วย “ถ้าเรายังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแบบนี้ ต่อให้เราไปถึงภูเขาได้ก่อนมัน จักระของเราก็คงเหลือไม่พอที่จะจัดการกับมันแน่!”
ต่างจากโมเรียวที่มีจักระมหาศาล การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงของนินจากินจักระเป็นอย่างมาก หากพวกเขาไม่จัดการกับการไล่ล่าแบบนี้ได้ พวกเขาก็จะจนมุมมากขึ้นเรื่อย ๆ
คาคาชิ แนะนําว่า “ถ้าอย่างนั้น เราต้องหาที่ซุ่มโจมตีมัน!”
มิโกะที่ถูกไกแบกอยู่ก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างลังเลว่า “ฉันสามารถสร้างม่านพลังชั่วคราวได้ ถ้ามันใช้งานได้ มันอาจจะกักโมเรียวเอาไว้ได้ชั่วคราว
ปาคุระพยักหน้า “เอาตามนั้น!”
แผนปฏิบัติการได้ข้อสรุปและทุกคนก็เริ่มทํางานทันที พวกเขาเลือกหุบเขาสูงชันที่มีแม่น้ําคดเคี้ยวในหุบเขาเป็นจุดสําหรับการซุ่มโจมตี
ด้วยความช่วยเหลือของมิโกะ เธอได้วางผนึกหลายอันไว้บนผนังหินทั้ง 2 ด้านของหุบเขา
คาถาผนึกของเธอซับซ้อนมาก นินจาทุกคนรู้สึกปวดหัวเมื่อพยายามทําความเข้า ใจกับมัน ไม่เว้นแต่คุโนโตะ ที่มีเนตรจุติก็ตาม
หลังจากเตรียมกับดักจนเสร็จและรอสักครู่ ในที่สุด โมเรียวก็ปรากฏตัวขึ้น
โมเรียว เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่มีล่าตัวสีม่วงเข้มที่ยาวมาก และมีหัวเป็นมังกร หลายหัวอย่างน้อยก็ 4 หัวที่มองเห็นได้ชัดเจน มันมีดวงตาสีแดงเรืองแสงและลิ้นสี ฟ้าห้อยลงมาจากปากของเขา และมีออร่าสีม่วงอ่อนที่ล้อมรอบร่างกายของมัน
“มันตัวใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?!” ทุกคนอุทานออกมาเมื่อมองไปยังร่างกายที่ ใหญ่โตและแปลกประหลาดของ โมเรียว
แม้ว่าร่างกายส่วนใหญ่ของมันจะถูกปกคลุมด้วยออร่าสีม่วง แต่ก็ไม่ยากที่จะตัดสินได้ว่าขนาดของมันใหญ่เท่ากับสัตว์หาง ซึ่งบ่งบอกว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง
ปาคุระขมวดคิ้วเมื่อเห็นขนาดตัวของโมเรียว เธอไม่เคยเจอศัตรูที่ตัวใหญ่ขนาดนี้
แม้แต่นินจาระดับคาเงะอย่างปาคุระ ก็ไม่สามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่แบบนี้ได้
สภาพของคาคาชิและไก ก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน ภาพตรงหน้าทําให้พวกเขานึกถึงคืนที่ 9 หางอาละวาดภาพมันเหมือนกันมากและทับซ้อนกันอยู่ในใจของพวกเขา
ขนาดมหึมาของโมเรียวเป็นฝันร้ายของนินจาส่วนใหญ่
ดังนั้น ปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อรูปลักษณ์ของโมเรียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!
ถ้าจะมีใครไม่ตกใจกับสิ่งที่เห็น ก็คงจะมีแค่มิโกะ ที่คุ้นเคยกับปีศาจมาช้านานแล้ว กับคุโรโตะที่เคยเห็นมันมาจากความทรงจําก่อนหน้าของเขาเท่านั้น
สําหรับชิซุย ด้วยเหตุผลบางอย่างทําให้เขาไม่กลัวโมเรียวเลย อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของเขาออกมา เพราะกลัวว่า ความลับจะถูกเปิดเผยและไปเข้าหูของคนระดับสูงของหมู่บ้านได้
เมื่อรู้ว่าโมเรียวเข้ามาในจุดซุ่มโจมตีแล้ว คุโรโตะที่ยังดูสงบอยู่ก็ตะโกนขึ้นว่า “เริ่มได้!”
ด้วยเสียงตะโกนของคุโรโตะ ทุกคนก็ดึงสติกลับมาได้ทันทีและเริ่มโจมตีตาม แผนที่วางไว้
“คาถาดิน : แม่น้ํากระแสดินเชี่ยว!”
“คาถาดิน : บ่อโคลนดูด!”
“คาถาดิน : โคลนไถล!”
“คาถาดิน : กระแสโคลน!”
นินจาอิวะ ทั้ง 4 และ นินจาซึนะ กระจายตัวอยู่เต็มหน้าผาและประสานอินก่อนที่จะ ใช้คาถาดินออกมาหลายอย่าง
ทันใดนั้น…….
ทรายดูดโคลน กําแพงดิน และเสาหินก็ล้อมรอบโมเรียวจากทั้ง 4 ด้าน และยั้งมันไว้ในหุบเขาชั่วคราว
คร้ากกก…..
เสียงคํารามที่น่ากลัวดังมากจากปากของโมเรียว ทําให้ทุกคนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
มิโกะเตือน “ทุกคนระวัง อย่าเข้าใกล้มันมากเกินไป!”
ในขณะเดียวกัน โมเรียวก็กําลังดิ้นรนอย่างหนัก แต่ก็ยากที่มันจะหลุดออกมาได้ เพราะติดอยู่ในบังโคลน
“คาถาแผดเผา : อัคคีสังหารเดือด!”
เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจหลุดออกมาได้ ปาคุระจึงใช้ คาถาแผดเผาของเธอเพื่อ โจมตีไปที่หัวของโมเรียว หลายครั้งเพื่อพยายามกดไม่ให้มันขึ้นมาจากวิ่งได้
ในเวลานี้ มิโกะเริ่มร่ายคาถาผนึก
หลังจากสร้างผนึกเสร็จ ทั้ง 2 ข้างของหุบเขาก็เริ่มเรืองแสง และม่านพลังบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นปกคลุมโมเรียว เอาไว้ข้างใน
ทันทีที่ มิโกะจบบทสวด ไกก็รีบถามว่า “สําเร็จไหม?”
มิโกะพยักหน้าเบา ๆ
ด้วยท่าทางของมิโกะ เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ผนึกชั่วคราวก็สร้างภาระให้ร่างกายเธอ เป็นอย่างมาก เพราะวิชาผนึกของเธอใช้พลังชีวิตเป็นแหล่งพลังงาน
เมื่อเห็นว่าการซุ่มโจมตีสําเร็จไปได้ด้วยดีและโมเรียวก็ติดกับดักชั่วคราว คาคาชิจึงไม่รอช้าอีกต่อไปและเร่งทุกคนทันที “ไปกันเถอะ เราไม่รู้ว่าผนึกนี้จะรั้งมันไว้ได้นานแค่ไหน เราต้องรีบไปถึงภูเขาให้เร็วที่สุด!”
ทันใดนั้น นินจาที่กระจายไปรอบ ๆ ก็กลับมารวมตัวกันและกลับสู่รูปแบบโจมตีอีกครั้ง และเคลื่อนที่ไปภูเขาด้วยความเร็วเต็มที่
ครกกก…
ยังคงได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง บ่งบอกชัดเจนว่า โมเรียวค่อย ๆ หลุดพ้นจากกับดักอย่างช้า ๆ และทุกครั้งที่มันพุ่งขนม่านพลัง หุบเขาทั้งหมดก็จะสั่นสะเทือนด้วยพลังของมัน
มิโกะเตือนทุกคนเบา ๆ ว่า “โมเรียว สามารถโน้มน้าวและชักใยผู้อื่นได้ อย่าเข้าใกล้เขามากเกินไปไม่อย่างนั้น พวกท่านจะกลายเป็นหุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของเขา!”
ทุกคนมีเหงื่อผุดขึ้นเมื่อฟังรายละเอียดนี้
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยากต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้ให้ทางเลือกแก่พวกเขามากนัก..